วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Review: Caron - Un Homme de Caron



Caron - Un Homme de Caron 

นี่คือหนึ่งในความคลาสสิคอย่างมากมายกับน้ำหอมของแบรนด์ Caron ที่ผลิตมาตั้งแต่ปี 1934 และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สิ้นความนิยม กับกลิ่นที่จะบ่งบอกถึงความเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและภูมิฐานแบบจัดเต็ม เช่นนั้นเลยมาขอบอกเล่าเกี่ยวกับความหอมของรุ่นนี้กันหน่อยครับกับ Un Homme de Caron 

น้ำหอมตัวนี้มีความพิเศษ คือ กลิ่นที่นำเด่นในแต่ละช่วงจะคงอยู่ตลอดจนกว่าน้ำหอมจะหายไปจากผิว ซึ่งจะไปผสมผสานกับกลิ่นในช่วงอื่นๆ จนกลายเป็นกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละช่วงโดยไม่หายตัวไป ยังให้คนฉีดจับความรู้สึกได้อยู่ว่ายังมีนะ ไม่ได้หายไปไหน เปิดต้นกลิ่นกันแบบโดดเด่นสุดๆ ด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นนี้นำโด่งขึ้นมาแบบแทบกลบทุกกลิ่นที่อยู่ในช่วงนี้เลย ซึ่งพอจับได้ว่ามีกลิ่นโทนเขียวซิตรัสบางๆ รองอยู่ด้านหลังดันให้ลาเวนเดอร์เด่นจัดๆ เพียงแต่ระยะเวลาไม่นานวานิลลามาแล้ว จะเริ่มมาผสานกับลาเวนเดอร์ ทำให้กลายเป็นกลิ่นหอมที่เฉพาะตัวออกมาอย่างชัดเจนในช่วงกลาง โดยมีโทนวู้ดดี้จางๆ พอให้รู้สึกได้เข้ามาร่วมแจม ซึ่งพอผสานกันแล้วบอกเลยว่ากลิ่นน้ำหอมในช่วงนี้คือกลิ่น "หนังสือในห้องสมุด" กลิ่นได้อารมณ์เฉพาะในแบบที่คนเข้าห้องสมุดทุกคนต้องเคยได้กลิ่น ซึ่งมันคลาสสิค ภูมิฐาน ผู้ใหญ่ ขลัง และอบอุ่นอย่างมาก จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายๆ กลิ่นหนังสือนี้จะมารวมตัวกับ Musk ทำให้ออกทางกลิ่นนุ่มสะอาดแบบสุภาพบุรุษกันเต็มๆ มีความเย้ายวนแบบไม่ได้แสดงออกชัดอยู่บ้าง แต่ยังไงก็ไม่ทิ้งความขลัง ภูมิฐาน และอบอุ่นไปแต่ประการใด

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานอย่างน้อยอายุ 20 กลางๆ ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ภูมิฐานและเป็นผู้ใหญ่ ยิ่งใครระดับหัวหน้างานขึ้นไปยิ่งเหมาะ เพราะกลิ่นมันบอกอารมณ์ของผู้นำที่เป็นผู้ใหญ่ ภูมิฐาน น่าเชื่อถือ และอบอุ่นได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับใส่ทำงาน พบปะผู้คนอย่างเป็นทางการที่เน้นในห้องแอร์ หรือยามอากาศเย็นๆ ไม่ว่ากลางคืนหรือกลางคืน แต่ไม่ควรใส่ออกกำลังกายหรือยามอากาศร้อนๆ เลยกลิ่นจะตีหนักมาก อาจจะทำให้คนอื่นเป็นลมได้

ความทน - มากกกกกกกกกกกกกก 15 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นเลยจ้าาาาาา

การกระจาย - กระจายดีมากในช่วงต้นๆ และจะลดมากระจายดีไปตลอด ไม่ลดราวาศอกเลยแม้แต่นิดเดียว กลิ่นตีขึ้นตลอดให้รับรู้ และคนรอบข้างจะได้กลิ่นขลังๆ จากเราตลอดไม่ยาก

ทิ้งท้าย - ส่วนตัวผมเหวอๆ กับกลิ่นต้นพอสมควร เพราะมันลาเวนเดอร์แบบแน่นๆ จนรู้สึกแปร่งๆ อึดอัดเพราะไม่ชิน แต่พอผ่านไปไม่นานเท่านั้นแหละ กลิ่นขลังมากกกก แบบว่าชอบบบบ เออ นี่แหละครับมันตัดสินกันที่กลิ่นต้นไม่ได้จริงๆ พูดเลย!

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Review: Calvin Klein – Euphoria Men Intense



Calvin Klein – Euphoria Men Intense

หลายๆ ตัวของแบรนด์ Calvin Klein นี่มีดีไม่น้อยนะครับ ไม่ใช่เอะอะจะมีแต่โซนสดชื่นตลอดพวก CK One, Be และ Free ซึ่งหนึ่งในนั้นมีโซนออกทางเย้ายวนไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Euphoria Men Intense ครับ 

ตรงๆ คือ ผมเคยเทส Euphoria ปกติแล้ว ไม่ค่อยชอบเพราะว่ามึนกับกลิ่นโหระพาไปจนปวดหัว ตอนแรกก็คิดหนักว่าถ้าลองตัว Intense จะรอดไหม เมื่อได้ลองผลที่ออกมาคือ

