วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: S.T. Dupont pour Homme


S.T. Dupont pour Homme

ถือว่าเป็นตัวเอกของแบรนด์นี้ในฝั่งน้ำหอมผู้ชายเลยทีเดียว กับการสื่อถึงความเป็นสุภาพบุรุษที่มีทั้งความหวานแกล้มสดชื่น เซ็กซี่แกล้มหนักแน่น และอบอุ่นและนุ่มนวลแบบมีระดับ นี่คือ S.T. Dupont pour Homme ครับ 

Top Notes บอกเลยว่า ใกล้เคียงกับ Cartier Declaration พอสมควร เพราะกลิ่นเปิดจะมาในโทนเครื่องเทศโทนหวานแกล้มความสดชื่นกับเม็ดผักชี เม็ดกระวาน และพริกไทย ทำให้ออกมาเป็น “น้ำจิ้มสะเต๊ะ” ชัดๆ แต่ไม่ได้หนักหน่วงมาก เพราะมาในระดับที่กลางๆ ค่อนไปทางเบาๆ ไม่ถึงกับชวนหิว ซึ่งหลังจากพ้นช่วงนี้จนเข้าช่วง Middle Notes กลิ่นเริ่มเปลี่ยนมาในโทนที่แมนมากขึ้น เพราะกลิ่นของไม้ซีดาร์จะปล่อยความสะอาดแบบเนื้อไม้หอมที่ทำให้กลิ่นดูออกทางหนักแน่นกำลังดีแกล้มด้วยความสดชื่นติดเขียวของเปลือกเบิร์ธจางๆ โดยมีโทนแป้งออกทางนวลๆ ให้ความรู้สึกเซ็กซี่แบบแมนๆ ของดอกไอริสจางๆ กลิ่นในช่วงนี้เปลี่ยนจากช่วงต้นไปพอสมควรเลย แม้จะมีกลิ่นหวานๆ ติดมาบ้างก็ตาม จนปิดท้ายที่ Base Notes งานอบอุ่นก็เลยมาเยือน โดยแม้จะมีกลิ่น Musk เป็นตัวให้ความนุ่มเย้าสะอาดรองพื้น แต่จะมีตัวเด่นอย่างแอมเบอร์มาให้ความอบอุ่น โดยมีโทนดอกไม้ครีมมี่มาตัด เลยทำให้กลิ่นออกทางนุ่มนวลสะอาดสะอ้านไปด้วยในตัว ครบทั้ง 3 ความรู้สึกที่จะทำให้คนใส่มีอะไรในเนื้อกลิ่นที่น่าสนใจได้อยู่ครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นมีความภูมิฐานในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับชิลล์ไม่ได้นะครับ เพราะสามารถใส่ได้ครอบจักรวาลพอสมควรทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะงานทางการหรือไม่ทางการ แต่ถ้าเป็นการออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด เที่ยวกลางคืนในบ้านเราก็จัดได้สบายๆ ครับ เพราะมันมีความเซ็กซี่แอบแฝงในเนื้อกลิ่นไม่ใช่น้อย

ความทน – กลิ่นทนดีเลยทีเดียวครับ กับ 8 ชม. สบายๆ อาจจะบวกบนิดหน่อยตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และจะลดมากระจายกำลังดีไปเรื่อยๆ เมื่อปลายๆ ช่วงท้ายจึงกลายเป็น Skin Scent ครับ

ทิ้งท้าย – กลิ่นนี้ถือว่ามีความร่วมสมัยที่ใช้ได้เรื่อยๆ เลย ซึ่งถ้าต้องการจะฉีกจากน้ำหอมผู้ชายแนวที่คนส่วนใหญ่ใช้ ตัวนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะครับ 

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Jo Malone – Sweet Lime & Cedar


Jo Malone – Sweet Lime & Cedar

กลิ่นของครัวไทยในบ้านไม้หรือเรือนไทยที่สะอาดสะอ้าน ที่มีเครื่องเทศสมุนไพรและสิ่งต่างๆ ที่เอาไว้ใช้ประกอบอาหารมันดูคลาสสิคและวินเทจมากเลยนะครับ ซึ่ง Jo Malone เอาสิ่งนี้ไปเป็นแรงบันดาลใจในการทำน้ำหอมของแบรนด์เลยนั่นคือรุ่นนี้ครับ Sweet Lime & Cadar 

แรกเริ่มยามฉีด สิ่งที่เข้ามาในความทรงจำเลย คือ กลิ่นของเครื่องยำหรือเครื่องต้มยำที่แม้ไม่มีข่า ตะไคร้ แต่มีโทนซิตรัสของมะนาวกลั้วกับกลิ่นส้มจางๆ แอบมีกลิ่นใบมะกรูดหน่อยๆ และมีกลิ่นของพริกไทยสีสมพูที่จะมาให้โทนหวาน มันก็ใช่เลย แต่ข้อดีคือการที่มีพริกไทยสีชมพูเข้ามาแทนที่สมุนไพรแบบไทยๆ ที่ใช้ทำอาหาร มันเลยไม่ออกไปในทางของกินมากเกินไปนัก

จนเมื่อกลิ่นเหล่านี้เริ่มจางลงยกเว้นมะนาว กลิ่นโทนดอกไม้จะเริ่มอ้อยอิ่งขึ้นมา เหมือนเรือนครัวอยู่ในสวนที่มีดอกไม้ขึ้นโดยรอบ ไม่ว่าจะป็นกระดังงาและมะลิ โดยจะกลั้วไปกับกลิ่นเครื่องเทศอย่างเม็ดกระวาน และมีกลิ่นกะทิและกลิ่นน้ำมะขามเปียกจางๆ ให้รับรู้ ได้อารมณ์เตรียมทำมัสมั่นแกงแก้วตากำลังดี เพียงแต่ว่าไม่ได้ออกไปทางของกินเท่าไหร่ ออกแนวได้ฟิลลิ่งมากกว่า เพราะมีลาเวนเดอร์มาตัด จึงมีความอ่อนโยนสบายๆ ในเนื้อกลิ่นไม่ใช่น้อยเลย

และปิดท้ายกันที่ความรู้สึกแบบเรือนครัวที่เป็นไม้ ด้วยการนำกลิ่นของไม้ซีดาร์ที่จะให้อารมณ์นิ่งๆ ขรึมๆ ขลังๆ มาเป็นตัวแทน โดยจะมีกลิ่นอาย Smoky หน่อยๆ และโทนครีมมี่นุ่มๆ ให้รู้สึกได้แบบบางเบา โดยยังมีกลิ่นมะนาวติดโทนหวานจางๆ ให้รู้สึกได้ นุ่มนวล อบอุ่น และผ่อนคลาย นี่แหละครับ Jo Malone – Sweet Lime & Cedar

