วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Maison Francis Kurkdjian - APOM pour Homme

Maison Francis Kurkdijan - APOM pour Homme 

เป็นหนึ่งในน้ำหอมแบรนด์ที่เรียกว่างามงดในเรื่องของความเข้มข้นและกลิ่นอายที่มีความเก๋ไก๋ไม่น้อย เพราะเจ้าของแบรนด์เขาเป็นต้นทำ Le Male ให้โด่งดังขั้นสุดมาในทุกวันนี้ แยกมาเปิดแบรนด์ตัวเองเลยต้องมีความดีงามแบบที่ไม่พลาดที่จะได้ลอง เช่นนั้นเลยขอมากับรุ่นที่น่าสนใจกลิ่นอายที่แตกต่างอย่างมีระดับกับ APOM pour Homme 

กลิ่นเปิดมาใครชอบกลิ่นอายแบบผลไม้อบแห้งติดซิตรัสเบาๆ และมีกลิ่นของดอกส้มที่มาเด่นได้อารมณ์แบบผลไม้ตะวันออกกลางกลั้วความเป็นกลิ่นอายแบบเมดิเตอร์เรเนียน โดยที่ไม่มีไม้กฤษณามารบกวนให้รำคาญใจ เป็นออกแนวสบายๆ ที่สำคัญดอกส้มจะมาแบบติดหวานติดนวลครีมๆ หอมเด่นเป็นสง่าขึ้นมาก่อนเลย กลิ่นจะมีความเรียบหรูสว่างไสวไม่น้อย จนเมื่อเข้าช่วงกลางกลิ่นอายของไม้ซีดาร์จะเริ่มเข้ามาผสมผสานกับกลิ่นอายในช่วงต้นที่ยังคงอยู่ มีเครื่องเทศจางๆ ประปราย กลิ่นจะเป็นเอกลักษณ์มากเพราะไม้ซีดาร์จะมาผสมผสานกับดอกส้มจนกลายเป็นกลิ่นออกทางสบู่ดอกส้มแบบครีมๆ กลิ่นมีความนุ่มและแห้งที่ออกทางหวานกำลังดี แต่ก็มีความอบอุ่นแฝงไปอยู่ตลอด จนจะเด่นชัดขึ้นมาเรื่อยๆ ในช่วงท้ายกับกลิ่นอายของแอมเบอร์ที่มาผสานกับไม้ซีดาร์ ซึ่งจะมีกลิ่นอายหวานๆ คล้ายๆ น้ำผึ้งเข้ามาแจมกลิ่นจะหอมแบบไม้หอมอบอุ่นติดน้ำผึ้งจากดอกส้มประมาณนั้น ภาพรวมจะให้ความรู้สึกแบบเราเดินเล่นในแถบเมืองติดทะเลในตะวันออกกลางที่มีกลิ่นอายหอมๆ ของผลไม้แห้ง ดอกส้มที่นวลและเพลินจมูก มีกลิ่นขลังๆ ของไม้หอมท่ามกลางความอบอุ่นติดมีระดับหรูหราประมาณนั้นเลย

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป หรือจะยังอยู่มหาลัยก็ใส่ได้ แต่อย่างน้อยถ้าผ่านน้ำหอมกลิ่นอายของดอกส้มมาบ้างในแบบครีมๆ หรือแนวดอกไม้ขาวๆ จะเข้าถึงตัวนี้ได้ง่ายขึ้นมาก สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แบบจำกัดสเปรย์ เพราะมันเข้มข้นไม่น้อยเลยทีเดียว งดใส่ออกกำลังการเด็ดขาดตีขึ้นจนจุกตัวเองไม่พอ เดี๋ยวคนรอบข้างจะเบิร์ดกระโหลกเอาเพราะจุกไปด้วย ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้สบายๆ แตกต่างจากคนอื่นได้ดีมากไม่พอ ยังบอกถึงความมีระดับได้ดีเลยทีเดียว 

ความทน - มากกกเลยทีเดียว อยู่ที่ 10 ชม. และมากกว่านั้นได้สบายๆ เพราะส่วนตัวเจอที่ 15 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ 

การกระจาย - เปิดตัวได้ดีมากในแง่ของการกระจายของกลิ่น ก่อนจะลดลงมากระจายดีไปตลอดแบบดอกส้มอบอุ่นผสมไม้เนื้อหอมติดเครื่องเทศ และปิดท้ายด้วยกระจายกลางๆ ลดหลั่นลงไปตามเวลาที่ผ่านแบบอบอุ่นติดหวาน

ทิ้งท้าย - กลิ่นถือว่ามีความดีงามสมกับชื่อ Maison Francis Kurkdjian ได้สร้างสรรค์ขึ้นมา และให้ผมได้เรียนรู้จากการใช้งานในด้านกลิ่นดอกส้มที่มาแบบนวลๆ ได้ดีมากเลยครับ 

Credit ภาพ - https://thescentedhound.files.wordpress.com/2012/03/apom.png

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Estée Lauder – Beyond Paradise for Men

Estée Lauder – Beyond Paradise for Men

กลับมาที่แบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังอย่าง Estee Lauder ซึ่งน้ำหอมชายนี่เรียกว่านานๆ ทีจะมีออกมาให้ได้เชยชมและดมกลิ่น และตัวนี้เป็นหนึ่งในนั้นที่ออกมาเมื่อปี 2004 เช่นนั้น มารู้จักกันหน่อยกับรุ่นนี้เลย Beyond Paradise for Men 

กลิ่นเปิดเรียกว่ามาได้แนวไม่เหมือนใครเพราะมากับกลิ่นอายแบบผลไม้ของเมล่อนผสมกับกลิ่น Citrus แบบสดชื่น กลายเป็นกลิ่นนัวๆ ติดหวานที่สำคัญมีกลิ่นโทนดอกไม้ของไฮยาซินท์ที่จะมาให้ความเขียวๆ กลิ่นอายเลยจะอยู่พื้นฐานของความเป็นน้ำผลไม้เมืองร้อนกลั้วอากาศริมทะเล ซึ่งจะมีกลิ่นอายของดอกไม้อย่างดอกส้มเข้ามาเสริมประปรายแอบเซ็กซี่ดึงโทนเข้าสู่ช่วงกลางที่จะมากับโทนหอมนวลๆ ของดอกไม้เด่นที่ดอกสายน้ำผึ้งนวลๆ กับมะลิ โดยที่กลิ่นในตอนต้นยังตามมาอยู่ ทำให้กลิ่นกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะผลไม้กับดอกไม้จะมารวมตัวกันในน้ำหอมชาย โดยที่มีกลิ่นอายอบอุ่นติดโทนวู้ดดี้แห้งๆ รองพื้นอยู่ด้านหลังให้รู้สึกได้ เปรียบเสมือนเป็นตัวเชื่อม 2 โทนออกมา โดยกลิ่นนวลๆ ของดอกไม้โทนขาวกับผลไม้ติดหวานจะหอมแบบมีชั้นเชิงติดนัวเซ็กซี่ก็ได้ สบายๆ ก็ดี กลิ่นไม่เหมือนใครเลยในช่วงนี้ และตัวรองพื้นที่อบอุ่นที่ว่าจะเริ่มเผยโฉมจนนำเข้าสู่ในช่วงท้าย คือ แอมเบอร์ โดยจะมีกลิ่นโทนวู้ดดี้แบบติดผลไม้จางๆ ที่ให้ความเย้ายวนและเซ็กซี่กำลังดี ไปตลอดที่สำคัญรู้สึกได้ถึงกลิ่นโทนดอกไม้อ่อนๆ สบายๆ ที่จะมากลั้วเบาๆ ไปด้วย ภาพรวมเลยเป็นน้ำหอมที่กลิ่นอายมีเสน่ห์ Unique และเป็นกลิ่นที่เย้ายวนแบบกึ่งชิลล์แบบไม่เหมือนใครนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้สบายๆ เพียงแต่กลิ่นเปิดอาจจะไม่ใช่พิมพ์นิยมที่มาแบบเปรี้ยวสดชื่นอะไรนัก แต่มาแบบผลไม้กลั้วซิตรัสที่น่าสนใจแทน หลังจากหลังเจอกับกลิ่นอายดอกไม้ที่ผู้ชายใช้ได้สบายๆ เลย โดยใช้ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน อาจจะขอยกเว้นงานทางการจัดๆที่ต้องรับแขกบ้านแขกเมือง นอกนั้นจัดไปได้หมด แฝงไปด้วยความเซ็กซี่ซะด้วย ส่วนยามค่ำคืนสบายๆ เพียงแต่อาจจะเบาไปหน่อยถ้าจะใช้ใส่ไปเที่ยวกลางคืน ยกเว้นชิลล์ๆ ริมชายหาด หรือทั่วๆ ไปที่จัดได้เต็มที่เลย 