Top Notes กลิ่นจะมาเต็มกันเลยทีเดียวกับพริกไทยและขิง โดยมีกลิ่นเครื่องเทศแบบอื่นๆ ให้อารมณ์หวานๆ แกมสดชื่นแบบแน่นๆ Spicy เต็มๆ กันตั้งแต่ต้นก่อนที่จะเปลี่ยนถ่ายมาที่ Middle Notes ที่กลิ่นของโหระพาในรุ่นก่อนหน้านี้ที่จะหนักหน่วงหน่อย ก็เริ่มเบาบางกว่าเดิมกลายเป็นโทนเครื่องเทศที่ผสานกับหญ้าแฝกทำให้กลิ่นออกทาง Smoky กำลังดี กลิ่นออกทางนุ่มๆ นัวๆ ติดหวานแห้งโดยไม่ทิ้งโทนของความสดชื่นจางๆ เป็นฉากหลัง จนได้เวลาปิดท้ายด้วยความนวลเนียนของกลิ่นที่ Base Notes อย่างโทนวู้ดดี้ที่จะมีกลิ่นของไม้กฤษณา: Oud ให้จับต้องได้ผสานกับกลิ่นโนอบอุ่นของแอมเบอร์ โดยมีความเย้ายวนชวนนัวของพิมเสนและกลิ่นออกทางยางไม้รมควันหน่อยๆ ให้รู้สึกน่าค้นหาและดึงดูด ซึ่งเรียกได้ว่า OK กว่ารุ่นปกติขึ้นมามาก แถมได้อารมณ์ผู้ชายลึกลับกำลังดี ยั่วยวนแบบไม่โจ่งแจ้งกำลังงามชัดๆ เลยครับ

เหมาะสำหรับ – ท่านชายทุกเพศวัยมหาลัยขึ้นไป น้ำหอมตัวนี้เขาถึงง่ายกว่าที่คิด ไม่ได้หมายว่าต้องผู้ใหญ่ใช้ เพราะมันแฝงโทนสดชื่นบางๆ ไปตลอด ซึ่งสามารถใส่เรียน หรือใส่ทำงานได้สบายๆ ใส่ไปเที่ยวเล่นโน่นนี่ก็ปกติ กลิ่นไม่ได้หนักหน่วงมากจนทำให้แน่นไปหมด ยิ่งใส่เที่ยวกลางคืนนี่เหมาะเลยทีเดียว เพราะได้ความเย้ายวนชวนเข้าหากำลังดีเลย แต่ยกเว้นออกกำลังกายเลยนะครับ เดี๋ยวตายหมู่เอาได้

ความทน – เป็นรุ่น Intense ที่ผมถือว่าทนดีเลยทีเดียว 8 ชม. บวกลบนิดหน่อยครับ อยู่ที่เคมีด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นและจะค่อยๆ ลดมาเป็นกระจายรอบๆ ตัวจนถึง Skin Scent ก็เป็นน้ำหอมเน้นคลุกวงใน เช่นนั้นจึงเชิญมาใกล้ๆ แล้วดมให้หนำใจน่ะ ฟินมาก ดมห่างๆ ประมาณนี้

ทิ้งท้าย – ผมดีใจที่ผมไม่มึนกับโหระพาในรุ่นนี้ และขอบคุณคนที่แบ่งปันให้ผมได้ลองใช้ตัวนี้อย่างคุณ Dark Choc มากจริงๆ ครับ (-/\-)

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Review: AJMal – Carbon



AJMal – Carbon 

กลับมาแบรนด์นี้อีกรอบเพราะมีน้ำหอมเยอะเหลือเกินหลังจากไปอุดหนุนมาเพราะมาตั้งสาขาในเมืองไทย เช่นนั้นเข้าเรื่องกันง่ายๆ กับน้ำหอมแนวๆ Musky ที่น่าสนใจอย่างรุ่นนี้เลยครับ Carbon 

แบรนด์นี้เป็นน้ำหอมจากโซนตะวันออกกลาง แต่น้ำหอมหลายๆ ตัวรวมถึงตัวนี้ไม่ได้ออกทางที่จะใช้ยากแต่ประการใด คาบเกี่ยวได้เป็นอย่างดีในลักษณะที่เป็น Modern แบบน้ำหอม Mass Market หรือ Niche ที่เข้าถึงได้ง่ายเสียด้วยซ้ำ แต่ยังคงความแน่นๆ ในแบบน้ำหอมตะวันออกกลางได้อย่างไม่เคอะเขิน เพราะเปิดตัวกันที่โทนซิตรัสกลั้วลาเวนเดอร์ในแบบที่ออกทางหอมสดชื่นนุ่มๆ มากกว่าจะมาในแบบคมๆ จนส่งต่อความสดชื่นนุ่มๆ ให้ช่วง Middle Notes แปรสภาพให้เป็นโทนแป้งหอมดอกไม้แบบมีระดับเลยทีเดียวกับกลิ่นของไวโอเล็ต ที่จะให้โทนออกทางแป้งหอมนิ่งลึก โดยมีกลิ่นโทนอุ่นๆ หวานๆ เท่ห์ของดอกกานพลูมาช่วยทำให้กลิ่นแน่นขึ้น แต่ไม่ได้มาแบบฉุนเลย ให้อารมณ์ดาร์กๆ กำลังดี ซึ่งเข้าทางสีออกเทาๆ เหมือนฟ้าครึ้มฝนใกล้ตกอย่างบอกไม่ถูก จนเมื่อเข้าสู่ Base Notes ก็ได้เวลาของ Musk ที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้เต็มๆ กับกลิ่นโทนนุ่มเย้าสะอาด โดยมีกลิ่นของโทนวู้ดดี้รองเป็นพื้นหลังให้ความรู้สึกอบอุ่นกำลังดี แถมด้วยความเย้ายวนกำลังงามจากพิมเสน ที่สำคัญกลิ่นโทนแป้งหอมจากช่วงกลางก็ยังไม่ไปไหนตามมาแบบให้พอรู้สึกได้เป็นระยะเลยทีเดียว แถมขับให้กลิ่นของ Musk เด่นขึ้นมากอีกเสียด้วยซ้ำไ

เหมาะสำหรับ – ชายหนุ่มทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป เพราะน้ำหอมค่อนข้างออกทางกลิ่นโทนผู้ใหญ่ขึ้นมาพอสมควร เหมาะสำหรับใส่ทำงานในห้องแอร์ ออกพบปะผู้คนแบบทางการ หรือจะใส่ชิลล์ๆ ทั่วไปก็ได้ (แต่จำนวยนสเปรย์เหมาะสมนิดนึงถ้าวันนั้นอากาศร้อน ไม่งั้นจะแน่นจนคนอื่นตายหมดได้) กลิ่นนี้ใส่เที่ยวกลางคืนได้อยู่ครับ เพราะมีความแน่นในตัวสูงอยู่ไม่น้อย เพียงแต่มันไม่หนักหน่วงมากเท่านั้นเอง