เหมาะสำหรับ – ได้หมดทุกเพศครับ กลิ่นแบบนี้มันคุ้นชินกันอยู่แล้ว สามารถใส่ได้หมดแทบจะทุกวัยด้วยซ้ำสำหรับคนไทย ซึ่งสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทำงาน ชิลล์ๆ พักผ่อน ออกกำลังกายได้หมด เพราะกลิ่นไม่รบกวนใคร ส่วนเที่ยวกลางคืนอย่าเลย ไม่เหมาะนัก เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่า ตกลงจะมาเมาหรือมากินข้าวแล้วกลับบ้านกันแน่

ความทน – เพราะเป็น Cologne ความทนจะไม่เกิน 6 ชม. ซึ่งอาจจะทนมากกว่านี้ถ้าเคมีได้ และอัดสเปรย์พอตัวเลยทีเดียว เช่น ผมอัดสเปรย์ไปที่ 9 สเปรย์ ทนได้ถึง 8 ชม. ได้อยู่

การกระจาย – Jo Malone หรือหนึ่งในน้ำหอมที่จะได้อารมณ์แบบเสียงกระซิบที่จะมาแบบเบาๆ แต่ตราตรึง เช่นนั้นการกระจายจะไม่ได้มาแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่รีบร้อน คนรอบข้างอาจจะไม่ได้กลิ่นจากเรา หรือได้แบบบางเบา แต่คนใส่รับรู้แน่ๆ ว่ายังมีกลิ่นอยู่ เข้าทางไม่รบกวนใครนั่นเอง ซึ่งตัวนี้ก็เป็นเช่นนั้น แถมช่วงท้ายๆ ออกทาง Skin Scent เสียด้วย

ทิ้งท้าย – ขอแจ้งว่าตัวนี้เลิกผลิตไปแล้วครับ เฮ้อออออออ! ถนอมของที่มีสุดฤทธิ์ก็คราวนี้ -___-“

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Liz Claiborne - Curve for Men


Liz Claiborne - Curve for Men

นี่คือหนึ่งในตัวยอดฮิตของแบรนด์ Liz Claiborne เลยทีเดียว ถึงขั้นมี Flanker แตกตัวออกไปแบบมากมายก่ายกองเต็มไปหมดจนจะตามใช้ไม่ทันเอาได้ถ้าชอบไลน์นี้เข้า ซึ่งในเมื่อเขาฮิต ผมก็ตามเทรนด์กับเขานิดนึง เพราะประทับใจรุ่นอื่นขจองแบรนด์นี้มาก็พอสมควร เช่นนั้นขอเจอกันหน่อยกับ Curve for Men ครับ 

เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงฮิต กลิ่นมันออกทางหอมสดชื่นนวลๆ เข้าถึงง่าย ใช้ง่าย มหาชนชอบ สามารถใช้ได้ครอบจักรวาลเลยทีเดียว ได้หมดทุกอารมณ์ทั้งสุภาพ สบายๆ ขี้เล่น กรุ้มกริ่ม สดใส คือมันแตะได้หมดจริงๆ เพราะ Top Notes เปิดมาก็หอมชวนประทับใจเลย แบบสามารถทำให้เสียเงินซื้อได้แบบไม่ต้องรอช่วงอื่น เพราะจะมากับกลิ่นของสับปะรดกลั้วเลมอน แบบมีลาเวนเดอร์กับกลิ่นโทนใบไม้เขียวๆ หอมๆ มาตัด ทำให้กลิ่นออกทางสดชื่นนุ่มจมูกมากตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว กลิ่นแบบว่าใครได้กลิ่นก็จะชอบไม่อยากเลย จนเมื่อเข้า Middle Notes ความสดชื่นยังไม่ไปไหน แต่ความนุ่มนวลออกทางกรุ้มกริ่มจะเริ่มมาเยือน เพราะยังมีโทนซิตรัสอยู่ แต่จะมีความสดชื่นแบบเขียวๆ ฉ่ำๆ ของกระบองเพชรและออกทางติดหวานด้วยขิง เคล้าความหอมออกทางแป้งนุ่มๆ ของดอกไวโอเล็ต กลิ่นจะหอมชวนสบายจมูกมาก ไม่มีคำว่าคมในเนื้อกลิ่นแล้ว และปิดท้ายที่ Base Notes กับ 3 เกลอยอดฮิตที่รวมตัวกันแล้วยังไงก็หอมสะอาด อบอุ่น นุ่มจมูกอย่างแอมเบอร์ Musk และไม้จันทน์หอมกับโทนวู้ดดี้อื่นๆ โดยจะมีโทน Smoky นิดๆ จากหญ้าแฝก และความสดชื่นที่ยังไม่ไปไหนจากพริกไทย ถือว่าครบถ้วนมากๆ กับน้ำหอมที่หอมนุ่มนวล ที่อาจจะดูธรรมดา แต่จริงๆ ไม่ธรรมดา และหอมเข้าถึงง่ายมากจริงๆ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ขึ้นไป กลิ่นครอบจักรวาลเลย และแตะได้ทุกช่วงอายุเลยครับ ได้หมดทั้งความเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน และวัยอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทารกน้อย สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ทั้งยามกลางวันและกลางคืน เพียงแต่ถ้าใส่ไปกินเหล้าอาจจะโดนเหล้ากลบเสียเยอะเท่านั้นเองครับ

ความทน – 6 ถึง 8 ชั่วโมง อยู่ที่จำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีด และเคมีบางส่วนครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ลดลงมากลางๆ ไปเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent ในช่วงเบสที่จะตีขึ้นยามร่างกายทำความร้อนครับ

ทิ้งท้าย – เป็นกลิ่นที่น่าสนใจไม่น้อย และเข้ากับอากาศบ้านเรามากเลยทีเดียว แต่ไม่มีเคาน์เตอร์ในไทย จบกัน -___-"

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Oscar de la Renta - Oscar for Men

Oscar de la Renta - Oscar for Men

หนึ่งในแบรนด์ชื่อดังด้านแฟชั่นที่เรื่องชุดเดรสของผู้หญิงต่างๆ เหล่าเซเลบหรือดาราก็คว้าไปใส่ในงานพรมแดงต่างๆ ก็มากมายไม่น้อย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเน้นทางผู้หญิงครับ แต่ในส่วนของน้ำหอมก็มีน้ำหอมชายอยู่เช่นกัน แม้จะมีไม่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่ไม่ควรมองข้ามไม่ใช่น้อย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ รุ่น Oscar for Men นั่นเอง 