ความทน อยู่ที่ราวๆ 6 ชม. ซึ่งอาจจะมากกว่านี้ได้อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ และแอบมีเคมีบางส่วนด้วย 

การกระจาย กลิ่นกระจายกำลังดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ก่อนปิดท้ายด้วย Skin Scent ที่กลิ่นจะตีขึ้นยามร่างกายทำความร้อน 

ทิ้งท้าย เรียกว่า Estee Lauder ทำน้ำหอมชายออกมาได้น่าสนใจมากเลยนะครับ เพียงแต่โดนน้ำหอมผู้หญิงที่เด็ดดวงเสมอต้นเสมอปลายมาตลอดกลบซะมิดเลย 

Credit ภาพ - http://evro-parfum.com.ua/uploads/posts/2011-08/1313512811_estee-lauder-beyond-paradise-men.jpg

Review: L’Artisan Parfumeur – Dzongkha

L’Artisan Parfumeur – Dzongkha

เป็นเพราะคิดถึงเนื่องจากแบรนด์นี้จากลาประเทศสารขัณฑ์ไป แม้อาจจะมีหลุดมาอีกในงานเซลล์ที่จะมีในอนาคตก็ตาม แต่ก็ต้องหาลองกลิ่นใหม่ๆ จนได้เพราะงานเขาดีจริงๆ พอมาเจอชื่อรุ่นว่า Dzongkha หรือขอเรียกเป็นไทยว่า สงขลาเอาความง่าย (จริงๆ เป็นชื่อภาษา ซองคาของภูฏาน) เลยจัดไปและผลออกมาคือ 

เปิดต้นกลิ่นมาได้แบบว่า Spicy กันเต็มๆ มาก เพราะกลิ่นอายเครื่องเทศจะมาเต็มมาก คือคนไม่ชินอาจจะผงะไปได้เลย แถมมากลั้วความเขียวแบบใบชาบดสดฟุ้งกระจายขึ้นมากลั้วกับกระวานที่เข้มมากแบบชัดเจน แอบมีติดเปรี้ยวจางๆ แทรกไปด้วยตลอด โดยมีกลิ่นอายนวลๆ บางเบา แต่เพียงไม่นานจะเข้าช่วงกลางที่คราวนี้กลิ่นชามสาลาจายหรือ Chai Tea ที่เป็นชานมผสมเครื่องเทศติดหวานอบอุ่นจางๆ จะเด่นขึ้นมา กลิ่นเขียวๆ ยังคงมีอยู่แต่โดนตัดโชะกับกลิ่นอายโทนธูปและ Smoky ของหญ้าแฝกที่แทรกเข้ามา เลยทำให้กลิ่นอายช่วงนี้จะกลายเป็นเขียวติดชาเครื่องเทศกลั้วความนุ่มแบบแห้งๆ คือถ้าจมูกหาเรื่อง ก็จะบอกว่า นี่มันกลิ่นคื่นไช่นี่นา ซึ่งก็คล้ายอยู่นะ แต่มันไม่ได้คื่นไช่สดขนาดนั้นเพราะความที่มีกลิ่นอาย Smoky แบบเบาๆ นี่แหละที่ทำให้กลิ่นมีความขลังลงตัวกลั้วความเขียวได้อยู่ ที่สำคัญโทนนวลๆ บางเบาในตอนต้นเริ่มเด่นขึ้นมาและนำเข้าไปสู่ช่วงท้ายนั่นคือ Iris ที่จะมาแบบนุ่มนวลกลั้วโทนหนัง โดยมีกลิ่นอายแบบไม้แห้งๆ จากใบปาปิรัสที่จะมาให้ความชิลล์ๆ สบายๆ กลิ่นในช่วงกลางยังตามมาอยู่แบบเบาๆ เลยทำให้กลิ่นอายมีความเด่นเฉพาะตัวมากแบบเป็นไม้หอมนุ่มกลั้วเครื่องเทศจางๆ ติดเขียวเบาๆ ไม่เหมือนใคร ซึ่งภาพรวมไล่เรียงจากความจัดเต็มของเครื่องเทศสู่ความเบาสบายในแบบพิเศษขึ้นมาทันที นี่แหละ Dzongkha 

เหมาะสำหรับ ใช้ได้ทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป เพราะ Unisex เต็มๆ แต่อย่างน้อยต้องผ่านน้ำหอมกลิ่นแนวๆ เครื่องเทศแบบติดเขียวและกลิ่นโทนธูปมาพอสมควรจะชอบกลิ่นอายแนวๆ นี้ได้ไม่ยาก ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งงานทางการและทั่วๆ ไป กลิ่นสร้างภูมิและความน่าเชื่อถือได้อยู่ เพราะออร่ากลิ่นถ้าไม่ได้ดมใกล้ๆ มันจะหอมมีมีชั้นเชิงของเครื่องเทศกลั้วเขียวๆ ติด Smoky งามเลย ส่วนใส่แบบชิลล์ๆ ก็พอได้ เพราะเน้น Present ความ Unique แบบไม่เหมือนใครนั่นเอง งดใส่ออกกำลังกายเน้อกลิ่นไม่เข้าทางนัก ส่วนยามค่ำคืน ถ้างานหรูหราหรือดินเนอร์จัดได้ แต่ถ้าทั่วๆ ไปตัวนี้อาจจะไม่เข้าทีเท่าไหร่ แต่ถ้ามั่นใจต้องการไม่เหมือนใคร ก็จัดไป

ความทน กลิ่นทนมากเลยทีเดียว กับ 8-10 ชม. สบายๆ ซึ่งสิ่งที่เจอกับตัวคือ 12 ชม. กลิ่นงามๆ ยังตีขึ้นแบบสบายๆ ให้ได้รับรู้อยู่เลย ฟินมาก 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากแบบเอาอึ้งเลยในช่วงต้น เครื่องเทศติดเขียวเผ็ดๆ มาเต็ม ก่อนจะลดลงเป็นกระจายกึ่งดีกึ่งปานกลาง แล้วค่อยเป็ยออร่ารอบๆ ตัวแบบสบายๆ ติดขลังๆ ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย เนื่องจากไม่เคยไปภูฏานมาก่อน แต่ถือว่าน้ำหอมตัวนี้บอกถึงความขลังและความเป็นภูฏานให้รับรู้ได้ผ่านกลิ่นได้น่าสนใจมากเลย ที่สำคัญกลิ่นนี้สำหรับผมมัUnique จริงๆ ไม่เหมือนใคร ทำเอาประทับใจไม่น้อยครับ

Credit ภาพ - https://akafkaesquelife.files.wordpress.com/2013/05/l_artisan_dzongkha.jpg

Review: Penhaligon's – Tralala

Penhaligon's – Tralala 

ชื่อรุ่นน่ารักไม่น้อยเลย กับรุ่น Tralala ของป้าเพ็ญอา ลีกรส์: Penhaligon’s ซึ่งเปิดตัวรุ่นนี้มาตอนปี 2014 ซึ่งมองข้าม ก็ไม่มีตังค์ซื้อ 55555 แต่พอมีโอกาสได้ลองจากการแบ่งปัน เท่านั้นแหละ “สตันเพราะ 

