วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: Calvin Klein - CK One


Calvin Klein - CK One 

มีใครไม่รู้จักน้ำหอมตัวนี้ไหมคร้าบบบบบบบ คงไม่มีหรอก เพราะอย่างน้อยก็ต้องเคยเห็นของปลอมริมทางเท้า บาทวิถีตาม กทม. หรือตลาดนัดทั้งหลาย ที่จะมาแบบ CK On บ้าง (คือตัว e หายไป 55555) หรือก็อบแบบเนียนสุดๆ ไม่ว่าจะกลิ่นหรือขวด แถมความทนก็เท่าๆ กันด้วย (เพราะตัวปกติมันก็ไม่ได้ถึงกับทนจัดมากอยู่แล้วน่ะนะ 55555) แต่คุณภาพเรื่องกลิ่นต่างกันแน่ๆ ล่ะ 

เอาเข้าจริง CK One ถือเป็นน้ำหอมยอดฮิตที่ใช้ง่ายมาก กลิ่นถูกใจมวลมหาประชาชนทั่วทั้งโลกกันเลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความคลาสสิคที่ยังคงอยู่มาเสมอและอยู่อีกไปเรื่อยๆ แน่ๆ กับกลิ่นเปิดด้วย Top Notes กับโซนสดชื่นซิตรัสนำเด่นเป็นสง่า กลิ่นของเลม่อนและมะกรูดจะเด่นมากกลั้วไปด้วยโทนผลไม้จากสับปะรดและมะละกอจางๆ โดยโทนเขียวๆ มาผสมผสานเลยจะให้ความสดชื่นกันตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งโทนซิตรัสติดเขียวในช่วงนี้จะตามไปจนถึงช่วงท้ายๆ ของ Middle Notes เลยทีเดียว โดยไปผสมผสานกับโทนดอกไม้อ่อนๆ ของมะลิและดอกกระดิ่ง จนเป็นออกทางแป้งหอมดอกไม้ติดกลิ่นซิตรัสแกล้มเขียวกำลังดีจะหอมเรื่อยๆ ไปตลอด ยกเว้นอากาศร้อนที่จะตีขึ้นให้รับรู้เรื่อยๆ และจะปิดท้ายด้วย Base Notes กับความคลาสสิคในรูปแบบสะอาดนุ่มๆ แบบที่น้ำหอมสดชื่นควรจะเป็นด้วย Musk และโทนวู้ดดี้อบอุ่นเบาๆ ไม่หนักแน่นเกินเหตุ โดยโทนซิตรัสจะจางไปแต่โทนเขียวๆ ยังคงมีอยู่บ้างให้รู้สึกได้จาก Oak Moss เรียกง่ายๆ ว่าช่วงนี้ เป็นอะไรที่ยังไงก็หอมสะอาดสดชื่นเบาๆ แน่ๆ ล่ะครับ

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นนี้ใช้ได้หมดทั้งหญิงทั้งชาย ใช้ง่าย เข้าถึงง่ายสุดๆ คือ ไม่ซับซ้อนอะไรมาก เน้นสดชื่นไว้ก่อนก็เอาอยู่ สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยทีเดียว งานทางการก็พอได้ เพราะกลิ่นก็ไม่ได้รบกวนใคร ส่วนกลางคืน ถ้าโอกาสทั่วๆ ไปไม่ได้ทางการก็พอได้ครับ แต่ถ้าไปเที่ยวเมา หรืองานเลี้ยงหรูหรา ไม่เหมาะนักครับ

ความทน - แกว่งอยู่ไม่น้อย เพราะอยู่ที่ 4 - 6 ชม. ถ้าอัดสเปรย์เยอะ จะต่ออายุไปได้อยู่ประมาณ 1 ชม. ได้ครับ ตารมประสาน้ำหอมซิตรัสนำเด่นสดชื่นนี่เนาะ

การกระจาย - กลิ่นกระจายกำลังดีในช่วง Top และ Middle และจะลดมาเป็น Skin Scent ในช่วง Base ที่ยังรู้สึกได้ถึงความหอมนุ่มสะอาดอยู่ครับ

ทิ้งท้าย - ถ้าไม่ได้สนใจอะไรมาก ต้องการน้ำหอมสดชื่นคนอื่นไม่ยี้ ไม่ซับซ้อนใช้ง่ายใส่ง่าย หอมแบบเรื่อยๆ ตัวนี้ยังไงก็รอดครับ และถือเป็นอีกหนึ่งใน #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ก็ยังได้ครับ เพราะมันหอมในตัวเองโดยไม่ได้พึ่งเคมีอะไรมากนัก

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: Zarch – Odydessy


Zarch – Odydessy

กลับมาที่แบรนด์ไทยอย่าง Zarch ที่ถือว่าสร้างความประทับใจกับผมอย่างมากเลยกับน้ำหอมแนว Niche คุณภาพจัดเต็มเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในรุ่นที่ผมเคยบอกเล่ากันไปก่อนหน้านี้คือ Timber ถือว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่ผมประทับใจที่สุดแห่งปี 2014 ที่ผ่านมา เบียดน้ำหอมแบรนด์นอกตกขอบไปหมด เช่นนั้นได้โอกาสต้องลองรุ่นอื่นบ้าง เช่นนั้น มาแตะกันที่รุ่นนี้ครับ Odydessy 