ความทน – ประมาณ 8 ชม. บวกลบไม่มากครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีและแน่นเลยทีเดียวตั้งแต่เริ่มต้น มีบางช่วงจะแน่นแบบอ่อนๆ แต่พอเข้าช่วงท้ายๆ จะเป็น Skin Scent ชัดเจน ที่พอร่างกายขยับเนื้อตัวจะตีขึ้นให้รับรู้ได้

ทิ้งท้าย – น้ำหอมตัวนี้มีความน่าสนใจไม่น้อยครับ ซึ่งแนะนำให้ลองก่อนจะดีที่สุดครับ เพราะหลายๆ คนอาจจะเบือนหน้ากับกลิ่นแนวๆ แป้งและ Musk กันก็มากครับ

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Review: Lalique - Encre Noire



Lalique - Encre Noire

หนึ่งในเทพทางด้านน้ำหอมกลิ่นหญ้าแฝกที่ดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้กับความหอมแบบลึกลับ สุขุม และมีภูมิอย่างขีดสุดบ่งบอกถึงความเป็นสุภาพบุรุษได้ชัดเจน และเป็นรุ่นที่ขายดีมากมายก่ายกองเลยทีเดียวของแบรนด์ Lalique เช่นนั้นมารู้จักกับตัวนี้กันครับ Encre Noire

น้ำหอมรุ่นนี้จะมากันเต็มๆ แบบอารมณ์ที่ Mix & Match อย่างคลาสสิคสุดๆ ด้วยการผสมผสานกลิ่นออกมาได้มีชั้นเชิงมากมาย โดยที่ไม่ต้องซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรมาก เปิดตัวกันที่กลิ่นของสนไซเปรสที่จะมาในแบบเขียวหอมนุ่มๆ ที่จะได้อารมณ์ทั้งวู้ดดี้และเขียวๆ ไปในตัว แต่ที่เด่นกว่านั้นคือ กลิ่นของหญ้าแฝกจะเสริมขึ้นมาเร็วมากในช่วงนี้ทำให้จะได้อารมณ์ของความสะอาด Smoky และสุภาพบุรุษขรึมๆ กันตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว และจะค่อยๆ เด่นชัดเต็มตื้นมากๆ ในช่วงกลางกับความรู้สึกแบบสีดำของขวดหมึก ซึ่งกลิ่นแอบคล้ายหมึกเล็กๆด้วยนะครับ แต่ไม่ได้หนักหน่วง เพราะมีความเป็น Rich Tone ที่หรูหราให้รู้สึกได้ตลอด ใครที่ชอบกลิ่นหญ้าแฝกบอกเลยว่าตอนนี้คุณจะฟินถึงขีดสุดมาก เพราะจะมาหมดในทุกๆ ความรู้สึกที่หญ้าแฝกสามารถให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นสุภาพบุรุษ สุขุม นิ่ง ลึกลับ ดาร์ก น่าค้นหา และอบอุ่น และไม่ได้ออกทางหญ้าแฝกฉ่ำๆ ด้วยมาแบบแห้งๆ แบบมีชั้นเชิง และไม่พอกลิ่นของหญ้าแฝกจะตามไปที่ช่วงท้ายที่จะไปผสมผสานกับความสะอาดของ Musk และกลิ่นโทนวู้ดดี้ที่ออกทางใกล้เคียงกระดาษ ซึ่งอารมณ์แบบมีภูมิจะจัดเต็มก็คราวนี้ ได้ความรู้สึกที่คลาสสิคแบบข้อความอักษรเขียนด้วยลายมือจากน้ำหมึกบนกระดาษสีขาวชัดเจน แบบที่มันทั้งขลัง สวยงาม และนิ่งเนี้ยบอย่างมีระดับเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นเสริมบุคลิกให้ดูเป็นผู้ใหญ่ สุภาพบุรุษมีภูมิที่น่าเชื่อถือมาก สามารถใส่ทำงาน พบปะผู้คนทางด้านธุรกิจ หรือออกงานหรูจะเหมาะมาก กลิ่นบอกถึงความมีคลาสของคนใส่ไม่น้อยนะครับ แม้ว่าจะพอใส่แบบทั่วๆ ไปได้ แต่อาจจต้องเลือกสถานการณ์นิดนึงครับ ไม่ใช่ใส่ไปเตะบอลหรือไปตลาดนัดกลิ่นไม่เข้าเท่าไหร่ รวมถึงใส่เที่ยวกลางคืินด้วย ที่ไม่ควรไปใส่เต้นเพลงขอใจเธอแลกเบอร์โทร หรือเต้น Cover เพลงเกาหลีเลย เหมาะกับใส่ไปจิบตามบาร์หรือเลาจ์หรูๆ แบบมีระดับมากกว่า

ความทน - มากกกกกกกกกกกก 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นให้รับรู้อยู่เลย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากเลยทีเดียวในช่วง Top และจะลดลงมากระจายดีเสมอต้นเสมอปลาย ที่สำคัญกลิ่นตีขึ้นให้รับรู้ตลอดครับ

ทิ้งท้าย - เป็นน้ำหอมที่ผมยิ่งใช้แล้วยิ่งหลงกับกลิ่นน้ำหอมของตัวนี้ คาดว่าอีกไม่นานคงจะเป็นหนึ่งใน Top 20 ของตัวเองได้ไม่ยากครับ อ้อ สำหรับหนุ่มคนไหนที่สูบบุหรี่ น้ำหอมตัวนี้จะช่วยให้กลิ่นบุหรี่ที่ติดตามตัวหอมขึ้นอย่างมีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบที่คนอื่นไม่ยี้นะครับ เพราะหญ้าแฝกที่จะเสริมให้กลิ่นยาสูบหอมมากขึ้นนั่นเอง ^^

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Review: Etienne Aigner - Aigner pour Homme Blue Emotion