Top Notes กลิ่นของ Aldehydes จะเด้งขึ้นมาแบบสะอาดๆ คมๆ แบบซิตรัวติดสบู่กันเต็มๆ จมูกก่อนเลย โดยที่จะมีกลิ่นของวิสกี้ค่อยๆ แทรกเข้ามา พร้อมกับกลิ่นหวามปนขมของหญ้าฝรั่นจะมาให้ความเป็นเครื่องเทศจางๆ มีกลิ่นติดแป้งของไวโอเล็ตเป็นตัวรองพื้นด้านหลัง มีความเป็น Old School ให้ตื่นเต้นเล็กๆ เพียงไม่นานกลิ่นคมๆ ตอนต้นจะหายไป แล้วเข้าสู่ Middle Notes ที่กลิ่นของวิสกี้กลั้วหญ้าฝรั่นรองพื้นด้วยความเป็นแป้งโปร่งๆ จะยังตามมาอยู่ และจะมาผสมผสานกับกลิ่นหนังและธูปหอมที่จะโดดเด่นมาก กลิ่นจะให้ความเจ้าชู้แบบเย้ายวนนวลๆ น่าซบเพราะหนังจะนุ่มนวลไม่ดิบห่ามกลั้วกับหญ้าฝรั่น ธูปจะมาแบบเย้ายวนน่าค้นหาตีคู่เข้าโทนกับวิสกี้ แถมมีกลิ่นอายของดอกซ่อนกลิ่นอ่อนๆ ให้รู้สึกหวานจางๆ อีกด้วย และจะมีกลิ่นรองพื้นด้านหลังกับโทนแป้งอบอุ่นดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนชัดเจนว่าเป็นวานิลลา ก็เข้าสู่ช่วง Base Notes พอดีกับกลิ่นอายหอมนวลแป้งวานิลลาอบอุ่น โดยกลิ่นในช่วงกลางยังตามมาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหนังนุ่มๆ และ Smoky ของธูปแต่จะลดระดับลงมานวลๆ หอมเย้ายวนกันชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะมี Musk มาให้ความนุ่มนวลรองพื้นด้านหลังดันให้วานิลลากลั้วหนังและธูป มีกลิ่นวิสกี้กลั้วหญ้าฝรั่นจางๆ เด่นเป็นสง่าแบบดึงดูดกันอย่างชัดเจน ภาพรวมจึงเป็นเหมือนกลิ่นอายสร้างเสน่ห์ที่ได้ทั้งความเจ้าชู้แบบไม่โจ่งแจ้ง ความน่าค้นหา และความอบอุ่นที่มีระดับ หรูหราแบบนิ่งๆ มีความคลาสสิคผสมผสานอยู่ข้างในนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ – Unisex เลย ได้ทั้งหญิงและชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป ยิ่งใครชอบกลิ่นอายวานิลลากลั้วหนังนะ ตัวนี้อาจจะปลื้มไปเลยก็เป็นได้ โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน งานทางการได้เลยเพราะกลิ่นอบอุ่นน่าเชื่อถือเสริมภูมิ แบบที่ขอให้ผ่านช่วงต้นไปก่อน เดี๋ยวคนจะตกใจทำไมมีกลิ่นเหล้า นอกนั้นใส่ได้สบายๆ กลิ่นมีระดับ เจ้าชู้แบบเอาพอหอมปากหอมคอ หรูหรา ใส่ชิลล์ๆ ก็ทำให้ดูมีระดับมาก อยู่กับแฟน อาจจะโดนซุกบ่อยๆ เอาได้ งดใส่ออกกำลังกายเด็ดขาดกลิ่นไม่เข้าทาง ยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นหรูลงตัว และเรียกร้องความสนใจให้เห็นว่าคนใส่มีความน่าสนใจในความมีระดับและอบอุ่นเลยทีเดียว 

ความทน – 8 ชม. สบายๆ และมากกว่านั้นด้วยซ้ำ อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ส่วนตัวเจอที่ 10 ชม. กลิ่นยังมีให้รับรู้อยู่

การกระจาย กลิ่นกระจายดีงามมากในตอนต้น กลิ่นอาจจะคมๆ หน่อยจาก Aldehydes แต่ไม่นานก็จะเข้าสู่ความหอมอย่างมีชั้นเชิงกระจายดีกึ่งปานกลางไปเรื่อยๆ และลดระดับเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย งานนี้ความยากจนเริ่มมาเยือน เพราะตอนแรกมองข้ามป้าเพ็ญมาตลอด ไม่ได้ชื่นชอบกลิ่นอะไรของแบรนด์นี้มากนัก แม้จะมีความหรูหรามีระดับนิ่งเรียบผู้ดีมาก แต่กลิ่นมักจะเบาไป แต่พอมาตัวนี้เท่านั้นแหละ เราเจอตัวที่เหมาะกับเราของแบรนด์นี้แล้วววววววว

Credit ภาพ - http://www.penhaligons.com/images/products/large/TRALALA.jpg

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Tauerville – Rose Flash

Tauerville – Rose Flash

ได้เวลาของตัวสุดท้ายแต่อาจจะไม่ท้ายสุดในอนาคต กับโซน Flash ของแบรนด์ Tauerville แล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในกลิ่นหอมแบบมีชั้นเชิงและฟุ้งกระจายแบบกุหลาบที่มีเอกลักษณ์อยู่กึ่งกลางไม่สาวและไม่แมนจนเกินกว่าเหตุ มีความน่าสนใจในแต่ละช่วงกลิ่นได้งดงามมากเลยทีเดียว จึงขอเป็นปิดท้าย Series – Flash นี้ที่ 

Rose Flash โดยเปิดตัวกลิ่นในตอนต้นได้น่าประทับใจมากมายกับการมีกลิ่นอายโทนผลไม้กลั้วซิตรัสแบบเบาๆ เคล้ากลิ่นของกุหลาบ ราวกับเอาผลไม้รวมรสชาติเปรี้ยวมาทำเป็นแยมแล้วราดน้ำกุหลาบลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันส่งกลิ่นหอมกระจายแบบกุหลาบติดผลไม้ที่หอมดึงดูดมากมาย ส่งต่อให้ช่วงกลางที่กลิ่นอายของไม้หอมแซมไปด้วยกลิ่นอายของกุหลาบ โดยกลิ่นอายติดสดชื่นในช่วงแรกจะตามมาแบบเบาๆ ย้ายไปเป็นกองหนุนแทนประมาณนั้น ซึ่งในช่วงนี้จะมีกลิ่นอายของเครื่องเทศที่มาแบบไม่เด่น แต่เน้นดันให้กลิ่นอายแบบกุหลาบกลั้วไม้หอมเด่นขึ้นมาแบบให้ความหวานเสริมตัวกุหลาบมาขึ้น มีกลิ่นหวานหอมของน้ำผึ้งจางๆ เป็นองค์ประกอบเบาๆ ให้ความรู้สึก น้อยแต่ได้มากราวกับนั่งอยู่บนขอนไม้ที่เต็มไปด้วยเถากุหลาบแดง พลางได้กลิ่นหอมหวานจากบรรยากาศที่มีทั้งความสวยงาม หวานอ่อนโยนแบบกำลังดี มีความน่าค้นหาไปในตัว โดยไม่ได้มีความเป็นผู้หญิงจ๋าแต่ประการใด อยู่ตรงกลางเป็น Unisex อย่างชัดเจน และจะเริ่มมีกลิ่นอายแบบยางไม้กลั้วธูปที่ติดกลิ่นอายเย็นๆ แบบซิตรัสดันขึ้นมาทีละนิดจนเต็มตัวในช่วงท้าย กลายเป็นกลิ่นอายแบบธูปกุหลาบกลั้วสดชื่นจางๆ มีกลิ่นพิมเสนมาเย้าเบาๆ หอมจมูก และมีความรู้สึกเย็นเยือกในเนื้อกลิ่นแบบสุขุมลงตัว แต่ก็มีความอบอุ่นแทรกเข้ามาประปรายจากโทนไม้หอมติด Smoky หน่อยๆ ภาพรวมเลยกลายเป็นกลิ่นกุหลาบที่สื่อถึงความสดชื่นปนหวานก็ได้ นุ่มลึกก็ดี หรูหรามีระดับก็สามารถ เยือกเย็นสุขุมก็เข้าทาง และปลดปล่อยเสน่ห์แบบกุหลาบแดงที่สวยงามและดึงดูดได้มากมายจริงๆ โดยไม่จำเป็นต้องมาในขนบเดิมๆ แต่ประการใด 

เหมาะสำหรับ – Unisex เลย เพราะกลิ่นนี้เรียกว่าเป็นจุดกึ่งกลางที่ทุกเพศมาเจอกันได้หมด โดยจะเหมาะกับทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ได้แล้ว เพียงแต่ว่าต้องผ่านการใช้น้ำหอมมาบ้าง โดยเฉพาะโทนกุหลาบทั้งแบบแมนๆ และสาวจ๋า จะเข้าถึงตัวนี้ได้มากเลยทีเดียว สามารถใช้ได้ในหลายสถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ เพราะกลิ่นหนักและแน่นไม่น้อยเลย โดยใช้ได้ทั้งยามทางการและทั่วๆ ไป กลิ่นยกระดับคนใส่ได้เป็นอย่างดีมากและทำให้คนมามองด้วยความสนใจใคร่รู้ในกลิ่นหอมแบบมีชั้นเชิงและมีระดับ งดใส่ออกกำลังกายและกลางแจ้งจัดๆ เดี๋ยวจะทำให้ทุกคนรอบตัวอึ้งเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนเหมาะมาก ยิ่งออกงานหรู งานแต่ง งานเลี้ยงไปได้ดีหมด ใส่ไปเที่ยวกลางคืนยังได้เลย กลิ่นเรียกร้องความสนใจแบบไม่เหมือนใครได้ดีมาก 