เปิดต้นกลิ่นมาความรู้สึกแรกบอกเลยว่า กลิ่นคล้ายแป้งเย็นออกทางซิตรัสติดเขียวหน่อยๆ ตีวูบขึ้นเต็มๆ ซึ่งตัวที่ทำให้เป็นแป้งเย็นแน่นๆ ติดเขียวนี่จูนิเปอร์เบอร์รี่มาชัดเลย แถมมีโทนซิตรัสเข้ามาช่วยให้ความสดชื่นเข้าไปอีก ซึ่งช่วงนี้จะอยู่เพียงไม่นานอิทธิพลของกลิ่นในช่วงกลางๆ จะมาผสมผสานและมาเต็มเลยทีเดียวนั่นคือ พริกไทย มาแบบเต็มแน่นฟุ้งกระจายเลยทีเดียว ให้ความ Spicy แบบสดชื่นกันเน้นๆ และจะมีกลิ่นโทนคล้ายๆ ลาเวนเดอร์ที่จะให้โทนนุ่มหอมนวลสะอาดตีคู่ขึ้นมาเลยทำให้มีลักษณะเป็นกลิ่นออกทางแป้งเด็กที่ให้ความสดชื่น ซึ่งไม่พอจะมีกลิ่นอายแบบทะเลแทรกเข้ามาเรื่อยๆ บางๆ อยู่ตลอด จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายๆ ความเป็นโทนวู้ดดี้ที่ให้ความรู้สึกนุ่มอบอุ่นจางๆ จะเข้ามาผสมกับโทนแป้งรองเป็นพื้นหลัง ให้กลิ่นโทนเขียวแมนของ Oak Moss นำเด่นขึ้นมา ซึ่งจะยังมีกลิ่นจางๆ ของทะเลอยู่ ซึ่งภาพรวมของกลิ่นบอกได้ถึงผู้ชายที่สดชื่น แมนๆ เท่ห์ๆ เข้าถึงง่าย ดูชิลล์ๆ ตามธรรมชาติเลยครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนม.ต้น ขึ้นไปก็สามารถใส่น้ำหอมตัวนี้ได้สบายๆ เพราะกลิ่นเข้าถึงง่าย ช่วยทำให้สดชื่น สะอาด และกระปรี้กระเปร่าดีเลยทีเดียว สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม รวมถึงยามเย็นแบบทั่วๆ ไป ส่วนคุณผู้หญิง ถ้าสนใจกลิ่นนี้ก็ใช้ได้สบายๆ อยู่นะครับ ยิ่งใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ ดูลุคเท่ห์ๆ ก็เข้าไม่หยอกเลยทีเดียว

ความทน – ถ้าอยู่กลางแจ้งตลอด ไม่ได้อยู่ในห้องแอร์หรืออะไรก็ 5 – 6 ชม. โดยประมาณ อิงตามจำนวนสเปรย์ที่อัด แต่ถ้าอยู่ในห้องแอร์ 6 ชั่วโมงขึ้นไป แต่ไม่ถึง 8 ชั่วโมง ซึ่งถ้าต้องการให้ถึง 8 ชม. ฉีดที่เสื้อซ้ำประมาณ 2 สเปรย์หนักๆ จะพอไปถึงได้ไม่ยากครับ และกลิ่นเปลี่ยนแปลงช้าอีกด้วยนะ ซึ่งเป็นเหตุให้ความทนมากขึ้นนั่นเอง

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากเลยทีเดียวในช่วงต้น และจะลดลงมากำลังดีในช่วงกลาง ส่วนพอช่วงท้ายจะเป็น Skin Scent ที่ดมจะผิวจะได้กลิ่น ซึ่งถ้าร่างกายทำความร้อนกลิ่นจะตีขึ้นให้รู้สึกได้ครั

ทิ้งท้าย – Odydessy ถือเป็นอีกหนึ่งน้ำหอมที่น่าสนใจมากในแง่ของการใช้งานที่ง่ายและเข้าถึงได้ไม่ยาก แถมให้ความรู้สึก Unique แบบน้ำหอม Niche อีกด้วย กับแบรนด์ไทยราคาไม่หนักแบบนี้ #ผมนี่ฟินเลยครับ

วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: AJMal – Raindrops


AJMal – Raindrops

เป็นหนึ่งน้ำหอมที่ทำเอาอึ้งไปเลยของแบรนด์ AJMal เพราะว่าหลังจากที่ได้ลองใช้ นอกจากความสาวมากกกกกกในเนื้อกลิ่นแล้ว ยังเป็นทางเลือกที่ดีของคนที่งบน้อยแต่อยากใช้กลิ่นที่ใกล้เคียง Chanel – Coco Mademoiselle (แต่มีความต่างอยู่บ้างในเนื้อกลิ่น) เช่นนั้นมารู้จักรุ่นนี้กันครับ Raindrops

ความคาดหวังแรกในการใช้น้ำหอมตัวนี้ จินตนาการเลยว่ากลิ่นต้องสดชื่นโทนสะอาดแบบว่า Unisex แน่ๆ พอได้ฉีดทั้งลองเพียงแค่ต้นแขนและฉีดเต็มสูบแล้ว ถึงขั้นต้องบอกว่า “แอร๊ยยยยยยยย! มันสาวมากกกกกอ่ะแกร๊~” เพราะว่ากลิ่นเปิดมาเต็มมากกับกลิ่นดอกไม้ที่ให้อารมณ์สีชมพูกันเลย กลั้วไปด้วยกลิ่นผลไม้ โดยมีโทนซิตรัสจางๆ ซึ่งรวมตัวกันแล้ว กลายเป็นกลิ่น Floral Fruity ที่กลางๆ อยู่ระหว่างความใสๆ และความนุ่มนวลของผู้หญิงได้เป็นอย่างดี แต่กลิ่นช่วงนี้จะแน่นเชียว เพราะจับได้ถึงกลิ่นโทนไม้หอมแนวๆ ไม้จันทน์รองพื้นอยู่ด้านหลัง งานนี้เลยฟุ้งกระจายแบบหญิงสาวกันตั้งแต่แรกและไม่ลดราวาศอกเลยไปจนถึงช่วงท้าย ซึ่งช่วงกลางจะเริ่มเป็นโทนอบอุ่นกลั้วกลิ่นหอมดอกไม้ที่จับได้คือกุหลาบเลย มีกลิ่นมะลิหน่อยๆ กลิ่นออกทางสะอาดอบอุ่นโดยได้กลิ่นแนวๆ Musk กับอำพันทองก็จริงแต่ดอกไม้ยังคงเด่นเด้งตลอดบ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิงทุกกระเบียดนิ้วเลย และปิดท้ายด้วยความอบอุ่นของแอมเบอร์ที่เริ่มมาแย่งซีนดอกไม้บ้างแล้ว (แต่ไม่ได้แย่งทั้งหมด เพราะกลิ่นดอกไม้ยังคงมาเต็มตลอดศกอยู่) ทำให้กลิ่นในช่วงนี้อยู่ระหว่างความหอมละมุนนุ่มนวลกับอบอุ่นกำลังดี โดยมีพิมเสนลอยอ้อยอิ่งกำลังดีไปตลอด ซึ่งภาพรวม ความคาดหวังผมพังทลาย เพราะกลิ่นไม่ได้ Unisex เลย “สาวอ่ะแกร๊~” มากมายจริงๆ