Etienne Aigner - Aigner pour Homme Blue Emotion

หนึ่งในแบรนด์เครื่องประดับจากเยอรมันที่สาวๆ ขาช้อปมักจะรู้จักกันดีในเรื่องของกระเป๋าสวยๆ ทั้งหลาย แน่นอนว่าทำเกี่ยวกับเครื่องประดับ และเครื่องหนัง เช่นนั้นเลยมาจับด้านน้ำหอมด้วย ซึ่งก็ทำออกมาได้คุณภาพจัดเต็ม ซึ่งเลยมาขอเล่าถึงรุ่นที่น่าสนใจตัวนี้ครับ Aigner pour Homme Blue Emotion

น้ำหอมตัวนี้มากับโซนสดชื่นสมกับคำว่า Blue แต่สิ่งที่เด็ดดวงแฝงเข้ามาคือความเย้ายวนแบบไม่โจ่งแจ้งค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป รู้ตัวอีกทีกลิ่นหอมน่าเข้าใกล้จังเลย เพราะ Top Notes เปิดตัวมากับกลิ่นโทนซิตรัสกลั้วกับกลิ่นของลาเวนเดอร์และใบไวโอเล็ต เลยทำให้กลิ่นไม่คมบาดจมูก ออกทางสดชื่นนวลๆ นุ่มๆ กำลังดีมากมาย ให้อารมณ์สีฟ้ากำลังดี แต่จะมีกลิ่นของเม็ดผักชีที่ดันขึ้นมาเร็วมากจนเข้าสู่ช่วง Middle Notes เต็มตัว โดยจะมาในโทนเครื่องเทศแบบสดชื่นที่เม็ดกระวานจะมาร่วมด้วยช่วยกันผสานออกมา ให้ความรู้สึกออกหวานเย้ายวนกำลังดี และจะเริ่มค่อยๆ ปล่อยเสน่ห์ไปเรื่อยๆ จากตรงนี้ แม้กลิ่นจะแน่นกำลังดีแต่ไม่บาดจมูก ยังคงความนุ่มสดชื่นอยู่ไม่ขาด จนถึง Base Notes ที่กลิ่นจะออกทางวู้ดดี้อ่อนๆ อบอุ่นเบาๆ มีความนุ่มเย้าสะอาดของ Musk ทำหน้าที่ให้หอมนุ่มนวล คง Concept ชัดเจนที่ยังให้อารมณ์สีฟ้าอยู่ โดยที่ความเย้ายวนไม่หายไปไหน เพราะพิมเสนรับช่วงต่อเต็มๆ เข้าทางสิ่งที่บอกตอนต้นย่อหน้านี้ ไม่หนีไปไหนเลย

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไป กลิ่นเข้าถึงได้ง่าย แต่มีเสน่ห์และซับซ้อนเฉพาะตัว สามารถใส่เรียน ใส่ทำงาน ใส่เที่ยว ใส่ไปแอ๊วกิ๊ก หรือสถานการณ์อะไรก็ได้ยามกลางวันสบายๆ ส่วนกลางคืนก็พอไหวครับกับอากาศบ้านเรา แต่ต้องอัดสเปรย์หน่อยถึงจะสู้กับเขาได้

ความทน - ประมาณ 8 ชม. บวกลบไม่มาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีตอน Top และ Middle ส่วน Base จะลดระดับเป็นเบาๆ ให้รู้สึกได้ครับ

Review: Issey Miyake - L'Eau Bleue d'Issey Pour Homme



Issey Miyake - L'Eau Bleue d'Issey Pour Homme

อีกหนึ่ง Masterpiece ของ Issey Miyake เลยทีเดียว เพราะถือว่าเป็นน้ำหอมที่แม้จะเป็นหนึ่งในรุ่นแยกตัวออกมาจากต้นฉบับ แต่กลิ่นที่ได้รับมันต่างกันอย่างสิ้นเชิงไปเลย แถมเป็นกลิ่นที่ Unique มาก ไม่เหมือนใครแน่ๆ นั่นคือรุ่นนี้เลยครับ L'Eau Bleue d'Issey Pour Homme

เปิดตัว Top Notes กันด้วยความเย็นซ่าสดชื่นออกทางสมุนไพรแบบเข้มๆ ของ Rosemary กลั้วกับกลิ่นโทนซิตรัส ถ้าคนไม่คุ้นชินกับกลิ่นเปิดแบบนี้จะแอบอึ้งนิดนึง แต่พอชินนะ ฟินนนนน บอกเลย เพราะมันไม่เหมือนใครเลย จนเมื่อเข้าสู่ช่วง Middle Notes กลิ่นโทนสมุนไพรกลั้วซิตรัสจะเริ่มมามากขึ้นโดยผสานกับกลิ่นเชิงเครื่องเทศที่ให้ความรู้สึกสดชื่นติดหวานไม่ว่าจะเป็นขิง และพริกไทยสีชมพู กลิ่นจะมาเต็มแน่นเลย แต่ไม่มีคำว่าหนักจมูกเพราะมีลาเวนเดอร์มาตัดให้ออกทางนุ่มด้วย กลิ่นช่วงนี้จะให้อารมณ์อารมณ์อะโรม่ากันเต็มๆ ความรู้สึกสุภาพและผ่อนคลายบอกถึงกลิ่นอายทางตะวันออกได้ดีมาก ส่งต่อไปยัง Base Notes ที่กลิ่นโทนวู้ดดี้จะมาทำให้เนื้อกลิ่นออกทางอบอุ่นขึ้นมาในระดับหนึ่ง แต่จะมีกลิ่นอายเย็นๆ เย้าๆ ของพิมเสนมาไล่เรียงเป็นระยะๆ โดยไม่ทิ้งโทนสดชื่นที่ตามมาในช่วงกลางเลยแม้แต่น้อย ซึ่งโดยรวมถือว่าเป็นกลิ่นที่บอกถึงสุภาพบุรุษแบบตะวันออกที่นุ่มนวล ยิ้มสดชื่น ดูผ่อนคลายสบายใจ น่าเข้าใกล้ มาครบเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศตั้งแต่วัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว เพราะโทนมันไม่ได้ออกทางแก่อะไร ออกทางสดชื่นแบบเฉพาะตัวมากกว่า และช่วงกลางๆ จะออกทาง Safe Scent เสียด้วย สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ทั้งยามกลางวัน ยิ่งใส่ออกงานหรือพบผู้คนกลิ่นนี้จะให้ความรู้สึกสุภาพบุรุษใจเย็นได้ดีเลย และสามารถใช้ยามกลางคืนที่มีอากาศร้อนๆ ใส่เที่ยวกลางคืนพอไหว แต่ไม่ได้ออกทางเย้ายวนเท่าไหร่ แค่นั้นเอง