Top Notes มาเต็มมากครับกับพริกไทย ซึ่งจะไม่ได้ฉุนมากเพราะมีกลิ่นโทนซิตรัสของส้มและมะกรูดมาตัด ตามด้วยกลิ่นโทนเขียวสะอาดมาเบรก จึงกลายเป็นพริกไทยที่สดชื่นนุ่มๆ กลิ่นบ่งบอกถึงความแมนกันตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว ซึ่งพอเข้าสู่ช่วง Middle Notes กลิ่นโทนสดชื่นติด Spicy ในช่วงต้นจะมารวมตัวกับกลิ่นโทนเย็นวาบๆ สะอาดๆ ของจันทน์เทศและกลิ่นแมนแน่นๆ ของกานพลู แน่นอนว่ากลิ่นยังคงแมนมากเพราะพริกไทยก็ยังเด่นอยู่ แต่เพราะมีกลิ่นโทนดอกไม้ที่ออกทางแป้งหอมกำลังดี มีลาเวนเดอร์กับลิลลี่มาผ่อนคลายเบรกเอาไว้ เลยจะได้เป็นความแมนแบบนุ่มนวลกำลังดีไปเรื่อยๆ ดูเป็นสุภาพบุรุษที่มีคลาสมีระดับไม่ใช่น้อย จนเมื่อ Base Notes เข้ามาแทนที่กลิ่นโทนไม้หอมและธูปจะเด่นมากขึ้น แต่ไม่ได้มาแบบหนักหน่วง มาแบบอ่อนๆ ให้อารมณ์เบาๆ มีกลิ่นหนังจางๆ กับ Musk มาหนับหนุนให้กลิ่นออกทางแมนนุ่มมากขึ้น โดยมีความอบอุ่นจางๆ ไปตลอด ซึ่งภาพรวมมาครบเลยถึงน้ำหอมที่บ่งบอกถึงผู้ชายที่สดชื่น สะอาด นุ่มนวล มีระดับและอบอุ่นกำลังดี โดยที่ไม่เหมือนใครเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป แม้ว่ากลิ่นตัวนี้จะอยู่กลางๆ ระหว่างความเป็นน้ำหอมออกโทนผู้ใหญ่หน่อยๆ แต่ในเนื้อกลิ่นมันก็ทันสมัยไม่น้อย เป็นกลิ่นที่เข้าถึงได้ง่ายเลยทีเดียว สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน และสถานการณ์ทั่วๆ ไปยามกลางคืน กลิ่นอาจจะไม่ค่อยเข้าทางการใส่เที่ยวกลางคืนมากนักก็จริง แต่ก็พอใส่ไปได้อยู่ครับ

ความทน – 8 ชั่วโมงขึ้นไปสบายๆ กับจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากเลยในช่วงต้น และจะลดลงมากระจายกลางๆ ไปตลอด จนเมื่อช่วงท้ายจึงเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวและ Skin Scent ตามลำดับ

ทิ้งท้าย – เป็นหนึ่งในน้ำหอมที่มีระดับมากเลยนะครับ ซึ่งถ้าชอบกลิ่นสดชื่นแมนๆ นิ่งๆ และไม่อยากเหมือนใคร ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะครับ


วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Gucci pour Homme II


Gucci pour Homme II 

หนึ่งในน้ำหอมที่สามารถทำให้คนที่ดมผ่านๆ สามารถทำให้ตัดสินใจซื้อได้ในทันทีเลยทีเดียวของแบรด์ Gucci กับความเข้าถึงได้ง่าย มีระดับและชั้นเชิงในเนื้อกลิ่นที่ทำให้มหาชนชอบได้ไม่ยาก นี่คือ Gucci pour Homme II ครับ 

เปิดตัวกันเต็มๆ กับ Top Notes ที่จะมาแบบสดชืิ่นติดเขียวนุ่ม โดยจะมีโทนหวานโปร่งๆ จางๆ มาให้รู้สึกได้จากใบไวโอเล็ต ซึ่งแน่นอนต้องมีโทนซิตรัสเข้ามาเสริมกลิ่นในช่วงนี้จะดึงดูดกันเลย เพราะใบไวโอเล็ตจะมีกลิ่นออกออกทางเย้ายวนเซ็กซี่อยู่ในตัวอยู่แล้ว และเมื่อเข้าสู่ช่วง Middle Notes กลิ่นชาดำจะค่อยๆ ปล่อยของออกมาจนเต็มที่ โดยมีอบเชยผสานทำให้ติดเครื่องเทศในเนื้อกลิ่นแบบคมๆ เลยทำให้หวานกำลังดี ติด Spicy ที่ออกทางสดชืิ่นพอสมควร ซึ่งกลิ่นชาจะยังอยู่ยาวนานไปถึงช่วงท้ายๆ ซึ่งใน Base Notes จะไปผสมผสานกับใบยาสูบที่จะให้ความหวานเย้ายวนแบบแมนๆ และมี Musk ให้ความนุ่มเย้าสะอาด ซึ่งจะมีโทนวู้ดดี้บางๆ ติดเขียว และมีโทน Smoky หน่อยๆ ให้รู้สึกได้ แบบว่ากลิ่นผสมผสานกันออกมาได้อย่างหมดจดจริงๆ ทุกอย่างสื่ออกมาถึงผู้ชายดูแลตัวเอง เท่ห์ๆ จะชิลล์ก็ได้ จะเมโทรก็ดี จะนิ่งๆ มีภูมิก็เหมาะ มาครบกันเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปครับ กลิ่นเข้าถึงง่ายแบบแฝงไปด้วยความเย้ายวนกำลังดี กลิ่นมีภูมิพอสมควร ทำให้คนใส่มีเสน่ห์ที่คาบเกี่ยวไปได้ทั้งความเนี้ยบและทั่วๆ ไปสบายๆ ซึ่งตัวนี้ครอบจักรวาลได้เลยในการใช้งานทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการ ยิ่งใส่ทำงานหรือออกงานยิ่งเหมาะมาก ใส่เที่ยวกลางคืนแบบอากาศบ้านเราก็สามารถครับ

ความทน - 8 ชั่วโมงสบายๆ อาจจะบวกลบไม่มาก ขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย - เป็นหนึ่งในน้ำหอมที่กระจายกลางๆ ไม่ได้เน้นกระจายแบบเอาเป็นเอาตาย ซึ่งในช่วงท้ายๆ จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวคนที่เข้ามาอยู่ใกล้ๆ จะได้กลิ่น