ผลการเปรียบเทียบ – ในความใกล้เคียงกันทางด้านกลิ่นก็จริง แต่สิ่งที่แตกต่างเป็นอารมณ์เลย เพราะ
Coco Mademoiselle – สาวสวย น่ารัก หวานกำลังดี สีขาวสว่างไสว มาดคุณหนูที่สดใสแบบหรูหรา
Raindrops – สาวสวยนิ่งๆ ดูนุ่มนวล สีชมพูอ่อนละมุนละไม และอบอุ่นแบบผู้หญิงที่มีคลาส

เหมาะสำหรับ – ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปครับ เพราะกลิ่นนี้แม้จะเด่นที่โทนดอกไม้แบบคุณผู้หญิงก็จริงๆ แต่กลิ่นมีความอบอุ่นอยู่ในนั้นพอตัว สาวน้อยและตัวน้อยๆ ใช้คงจะแก่แดดไป สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ทั้งยามกลางวันและกลางคืน เพราะกลิ่นแน่นมากกกก โดยยามกลางวันสเปรย์อย่างเหมาะสมจะหอมแบบมีระดับ ส่วนกลางคืนจัดไปครับ ซึ่งคุณผู้ชายครับ ถ้าไม่แคร์ก็ใช้ได้นะ ไม่ว่ากัน

ความทน – มากกกกก เกิน 8 ชม. แล้ว กลิ่นยังตีขึ้น ผ่านไป 10 ชม. กลิ่นก็ยังอยู่ เช่นนั้น ทนมากครับบอกเลย

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากเลยทีเดียวและยาวนานด้วยตั้งแต่ช่วงต้นยาวไปท้ายๆ ของช่วงกลาง มีในช่วงท้ายๆ ที่กลิ่นจะเป็นออร่ารอบตัวที่ตีขึ้นให้คนใส่และคนมายืนใกล้ๆ รับรู้

ทิ้งท้าย – แม้ตัวผมเองก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นหยดน้ำฝน (Raindrops) เท่าไหร่ และมันไม่ Unisex เลย แต่กลิ่นนี้มีดีในแบบที่สื่อถึงความเป็นผู้หญิงที่สาวๆ ส่วนใหญ่ได้กลิ่นจะชอบแน่ๆ แถมราคาที่ถูกกว่าเกินครึ่งในรูปแบบ EDP ด้วยแหละ ^^

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: Roberto Verino – VV Man


Roberto Verino – VV Man 

ใครชอบน้ำหอมกลิ่นเมล่อนมาทางนี้เลยคร้าบบบบ เพราะแบรนด์ Roberto Verino ได้ปล่อยน้ำหอมรุ่นนี้ออกมาโดยกลิ่นเมล่อนนำเด่นเลยล่ะ แต่มีอยู่อย่างนึงมันเลิกผลิตไปแล้วครับ เซ็งตรงนี้! เช่นนั้นเลยขอมาบอกเล่ากันว่าความหอมเป็นอย่างไงบ้างกับรุ่น VV Man ครับ 

เพราะนำเด่นที่เมล่อน Top Notes เลยจัดเต็มกับเมล่อนฉ่ำๆ หอมโทนผลไม้สดชื่นมากมาย กลิ่นติดหวานฉ่ำได้ใจมาก แม้ว่าจะมีกลิ่นส้มมาเสริมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มาแย่งซีนเมล่อนเลยออกแนวสนับสนุนให้กลิ่นออกทางฉ่ำๆ มากขึ้นด้วยซ้ำ ยังไม่พอโทนหวานของเม็ดกระวานก็มากับเขาด้วย เลยได้ความหวานเย้ากันตั้งแต่เริ่ม จนเมื่อเข้าช่วง Middle Notes งานดอกไม้หอมนวลๆ ต้องมา ก็มาจริงๆ กับกลิ่นมะลิกลั้วโทนแป้งของไวโอเล็ต กลิ่นออกทางนุ่มโปร่งกำลังดี โดยมีพริกไทยมาให้ความสดชื่นได้อยู่ แต่ความหวานของเม็ดกระวานในตอนต้นกับเมล่อนยังตามมาอยู่ เลยทำให้มีความเย้ายวนกลั้วโทนแป้งหอมดอกไม้จางๆ แบบไม่หนักจมูก ก่อนที่จะปิดท้ายที่ Base Notes ซึ่งจะมาในโทนอบอุ่น สะอาดสะอ้าน นุ่มเย้า และแมนกำลังดี ด้วยกลิ่นโทนวู้ดดี้กลั้ว Musk ที่จะหอมนุ่มกรุ่นๆ ไปตลอด โดยยังมีพิมเสนให้รู้สึกหอมนวลๆ ไปตลอด ซึ่งถือว่าเป็นน้ำหอมกลิ่นสดชื่นที่ไม่เหมือนใคร ให้เอกลักษณ์ผู้ชายแบบธรรมดาแต่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูกจริงๆ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปครับ และเหมาะกับคนที่อยากได้น้ำหอมโซนสดชื่นที่ไม่ได้มาแบบเดาทางได้ง่ายด้วยซิตรัสสดชื่นคมๆ แบบที่ชาวบ้านเขานิยมในความเข้าถึงได้ง่าย เน้นสดชื่นแบบหอมฉ่ำผลไม้เป็นเอกลักษณ์กับอากาศร้อนๆ แบบบ้านเรา สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ที่สำคัญยามไปเกี้ยวคู่นี่กลิ่นเย้าสดชื่นแบบน่าสนใจมากนะครับ ก็เมล่อนนี่เนาะ และใส่ยามเย็นอากาศร้อนๆ ทั่วๆ ไป แต่ไม่เหมาะกับการใส่เที่ยวกลางคืน เพราะกลิ่นเบาไป

ความทน – ประมาณ 6-8 ชั่วโมง ตามจำนวนสเปรย์ และจุดที่ฉีด

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ใครชอบเมล่อนนี่ปลื้มปริ่มกันได้เลยทีเดียว และจะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย แต่ถ้าร่างกายทำความร้อนหรือออกกำลังกาย กลิ่นจะเริ่มตีขึ้นให้รับรู้บางๆ อยู่ครับ