ความทน – เกิน 8 ชม. เป็นเรื่องปกติ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วง Top และลดมากระจายกำลังดีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายไปจากผิวครับ

ทิ้งท้าย – ตัวนี้ถือเป็นหนึ่งใน Signature ของผม เพราะเป็นสาวก Issey Miyake มาตั้งแต่ใช้น้ำหอมใหม่ๆ ทำออกมากี่ตัวก็ปลื้มปริ่มไปเสียทุกตัว ปัจจุบันยังกลับไปใช้เรื่อยๆ เพื่อเพิ่มความฟินให้ตัวเองครับ

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Review: Liz Claiborne - Mambo for Men



Liz Claiborne - Mambo for Men

พูดเลยตรงนี้ว่า นี่คือหนึ่งในรุ่นน้ำหอมที่คนมองข้ามกันมากมาย เพราะราคามันไม่แพงแต่มันหอมชวนหลงจริงๆ นะ ซึ่งยอมรับเลยว่าแบรนด์ Liz Claiborne ทำน้ำหอมออกมาไม่มีคำว่าขี้เหร่เลย เพียงแต่จะได้รับความนิยมเงียบๆ ไม่ค่อยมีจุดพีคมากนัก ยิ่งในไทยไม่ต้องพูดถึงไม่มีจำหน่าย ทั้งๆ ที่น้ำหอมเข้ากับอากาศบ้านเราสุดๆ ไปเลย ซึ่งรุ่นนี้คือ Mambo for Men ครับ 

เปิดตัวได้กลิ่นหอมนุ่มนวลจมูกในรูปแบบของสับปะรดฉ่ำๆ นุ่มๆ ซึ่งจากส่วนผสมมันไม่มีสับปะรดเลย ถือว่าเป็นการผสานกันของโทนซิตรัสอย่างมะกรูด มะนาว ใบเวอร์บีน่า และลาเวนเดอร์ได้งามมากจนกลายเป็นกลิ่นหอมออกทาง Fruity กลิ่นเพียงแค่นี้ก็หอมชวนหลงมาก ถือว่าเป็นกลิ่นเปิดที่ดีสุดๆ เลยตัวนึงที่พร้อมจะทำให้เสียเงินได้ทันที และกลิ่นของโทนสับปะรดจะเริ่มมากลั้วกับโทนเครื่องเทศอย่างเม็ดยี่หร่า ทำให้กลิ่นออกทางหวานสดชื่น โดยมีกลิ่นโทนดอกไม้ต่างๆ เช่นดอกส้มและกุหลาบ เสริมเข้ามาทำให้หอมนุ่มดูออกทางขี้เล่นหน่อยๆ กำลังดี โดยแอบได้กลิ่นอายเย็นๆ เย้าๆ ของพิมเสนบางๆ ซึ่งจะมาเด่นในช่วงท้ายๆ คู่กับโทนวู้ดดี้อย่างไม้จันทร์หอม และมี Musk มาทำให้กลิ่นออกทางนุ่มสะอาดเข้าไปอีก เช่นนั้นน้ำหอมตัวนี้บ่งบอกได้เลยถึงอารมณ์แบบผู้ชายยิ้มง่าย หัวเราะง่าย มีความขี้เล่นและสนุกสนานในตัวเองสูงเลยทีเดียวครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศทุกวัย กลิ่นเข้าถึงง่าย ใช้ง่าย และหอมแบบมหาชนชอบแน่ๆ สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย เพราะกลิ่นทำให้สดชื่นและหอมนวลไปตลอดทั้งวันไม่ยาก ส่วนกลางคืนไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ กลิ่นมันเหมาะกับอากาศร้อนๆ มากกว่า ส่วนสาวๆ มาใช้น้ำหอมตัวนี้ได้สบายๆ เลยครับ กลิ่นหอมนุ่มใกล้ Unisex พอสมควรเลยล่ะครับ

ความทน – ประมาณ 8 ชั่วโมง บวกได้อีกแต่ลบไม่มาก ซึ่งบางครั้งถ้าเกิน 8 ชม. ไปแล้ว ดันไปออกกำลังกายบางทีกลิ่นยังตีขึ้นให้รับรู้อยู่เลย

การกระจาย – จะออกแนวกระจายกำลังดีไปเรื่อยๆ ในทุกๆ ช่วง แต่ยกเว้นอย่างนึง ถ้าอากาศร้อนๆ กลิ่นจะกระจายดีมากเลยทีเดียว เอาความหอมนุ่มนวลให้ผู้อื่นฟินได้ไม่ยากครับ

ทิ้งท้าย – มันคือ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ชัดๆ เพียงแต่ว่าหาซื้อยากนี่สิ ทำไมเมืองไทยไม่เอาเข้ามาหนออออออ

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Review: Sense of Space Creations - Private Collection: Axis Black Eau Rare



Sense of Space Creations - Private Collection: Axis Black Eau Rare

เพราะเป็นแบรนด์ที่นอกสายตาทั้งๆ ที่คุณภาพจัดเต็ม แถมโบกมือบ๊ายบายเมืองไทยไปนานแล้ว เช่นนั้นเลยต้องมาหาแบรนด์นี้บ่อยๆ เผื่อกลับมาอีก (ล้มๆ แล้งๆ ไปตามระเบียบ) เพราะหลังจากได้บอกเล่ารุ่นกลิ่นธูปไม้กฤษณาที่ผัวแขกมากกกหรือทำเอาหลายๆ คนที่เคยใช้หลอนไปแล้ว เช่นนั้นเลยขอมาคุยถึงอีกรุ่นอย่าง Private Collection: Axis Black Eau Rare ที่จะเปลี่ยนทางจากกลิ่นเฉพาะมาเป็น Mass กันมากขึ้นครับ