ทิ้งท้าย - ได้ข่าวว่าตัวนี้จะเลิกผลิต ซึ่ง Gucci นี่ก็แปลก ตัวดีๆ นี่หยุดผลิตกันอยู่เรื่อย ทั้งๆ ที่ของมันดีงามมากเลยทีเดียว อ้อ ที่สำคัญกลิ่นนี้คนที่สูบบุหรี่ใช้แล้วจะช่วยทำให้กลิ่นบุหรี่ที่ติดตามตัว มีความหอมเฉพาะบุคคลด้วยนะครับ จากอิทธิพลของใบยาสูบในน้ำหอมตัวนี้เน้นๆ เลย ^^

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Montale - Rose Night


Montale - Rose Night 

หลังจากที่ได้ทราบข่าวว่า Montale น้ำหอม Niche ดังมากมายของฝรั่งเศสมาเปิด Shop ในไทยที่ภูเก็ต ไม่รอช้าก็หาทางมาครอบครองให้ได้เพราะไม่ได้เจอแบบนี้กันบ่อยๆ เช่นนั้นกลิ่นแรกของ Montale ที่ผมได้ใช้แบบเต็มๆ นั่นคือ Rose Night ครับ 

เพราะว่าน้ำหอมส่วนใหญ่ของ Montale จะมาแบบ Power House กระจายดีและแน่นหนา เลยเตรียมใจกันไว้ก่อนเลยว่ามาเต็มแน่ๆ แถมชื่อรุ่นก็สื่อชัดว่าเป็นกุหลาบอีก แต่กลับกลายเป็น Amazing มากมาย เพราะว่ากลิ่นเปิดจะมาแบบกุหลาบช่วงย่ำค่ำ กลิ่นไม่ได้ถึงกับแน่นมาก มีโทนเขียวจางๆ ในเนื้อกลิ่นเหมือนเวลาเราขยี้กลีบกุหลาบแล้วเอามาดม เพียงแค่ไม่นานกลิ่นของกุหลาบจะเริ่มแน่นขึ้นตามลำดับเข้าสู่ช่วงกลาง ราวกับกุหลาบยามกลางดึกที่กลิ่นจะหอมกระจายแบบลึกล้ำ แต่ความแน่นจะมาแบบโปร่งๆ ไม่ได้ทำให้อึดอัดแต่ประการใด แถมออกโทนแป้งกลิ่นกุหลาบที่ติดสะอาดกำลังดีเสียด้วยซ้ำ โดยจะเริ่มมีโทนของพิมเสนเข้ามาเสริมทำให้กลิ่นเป็นโทนUnisex แบบหอมนวลๆ นุ่มเย้าไปตลอดเสียด้วย ก่อนจะปิดท้ายที่กลิ่นกุหลาบแบบยามใกล้เช้า โดยจะมีโทนอบอุ่นของโทนวู้ดดี้กลั้ว Musk แบบนุ่มเย้าที่มีความแน่นกำลังดี พิมเสนก็ยังมาเต็ม และกลิ่นกุหลาบยังมีอยู่ให้พอรู้สึกได้ โดยจะเป็นกลิ่นออกทางติดเย้ายวนแบบหรูหราเป็นอย่างดี แบบใครที่ชอบกุหลาบจะปลื้มได้ไม่ยากเลยครับ

เหมาะสำหรับ - น้ำหอมตัวนี้เป็น Unisex เช่นนั้นใช้ได้ทั้งหญิงและชายครับ เพียงแต่จะเปิดโทนกลิ่นด้วยความเป็นผู้หญิงก่อน ตามด้วย Unisex และออกทางแมนๆ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทำงาน พบปะผู้คน งานทางการ หรือทั่วๆ ไป ยกเว้นการออกกำลังกายที่ไม่เข้าทีเลย ส่วนกลางคืนจัดไปครับ กลิ่นกุหลาบที่ออกแป้งในช่วงกลาง มันมีความลึกล้ำแบบกลางคืนชัดอยู่ไม่น้อยครับ

ความทน - 8 ชั่วโมงขึ้นไปสบายๆ ส่วนตัวเจอมา 10 ชม. เป็นปกติในวันอากาศร้อนๆ เสียด้วยซ้้ำ

การกระจาย - กลิ่นจะกระจายดีมากในช่วงต้น และลดมากระจายเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง จนผันเป็น Skin Scent อบอุ่นในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - ผมเองก็ไม่ได้เป็นสาวกน้ำหอมกุหลาบจ๋าๆ เท่าไหร่ แต่ถ้ากุหลาบตัวไหนกลิ่นออกทางผู้ชายใช้ได้มักจะต้องหามาใช้เสมอ เช่นนั้น ตัวนี้เป็นอีกตัวที่ผมประทับใจมากเลยทีเดียวครับ

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Coach for Women EDT


Coach for Women EDT

สาวๆ ทั้งหลายเห็นแบรนด์นี้ต้องนึกถึงกระเป๋ากันแน่ๆ ซึ่งผมเห็นเพียบเลยทั้งของจริงและปลอมแบบเนียนกริ๊บ และปลอมแบบว่าช่างกล้า แบบว่าทำแบรนด์เป็น Cock แทนก็อบ Coach น่าจะรุ่งกว่านะ ซึ่งนอกเหนือจากกระเป๋าแล้วน้ำหอมก็มีและน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งเมื่อผมได้ใช้เพราะอยากรู้ว่ารุ่น Coach for Women EDT เป็นยังไง ผลออกมาคือ 