ทิ้งท้าย – เบื่อคำว่า “เลิกผลิต” ที่สุด อะไรกัน! ทำให้ต้องถนอมสิ่งที่มีอย่างรุ่นนี้สุดฤทธิ์เลยทีเดียว -__-"

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: Ralph Lauren – Polo Black


Ralph Lauren – Polo Black

หลังจากกล่าวบทไปมาแล้วในเรื่องของ Polo Double Black กับกลิ่นหอมเสน่ห์เข้มกำลังงาม ก็ได้เวลากลับมาสู่ต้นเรื่องอย่าง Polo Black กับเขาบ้างกับแบรนด์อย่าง Ralph Lauren ครับ 

เปิดต้นกลิ่นก็ Black ม๊ากมาก (ตรงไหน) เพราะมากับกลิ่นของผลไม้เมืองร้อนที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีคือ มะม่วงสุกแบบเย็นๆ มาผสานกับกลิ่นของส้มเขียวหวานฉ่ำๆ และเลม่อน กลิ่นนี่ถ้าไม่มีโทนเขียวๆ หน่อยๆ มาตัด คงจะกลายเป็นกลิ่นน้ำเกรวี่มะม่วงส้มเลม่อนสำหรับราดเครปอร่อยไปเลย จึงหอมนวลสะอาดกำลังงามทำให้กลิ่นในช่วงนี้มีความสดใสแบบไม่ใช่ของกินกำลังดีเลยทีเดียว จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางจะมีโทนดอกไม้ออกทางสดชื่นที่จับได้คือแนวๆ มะลิที่จะมาแบบฉ่ำๆ มากลั้วกับกับกลิ่นโทนเขียวกลิ่นในช่วงจะหอมนวลสะอาดมีความหวานเบาๆ ให้รู้สึก จนปิดท้ายด้วยกลิ่นของพิมเสนที่จะเย้ามาเลยทีเดียว และมีความครีมมี่นุ่มจมูกผสานอยู่ตลอดเวลา โดยมีพื้นฐานของกลิ่นโทนวู้ดดี้ที่ให้โทนสะอาดนุ่มอย่างไม้จันทน์หอมรองพื้นอยู่ ซึ่งโดยภาพรวมกลิ่นมันออกแนวขี้เล่นไม่ใช่น้อย มีความสดใส หวาน Sexy และกรุ้มกริ่มแบบไม่จัดจ้านเกินเหตุ และแอบมีความกลางๆ ที่บอกถึงความเป็นผู้ชายเท่ห์ๆ กำลังดี ซึ่งก็ยังงงอยู่ มันควรจะเป็น Polo Orange มากกว่า เพราะกลิ่นมันไม่ได้สื่อถึงความเป็น Black เท่าไหร่นัก ถ้าเทียบกับรุ่น Double Black ก่อนหน้านี้

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นใช้ง่าย สดชื่นและสดใสกว่าที่คิดถ้าเห็นจากขวด และมีความนุ่มจมูกแฝงอยู่ตลอดเวลา สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ทั้งยามกลางวันและกลางคืน ถือว่าครอบจักรวาลมากเลยทีเดียวเชียว ส่วนคุณผู้หญิงใช้ตัวนี้ได้ไม่ยากครับ กลิ่นออกโทนผลไม้ไม่แมนจัดเกินไป

ความทน – 6 ชม. ไม่เกิน 8 ชม. ครับ อยู่ที่จำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีเลยทีเดียวในช่วงต้นปล่อยความเป็นมะม่วงหอมๆ กลั้วผลไม้น่ากินกันมาเลย และค่อยลดลงมาเรื่อยๆ จนกลายป็น Skin Scent ในช่วงท้ายๆ จนหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – กลิ่นหอมและมีของเลยทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้บอกถึงความเป็น Black ก็ตาม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวในโซน Polo ที่คนได้กลิ่นมักจะชอบได้ไม่ยากครับ

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: Rancé 1795 – Francois Charles


Rance 1795 – Francois Charles 

Francois Charles Joseph Bonaparte หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “นโปเลียนที่ 2” เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของนโปเลียนผู้ยิ่งใหญ่แห่งฝรั่งเศส ซึ่งในการประวัติศาตร์ชัดเจนกันว่าได้ขึ้นสืบทอดบังลังค์และครองราชย์เพียงระยะสั้นมาก แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่เป็นถึงจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศสนั่นเอง 

เช่นนั้นแบรนด์ Niche อย่าง Rance 1795 จึงได้ผลิตน้ำหอม Collection Imperiale ที่อุทิศแด่นโปเลียนตั้งแต่รุ่นแรกยันรุ่น 2 เช่นนั้นตัวที่จะมาบอกเล่านี้คือการอุทิศแด่ Francois Charles โดยตรงเลยครับ