เพราะรุ่นนี้เป็น Private Collection เลยจัดจำหน่ายไม่มาก ส่วนตัวก็ได้มาจากการซื้อแบบแบ่งขาย เพราะได้อ่านมาคร่าวๆ ว่าคล้ายกับ Paco Rabanne Black XS เพราะชอบกลิ่นสตรอเบอร์รี่เลยจัดไป ผลออกมาคือ

Top Notes ใช่เลยหอมสดชื่นแบบสตรอเบอร์รี่ผสมมะนาวมากมายมีกลิ่นโทนสะอาดๆ ออกทางวู้ดดี้หน่อยๆ ทำให้ฟินกำลังดีเลยทีเดียว ที่สำคัญกลิ่นสตรอเบอร์รี่นี่แหละที่จะตามไปจนถึงสุดทางจนกว่าจะหายไปจากผิว จนเมื่อเข้าสู่ Middle Notes คราวนี้มาที่โทนวู้ดดี้กันเต็มๆ ซึ่งคราวนี้วัดกันที่เคมีของผิวล้วนๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มเลย คือ

1. ถ้าเคมีได้ (เพื่อนผม) กลิ่นจะหอมสะอาดได้อารมณ์กุหลาบกลั้ววู้ดดี้มีกลิ่นของสตรอเบอร์รี่เป็นตัวที่ทำให้สดชื่นกำลังดี
2. ถ้าเคมีไม่เข้า (ผมเอง) กลิ่นจะกลายเป็นวู้ดดี้แบบแปร่งๆ กลั้วกุหลาบ ได้โทนสะอาดๆ ก็จริง แต่จะออกทางเปรี้ยวสาปๆ จนแบบว่า เฮ้ยยยย ทำไมน้ำหอมตัวนี้ไม่เลือกตูอ่ะ T_T

ซึ่งพอไปถึง Base Notes งานนี้จะเริ่มได้กลิ่นของ Musk ที่เข้ามาทำให้เกิดความนุ่มนวลสะอาดสะอาด มีโทนวู้ดดี้อ่อนๆ กลั้วกับพิมเสนลอยจางๆ แน่นอนสตรอเบอร์รี่ยังอยู่ ซึ่งถ้าเข้ากับผิวกลิ่นจะหอมสดชื่นกำลังดี แต่ถ้าไม่ แม้จะดีขึ้นกว่าตอน Middle แต่จะยังมีกลิ่นสาปแปร่งๆ ของวู้ดดี้มาหลอนอยู่ ซึ่งผมเสียใจอ่ะ ผมเจอแบบนี้ ชีวิตมันเศร้า T_T

ผลการเทียบ – ใช่เลยครับคล้าย Black XS มาก แต่ถ้าเข้ากับผิว กลิ่นจะให้อารมณ์ที่สบายๆ กว่า และดูไม่ขี้เล่นหรือเมโทร ยั่วยวนมากขนาดนั้น จึงทำให้ใส่ได้ง่ายกว่า Black XS ครับ แต่ถ้ามองที่ความเมโทร ยั่วยวน Black XS จะให้อารมณ์นั้นได้ดีกว่าครับ พูดง่ายๆ Axis Black Eau Rare คือกลางวัน และ Black XS คือกลางคืนดีๆ นี่เอง

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศทุกวัย ที่เคมีต้องได้ด้วยนะ 555555 สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย เพราะตอบโจทย์ทุกอย่าง แถมใช้ง่ายเข้าถึงง่ายด้วยซ้ำ ส่วนกลางคืนกับอากาศร้อนๆ หน้าร้อนโคตรๆ บ้านเราก็ได้สบายๆ ครับ แต่จะสู้กลิ่นเหล้าไม่ได้เท่าไหร่

ความทน – 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ อันนี้วัดจากทั้ง 2 กลุ่มคือ เคมีได้กับไม่ได้

การกระจาย – กระจายดีสดชื่นและสดใสมากตอนต้น ที่เหลือจะกระจายพอประมาณไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – เป็นน้ำหอมที่ควรจะลองก่อนครับ แม้จะใช้ง่ายแต่พออิงที่เคมีแล้ว พูดยากว่าจะเข้ากับทุกคนได้ไหม สุดท้ายผมยกน้ำหอมตัวนี้ให้เพื่อนผมไปใช้เรียบร้อยครับ มันไม่ได้ก็คือไม่ได้น่ะนะ T_T

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Review: Sean John – Unforgivable



Sean John – Unforgivable

เป็นหนึ่งในตัวยอดนิยมที่ชายไทยหลายคนชอบและเป็น Signature ประจำตัว (รวมถึงตัวผมเองอยู่ช่วงนึง) จนเมื่อถึงเวลาที่ตัวนี้เลิกผลิตต่างก็เสียดายกันสุดๆ จะไปหาตัวที่ใช้แทนได้ที่เป็นต้นฉบับอย่าง Millesime Imperial ก็แพงมากหรือ Ed Hardy Love & Luck ก็หาไม่ได้ง่ายๆ จนปัจจุบันนี้ประกาศออกมาผลิตอีกรอบแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องดีมากเลยทีเดียว เช่นนั้นฉลองการกลับมาอีกครั้งกับตัวนี้เลยครับ Unforgivable