ความทน – 8 ชม. สบายๆ และเกินไปมากกว่านั้นแน่นอนเพราะส่วนตัวเจอที่ 15 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นให้รับรู้อยู 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีงามมากในช่วงแรก อาจจะแน่นบ้างแต่ถ้าผ่านไปได้ไปเจอช่วงกลางกลิ่นจะลดลงไปกระจายดีแบบมีชั้นเชิงไปตลอด จนถึงช่วงท้ายจะกระจายกลางๆ และลดลงไปเป็นออร่ารอบๆ ตัวตามเวลาที่ผ่านไป 

ทิ้งท้าย เป็นน้ำหอมที่ผมใส่แล้วบ่งบอกถึงความเป็นกุหลาบในหลายๆ มิติ หอมได้รื่นรมย์มากโดยไม่มีความสาวจ๋ามารบกวนจิตใจ และแอบมีความโรแมนติคในเนื้อกลิ่นมากเลย มาวินที่สุดในบรรดาทุกตัวที่ห้อยท้ายด้วย Flash ในขณะนี้ครับ 

Credit ภาพ - http://www.tauerville.com/media/images/default/GreatScents20151014.jpg

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Tauerville – Incense Flash

Tauerville – Incense Flash 

ต่อเนื่องที่ตัวที่ 3 ของ Tauerville บ้างหลังจากผ่านไป 2 ตัว อย่าง Amber และ Vanilla ก็เข้าสู่การเป็นแนวๆ ธูปกันบ้าง งานนี้จะออกมาเป็นอย่างไร ว่ากันต่อเลยกับ Incense Flash 

เปิดตัวด้วยกลิ่นอายของหนังแบบเข้มๆ แบบไหม้ๆ มีกลิ่นออกทาง Smoky อยู่ จนบางทีไพล่ไปคล้ายกลิ่นน้ำมันเครื่องหรือออกทางน้ำมันดินหน่อยๆ แต่เพราะมีกลิ่นอายของพิมเสนที่มาตัด เลยทำให้กลิ่นไม่ออกดิบมากขนาดนั้น เป็นกลิ่นที่ยังพอรับได้อยู่ ซึ่งแน่นอนเราตัดสินกลิ่นน้ำหอมตัวนี้ในช่วงนี้ไม่ได้ แม้จะทำให้เหวอๆ ไปบ้าง จนเมื่อเข้าช่วงกลาง ที่กลิ่นเริ่มเซทตัวได้ดีแล้ว กลิ่นหนังจะเริ่มนุ่มขึ้นมีความอ้อยอิ่งเบาๆ ของโทนดอกไม้บางๆ แบบกุหลาบที่มาทำให้กลิ่นอายนวลขึ้น ซึ่งโทนไม้หอมต่างๆ จะเข้ามามะรุมมะตุ้มผสมผสานกันจนเป็นกลิ่นอายหนังกลั้วไม้หอมนุ่มนวลจมูกและมีโทน Smoky ที่ยังคงอยู่ ซึ่งมันคือความดีงามที่ปล่อยของกันเลยทีเดียว เพราะถ้าใครชอบโทนลักษณะนี้จะหลงกลิ่นนี้ไปเลย เพราะมันจะเป็นโทนน่าค้นหาแบบติดเท่ห์ๆ เย้ายวนจางๆ ให้รู้สึกได้ และจะมีกลิ่นอายของธูปไม้เนื้อดีหอมๆ ค่อยๆ ดันเข้ามาทีละนิดจนเข้าสู่ช่วงท้ายเต็มๆ ซึ่งกลิ่นของ Incense หรือธูปในช่วงนี้จะเป็นกลิ่นอายนุ่มนวลหอมแบบควันไอติดกลิ่นไม้หอมลงตัวมาก เพราะ Musk เป็นตัวรองพื้นเสริมความนุ่มให้กลิ่นจะนวลกลิ่นไม่ได้ออกทางดาร์กเลย ภาพรวมเลยถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ผสมผสานกันได้ดีเลยทีเดียวระหว่างความเป็นหนังกับกลิ่นอายแบบธูป ให้อารมณ์ไล่เรียงจากความแข็งแกร่งสู่ความอ่อนโยนกันเต็มๆ นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ – Unisex เลย ได้ทั้งหญิงและชาย แม้กลิ่นจะออกทางผู้ชายมากกว่าหน่อยเพราะกลิ่นช่วงต้นมันเข้มหนัก แต่เรียกว่าผ่านช่วงนั้นไปแล้วกลิ่นจะ Unisex ขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มที่ในช่วงท้าย โดยสามารถใส่ได้ทั้งงานทางการและไม่ทางการ ซึ่งกลิ่นเสริมภูมิให้ดูสมาร์ทอย่างมีชั้นเชิงได้ด้วย หรือใส่ชิลล์ๆ ทำให้ดู Unique ก็ได้สบายๆ เลย ขอยกเว้นใส่เพื่อออกกำลังกายเพราะกลิ่นไม่ได้เข้าทางนั้นนัก ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้จะเสริมอารมณ์น่าค้นหาได้ดีเลยล่ะ แถมไม่เหมือนใครด้วย 

ความทน – 8 ชม. สบายๆ อาจจะมากกว่านี้อยู่ที่จำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ 

การกระจาย กลิ่นช่วงต้นกระจายดีมากจนอาจจะผงะกันนิดนึง แต่ที่เหลือคือกระจายกลางๆ ลดระดับลงไปเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย เป็นอีกกลิ่นงามของแบรนด์นี้ และไม่ได้มาแบบธูปจ๋าจนมีใครตามมานั่งอยู่บนบ่าแบบที่เราไม่รู้ตัว ที่สำคัญให้ความขลังแบบอ่อนโยนไม่เหมือนใครอีกด้วยครับ 

Credit ภาพ - http://4.bp.blogspot.com/-3GsYcSRgD8E/VeZyr3ooIUI/AAAAAAAAEVk/Mah5CgCj-y0/s1600/IMG_4128.PNG

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Tauerville - Vanilla Flash

Tauerville - Vanilla Flash

มาถึงตัวที่ 2 ขอน้ำหอมแบรนด์ Tauerville ที่เรียกว่าเป็นหนึ่งใน The Best Shared Niche Perfume ของปี 2015 จากเวบ Fragrantica อันดับแรกกันเลยทีเดียว แน่นอนว่าต้องมีความดีงาม เช่นนั้นมาดมกันกับรุ่นนี้เลย Vanilla Flash

เปิดตัวแบบที่คนชอบกลิ่นยาสูบแบบไปป์จะชอบกันมากเอาได้ เพราะกลิ่นยาสูบจะเด้งเด่นขึ้นมาก่อนเลย โดยมีกลิ่นอายของกุหลาบผสมผสานอยู่ในนั้นและมีครื่องเทศเป็นฉากหลัง ซึ่งกลิ่นเปิดต้องบอกว่าคนที่ไม่ชอบกลิ่นโทนหวานๆ อาจจะสตันแล้วบอกว่า "อย่าดีกว่า ไม่เอาดีกว่า" เพราะกลิ่นถือว่ามาแน่นและหนักไม่น้อย ซึ่งพอกลิ่นเซทตัวได้คงที่จะเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นของยาสูบจะหอมอบอวลนวลจมูกมากขึ้น และเครื่องเทศที่รองพื้นในตอนต้นจะเด่นชัดขึ้นมาในช่วงนี้ให้ความหวานกันเต็มๆ กลิ่นอายกุหลาบยังตามมาอยู่บ้างแต่เบาๆ ให้รู้สึกเย้ายวนกำลังดี และตัวเอกของงานอย่างวานิลลาจะเริ่มฉายแสงทีละหน่อยโดยมาผสมผสานกับโทนยาสูบหอมเป็นเอกลักษณ์มาก ทั้งอบอุ่นและหวานเย้ายวนในเวลาเดียวกันโดยไม่มีความเป็นขนมให้เสียจริต และจะเข้าสู่ช่วงท้ายกับการเป็นวานิลลาที่ชัดเจนมากขึ้นแบบนุ่มนวล ไม่ได้มาแบบขนมแต่มาให้ความหวานอบอุ่น โดยที่กลิ่นยาสูบยังมาผสานแบบบางๆ และมีความหอมนวลอ้อยอิ่งหน่อยๆ มีความดาร์กติดหวานจางๆ ของพิมเสนที่มาแบบผลุบๆ โผล่ๆ ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะมาแบบอบอุ่นนวลๆ หอมแบบมีชั้นเชิง มีความหวานเป็นเครื่องเคียงแบบไม่ใช่ความเยิ้มเป็นขนมแต่หวานแบบเย้ายวนให้ชวนซบลงตัวมากนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย ได้หมดทั้งผู้หญิงและผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นถือว่าถ้าผ่านน้ำหอมโทนยาสูบกับวานิลลามาบ้างจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน โดยจำกัดจำนวนสเปรย์เพราะกลิ่นแน่นและมีความหวาน เดี๋ยวจะเวียนเศียรกันก่อนได้ ซึ่งใส่ได้ทั้งงานทางการและทั่วๆ ไป งดใส่ออกกำลังกายและอยู่กลางแจ้งอากาศร้อนๆ เดี๋ยวจะจุกคอหอยตายได้ ส่วนยามค่ำคืนจัดไปกลิ่นเย้ายวนหวานแบบมีระดับมาก บ่งบอกรสนิยมของคนใส่ว่าเข้าใจเลือกเลยล่ะ 