แอร๊ยยยยยยยยยย! มันสาวอ่ะแกร๊ สาวมากกกกกกกกก แอร๊ยยยยยยยยย! ขอแบบนี้เลยดีกว่า เพราะเปิด Top Notes ก็สาวสดใส อ่อนหวาน กันเลยทีเดียว กับโทนแป้งติดเขียวสะอาดที่ออกทางสดชื่นด้วยกลิ่นส้มและฝรั่งสุกๆ แบบว่ามาด้วยกลิ่นคุณหนูกันตั้งแต่ต้นเลย แทบจะหยิบเดรสสีขาวฟูฟ่องเดินลู่ลมมาใส่ แบบไม่ต้องรอคนมานินทาให้เสียเวลาว่า “ไม่แต่งหญิงซะเลยล่ะ ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้” ยังไม่พอพอเข้า Middle Notes งานสาวต้องมา และมาเต็มมากกับกลิ่นมะลิ จะมะลิไปไหนเนี่ย กลิ่นหอมบริสุทธิ์เป็นสาวน้อยขนาดนี้ เพราะมีโทนครีมมี่ของดอกซ่อนกลิ่นกับโทนหอมสดชื่นของดอกส้มมาดันให้มะลิเป็นโทนแป้งที่หอมอ่อนหวานกันเลยทีเดียวเชียว แอร๊ยยยย! เมื่อไหร่จะหยุดสาวเนี่ย ซึ่งกลิ่นมะลินี่แหละจะอยู่ยาวนานไปจน Base Notes ที่จะมีโทนวู้ดดี้อ่อนๆ มาทำให้กลิ่นมะลิดูนิ่งขึ้น กลิ่นอบอุ่นเบาๆ คุมโทนการเป็นกลิ่นออกทางแป้งครบถ้วนไม่หนีไปไหนเลยจริงๆ แต่ตรงๆ เลย ส๊าวววววววสาวววววว ภาพรวมนี่สาวอ่อนหวาน คุณหนู สบายๆ น่ารัก คือมาครบเลยล่ะครับ (ผมรู้สึกพลาดนะ ใส่ตัวนี้ บอกเลย!)

เหมาะสำหรับ – ผู้หญิงทุกเพศทุกวัยครับ กลิ่นใช้ง่าย หอมสดชื่น กลิ่นออกทางแป้งหอมน่ารักกำลังดีเลยครับ และไม่ได้หนักหรือแน่นเกินไปด้วย สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน อยากเสริมสร้างความสดใสน่ารักและอ่อนหวานแบบดอกไม้สีขาวให้ชีวิต ส่วนกลางคืนใส่กับอากาศร้อนๆ พอไหว แต่ถ้าไปเมาเป็นลำยองหลายสามี กลิ่นไม่เข้าทางและเข้าทีอย่างแรงครับขอบอก

ความทน – เป็นรุ่น EDT ที่เป็น Lighter Version ของ EDP ความทนเลยพอประมาณที่ไม่เกิน 6 ชม. ครับ ซึ่ง EDP น่าจะทนกว่านี้

การกระจาย – กระจายดีในช่วงต้นและกลาง และพอเข้าช่วงท้ายจะเป็นออร่าอ่อนหวานกำลังดีรอบตัวครั

ทิ้งท้าย – คือตอนที่ใส่ตัวนี้ โดนล้อทั้งวัน พูดเลย มันไม่เข้ากับการมาอยู่บนตัวผู้ชายจริงๆ ครับ เพราะทุกคนอาจจะคิดได้ว่า Grand Opening เป็นสาวหวานไปที่เรียบร้อย เช่นนั้น คุณผู้หญิงเหมาะกว่ามากจริงๆ ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Aramis – Havana


Aramis – Havana 

ขึ้นชื่อว่า Aramis น้ำหอมผู้ชายแทบทุกตัวจะมีความเป็นสุภาพบุรุษจัดเต็ม และมีกลิ่นอายออกทาง Old School ที่สื่อความเหนือกาลเวลาในการใช้งานอยู่เสมอ ซึ่งรุ่นที่จะมาบอกเล่านี้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นกลิ่นอายสุภาพบุรุษแน่ๆ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ กับรุ่น Havana ครับ 

กลิ่นที่ได้ของตัวนี้จะบอกกันชัดเจนถึงคำว่าสุภาพบุรุษที่มีชั้นเชิง มีความนิ่งและเท่ห์มากเลยทีเดียว เพราะเปิดตัวที่ Top Notes อย่างสมุนไพรติดหวานแน่นๆ กันเลยทีเดียว กลิ่นในช่วงติดทาง Old School พอสมควร แต่ไม่ล้าสมัย แน่นอนว่าถ้าเอาแค่ช่วงนี้หลายๆ คนอาจจะขอบาย แต่ถ้าผ่านไปที่ Middle Notes โทนสมุนไพรจะผันตัวมารองพื้นด้สนหลังดันให้กลิ่นของใบยาสูบแสดงตัวออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก กลิ่นมีความเย้ายวนติดหวานแบบแมนจัดชัดเจน ไม่มีมาชวนเตะบอล มีแต่ชวนไปดื่มแบบเท่ห์ๆ เสียมากกว่า ซึ่งจะมีกลิ่นของอบเชย และกลิ่นเหล้ารัมช่วยทำให้กลิ่นนี้ออกทางเซ็กซี่ดึงดูดมากเข้าไปอีก ซึ่งไม่แค่นั้น Base Notes ก็ขอมาเต็มด้วยความแมนอย่างต่อเนื่อง เพราะใบยาสูบยังคงอยู่แต่มีจะหญ้าแฝกและโทนไม้หอมมาทำให้กลิ่นออกทางอบอุ่นติด Smoky เสริมด้วยกลิ่นเขียวแมนๆ ของ Oak Moss และความเย้ายวนนุ่มนวลของพิมเสน ซึ่งแมนจัด กลิ่นแบบสุภาพบุรุษคลาสสิคกันเต็มๆ ซึ่งต้องยกให้เขาเลยครับว่ากลิ่นนี้เป็นอีกหนึ่ง Masterpiece ที่ Aramis ได้ปล่อยของออกมาเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นออกทางภูมิฐานกลั้วเซ็กซี่เย้ายวนพอสมควร สามารถใช้ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ยิ่งงานทางการใส่สูทเท่ห์ๆ มันใช่มาก ใส่กลางคืนก็ใส่ได้ครับ กลิ่นมันมีความเย้ายวนกันเต็มๆ อยู่แล้ว แต่ขอเรื่องใส่ออกกำลังกายก็พอครับ มันแน่นไป เดี๋ยวตายกันเสียก่อน ความทน – 10 ชั่วโมงกลิ่นยังตีขึ้นหนำใจพระเดชพระคุณท่านมากครับ และลากยาวไปที่ 12 ชั่วโมงได้สบายๆ เลย ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากตามประสาน้ำหอมที่มีกลิ่นโทนออกทาง Old School และจะกระจายดีไปตลอดจนถึงช่วงกลางๆ ของ Base Notes ก่อนจะลดระดับมากระจายกลางๆไปเรื่อยๆ ครับ

ทิ้งท้าย – ตัวที่ผมได้มานี้ เป็นรุ่น Relaunch ซึ่งไม่เคยได้ลองรุ่น Vintage มาก่อน เลยเปรียบเทียบไม่ได้นะครับ ขอโทษกันตรงนี้ และอีกอย่างรุ่นนี้ ใครสูบบุหรี่แนะนำเลย กลิ่นจะทำให้คุณตัวหอมขึ้นมามากเพราะทั้งหญ้าแฝกกับยาสูบจะมาช่วยกลบให้กลิ่นบุหรี่ที่ติดตัวไม่หนักหน่วง แถมหอมเป็นเอกลักษณ์ได้ไม่ยากครับ