แม้ว่ารุ่นนี้จะโดนค่อนขอดมานักต่อนักในกรณีที่กลิ่นใกล้เคียง Millesime Imperial แบบว่าก็อบมาชัดๆ แต่จริงๆ แล้วมันมีความดีงามในตัวเองและอารมณ์ในอีกรูปแบบนึงที่รุ่นต้นฉบับไม่ได้สื่อถึงตรงนี้ คือ ความเจ้าชู้ลั่นล้าอย่างโจ่งแจ้งนี่แหละ เพราะ Top Notes ทำออกมาได้ดีมากกับกลิ่นโทนผลไม้กลั้วซิตรัสที่หอมสดชื่น แต่จะมีกลิ่นของโหระพาและเปลือกเบิร์ชมาตัดทำให้กลิ่นออกทางหอมนุ่ม ได้อารมณ์กรุ้มกริ่มมากมาย จนเมื่อเข้าสู่ Middle Notes กลิ่นของลาเวนเดอร์จะเริ่มค่อยๆ ดันขึ้นมาเด่นมากขึ้น โดยมีกลิ่นของดอกไอริสมาทำให้เกิดความรู้สึกเซ็กซี่เย้ายวน ที่สำคัญแอบจับได้ถึงกลิ่นของเหล้ารัมกับกลิ่นโทนผลไม้ตอนต้นที่เป็นฉากหลังอยู่ เลยทำให้กลิ่นบอกอารมณ์แบบน่านัวน่ากอดกันได้เลย และ Base Notes ก็ดันขึ้นมาทำให้กลิ่นเหล้ารัมที่เป็นฉากหลังในช่วงกลางกลายเป็นตัวละครนำขึ้นมาแบบชัดเจน โดยจะมีโทนวู้ดดี้ครีมมี่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นตัวรองอยู่ด้านหลัง กลิ่นจะคง Concept ในการเป็นผู้ชายลั่นล้าตั้งแต่ต้นยันจบ สมกับชื่อว่า Unforgivable ที่สื่อตรงตัวว่า ผู้ชายแบบนื้ให้อภัยไม่ได้ เพราะเล่นเอาชั้นยอมไปแล้ว มันต้องเป็นของชั้นคนเดียว ฮึ่ม! แบบนี้เลย

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไป เพราะกลิ่นเย้ายวนเข้าถึงง่าย บ่งบอกถึงความลั่นล้าและ Playboy ในตัวคุณเลยทีเดียว สามารถใส่ทำงาน เรียน หรือออกกำลังกายได้ในจำนวนสเปรย์ที่เหมาะผม นอกเหนือจากนั้นจัดไปครับ กลิ่นเรียกแขก ดึงดูด และน่ากอดเลยทีเดียว

ความทน – ความทนอยู่ระหว่าง 6 – 8 ชม. ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้นและจะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนกลายเป็น Skin Scent ที่คนฉีดยังได้กลิ่นอยู่ และเน้นคนที่มายืนใกล้ๆ มาสีเกินความจำเป็นไปประมาณนี้เลย

ทิ้งท้าย – Creed Millesime Imperial จะเป็นคุณชายเจ้าชู้ขี้เล่น Unforgivable จะเป็นหนุ่ม Playboy ที่พร้อมออกศึกและมีชั้นเชิง และ Ed Hardy Love & Luck จะออกทางวัยรุ่นลั่นล้าอันนี้อยู่ที่พิจารณาแล้วว่าอยากได้แบบไหนน่ะครับ ส่วนตัวผมเอาทั้ง 3 ตัวเลย มีดีทั้งหมดจริงๆ

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Review: Givenchy – Play



Givenchy – Play 

ได้เวลาของต้นฉบับน้ำหอมขวด MP3 ของ Givenchy หลังจากที่เคยบอกเล่ารุ่น Play Intense ไปเมื่อนานมาแล้ว กับความเข้ม เท่ห์ และเมโทรที่หอมหาตัวจับได้ยากกับตัวนำอย่างกาแฟที่เข้มข้น เช่นนั้นเลยมาขอแตะกับรุ่นปกติกันบ้างกับความเมโทรในอีกรูปแบบนึงนั่นคือ Play ครับ 

ถ้าจะให้สรุปใจความง่ายๆ Play Intense จะเป็นเวอร์ชั่นดาร์กหรือกลางคืน ส่วน Play จะเป็นเวอร์ชั่นสว่างหรือกลางวัน เช่นนั้นความสว่างจะเริ่มต้นที่กลิ่นโทนซิตรัสสดชื่นกันมาเลยตั้งแต่เริ่มต้นขนมาเลยทั้งเลมอน มะกรูด ส้ม กลิ่นจะสร้างความสดใสด้วยในระดับนึง แต่ไม่ออกทางสาวเพราะมีโทนแน่นๆ รองอยู่เบื้องหลัง ซึ่งโทนแน่นๆ นี้จะเปิดตัวกันมาในช่วงกลางที่มาเต็มเลยทั้งกาแฟ พริกไทย ที่จะโดดเด่นมาก โดยมีกลิ่นโทนหนังและวู้ดดี้บางๆ รองพื้นด้านหลัง ซึ่งแน่นอนกลิ่นของซิตรัสตอนนต้นก็มาเป็นผู้สนับสนุนรองในช่วงนี้ด้วย เลยทำให้กลิ่นช่วงนี้จะหอมเท่ห์แบบมีความสดชื่นเสริมไปตลอด ซึ่งจะเป็นช่วงที่เรียกคำชมและเรียกแขกได้ดีมากเลยทีเดียว จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้าย กลิ่นกาแฟกลั้วพริกไทยยังไม่ไปไหนยังคงเด่นเป็นสง่าเป็นผู้สนับสนุนหลักให้คนใส่ตัวหอมเท่ห์อยู่เช่นเคย แต่จะมีกลิ่นของหญ้าแฝกมาเสริมทำให้กลิ่นออกทาง Smoky มากขึ้น ยิ่งเท่ห์หนักขึ้นไปอีก ตามด้วยพิมเสนที่ให้ความเย้ายวนและดึงดูด เช่นนั้นในเมื่อมีทั้งความเท่ห์แบบสดชื่นโดยมีความดึงดูดเย้ายวนเข้ามาเสริม ได้อารมณ์แบบผู้ชายดูแลตัวเองและทันสมัย จะเอาอะไรไปมากกว่านี้ได้ล่ะนั่น มาครบขนาดนี้