ความทน - 8 ชม. คือเด็กๆ เพราะ 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นหนำใจมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีจัดๆ เลยทีเดียวในช่วงต้นด้วยความเป็ยยาสูบหอมหวาน แล้วจึงลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง และกระจายกลางๆ กึ่งออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - หลายๆ คนที่ได้เคยลอง Tom Ford - Tobacco Vanille จะบอกว่ากลิ่นคล้าย ซึ่งใช่ครับ คล้ายเลยล่ะในช่วงต้น แต่แตกต่างที่ความหวานและความอบอุ่นเชิงเย้ายวนของ Vanilla Flash มีมากกว่า ไม่ได้ออกแนวภูมิฐานและเท่ห์มากแบบ Tobacco Vanille นั่นเอง 

Credit ภาพ - ผมถ่ายเองครับ ^^

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Tauerville - Amber Flash

Tauerville - Amber Flash 

ไม่ได้เขียนเป็น Series ต่อเนื่องกันมานานในแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง เช่นนั้นขอกลับมาไล่เรียงรุ่นกันอย่างต่อเนื่องดีกว่า กับแบรนด์ Niche ที่พึ่งเกิดใหม่ แต่สุคนธกรเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีและดังมากอย่าง Andy Tauer ที่ทำน้ำหอมเด็ดดวงมาเยอะมาก เช่นนั้นมาไล่เรียงกันเลยว่าแต่ละตัวที่ออกมาพร้อมกันกับการลงท้ายด้วย Flash จะเป็นอย่างไง ซึ่งก็ขอเริ่มที่ 

Amber Flash กับการเปิดต้นกลิ่นด้วยกลิ่นอายแบบเหล้าผสมผสานกับกลิ่นยางไม้แบบติดซิตรัสกลิ่นแปร่งๆ ซึ่งกลิ่นช่วงต้นแบบนี้จะวัดกันไปเลยว่าจะไปต่อกับน้ำหอมตัวนี้หรือไม่ เพราะกลิ่นมันจะมีความเป็นสาปไม้แบบกึ่งเปียกกึ่งแห้งจากการราดเหล้าลงไปแกล้มด้วยการมีกลิ่นสาปปลุกเร้าแบบ Animalic แทรกไปด้วยตลอด ซึ่งช่วงเวลานี้จะอยู่กับเราไม่นานเพราะว่าเป็นแค่ช่วงต้นของการเซทตัวก่อนจะลงมาที่ช่วงกลางกับกลิ่นอายแบบ Amber ที่จะดันขึ้นมาเต็มๆ ในช่วงนี้ โดยผสานกับกลิ่นของไม้หอมต่างๆ ติดกลิ่นเหล้าจางๆ จากตอนแรก ซึ่งกลิ่นของแอมเบอร์จะเด่นหอมแบบอบอุ่นเย้ายวนแบบลงตัว มีความเป็นสาปแบบ Animalic แบบกำลังดี เพราะมีกลิ่นของน้ำผึ้งมาผสานกลั้วหอมเย้ากำยานนวลนัว กลิ่นแบบมีความเจ้าชู้แบบติดอบอุ่นมีระดับแบบไม่โจ่งแจ้ง โดยมีความเป็น Amber แบบหวานๆ แบบเป็นเอกลักษณ์ติดไม้หอม ไม่ได้หวานเยิ้มแบบขนมจนเลี่ยนแต่ประการใด แล้วจึงเข้าสู่ช่วงท้ายกับกลิ่นอายของ Amber ที่ยังอยู่ไม่ได้ไปไหน แต่จะมีความนุ่มอบอุ่นมากขึ้นเพราะมีวานิลลาแบบเบาๆ เข้ามาเสริมให้กลิ่นออกทางนวลอุ่น โดยมีกลิ่นไม้หอมกลั้วความนุ่มติดกลิ่น Musk กำลังดี ภาพรวมของน้ำหอมตัวนี้จึงเป็นโทนอบอุ่นแบบมีชั้นเชิง และมีความเจ้าชู้ติดหวานแบบมีระดับแทรกลงไปนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - Unisex ครับ ใช้ได้ทุกเพศในวัยทำงานเป็นต้นไป กลิ่นแนวๆ นี้อาจจะต้องผ่านน้ำหอมโดยเฉพาะโทน Amber มาบ้างจะเข้าถึงได้เร็วมากขึ้น สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม งานทางการจัดๆ หรือพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ อาจจะไม่ได้เหมาะนักเพราะกลิ่นอายแบบเหล้าที่แฝงในตัวนี้ แต่ถ้าใส่แบบอยู่ Office หรือทั่วๆ ไป ใส่ได้สบายๆ กลิ่นมีเอกลักษณ์มาก ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นมีชั้นเชิงมากพอในหลายๆ โอกาสเลย และที่สำคัญกลิ่นนี้บนตัวผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันเสียด้วยในเรื่องของความหวานที่จะมาหรือน้อยและกลิ่นจะนวลนุ่มกว่าหรือไม่ด้วย 

ความทน - เกิน 8 ชม. แน่นอน เพราะเป็น EDP ที่ความเข้มข้นถึง 20% โดยมีตัวแปรมาช่วยได้คืิอจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ซึ่งส่วนตัว 12 ชม. กลิ่นยังอยู่แบบสบายๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น อาจจะเหวอไปบ้างอยู่ แต่พอเข้าช่วงกลางจะลดลงมากระจายดีลากยาวไปเรื่อยๆ และลดลงตามลำดับเมื่อเข้าช่วงท้ายเป็นกระจายกลางๆ จนถึง Skin Scent ตามเวลาที่ผ่านไป 

ทิ้งท้าย - กลิ่นดีเลยครับ และส่วนตัวผมมองว่าผู้หญิงจะเข้ากับตัวนี้มากกว่าผู้ชายเพราะเนื่องจากโทน Amber กับผิวผู้หญิงจะทำให้กลิ่นออกทางอบอุ่นนวลนัวน่ากอด แต่เอาจริงๆ ผู้ชายใส่ได้ และมีความดีงามแบบไม้หอมอบอุ่นติดเหล้าในอย่างดีเลย 

Credit ภาพ - https://essenzanobile.sa.metacdn.com/media/content/bilder/tauer-amber-flash.jpg

Review: Avon – Pur Blanca

Avon – Pur Blanca 

กลับมาหาความงดงามของน้ำหอมดอกไม้สีขาวที่ Avon เขาเก๋าเกมกันต่อ เพราะเห็นว่ารุ่นที่กำลังจะกล่าวดังมากไม่พอ แถมยังมีรุ่นลูกแตกตัวออกมากันก็เยอะอยู่ เช่นนั้นก็เลยต้องเอามาลองกันซักหน่อย ว่าจะเป็นอย่างไงกับ Pur Blanca 