ต้องบอกเลยว่าน้ำหอมตัวนี้เป็น Safe Scent ที่สุภาพ เรียบง่าย แต่หรูหราแบบสุภาพบุรุษผู้ชายที่รักธรรมชาติ ไม่ฉูดฉาดแต่ประการใด เพราะเปิดต้นกลิ่นมาด้วยโทนซิตรัสกลั้วกลิ่นโทนสมุนไพรของโหระพา และมีลาเวนเดอร์มาตัดให้กลิ่นโทนนี้เป็นโทนนุ่มๆ ไม่ได้คมทะลุบาดจมูกอะไรเลย กลิ่นให้ความละเมียดละไมกันตั้งแต่เริ่ม เหมือนกลิ่นอายสดชื่นยามเช้าท่ามกลางป่าโปร่งโดยรอบ แล้วจึงค่อยเริ่มมาผสมผสานกับช่วงกลางที่เป็นโทนดอกไม้กลั้วสมุนไพรติดเขียวจางๆ ซึ่งบอกเลยครับ เป็นกลิ่นดอกไม้ที่สุภาพมาก กลิ่นไม่หนักเกินไปและไม่สาวเลย เหมือนได้อารมณ์เดินทอดน่องท่ามกลางลานดอกไม้ในผืนป่าซึ่งกลิ่นจะหอมเบาๆ ออกทางแป้งหน่อยๆ กลั้วไปกับกลิ่นสดชื่นติดหวานด้วยอิทธิพลของขิง คือ ฟินนนนนมากกกกก กลิ่นเรียบร้อยและดีงามแบบผู้ชายที่อ่อนโยนชัดเจน กลิ่นเบาแต่ลอยอ้อยอิ่งรอบตัวตลอดเวลา จนเมื่อช่วงท้ายได้เข้ามาแทนที่ กลิ่นดอกไม้อ่อนๆ ติดหวานธรรมชาติก็ยังคงอยู่กลั้วไปกับกลิ่นออกทางอบอุ่น สะอาดและขรึมของไม้ซีดาร์ มีความเป็นแป้งที่หอมสะอาดกลั้วกับ Musk ที่นุ่มเย้าติดผิวกาย ซึ่งภาพรวม กลิ่นนี้สื่อถึงสุภาพบุรุษที่เพียบพร้อมในทุกสิ่ง อ่อนโยน รักธรรมชาติ และมีระดับมากจริงๆ ยอมรับกันตรงนี้ว่าเป็นน้ำหอมที่บ่งบอกถึงลักษณะของ Francois Charles ได้ครบถ้วนอย่างมีคลาสมากเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ – ใช่ว่าเป็นน้ำหอมที่ทำออกมาถึงบุคคลสำคัญแล้วมันจะหรูเกินที่คนธรรมดาสามัญจะใส่ไม่ได้นะครับ ซึ่งน้ำหอมตัวนี้ถือว่าเป็น Scent of Nature ได้เลย คือกลิ่นธรรมชาติมาก ใช้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย หอมอย่างมีระดับ และบ่งบอกถึงรสนิยมของผู้ใส่ว่าไม่ธรรมดา ซึ่งไม่ว่าจะผู้ชายทุกเพศวัยไหนก็ตามสามารถใช้น้ำหอมตัวนี้ได้สบายๆ ซึ่งเหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย แม้ว่าจะไม่เหมาะกับการใส่ไปขุดดินหรือเล่นรักบี้สีกันหนักๆ แบบกล้ามชนกล้ามเหงื่อซก แต่ก็ยังใส่ได้ เพราะเป็น Safe Scent ที่หอมนวลจมูกแบบที่ใครได้กลิ่นจะชอบได้ไม่ยาก

ความทน – บอกเลย EDP นะครับ ตัวนี้ 10 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นอ่อนๆ ให้ฟินอย่างมีระดับอยู่ตลอดเวลา

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะเป็นออร่าหอมอ่อนๆ รอบตัวแบบผู้ชายอ่อนโยน สุภาพ คุณชายที่เพียบพร้อมไปจนกว่าจะหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – ดีงามมากกกกกกกกก บอกกันตรงนี้ *-*

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: Diesel - Only the Brave


Diesel - Only the Brave 

ขวดทรงกำปั้นเป็นเอกลักษณ์สุดๆ แบบนี้มี Diesel นี่แหละครับที่ทำออกมาได้สุดเท่ห์ขนาดนี้ แถมถือว่ารุ่นที่จะมาบอกเล่ากันนี้เป็นอีกหนึ่งในรุ่นที่ยอดฮิตมากสำหรับแบรนด์นี้ ออกลูกออกหลานมาก็พอสมควรแล้วด้วย ที่สำคัญกลิ่นเข้าถึงง่ายใช้ง่ายแบบแมนๆ เตะบอลกันเสียด้วยนะนั่น

ซึ่ง Only the Brave จะเปิดตัวกันด้วย Top Notes ที่เป็นโทนซิตรัสหวานๆ (งงไหมนั่น) มันไม่ออกกลิ่นเปรี้ยวคมๆ สดชื่นเลย มันออกทางเปรี้ยวอมหวานมากหน่อยเท่านั้นเองกับกลิ่นของเลมอนกลั้วส้มจีน กลิ่นช่วงนี้สามารถสร้างความประทับใจให้กับคนที่ดมกลิ่นได้ในทันทีจนสามารถเสียเงินซื้อได้เลย จนเมื่อเข้าสู่ช่วง Middle Notes กลิ่นเปรี้ยวอมหวานในตอนต้นจะเริ่มเสริมความสดชื่นด้วยเม็ดผักชี แต่จะแน่นขึ้นมาด้วยกลิ่นออกทางแป้งหอมนุ่มๆ ทำให้ได้อารมณ์ละเมียดแมนๆ สะอาดๆ เซ็กซี่แบบธรรมชาติกำลังดี และจะมาปิดท้ายที่ Base Notes กับกลิ่นโทนหวานอบอุ่นกันเลย เพราะกลิ่นของแอมเบอร์กลั้วหนังจะมาเต็มมาก กลิ่นจะอบอุ่นนุ่มๆ ไปตลอด ได้อารมณ์แบบผู้ชายอบอุ่นกล้ามกำลังดีน่าซุกยังไงยังงั้น แต่ไม่พอเพิ่มความหวานด้วยกลิ่นของกำยานเข้าไปอีก เช่นนั้นเลยได้ความเย้ายวนเซ็กซี่เสริมความอบอุ่นตอนต้นแบบเต็มที่ เช่นนั้นเลยได้หมดเลยทั้งความสดชื่นตามด้วยความสะอาดนุ่มหวาน และปิดท้ายด้วยความอบอุ่นเซ็กซี่ ครบเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นเข้าถึงง่ายแบบมีระดับไม่ได้เป็นตัวสดชื่นแบบเกร่อๆ เหมือนตัวยอดนิยมหลายตัวในตลาด สามารถใส่ได้ครอบจักรวาลครบหมดทั้งกลางวันและกลางคืนได้ทุถสถานการณ์เลยทีเดียว เก๋ไหมล่ะ

ความทน - ประมาณ 8 ชั่วโมง บวกลบไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง ตามจำนวนสเปรย์ และจุดที่ฉีด

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น และจะลดลงมากระจายดีเลยทีเดียวในช่วงกลาง ก่อนจะปิดท้ายที่เป็นออร่าหุ้มรอบตัวแบบหวานเซ็กซี่อบอุ่นในช่วงท้ายหรือเป็น Skin Scent แล้วแต่ประเภทของผิวผู้ฉีด