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป เพราะกลิ่นใช้ง่าย เข้าถึงได้ง่ายแบบมีชั้นเชิง ไม่ได้แบบว่าเอะอะก็เหมือนชาวบ้านไปเสียทั้งหมด สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ในยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทำงาน เรียน เดท ปล้ำแฟน แก้ผ้าเดินเล่น เล่นกีฬา หรือชิลล์ๆ ที่ไหนก็ตาม และแทบทุกสถานการณ์ในยามกลางคืน ซึ่งก็ใส่เที่ยวกลางคืนได้นะครับ แต่ต้องอัดสเปรย์หน่อย แต่จะออกทางเข้มเท่ห์สดชื่นแทนมากกว่าจะเข้มเท่ห์เย้ายวนเท่านั้นเอง

ความทน – 8 ชม. เป็นเรื่องปกติ อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่านี้อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมาก เรียกคำชมได้เต็มๆ ตั้งแต่ Top ยัน Base เพียงแต่ช่วงท้ายๆ กลิ่นจะกระจายกำลังดีเป็นออร่ารอบๆ ตัวแทนมากกว่า

ทิ้งท้าย – สำหรับผมนี่คือ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง สบายๆ แถมใส่ทีไร คำชมจากคนรอบข้างมาตรึมตลอด ก็กลิ่นมันดีแบบมีชั้นเชิงจริงๆ นี่นา ^^

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Review: Mario Maurer for Him



Mario Maurer for Him

ต้องบอกกันซึ่งๆ ว่านี่เป็นเวอร์ชั่น Re-Write ครับ เพราะว่าเคยวิจารณ์จัดเต็มไปแล้วที่พันทิปกับน้ำหอมตัวนี้ของดาราชายไทยอย่างมาริโอ้ เมาเร่อ (เดี๋ยว Link ว่ากันที่ Comment) ซึ่งจัดครบทั้งแซวกับชมมาเต็ม ซึ่งในครั้งนี้จะเป็นการสรุปและเพิ่มเติมหลังจากที่มีโอกาสได้ใช้ซ้ำอีกครับ ไม่อะไรมากเข้าเรื่องกันเลยกับ Mario Maurer for Him 

ภาพรวมของน้ำหอมตัวนี้จะเป็น Woody Soft Spicy ที่จะให้ความรู้สึกเหมือนหนุ่มหน้าใสที่จะมาในแบบเท่ห์ก็ได้ น่ารักจากการเอาหน้าเข้าแลกก็โอ สมกับการบอกคาแรคเตอร์ของมาริโอ้ได้เป็นอย่างดี เพราะ Top Notes เป็นตัวแบบซิตรัสนุ่มๆ ด้วยความเป็น White Grapefruit และลาเวนเดอร์ ที่จะมาตัดกันกำลังดีทำให้กลิ่นไม่คมจนเกินไป ซึ่งเป็นกลิ่นเปิดที่บอกได้เลยว่า สามารถทำให้เสียตังค์ซื้อได้ในทันทีสำหรับคนที่ไม่ได้ชอบน้ำหอมแนวล้ำลึกอะไรมากนัก เน้นความเข้าถึงง่าย มหาชนชอบ จะพร้อมจ่ายในทันที จนเมื่อ Middle Notes ปล่อยของจะมาในแบบกลิ่นของโหระพากลั้วกับ Tonga Bean ที่จะมาแบบไม่หนัก มาแบบนุ่มๆ ออกทางอบอุ่นกำลังดี ไม่ได้มาแบบจัดหนักเย้ายวนอะไร ออกทางเรื่อยๆ กลางๆ แต่ยังคงความเข้าใจง่ายอยู่เช่นเดิมไม่มีผิดเพี้ยน และปิดท้ายด้วย Base Notes คราวนี้มาเต็มที่โทนวู้ดดี้ที่ออกทางอบอุ่นชัดเจน โดยมีโทนแมนๆ ของกลิ่นหนังนุ่มๆ เข้ามาเสริมแบบบางๆ ให้อารมณ์แมนแบบไม่หนักมาเบาๆ เข้าทางสไตล์ของมาริโอ้ เช่นนั้นใครอยากหอมแบบโอ้ หรือได้กลิ่นแล้วคิดว่าโอ้มาอยู่ใกล้ๆ ให้ปล้ำก็จัดได้เลยครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศทุกวัย น้ำหอมตัวนี้ใช้ง่ายจริงๆ ครับ ทำเจาะให้คนที่ไม่ได้ชอบน้ำหอม หรือไม่เคยใช้น้ำหอมมาก่อนใช้ได้ง่ายๆ เลยล่ะ กลิ่นไม่ได้หนักฉุนอะไร สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ที่จะทำให้ดูเป็นมาริโอ้ แต่กลางคืนอย่าเลย กลิ่นเบาไป ไม่สามารถบอกความเป็นมาริโอ้ในตัวคุณได้แน่ๆ

ความทน – ใช้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 รอบ ความทนเฉลี่ยก็ยังอยู่ประมาณ 6 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะเกินไปได้อยู่ แต่ต้องอัดสเปรย์หน่อย จากที่ลองกับตัวอัดไป 8 สเปรย์ พร้อมกับฉีดเสื้อด้วยแตะ 8 ชม. ได้สบายๆ

การกระจาย – กระจายกำลังดี หอมแบบเข้าถึงง่ายในช่วงต้นแล้วจะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent จนกว่าจะหายไปจากผิว ประมาณว่า เข้ามาใกล้ๆ สิแล้วจะได้กลิ่นของโอ้นะตะเองงงงง

ทิ้งท้าย – ไม่ใช่ว่ากลิ่นนี้ไม่ดีนะครับ กลิ่นหอมเข้าถึงง่ายจริงๆ สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้น้ำหอมมาก่อนแล้วอยากลองใช้ ตัวนี้เป็นตัวแรกเริ่มที่ดีมากตัวนึงเลยทีเดียว และไม่โหลด้วยนะ ซึ่งราคาถ้าเทียบกับน้ำหอมเคาน์เตอร์แบรนด์ถือว่าถูกกว่ากันมากเลยทีเดียว เพราะราคาแค่ 1,250 บาทกับขวด 100 ml แถมมีขนาด 30 ml ราคาไม่เกิน 500 ด้วย และมีหลอดเล็กขายที่ 7-11 ด้วย เช่นนั้น ไม่ว่าใครก็เป็นมาริโอ้ได้สบายๆ ครับ