เรียกว่ายังไงก็ยังต้องยกให้ว่าเป็นน้ำหอมโทนดอกไม้สีขาวที่หอมลงตัวมาก สมกับที่ Avon เขาเป็นมือฉลังทางด้านนี้มาก เพราะเปิด Top Notes กันที่กลิ่นของดอกฟรีเซียที่จะให้ความเขียวสะอาดติด Spice นวลกลั้วใสๆ โดยจะมีกลิ่นอายเขียวเย็นๆ สดชื่นของมิ้นท์มาเสริมทัพให้สดชื่นแบบกำลังดี แล้วจะเข้าสู่ช่วง Middle Notes ไวพอสมควร เพราะกลิ่นของกุหลาบจะมาผสานกับดอกโบตั๋นมาแบบใสๆ หอมหวานสดชื่นกำลังดี เพราะมีฟรีเซียที่ยังคงเด่นแบบสะอาดเขียวๆ ในช่วงนี้กลั้วไปมาอยู่ ที่สำคัญกลิ่นในช่วงนี้จะออกทาง Floral Aquatic ตรงที่มีดอกบัวมาเสริมทัพให้ความฉ่ำติดเขียวจางๆ นี่แหละ ทำให้กลิ่นจะมาแบบเบาๆ ใสๆ กลั้วความนุ่มนวลติดหวานของดอกไม้แบบจางๆ แล้วส่งต่อให้ Base Notes ที่ได้เวลาของความสะอาดนุ่มเต็มๆ ของ Musk ที่มาแบบนวลๆ นุ่มๆ มีไม้หอมอ่อนๆ และดอกไม้ครีมๆ จางๆ หวานหน่อยๆ จากช่วงกลางที่ตามมาเบาๆ ทำให้ภาพรวมเป็นน้ำหอมโทนดอกไม้ที่ให้กลิ่นอ่อนๆ ที่สดใส นุ่มนวล สุภาพ เรียบร้อย และไม่รุนแรงมากจนทำร้ายใครรวมถึงคนใส่น้ำหอมตัวนี้นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยประถมขึ้นไปก็ใส่ได้แล้วครับ เรียกว่าเป็นกลิ่นใช้ง่าย มหาชนชอบ และเป็น Safe Scent ที่ไม่รบกวนใครเพราะชัดเจนในแง่ของน้ำหอมกลิ่นอ่อน โดยสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยกวาดหมดทั้งงานทางการและไม่ทางการ ออกกำลังกายก็ได้อยู่เพียงแต่รอช่วงท้ายๆ หน่อยจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนอย่าเลย เบาไปจ้า ยกเว้นใส่แบบทั่วๆ ไปชิลล์ๆ เองนั่นก็อีกเรื่อง 

ความทน เพราะเป็นน้ำหอมกลิ่นอ่อน และเป็นโทนดอกไม้นุ่มนวลกลั้วสดใสมาในแนว EDT ความทนจึงไม่ได้ไกลนัก อยู่ที่ 4 -6 ชั่วโมง ตามสภาพผิว จำนวนสเปรย์ และจุดที่ฉีด ส่วนตัวเจอเกิน 6 ชม. แบบกลิ่นสะอาดติดผิวลากยาวไปที่ 8 ชม. ได้อยู่กับจำนวนสเปรย์ 8 สเปรย์กับสภาพผิวกายที่ชุ่มน้ำ

การกระจาย น้ำหอมกลิ่นอ่อนจ้า ไม่รบกวนใครด้วยจ้า เลยจะกระจายกลางๆ ในช่วงต้น เพียงไม่นานจะลดลงเป็นออร่าเบาๆ รอบๆ ตัวหอมนุ่มกลั้วสดชื่นสบายๆ ไปตลอด และปิดท้ายที่ Skin Scent อย่างชัดเจน 

ทิ้งท้าย ผู้หญิงคนไหนที่จะเปิดศักราชเข้าสู่โลกน้ำหอม โดยหาตัวแรกในชีวิต และใครที่ต้องการน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ สุภาพ ไม่รบกวนใครรวมถึงจมูกของตัวเอง ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งตัวที่เข้าทางมากครับ และเอาจริงๆ ผมว่าผู้ชายเองก็ใส่ได้นะ เพราะกลิ่นมันอ่อนนี่แหละ ทำให้คนไม่แซว 555555 

Credit ภาพ - http://fimgs.net/images/perfume/nd.2378.jpg

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Thierry Mugler – Angel

Thierry Mugler – Angel 

นี่แหละ ดาวที่แท้จริง และถือเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่เริ่ดสะแมนแตนที่สุดเสียด้วย ทำให้คนรักดาวปลื้มปริ่มมากันนักต่อนักกับตัวนี้ของ Thierry Mugler ที่เรียกว่ามาก่อนและเป็นรากฐานชั้นดีให้ดาวฝั่งชายอย่าง A*Men ด้วยซ้ำ เช่นนั้นพลาดไม่ได้ที่จะมารู้จักกับ ดาวสีฟ้าสุดงาม อย่าง Angel รุ่นนี้ 

เพราะเป็นตัวจุดประกายน้ำหอมที่มาแบบเหนือชั้นด้วยความเป็น Oriental Vanilla แน่นอนว่าขนมาได้หนักหน่วงตามสไตล์แบรนด์นี้เลย ใครที่คิดว่าขวดหรูหราดาวอลังมาขนาดนี้ต้องดูฟรุ้งฟริ้ง มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดแน่ๆ เพราะ Top Notes นี่เล่นกับโทนผลไม้ติดซิตรัส ผสมโทนเขียวๆ ผสมโทนดอกไม้ และผสมโทนขนมหวาน คือรวมกันปังเดียวมาครบถ้วนและหนักเสียด้วย กลิ่นจะฟุ้งกระจายและนวลนัวมากจนอาจจะทำให้มึนไปซักระยะว่ามันอัลไลกัน แต่พอจับจริงๆ แล้วกลิ่นหวานๆ ของสายไหมกับมะพร้าวจะเด่นออกมาแบบลากโทนเขียวๆ และกลิ่นมะลิมาด้วย แล้วรองพื้นหลังกับโทนผลไม้อย่างเมล่อนติดหวาน ซึ่งกลิ่นของน้ำผึ้งจะแทรกตัวขึ้นมาเร็วจนทำให้เข้าสู่ช่วง Middle Notes กับความหอมหวานของผลไม้ผสมขนม ที่เด่นเต็มๆ คือ สายไหมกลั้วน้ำผึ้ง มีกลิ่นนวลๆ ของโทนดอกไม้อย่างมะลิหยอกล้อไปกับกลิ่นโทนผลไม้เหล่าเบอร์รี่ที่เปรี้ยวอมหวานแบบกำลังดี ที่สำคัญกลิ่นของวานิลลา คาราเมล ชอคโกแลต และ Signature ของไลน์นี้อย่างพิมเสน ก็เริ่มฉายแสงแทรกมาเรื่อยๆ จนเข้าสู่ Base Notes ที่งานนี้หวานวานิลลากับคาราเมลก็จริง แต่ไม่ได้เป็นขนมหวานเยิ้มเพราะความเด็ดดวงของพิมเสนที่มาแบบเย้ายวนสุดช่วงตัวบ่งบอกถึงความ Strong! ที่แบบจัดเต็มและชัดเจนมาก เรียกร้องความสนใจกันสุดๆ ด้วยตัวเสริมหวานปนชมแบบชอคโกแลต เลยกลายเป็นกลิ่นหวานแบบมีชั้นเชิงและกรุยกรายอย่างมีระดับมาก แถมบอกกันโต้งๆ ถึงความเป็น Angel ที่เจ้าชู้เสียด้วยว่า สนใจฉันสิ ฉันหวาน ฉันร้อนแรง ฉันน่ากิน และฉันสวยมากทั้งตัวด้วยนะ ฮิ้วววววว Sex Bomb สุดๆ บอกกันตรงนี้ จึงไม่แปลกใจว่าน้ำหอมตัวนี้เป็นดั่งตัวแม่ที่มาเต็มแบบไม่ยั้งจนเป็นตัวหลักของ Thierry Mugler ที่ฮิตติดลมบนขั้นสุดมาตลอด และมีลูกมีหลายออกมาต่อเนื่องกันให้ตรึม และเป็นรากฐานชั้นดีให้ดาวฝ่ายชายอย่าง A*Men ที่กลิ่นมาในโทนเดียวกัน เพียงแต่ไม่ออกผลไม้มากเท่าตัวนี้ จนเป็น Sex Bomb ฝ่ายชายติดลมไปด้วยเช่นกัน 

สุดท้ายขอบอกกันชัดๆ สำหรับรุ่นนี้ว่า #ของจริงอยู่ที่นี่ และ#แม่คือแม่ 

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงที่พร้อมจะปลดปล่อยความเซ็กซี่สุดๆ เน้นวัยทำงานขึ้นไป เรียกว่าใส่ตัวนี้ไป เรียกร้องความสนใจกันสุดๆ เลยทีเดียวไม่ว่างานไหนงานนั้น ซึ่งถ้าในยามกลางวันลดจำนวนสเปรย์ให้พอเหมาะ จะใส่งานทางการได้อยู่บ้าง เช่น ทำงาน Office แบบเบาๆ กลิ่นจะยั่วแบบมีชั้นเชิง และไม่ได้ดูหนักหน่วงเกินไปได้ แต่ไม่ควรกับงานทางการจัดๆ รับแขกบ้านแขกเมือง เดี๋ยวจะยั่วเกินกว่าเหตุ นอกนั้นยามทั่วๆ ไป ก็จัดได้อยู่หรือยามอยากปล่อยเสน่ห์ก็สามารถ ส่วนยามค่ำคืน ถ้าจะเรียกร้องความสนใจยามท่องราตรีแล้วล่ะก็ ตัวนี้แหละ #ของจริง ส่วนคุณผู้ชายถ้าจะลองมาใส่ก็ได้อยู่แต่จะออกสาวไปนิดนึง ถ้าไม่มายด์ก็จัดไป