ทิ้งท้าย - เป็นอีกหนึ่งตัวที่เรียกได้เลยว่าเป็น #ของดีเทคนิคไม่ต้อง เพราะกลิ่นหอมในตัวโดยไม่พึ่งเคมีอะไรมาก ใครที่คิดว่า Fuel for Life หวานไป แต่ยังอยากใช้แบรนด์ Diesel อยู่ ตัวนี้ตอบโจทย์ครับ

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: Tommy Bahama - Set Sail Martinique for Men


Tommy Bahama - Set Sail Martinique for Men 

ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ทำน้ำหอมออกมาแต่ละตัวจะบ่งบอกถึงความเป็นทะเลได้เก๋ไก๋ขาดใจมาก เพราะสามารถสื่อถึงชีวิตริมทะเลแทบจะทันทียามที่ฉีดออกมา แม้ว่าจะฉีดแล้วนั่งหน้าแป้นแล้นอยู่ตรงโต๊ะทำงานก็ตาม ซึ่งเลยขอมาแตะกับรุ่นนี้ (ที่รู้สึกว่าเลิกผลิตอีกแล้ว) อย่าง Set Sail Martinique for Men ครับ

เพียงแค่กลิ่นเปิด คนหลงรักกลิ่นน้ำมะพร้าวอ่อนแบบสดชื่น พร้อมฟินสุดๆ เพราะกลิ่นที่ได้มันคือน้ำมะพร้าวอ่อนจากมะพร้าวน้ำหอม ที่ติดกลิ่นเปรี้ยวแกล้มเขียวจางๆ มีกลิ่นออกทางเกลือแบบน้ำทะเลโชยๆ เข้ามา แบบว่า "มันใช่อ่ะ" ไอ้ความรู้สึกเดินเล่นริมทะเลกินน้ำมะพร้าวอ่อนชัดๆ ซึ่งภายในเวลาไม่นานกลิ่นสดชื่นของมะพร้าวอ่อนจะค่อยๆ ผันมาเป็นกลิ่นออกทางค็อกเทลอย่างมาร์ตินี่กลั้วกับกลิ่นนุ่มๆ ของลาเวนเดอร์ และกลิ่นสะอาดอุ่นๆ ของพริกไทยที่ยังคงมีไอของทะเลสดชื่นอยู่ เหมือนนั่งเล่นริมทะเลจิบมาร์ตินี่แบบกรึ่มๆ ชิคๆ ท่ามกลางอากาศอบอุ่น ฟินมากกกกกกก ขอบอก จนปิดท้ายด้วยกลิ่นอบอุ่นของความเป็นวู้ดดี้แบบสว่างๆ กลั้วกับกลิ่นสะอาดนุ่มเย้าของ Musk ที่เหมือนได้ความรู้สึกใส่เสื้อเชิ้ตสีชาวไม่ติดกระดุมโชว์ 6 Packs (หรือพุง) กับการเกงขาสั้นรองเท้าแตะ เดินเล่นเห็นบ้านไม้สีขาวตัดกับความเป็นสีน้ำเงินของทะเลท่ามกลางกลิ่นอายสดชืิ่นรื่นเริงบันเทิงใจ มันใช่เลย!

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นเข้าถึงได้ง่ายมาก สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันที่ไม่ต้องความเป็นทางการ ซึ่งถ้าจะใส่ไปเรียนหรือใส่ไปทำงานแบบวันที่ไม่ต้องไปเจอผู้คน อยู่แต่ใน Office ก็ได้ไม่มีปัญหา แถมใส่ยามเย็นหรือกลางคืนแบบทั่วๆ ไปได้สบายๆ ครับ

ความทน - มันเป็น EDC หรือ Cologne นะครับ แต่ความทนอาจจะแกว่งหน่อย เพราะกลิ่นอยู่ในโซนที่ไม่หนัก ซึ่งอยู่ที่ 6 ชม. ได้อยู่ ซึ่งอยู่ที่จุดที่ฉีด และจำนวนสเปรย์ด้วยเป็นสำคัญ โดยส่วนตัวผมเจอมา 8 ชม. สบายๆ กับ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายแบบกำลังดีให้คนฉีดรับรู้ถึงกลิ่นที่จะอยู่กับตัว ไม่ได้เน้นกระจายดีเว่อร์ให้ชาวบ้านรับรู้ไปทั่ว มีช่วงท้ายที่จะเป็น Skin Scent ชัดเจน กลิ่นจะตีขึ้นจางๆ ยามร่างกายทำความร้อน แต่ยังไงก็คงความเป็นการชิลล์ริมทะเลแบบไม่ผิดเพี้ยน

ทิ้งท้าย - มันเริ่มหายากแล้วนะครับ เลิกผลิตกันเข้าไปนะของดีๆ น่ะ T-T

Review: Moschino – Friends Men


Moschino – Friends Men

เรียกว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่ตอนนี้เริ่มหายากขึ้นทุกวี่วันแล้ว เพราะว่าเลิกผลิตจ้า อะไรกัน! ของดีๆ นี่เลิกผลิตกันจริงไม่เข้าใจ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งของดีที่ Moschino นำเสนอกับความสดชื่นที่ไม่เหมือนใคร แถมให้อารมณ์ชิคๆ ชิลล์ๆ แบบวัยรุ่นเท่ห์ๆ ได้เป็นอย่างดี นั่นคือตัวนี้ครับ Friends Men 