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Narciso Rodriguez For Him EDP Intense


Narciso Rodriguez For Him Eau de Parfum Intense

เรียกได้ว่าขนมาหมดทั้งความเป็น EDP ไม่พอ ยังจ่อต่อเนื่องด้วยความ Intense เอาให้แน่นกันไปเลยทีเดียวกับหนึ่งใน Flanker น้ำหอมผู้ชายของ Narciso Rodriguez ที่รุ่น for Him ปกติความดีงามมันช่างล้นเหลือ แถมรุ่น Musc ก็จัดเต็มแน่นเซ็กซี่สุดช่วงตัว ซึ่งพอมาเป็นตัวนี้จะออกรูปไหน เลยมาบอกเล่ากันครับกับ Narciso Rodriguez for Him EDP Intense

หลายๆ คนมักจะบอกว่าตัวนี้กลิ่นใกล้เคียงกับรุ่น For Him Musc มากพอสมควร เปลี่ยนแค่กลิ่นต้นนิดหน่อย ซึ่งใช่ไหม ก็ใช่เลยล่ะครับ เพียงแต่ในรุ่น EDP Intense มันจะออกโทนเครื่องเทศมากกว่า เพราะเปิดตัวด้วยกลิ่นออกทางไวโอเล็ตผสานกับพริกไทยสีชมพู โดยมี Musk ที่เป็น Signature Note ของแบรนด์นี้หนุนหลังอยู่เต็มๆ กันตั้งแต่ช่วงนี้ ซึ่งกลิ่นของพริกไทยสีชมพูจะเด่นมากเลยทีเดียวให้ความรู้สึกหวานกำลังดี มีโทนแป้งนุ่มๆ ของไวโอเล็ตดันดาราให้อยู่ข้างหลัง จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางโทนแป้งหอมยังคงอยู่เพราะไอริสจะมาร่วมด้วยช่วยกัน ที่สำคัญกลิ่นที่ตีคู่และชัดขึ้นจนเต็มเหนี่ยวอย่าง Musk จะเริ่มปล่อยของกันเต็มๆ ผสานกับจนกลายเป็นทำให้แป้งหอมคลาสสิคติดโทนหวานเครื่องเทศและโทนปลุกเร้า Animalic ที่เข้มข้นไม่น้อย ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะเซ็กซี่เย้ายวนแบบติดทางดาร์กน่าค้นหาอย่างมาก ต้องยอมรับเลยว่าปรุงออกมาได้สื่อถึงความยวนใจแกล้มความหวานได้ลงตัวไม่น้อย จนเมื่อเข้าถึงช่วงท้ายคราวนี้ Musk จะมาจัดเต็มแบบไม่แคร์สื่อ มาเต็ม มาแน่น โดยมีโทนวู้ดดี้เป็นผู้สนับสนุนรองอยู่ด้านหลังให้มีความอบอุ่นจางๆ ในเนื้อกลิ่น แน่นอนว่ายังคงความเซ็กซี่ไม่ลดราวาศอกใดๆ ทั้งสิ้น แถมบ่งบอกชัดเจนถึงความน้อยแต่ได้มากแบบ Minimalist ที่เอาอยู่เลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นค่อนข้างต้องผ่านน้ำหอมตัวอื่นๆ มาพอสมควรครับ เพราะเพียงแค่ดมผ่านๆ ก็แน่นมากเลยทีเดียวจนอาจจะผงะไปเลยได้ สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันในจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม และอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ ฉ่ำๆ เสียส่วนใหญ่ สามารถใส่ได้ทั้งงานทางการและทั่วไป แต่อย่าได้ใส่ออกกำลังกายเลยจะฆ่าผู้คนรอบตัวเอาได้นะครับ ส่วนเที่ยวกลางคืนแบบแต่งตัวดีๆ เมโทร ก็จัดไปจ้า กลิ่นเย้าแบบนิ่งๆ ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายอาจจะมีคนเข้ามาสีเกินความจำเป็นก็ได้นะนั่น ส่วนคุณผู้หญิงตัวนี้พอใส่ได้นะครับ เพราะมีโทนหวานหน่อยๆ แต่ Musky แน่นๆ ดาร์กๆ ที่น่าค้นหาแตะโจทย์ Unisex ได้อยู่ครับ

ความทน – เอาไปเลย 12 ชม. กับจำนวนสเปรย์เพียง 3 สเปรย์ ถ้าอัดหนักกว่านี้ คงนับต่อไม่ได้ว่าจะทนไปถึงไหน อาจจะแน่นจนจุกคอหอยตายไปก่อนได้

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมาก แน่น และหนักเลยทีเดียวตั้งแต่ช่วงต้น โดยจะคงการกระจายดีไปตลอดจนถึงช่วงท้ายที่จะเป็นบาเรียล้อมเราไว้เลยและลดลงเรื่อยๆ เป็นออร่ารอบๆ ตัวยามปลายๆ ช่วงท้ายครับ

ทิ้งท้าย – ใครชอบกลิ่นออกทาง Musky กลั้วติดเครื่องเทศโทนหวานจางๆ จะฟินกับตัวนี้มากครับ แต่ถ้าชอบ Musky หนักๆ เซ็กซี่แบบเน้นๆ ไม่เอาโทนหวานอาจจะปลื้มรุ่น for Him Musc มากกว่า อันนี้แล้วแต่ความชอบจริงๆ ส่วนผม “ชอบทั้งคู่คร้าบบบบบ”

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Shiseido - Zen Sun for Men


Shiseido - Zen Sun for Men 

แบรนด์เครื่องสำอางระดับโลกอย่าง Shiseido มีหรือที่จะไม่มีไลน์น้ำหอม ยิ่งได้มีโอกาสได้ลองเทสตามเคาน์เตอร์ในส่วนของไลน์ Zen ยิ่งรู้สึกถึงความนิ่ง เรียบ สดชื่น แบบธรรมชาติไม่มากไม่มายตอบโจทย์ Zen ได้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีตังค์ซื้ออ่ะ แต่วันนึงพอเห็นรุ่น Zen Sun และได้มาในราคาที่รับได้ เลยขอมาที่รุ่นนี้กันก่อนเลยว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง 