ความทน มากกกกกกก เป็น EDP ที่เข้มข้นมาก กับ 15 ชม. กลิ่นยังคงความดีงามได้อยู่ เช่นนั้นโดยประมาณกับทุกสภาพผิวอย่างน้อยก็เกิน 8 ชม. ได้แน่นอน 

การกระจาย ทิ้งบอมส์กันได้เลย ถ้าอัดสเปรย์เยอะเรียกว่าทุกคนต้องหันมามองว่า โหย อาบน้ำหอมมาเหรอ และ คนนี้มาเต็มมาก จึงควรระมัดระวังเรื่องจำนวนสเปรย์กับอากาศบ้านเรา เพราะกระจายหนักหน่วงตั้งแต่ต้นยันช่วงท้ายๆ เลย อาจจะมีลดระดับไปบ้างแต่ก็ยังกระจายได้ดีอยู่ มีช่วงท้ายๆ ที่เริ่มกระจายลงตัวแบบมีชั้นเชิงมากขึ้นไม่เอาเยอะขนาดช่วงแรกๆ แล้ว แต่ก็มีความดีงามมากอยู่ไม่มีผิดเพี้ยน

ทิ้งท้าย มันดีงามมากอ่ะแกร๊~ ผมนี่แบบว่าไม่ได้สนใจอะไรนักเพราะเรามีตัวพ่ออย่าง A*Men แล้ว พอมาได้ลองตัวนี้ โหยยยย ตัวแม่ มันเป็นแบบนี้และเด็ดดวงจริงๆ ให้ดิ้นตายเถอะ ไม่เสียใจเลยที่ปลื้มแบรนด์นี้มาตลอด 

Credit ภาพ - http://3.bp.blogspot.com/-EVkYvTtg-sc/U6nJIPGGKLI/AAAAAAAAf8g/ek868Vo3hVg/s1600/Thierry-Mugler-Angel.25ml.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: L'Occitane – Eau de Cedrat

L'Occitane – Eau de Cedrat 

เห็นวางใน Shop ของ L’Occitane เมื่อกลางปีที่ผ่านมา แบบว่าออกใหม่ชิมิ ที่สำคัญขวดแนวๆ เหมือนมีหยดน้ำเกาะเต็มรอบขวดเสียด้วย เช่นนั้นสบโอกาสก็สอยมาแล้วจัดไปซะเลยกับรุ่นนี้ Eau de Cedrat 

เรียกว่าข้อดีของน้ำหอม L’Occitane ที่มาเป็น Signature มาตลอดคือ กลิ่นอายที่ธรรมชาติมาก เรียกว่าไม่ได้มาแบบปรุงแต่งอะไรนัก และกลิ่นนี้ถือว่าไล่เรียงความสดชื่นฉ่ำๆ สู่โทนอุ่นๆ ของไม้ซีดาร์ได้น่าสนใจแบบเบาสบายอย่างชัดเจน เริ่มจากเปิดตัวด้วยกลิ่นของมะกรูดแบบฉ่ำน้ำสดชื่นกันก่อนเลย กลิ่นจะมาแบบกำลังดีไม่คมจนบาดจมูก ด้วยอิทธิพลของกลิ่นในช่วงกลางที่จะมาเร็วพอสมควรของขิง เลยทำให้กลิ่นในช่วงนี้จะสดชื่นติดหวานจางๆ กลิ่นแบบสบายๆ สดชื่นเข้าถึงง่ายสุดๆ และแอบมีกลิ่นโทนไม้ซีดาร์อ่อนๆ รองพื้นด้านหลังจางๆ เพียงไม่นานขิงก็นำเข้าสู่ช่วงกลาง แบบสดชื่นเย็นๆ หอมบางๆ ชิลล์ๆ ธรรมชาติไปตลอด โดยกลิ่นจะเริ่มเข้าสู่ความอบอุ่นให้รู้สึกได้เพราะกลิ่นของไม้ซีดาร์ที่หลบๆ ซ่อนๆ จะเริ่มฉายแววออกมาเรื่อยๆ จนมาเต็มในช่วงท้ายที่แบบยังคงความบางเบาเน้นให้ความรู้สึกว่าเป็นกลิ่นไม้อุ่นๆ มีความนุ่มสะอาดแบบติดโทน Musk จางๆ แบบผิวกายสะอาดๆ ติดไม้หอมนวลๆ เสริมเบาๆ ซึ่งภาพรวมจึงกลายเป็นน้ำหอมกลิ่นเบาที่ให้ความเป็นธรรมชาติในเนื้อกลิ่น และสบายๆ แบบไม่ต้องบิลด์อะไรเลยนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายคนไหนก็ตามที่ไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นแรง กลิ่นหนัก กลิ่นสดชื่นคมจนเสียดจมูก รวมถึงคนที่คิดจะมาลองเข้าสู่โลกน้ำหอมกับการเลือกน้ำหอมตัวแรกในชีวิตที่จะมาลอง ไม่ว่าจะวัยเด็กประถมถึงวัยเก๋าเกมก็ใช้ตัวนี้ได้หมด เพราะกลิ่นเบาเข้าถึงง่าย ไม่รบกวนใครเลยแม้แต่นิดเดียว แถมมีความเป็นธรรมชาติให้รู้สึกได้ว่ามันไม่ได้เป็นน้ำหอมแบบโจ่งแจ้งเกินไปด้วย สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ส่วนค่ำคืนถ้าใส่เอาชิลล์ก็ได้ แต่ไม่เหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีเพราะกลิ่นเบามากโดนกลบมิดแน่นอน ที่สำคัญกลิ่นนี้ผู้หญิงใส่ได้ด้วย เพราะกลิ่นติดแมนก็จริง แต่มันเบาๆ เลยจัดได้สบายๆ 

ความทน เพราะเป็นน้ำหอมกลิ่นอ่อนโทนเบาธรรมชาติ กลิ่นเลยจะอยู่ระหว่าง 4 – 6 ชม. ตามจำรวนสเปรย์ที่ฉีด ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 6 ชม. กับการติดผิว ส่วนที่เสื้อได้ยาวถึง 8 ชม. จึงถือว่าฉีดที่เสื้อย้ำไปด้วยจะช่วยให้ทนมากขึ้น 

การกระจาย กลิ่นกระจายแบบกลางๆ ในช่วงต้น คือสดชื่นตีขึ้นแล้วจะลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวลากยาวไปจนเป็น Skin Scent ในช่วงท้ายแบบให้ความรู้สึกไม้หอมอุ่นๆ จนหายไปจากผิว 

ทิ้งท้าย ถือว่าเป็น Safe Scent ที่ชัดเจนมาก ไม่ทำร้ายใครเลย รวมถึงตัวคนฉีดเองครับ แต่อาจจะเป็นน้ำหอมกลิ่นเบาที่อาจจะทำให้คนฉีดแทบไม่รู้สึกเอาได้ว่าฉีดน้ำหอมมา แต่จะได้ความรู้สึกนวลๆ อุ่นๆ ของไม้หอมแทนเสียมากกว่าครั^^ 

Credit ภาพ - http://fimgs.net/images/secundar/o.33232.jpg

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Playboy – London

Playboy – London

เพราะ Playboy เป็นน้ำหอม Mass ที่เข้าถึงง่ายมาก และบางทีก็ซ่อนตัวดีงามไว้อย่างมากมายเลยทีเดียว อย่างเช่น Playboy VIP ที่เคยบอกเล่าไปเมื่อนานมาแล้ว เช่นนั้น เพราะยังมีความอยากเป็น Playboy อยู่ เลยวนกลับมาอีกรอบ คราวนี้มากับการเป็นหนุ่มเมืองผู้ดีกันบ้างกับรุ่น London ซึ่งงานนี้จะออกมารูปแบบไหน จัดไปจนผลออกมาคือ 