ถ้าลองเอาน้ำส้มเขียวหวานผสมส้มสีเลือดคั้นสดผสมน้ำคื่นช่ายฝรั่ง (Celery) กลิ่นที่ได้มันจะคือ Top Notes ของตัวนี้เลยครับ เพราะกลิ่นมันจะออกทางน้ำผักผลไม้แบบสดชื่นมากมายก่ายกองในรูปแบบแบบฉ่ำๆ ซึ่งไม่เหมือนใครและเป็นกลิ่นที่เพียงแค่ดมกลิ่นต้น แทบไม่ต้องดมกลิ่นอื่นเพราะว่าอาจทำให้เสียเงินซื้อได้ในทันที เพราะหอมสดชื่นจริงอะไรจริงและกลิ่นโทนส้มผสมเซเลอรี่จะตามไปหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในช่วง Middle Notes ด้วย โดยมาผสมกับกลิ่นใบส้มและโทนน้ำทะเลที่เพิ่มความสดชื่นเข้าไปอีก รับช่วงต่อกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยมาก ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของความเป็นวัยรุ่นก็ได้ หรือความเป็นผู้ชายสบายๆ อารมณ์ดีก็เข้าทาง และปิดท้ายที่ Base Notes กับโทนวู้ดดี้ผสม Musk ที่ให้ความนุ่มแกลมอบอุ่นบางๆ แต่มีความฉ่ำๆ ติดสดชื่นของหญ้าแฝกที่เด่นขึ้นมาให้จับต้องได้แบบกำลังดี ไม่เข้มจัดจ้านเกินไป เรียกได้ว่าส่งต่อความสดชื่นกันมาเป็นทอดๆ ได้สวยงาม โดยแฝงอารมณชิลล์ๆ สบายๆ ร่าเริงและสดชื่นได้ตลอดจนจบเลย ยกนิ้วให้จริงๆ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศทุกวัย เพราะกลิ่นใช้ง่ายมาก เข้าถึงก็ง่ายในแบบชิคๆ สบายๆ และวัยรุ่น สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม แถมสามารถใส่ออกงานทางการก็ได้ เพราะกลิ่นช่วงท้ายมันออกทางนุ่มสบายๆ กำลังดี ไม่ได้ดูขี้เล่นมากเกินไป ส่วนยามกลางคืนใส่ทั่วๆ ไปได้อยู่ครับ แต่ไม่เหมาะกับการใส่ไปกินเหล้าเท่าไหร่ กลิ่นหายหมดกันพอดีนะนั่น

ความทน – 8 ชม. บวกลบประมาณ 1 – 2 ชม. ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วง Top และลดมากระจายกลางๆ เรื่อยๆ ในช่วง Middle ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวจนค่อยๆ จางและหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – นี่คือหนึ่งในน้ำหอมที่ผมเสียดายมากอีกตัวในการเลิกผลิต แม้ว่าตัวน้ำหอมผู้ชายตัวใหม่อย่างรุ่น Forever และ Forever Sailing จะดีงาม (แบบต่างโทน) มากเลยก็ตาม เฮ้ออออ เสียดายจัง

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: AJMal – Sacrifice for Her


AJMal – Sacrifice for Her

เพราะว่าได้ลองและใช้น้ำหอมของ AJMal มาก็พอสมควร ก็มีความคาดหวังว่าวันนึงจะได้เจอน้ำหอมผู้หญิงที่ผมใช้แล้วไม่ออกสาวจ๋าๆ เหมือนหลายๆ ตัวที่เคยได้ใช้ไป ซึ่งผมก็เจอซะที กับน้ำหอมผู้หญิงที่กลิ่นออกทาง Unisex อย่างตัวนี้เลยครับ Sacrifice for Her 

เปิดตัว Top Notes ด้วยกลิ่นที่หอมสดชื่นแบบนุ่มๆ น้ำๆ ด้วยกลิ่นแบบน้ำลอยดอกมะลิที่หอมละมุนแกล้มความสดใสของน้ำสะอาด ซึ่งเพียงแค่เปิดมาแค่นี้ก็ใกล้ความเป็น Unisex แบบที่คนไทยจะมักคุ้นอยู่แล้วกับกลิ่นแนวๆ นี้ เพียงแต่ว่าจะอยู่เพียงไม่นานก็จะไปผสมกับช่วง Middle Notes ที่ดอกส้มจะเข้ามาผสาน กลายเป็นกลิ่นมะลิดอกส้มหอมละมุน โดยมีวานิลลาแบบกลางๆ มารองพื้นทำให้กลิ่นจะไม่เบาเกินไป โดยยังมีความสดชื่นของโทนดอกไม้นำเด่นอยู่ ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ Base Notes ที่คราวนี้วานิลลาจะแน่นขึ้น มาผสานกับกลิ่นโทนอบอุ่นกำลังดีอย่างวู้ดดี้ ซึ่งผมจับได้ถึง Amber เต็มๆ และมี Musk เข้ามาผสมทำให้นุ่มนวลมากขึ้นไปอีก ยังๆ ผมได้กลิ่นคล้ายๆ อำพันทองในน้ำหอมตัวนี้ด้วย เพราะมันได้ความรู้สึกเหมือนผิวกายหอมกรุ่นนวลๆ เป็นตัวรองพื้นอยู่ด้านหลังซึ่งทั้งหมดทั้งมวลบอกได้เลยว่ากลิ่นนี้ Unisex มาก เพราะเป็นกลิ่นที่ออกทางโทนดอกไม้สดชื่นรองพื้นด้วยกลิ่นโทนไลท์ของวู้ดดี้และวานิลลา นี่แหละ สิ่งรอคอย กลิ่นหอมจริงอะไรจริง

เหมาะสำหรับ – ผู้หญิงทุกเพศทุกวัย กลิ่นใช้ง่าย หอมสดชื่น ไม่ได้มาแบบหนักหน่วงแน่นๆ แต่ประการใด และผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้สบายๆ เพราะกลิ่น Unisex มาก เลยทีเดียว สามารถใส่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวัน และบางสถานการณ์ยามกลางคืน ที่ไม่ได้เน้นการกินเหล้าเมาแอ๋

ความทน – เป็นอะไรที่ผมไม่คิดว่าจะทำได้ เพราะโทนของตัวนี้ไม่ได้แบบหนักๆ แน่นๆ แต่กลายเป็นว่า 12 ชม. แล้วกลิ่นยังลอยขึ้นมาอ่อนๆ ให้รู้สึกได้อยู่ ซึ่งอาจจะเป็นที่เคมีด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย – กลิ่นกระจายแบบสดชื่นออกทางดอกไม้ได้ดีในช่วง Top และ Middle และจะกระจายปานกลางงามๆ ไปเรื่อยๆ แบบอ่อนๆ ไม่หนัก ขนาดที่ตอนที่ครบ 12 ชม. แล้ว เดินสวนกับคนรู้จัก ยังมีทักเลยว่า “น้ำหอมหอมจังเลย สดชื่นบางๆ ดี” เกร๋ๆ