Top Notes เปิดมากับความสดชื่นแบบผลไม้กลั้วซิตรัสกันเต็มๆ ฟินจัดกันแน่ๆ กับคนชอบกลิ่นส้มยูซุ ที่จะเด่นขึ้นมาแบบติดโทนหอมหวานฉ่ำของลูกแพร์ ที่แน่ๆ มีความเย็นวาบๆ จากมิ้นท์มาเป็นระยะๆ ซึ่งมันเหมาะกับหน้าร้อนสุดๆ จริงๆ เพราะกลิ่นสร้างความสดชื่นแบบไม่คมเกินไปได้เป็นอย่างดี จนเมื่อเข้า Middle Notes โทนสดชื่นฉ่ำๆ เย็นๆ ตอนต้นจะผันเป็นเป็นผู้สนับสนุนรอง ให้โทนสดชื่นในรูปแบบแป้งสะอาดๆ เป็นผู้สนับสนุนหลักแทน กับกลิ่นของไวโอเล็ตที่จะหอมนุ่มนวล กลั้วกลิ่นสะอาดของพริกไทย กลิ่นจะหอมสะอาดติดสดชื่นไปตลอด ช่วยผ่อนคลายกันเลยทีเดียว จนปิดท้ายที่ Base Notes กับโทนวู้ดดี้อ่อนๆ ที่ยังคุมโทนสะอาด สดชื่นอยู่ไม่ได้ไปไหน แต่จะได้โทนอบอุ่นเบาๆ เข้ามาเสริมด้วย โดยกลิ่นจะออกโทนนิ่งๆ จากไม้ซีดาร์และมีกลิ่นนุ่มสะอาดของ Musk แบบกำลังดี โดยภาพรวมมันคือน้ำหอมของหน้าร้อนชัดๆ ครับ ได้ครบหมดเลยทั้งความสดชื่น สะอาด นุ่มนวล ติดหวานนิดๆ ชิลล์ๆ สบายๆ โดยที่ไม่ว่าจะตัวคนใช้และคนได้กลิ่นรอบๆ ตัวจะชอบได้ไม่ยาก

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศทุกวัย ยกเว้นทารกน้อย กลิ่นเข้าถึงได้ง่ายมาก หอมสดชื่นแบบมีระดับ ติดนุ่มนวลกำลังดี เหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ได้หมดทั้งงานทางการและไม่ทางการ ยิ่งถ้าใส่แบบชิลล์ๆ สบายๆ ยิ่งช่วยให้ผ่อนคลายได้ดีเลย ส่วนยามเย็นทั่วไปก็ใส่ได้นะครับ แต่ถ้าจะไปเมาอย่าเลยกลิ่นเบาไป ส่วนคุณผู้หญิง จริงๆ ก็ใส่ตัวนี้ได้นะครับ เพราะกลิ่นไม่ได้ออกโทนแมนจัดๆ นัก ใส่แบบทั่วๆ ไปสบายๆ ทำให้ดูสดชื่นทะมัดทะแมงไม่น้อยเลยล่ะครับ

ความทน – 6 ถึง 8 ชั่วโมงครับ ซึ่งส่วนตัวผมอัดไป 7 สเปรย์ รวมฉีดเสื้อด้านหน้าด้วย ยาวไปถึง 8 ชม. สบายๆ

การกระจาย – น้ำหอมตัวนี้จะกระจายดีในช่วงต้น และจะลดมากลางๆ จนเป็นออร่ารอบตัวในช่วงกลางถึงปลายๆ ช่วงท้าย ก่อนที่จะเป็น Skin Scent จนหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – อาจจะไม่ได้หวือหวามาก แต่กลิ่นใช้ง่ายจริงอะไรจริง ผมขอยกให้เป็นหนึ่งใน #ของดีเทคนิคไม่ต้อง สบายๆ เลยล่ะครับ

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: Giorgio Armani – Empoiro Armani Lui


Giorgio Armani – Empoiro Armani Lui

ผมเห็นน้ำหอมตัวนี้ครั้งแรก ขวดนี่มาเป็นดุ้นตั้งตรงแหน่วเลยอ่ะ ซึ่งจริงๆ ตัวนี้มีหลายชื่อต่างภาษากันเลยนะครับ ซึ่งก็สามารถเรียกได้หมดไม่ว่าจะเป็น Armani Lui หรือ Armani He ซึ่งเรียกได้เลยว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่บอกได้เลย คิดอะไรไม่ออกบอกตัวนี้ เพราะมาครบทั้งกลิ่นหอมอย่างมีระดับ สบายๆ ดูหรูหรากำลังดี บ่งบอกรสนิยมคนใส่ได้ว่าเข้าใจเลือกเลยล่ะครับ 

Top Notes เปิดตัวกันด้วยกลิ่นโทนซิตรัสแบบนุ่มๆ เพราะนอกจากจะขนเลมอนและมะกรูดมาแล้ว แต่เพราะมีส้มกับแอปเปิ้ลเขียวและสับปะรดมาตัด แถมด้วยกลิ่นออกโทนสะอาดติดหวานหน่อยๆ มาแซมทำให้กลิ่นในช่วงนี้จะออกทางสดชื่นแบบนุ่มๆ ติดสะอาดเย้าๆ กันตั้งแต่ต้น และเมื่อเข้าสู่ Middle Notes ได้เวลาของกลิ่นโทนสะอาดนุ่มจมูกจะมาแทนที่โดยจะมีกลิ่นอายวาบๆ อ่อนๆ ของจันทน์เทศผสานกับกลิ่นโทนดอกไม้หอมอ่อนๆ กำลังดีไปตลอด กลิ่นนุ่มจมูกจริงจัง หอมแบบมีระดับ โดยจะมีกลิ่นโทนวู้ดดี้รองพื้นด้านหลังค่อยๆ ปล่อยของมาเรื่องๆ จนเข้า Base Notes ที่จะได้เวลาของโทนวู้ดดี้สะอาดๆ ด้วยกลิ่นไม้จันทน์หอมจะเด่นนำ ตีคู่กับ Oak Moss ที่ให้ความแมนในเนื้อกลิ่น โดยมีกลิ่นนุ่มๆ ครีมมี่รองพื้นด้านหลัง และมีโทนอบอุ่นประปราย บ่งบอกถึงผู้ชายรสนิยมดี มี Life Style แบบคนเมืองชัดเจนเลยทีเดียวล่ะครับ 