Top Notes มากับกลิ่นอายแบบติดโทนสเปรย์ดับกลิ่นกายหน่อยๆ ก่อนที่จะทำให้รู้สึกได้ แต่ไม่ได้มาแน่นมากเหมือนรุ่นสดชื่นตัวอื่นๆ เพราะกลิ่นเขียวแมนๆ ลักษณะนั้นตะถูกกลิ่นโทนซิตรัสติดหวานจะเด่นขึ้นมาแทนที่เสียหมดจากอิทธิพลของส้มและเกรฟฟรุตที่จะมีความหวานจากอบเชยค่อยๆ ตะล่อมเข้ามาเรื่อยๆ จนเข้าสู่ Middle Notes เต็มตัว โดยโทนซิตรัสจะหลบลงไปเป็นตัวรองพื้นที่ให้ความรู้สึกอยู่เบาๆ แต่กลิ่นของอบเชยจะมาเต็มโดยให้ความหวานเย้ายวนกำลังดี มีความหวานนวลๆ ของกุหลาบมาทำให้กลิ่นอายนวลหวานติดนุ่ม และยังมีความแมนให้รู้สึกได้จากโทนเขียวๆ อยู่ แต่ช่วงนี้กลิ่นจะใกล้เคียงความเป็น Diesel Fuel for Life ของผู้ชายอยู่พอสมควร เพียงแต่ไม่ได้ออกผลไม้โทนหวานแบบราสเบอร์รี่เลย มาในโทนเครื่องเทศกลั้วดอกไม้แทน แตกต่างกันก็ตรงนี้ ส่งต่อให้ Base Notes ที่กลิ่นของอบเชยยังคงให้ความหวานเย้าอยู่ แต่กลิ่นของบรั่นดีจะเด่นขึ้นมาให้ความรู้สึกเจ้าชู้ในเนื้อกลิ่น โดยมีกลิ่นไม้หอมแบบติด Smoky และครีมมี่รายล้อมให้ความนุ่มนวล มีความสะอาดจางๆ ให้รู้สึกได้ ภาพรวมเลยเป็นลักษณะแบบผู้ชายเท่ห์ๆ ที่มีความเจ้าชู้ตามธรรมชาติ โดยมีความหวานแบบกำลังดีให้รู้สึกยิ้มได้ประมาณนั้นเลย 

เหมาะสำหรับ
  ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้สบายๆ แถมกลิ่นเข้าถึงง่ายเสียด้วย และไม่หวานแน่นจนเกินกว่าเหตุเมื่อเทียบกับอากาศบ้านเรา สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน โดยอาจจะเลี่ยงงานทางการจัดๆ นิดนึง เพราะกลิ่นมันจะดูเจ้าชู้ไปนิด แต่ใส่ทำงานหรือทั่วๆ ไปได้สบายๆ และงดใส่ออกกำลังกายจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้เข้าทาง Sport เลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนยามค่ำคืนถือว่าเป็นตัวที่ใส่ไปได้สบายๆ เลย มันมีดีอยู่ในตัวอยู่ แต่ต้องอัดสเปรย์ไปสู้กับชาวบ้านเขาเยอะหน่อยก็เท่านั้นเอง 

ความทน
  ประมาณ 6 ชม. อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่านี้อยู่ที่จำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอที่ 8 ชม. ได้อยู่กับจำนวนสเปรย์อัดที 7 สเปรย์แบบกดมิด 

การกระจาย
  ข้อดีของ Playboy คือกลิ่นจะไม่ได้กระจายหนักจนรบกวนใคร ซึ่งตัวนี้ก็กระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงไปเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง ก่อนเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย
  เอาจริงๆ นี่คือของดีอีก 1 รุ่นที่ซ่อนอยู่ในโซนน้ำหอมราคาไม่สูงนะครับ แม้ว่าความทนอาจจะไม่มาก และอาจจะคล้ายๆ ตัวดัง แต่กลิ่นถือว่าทำได้ดีและทุกคนเข้าถึงได้ง่ายสบายกระเป๋า


Credit ภาพ - http://www.mychemist.com.au/images/productimages/69043/original_CW.jpg?6%2F08%2F2013+2%3A17%3A09+PM


วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559

Review: Etienne Aigner - Aigner White Man

Etienne Aigner - Aigner White Man

เรียกว่าเป็นอีกแบรนด์ที่เริ่มหาไม่ได้ง่ายๆ แล้ว แถมทำน้ำหอมได้เรียกว่ากลิ่นดีงาม คุณภาพก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวกับ Etienne Aigner ที่กลิ่นแต่ละตัวเรียกว่าไม่ธรรมดา และหนึ่งในความไม่ธรรมดาแบบคุณหลอกดาว ก็คือ Aigner White Man นี่แหละ ที่เป็นตัวน่าสนใจมาก เพราะ

เปิดต้นกลิ่นมาที่ Top Notes แบบธรรมดามาก คือ กลิ่นหอมสดชื่นนวลๆ ของเกรฟฟรุตที่จะโดนกลิ่นอายของเครื่องเทศโทนหวานและนุ่มอย่างเม็ดกระวานและโหระพามาตัดทอนความคมออกไป มีกลิ่นอายติดเครื่องเทศสดชื่นของเม็ดผักชีที่จะเด่นขึ้นมาด้วย เลยเป็นกลิ่นอายสดชื่นนวลๆ สะอาดๆ มีกลิ่นซ่าๆ แบบไม่ได้หวือหวาอะไรนัก แต่ความดีงามก็ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเข้าสู่ Middle Notes ที่งานนี้มาเต็มมากกับกลิ่นอายหอมนุ่มนวลติดสดชื่นให้ความรู้สึกแบบโทนขาวสว่างตาจากกลิ่นของดอกไวโอเล็ตที่จะมาในโทนแป้งติดเขียวโปร่งๆ กลั้วกับกลิ่นอายเย็นๆ ดันให้กลิ่นโทนผลไม้อย่างเมล่อนเด่นขึ้นมาแบบหอมหวานสดชื่น แถมซ้ำต่อเนื่องด้วยกลิ่นจากช่วงต้นที่มาผสมโรงไปด้วย กลิ่นเลยจะหอบกระจายนวลๆ สะอาด หวานโปร่ง นุ่มนวลจมูกกันอย่างจริงจังมาก และคงอิทธิพลนี้ไปยัง Base Notes ที่จะมีความสดชื่นติดหวานโปร่งอยู่ โดยจะมีความเขียวแมนๆ จาก Oakmoss เข้ามาความนุ่มนวลปนอบอุ่นเข้ามาให้ความสดชื่นอยู่ แต่คงความเป็นกลิ่นโทนขาวจาMusk จะมาแบบหอมนุ่มสะอาดนวลๆ มีความอบอุ่นเบาๆ แบบไม้หอมอ่อนๆ ไปตลอด ซึ่งเหมือนกลิ่นอายแบบผู้ชายแต่งตัวเชิ้ตสีขาวสบายตา สะอาด นุ่มนวล มีเสน่ห์เปล่งออร่าตามธรรมชาติยังไงยังงั้นเลย 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็ใส่ได้แล้ว ถือเป็นอีกกลิ่นหนึ่งที่ใช้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย สามารถเรียกคำชมก็ได้ไม่ยาก โดยสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งทางการและไม่ทางการ ซึ่งถ้าจะออกกำลังกายแนะนำให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า กลิ่นจะได้ไม่ตีขึ้นจนขาวพร่าไปหมดจนจุกคอหอยเสียก่อนเพราะช่วงกลางกลิ่นตีขึ้นหนำมากจริงๆ ส่วนยามค่ำคืนถ้าเป็นดินเนอร์หรือยามโรแมนติคกลิ่นน่าซบไม่น้อยเลยล่ะ

ความทน ประมาณ 6 – 8 ชม. ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ซึ่งส่วนตัวจัดไปที่ 6 สเปรย์แบบกดมิด อยู่เกิน 8 ชม. สวยๆ เลย

การกระจาย คุณหลอกดาวก็ตรงนี้ เพราะกลิ่นต้นจะกระจายกลางๆ แบบธรรมดามาก เหมือนไม่มีอะไรซับซ้อน แต่พอเข้าช่วงกลาง ไหงมันตีขึ้นไม่หยุดไม่หย่อน หอมนุ่มนวลมากมายลากยาวการกระจายดีไปจนถึงช่วงท้ายก่อนจะลดระดับมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วจางลงเรื่อยๆ ในเวลาต่อมา

ทิ้งท้าย กลิ่นงามแบบมีความหอมนุ่มนวลโทนขาวมากครับ และเป็นกลิ่นที่ผมได้รับคำชมแบบทำเอาปลื้มเลยด้วยซ้ำว่าน้ำหอมกลิ่นนุ่มนวลดูเป็นผู้ดีมาก (ทำท่าก็ไม่รู้สินะ) ซึ่งยอมรับเลยว่าของเขาดีจริงๆ ครับ 

Credit ภาพ - http://www.impercity.com/obrazky-viva/pAI031125-aigner-white-man-toaletni-voda-s-rozprasovacem.jpg