ทิ้งท้าย – จากการอ่านข้อมูลโดยทั่วๆ ไป คนหลายคนมักจะบอกว่า Sacrifice for Her กลิ่นจะไปเหมือน Alien ของ Thierry Mugler เสียมาก ซึ่งถ้าราคาของ Thierry Mugler มันแรงไป ตัวนี้ถูกกว่ามหาศาลในความคุณภาพที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยครับ

วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Review: Tom Ford – White Patchouli


Tom Ford – White Patchouli 

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้กุมบังเหียนในวงการแฟชั่นเลยทีเดียวสำหรับหนุ่มหล่ออย่าง Tom Ford ที่ถือว่าแจ้งเกิดมาอย่างงดงามจริงๆ รวมถึงได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Chloe, Perry Ellis, Gucci, YSL และปิดท้ายด้วยแบรนด์ของตัวเขาเองอย่างเก๋ไก๋มาตลอด ซึ่งเรื่องแฟชั่นผมขอผ่าน มาที่น้ำหอมของแบรนด์นี้ดีกว่า โดยจริงๆ มีตัวเด่นเด็ดดวงไม่น้อยทั้งปกติและ Private Collection ซึ่งก็ขอเปิดซิงการ Review ตัวแรกของแบรนด์นี้กันก่อนเลยที่ White Patchouli ครับ

ส่วนตัวผมเป็นคนชอบกลิ่นพิมเสนมากถือเป็น Note ต้นๆ ที่ได้กลิ่นแล้วจะฟิน เช่นนั้นกับรุ่นนี้ แม้จะประทับไว้ว่าเป็นรุ่นของสาวๆ แต่ผมชอบพิมเสนเช่นนั้นผมจึงต้องหามาใช้ ผลออกมา คือ Top Notes ปล่อยของกันเต็มๆ ที่กลิ่นของดอกไม้นุ่มๆ ติดกลิ่นซิตรัสหน่อยๆ มีอิทธิพลของพิมเสนบางๆ กันตั้งแต่ต้นเลย แต่ก็แน่นมาเชียวเพราะกลิ่นของเม็ดผักชีดันความเป็น Spice แบบสดชื่นเข้มๆ ออกมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาก กลิ่นในช่วงนี้บอกเลยครับว่าหลายๆ คนจะบอกกันออกมาทันทีว่า “ฉุนอ่ะ” ซึ่งถ้ารอให้ผ่านช่วงนี้ไปที่ Middle Notes โทนกลิ่นแน่นๆ จะเริ่มหายไป มาเป็นกลิ่นของดอกไม้อ่อนๆ ด้วยกุหลาบและมะลิแบบเบาๆ แฝงด้วยกลิ่นนุ่มสะอาดๆ ไปตลอด โดยกลิ่นดอกไม้นุ่มๆ ในตอนต้นจะตามมาผสมจนกลายเป็นกลิ่นดอกไม้ที่ให้ความรู้สึกของสีขาวชัดเจน ยังไม่พอพิมเสนจะเริ่มปล่อยของมากขึ้นให้ความรู้สึกหรูหรามีระดับแบบเต็มๆ แถมในช่วงนี้จะมีความ Unisex หน่อยๆ พอให้จับต้องได้ และเมื่อถึงคราวของ Base Notes งานนี้พิมเสนเริ่มจัดเต็มเลย โดยจะมีโทนวู้ดดี้ออกทาง Smoky หน่อยๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและละมุนจมูกมาก และยังไม่พอกลิ่นหอมดอกไม้สีขาวอ่อนๆ จะยังคงตามมาผสมกับพิมเสนอยู่ ทำให้กลิ่นจะเย้ายวนนุ่มจมูก แล้มไปด้วยความเป็นสบู่อ่อนๆ ให้รู้สึกสะอาด ให้อารมณ์สีขาวแบบเรียบหรูและดูดีงามด้านกลิ่นสุดๆ เออ นี่แหละ น้ำหอมที่ประทับตราอย่าง Tom Ford มันต้อง Elegance แบบนี้

เหมาะสำหรับ – ผู้หญิงวัยทำงานขึ้นไปครับ กลิ่นอาจจะเข้าถึงยากนิดนึงในช่วงต้น อาจจะต้องผ่านน้ำหอมหลายๆ ประเภทมาพอสมควร ถึงจะฟิน แต่ถ้าทนได้ที่เหลือคือความมีคลาสสุดๆ แล้วล่ะครับ สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์เช่นทำงาน พบปะผู้คน ออกงานทางการ เพราะกลิ่นนี้จะบ่งบอกถึงรสนิยมที่เรียบหรูดูดีของผู้ใส่ และสร้างความน่าเชื่อถือได้ดีเลยทีเดียว กลิ่นไม่เหมาะกับการใส่ไปออกกำลังกาย หรือเที่ยวกลางคืนก๊งยาดองหรือเหล้าเป็นลำยองเลย เหมาะกับปาร์ตี้แบบชิคๆ หรือหรูๆ มากกว่า ส่วนคุณผู้ชายครับ ใส่น้ำหอมตัวนี้ได้อยู่ เพราะกลิ่นค่อนไปทาง Unisex อยู่ในระดับหนึ่งครับ

ความทน – เกิน 8 ชม. สบายๆ เผลอๆ ถึง 12 ชม. ก็อาจจะเป็นเรื่องปกติสามัญมากๆ สำหรับรุ่นนี้

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วง Top ที่เหลือจะกระจายดีไปเรื่อยๆ จนกระจายปานกลางในช่วง Base ซักระยะทิ้งความเย้าของพิมเสนที่สว่างไสวแบบสีขาวให้คนรอบข้างได้กลิ่นได้เป็นอย่างดี ก่อนจะเป็น Skin Scent จนหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – ตรงๆ ผมซื้อมาแบบแบ่งขายครับ เพราะเห็นราคาขวดเต็มแล้ว ขอยาดม ยาลม ยาหม่อง ยาหอมหน่อยเถอะ จะแพงไปไหนเนี่ยยยยยย เช่นนั้นถนอมใช้สุดฤทธิ์ต่อไป และถ้าอยากใช้ตัวใกล้เคียงที่อาจจะไม่ได้คล้ายมาก แต่ราคาพอทำใจได้ แนะนำ Narciso Rodriguez – Narciso EDP (ขวดขาว) ครับ น่าสนใจไม่แพ้กันเลย