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไป เพราะกลิ่นไม่ได้ออกทางหนักหน่วง เข้าถึงได้ง่าย ใส่แล้วหอมสดชื่นแบบนุ่มจมูกและมีคลาส สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งทางการและไม่ทางการ ที่สำคัญตัวนี้เป็น Office Scent ที่ดีมากเลยทีเดียว เพราะกลิ่นไม่ทำร้ายใครเลย แถมให้ความรู้สึกของการเป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองอีกเสียด้วย ส่วนยามกลางคืน ถ้าไปเมา ก็อย่าเลยครับ กลิ่นเบาไป สู้เหล้าไม่ได้หรอก

ความทน – 6 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งสามารถถึง 8 ชั่วโมงได้ ถ้าอัดสเปรย์ย้ำหน่อย รวมถึงพึ่งเคมีบ้างบางส่วน

การกระจาย – กลิ่นกระจายปานกลางไปตลอดจนถึงปลายๆ ของช่วงกลาง มีกลายเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย ที่ยังให้ความรู้สึกแมนสะอาด เท่ห์ และนุ่มนวลอยู่ให้รู้สึกได้

ทิ้งท้าย – กลิ่นนี้อาจจะดูไม่ได้เด็ดดวงอะไรเท่า Armani Code หรือ Acqua di Gio ที่ฮิตกันจริง แต่อย่างน้อยก็เป็นหนึ่งในกลิ่นที่ใส่ยังไงก็ผ่าน หอมสะอาดอย่างมีระดับ และมีภูมิอีกเสียด้วย ไม่งั้นคงไม่ผลิตมายาวนานตั้งแต่ปี 1998 จนถึงทุกวันนี้ ^^

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

Review: AJMal - Silver Shade


AJMal - Silver Shade 

คนส่วนใหญ่ที่ลองน้ำหอมรุ่น Silver Shade ของ AJMal มักจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันช่าง Creed - Silver Mountain Water มากกกก ในราคาที่ถูกกว่ามากด้วยเช่นกัน งานนี้ต้องสอยสิเพราะไม่มีตังค์ซื้อ Creed เมื่อได้ใช้จึงได้รู้ว่า 

ใช่เลยยยยยยยเหมือนมากกกกกก แต่ก็มีความแตกต่างให้จับต้องได้อยู่ แน่นอนว่า Top Notes กลิ่นใกล้เคียงสุดๆ กับ SWM มากจนแทบจะแยกไม่ออก เพราะจะมาในลักษณะที่เป็นโทนซิตรัสติดกลิ่นผลไม้ที่ขนมาเลยไม่ว่าจะเป็นเลมอน มะกรูดและมะนาว โดยมีกลิ่นของลูกพลัมกับแบล็คเคอแรนท์ที่จะมาแย่งซีนเป็นระยะๆ ติดกลิ่นเขียวจางๆ มาพอสมควร เหมือนมากแม้ว่า Notes กลิ่นจะไม่ได้เหมือนกันทั้งหมดก็ตาม

จนเมื่อเข้า Middle Notes ความแตกต่างเริ่มปรากฎเพราะใน Silver Shade จะไม่มีกลิ่นของชาเขียวหอมนุ่ม ติดกลิ่นรัมหน่อยๆ ในแบบ SWM แต่จะเป็นการผสมผสานโทนในช่วงต้นกับโทนดอกไม้ในช่วงกลางแทน เพราะโทนซิตรัสกลั้วผลไม้ยังคงตามมาอยู่ กลิ่นแบล็คเคอแรนท์กับมะนาวจะยังชัดเจน โดยจะมีกลิ่นของมะลิกับไอริสมาล้อมกรอบให้นุ่มนวลขึ้น จนกลายเป็นโทนออกทางแป้งหอมเซ็กซี่ติดซิตรัสกำลังดีเลยล่ะ แต่ความเหมือนก็ยังคงอยู่นะอย่างน้อยก็ประมาณ 50% ได้ ที่กลิ่นยังคงคล้าย SMW

และมาถึง Base Notes งานนี้ความต่างเริ่มชัดขึ้นพอสมควร โดยมีพื้นฐานความคล้ายอยู่พอสมควรที่ความนุ่มนวลเย้าๆ ของ Musk กับ และมีโทน Animalic เข้ามาแจมด้วยคือ Ambergris หรืออำพันทองที่จะให้กลิ่นโทนผิวกายติดเค็มนิดๆ โดยมีกลิ่นอายไม้หอมจางๆ มาผสาน แต่สิ่งที่ออกมาคือ กลิ่นชะมดเช็ดจางๆ แบบไม่มีสาปเหม็นๆ ที่เป็นตัวดันให้โทนสาปเร้าใจแบบ Animalic เด่นขึ้นมา ทำให้มีความเย้ายวน เซ็กซี่มากขึ้น โดยโทนครีมมี่นุ่มๆ ให้รู้สึกได้ไปตลอดสำหรับดึงดูดนั่นเอง

ผลการเปรียบเทียบ: กลิ่นเหมือนกันมากครับ แต่ความรู้สึกที่ได้ต่างกันแบบนี้เลย
SWM - นุ่มนวลติดเขียวสดชื่นเย้ายวนกำลังดีแบบภูมิฐานและผู้ดีหรูหราจัดๆ
Silver Shade - สาปเร้าเย้ายวนกลั้วเซ็กซี่ มีความนุ่มนวลติดหรูภูมิฐานกำลังงาม


เหมาะสำหรับ - ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปครับ กลิ่นนี้ Unisex ชัดเจน สามารถใช้ได้แบบครอบจักรวาลแทบทุกสถานการณ์เลย ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน กลิ่นให้ความรู้สึกกลางๆ ทั้งทางการและไม่ทางการณ์ได้หมด มีแค่ถ้าใส่ไปออกกำลังกายอาจจะไม่เหมาะนัก ยกเว้นรอปลายท้ายๆ ของช่วง Base Notes จะพอไหวครับ

ความทน - ประมาณ 8 ชั่วโมงครับ ซึ่งแน่นอนว่า SMW จะทนได้ยาวนานกว่าจากการเปรียบเทียบ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง ปิดท้ายด้วยเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย ใครเข้ามาใกล้ๆ ได้กลิ่นไม่ยาก

ทิ้งท้าย - ใครเห็นราคา SMW แล้ว กี๊ซซซซซ! จนเป็นลม เพราะไม่มีตังค์ซื้อล่อไป 8,500 แล้วมั้งนั่น ได้ข่าวว่า Creed จะขึ้นราคาอีกแล้วนะ เออ จะแพงไปไหนจ้ะตะเอง เช่นนั้น ตัวนี้เป็นทางเลือกที่ดีมากเลยทีเดียวครับ ในราคาไม่ถึง 1,000 บาท ห่างกันกี่เท่าล่ะเนี่ย 555555