วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

Review: Bond No.9 – Eau de Noho

Bond No.9 – Eau de Noho

ย่าน Noho เป็นหนึ่งในชานเมืองใน New York ที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์มากเลยที่หนึ่งกับการแสดงคอนเสิร์ตและบอร์ดเวย์ต่างๆ ที่รวมอยู่ที่นี่ทั้งกลางวันและกลางคืน แน่นอนว่า Bond No.9 เอาเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้มาทำเป็นน้ำหอมที่สื่อถึงยามกลางวันที่สดใสและมีเสน่ห์ (แน่นอนว่ามีรุ่นกลางคืนด้วย) มีโอกาสได้ลองใช้จึงมาบอกต่อกันซะหน่อยกับรุ่น Eau de Noho  

เพราะพอรู้มาก่อนว่าน้ำหอมตัวนี้เป็น Unisex เลยเต็มที่เลย ซึ่งพอเจอ Top Notes กลิ่นอายเขียวๆ กลั้วดอกไม้ ติดซิตรัสจางๆ แบบโทนน้ำมากันเลย ซึ่งในเนื้อกลิ่นมีความหวานแซมอยู่อย่างชัดเจนเลยติดกลิ่นอายน้ำผึ้งนิดๆ จนเมื่อกลิ่นอายหวานๆ ติดเขียวจางๆ ของ Mimosa หรือดอกกระถิน เริ่มเด้นขึ้นมาจนเข้าสู่ Middle Notes ซึ่งแน่นอนว่ามาสว่างไสว เคล้าความเขียวของใบไวโอเล็ตที่ให้ความโปร่งในเนื้อกลิ่นแบบแป้งหอมเขียวโปร่ง ซึ่งกลิ่นแบบใสสว่างพลิ้วเชียว ซึ่งต้องยอมให้เขาเลยเพราะ Mimosa กลิ่นเคล้ากับกลิ่นสดชื่นแกมหวานในตอนแรกแล้วกลิ่นจะหอมหวานแบบดูลั่นล้าสดใสเลยทีเดียว แล้วกลิ่นโทนอบอุ่นจะเริ่มเสริมเข้ามาจนนำเข้าสู่ช่วง Base Notes ที่กลิ่น Musk จะเข้ามาเสริมให้กลิ่นอายสดใสเป็นนุ่มเย้ายวนมากขึ้น กลิ่นอายอบอุ่นของแอมเบอร์ที่จะมาแบบเบาๆ โดยที่กลิ่นอายเขียวหวานโปร่งจะยังคงอยู่ให้สัมผัสได้ อารมณ์แนวๆ ดอกไม้กลั้วน้ำผึ้งที่โดนแดดอบอุ่นและลั่นล้าไปในตัว ซึ่งภาพรวมเลยเห็นไปดูตอนที่เขียนช่วงต้นว่า Unisex แต่ใช้จริง กลิ่นออกทางลั่นล้าเป็นเฉพาะเพศมากกว่าที่คิดนะนั่น

เหมาะสำหรับ เพราะกลิ่นอายมันไม่ได้ Unisex มากขนาดนั้น ออกทางผู้หญิงมากกว่าถึง 75% เลยทีเดียว เลยจะเหมาะกับสาวๆ ทุกเพศวัยม.ต้น ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว เพราะกลิ่นของดอกกระถินมันตอบสนองถึงกลิ่นอายที่ทำให้เรานึกถึงความสดใสได้สบายๆ ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือไม่ก็ตาม แต่ไม่ควรกับการออกกำลังกายเพราะกลิ่นดอกไม้ไปกับออกกำลังกายยากส่วนยามค่ำคืนเอาเข้าจริงๆ ไม่ค่อยเหมาะนัก เพราะว่ากลิ่นเบาไป

ความทน กลิ่นทนตามประสา Bond No.9 อยู่ที่ประมาณ 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นกระจายปานกลาง และเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย กลิ่นอายมันออกแนวแบบสดใสตามธรรมชาติและอาจจะเพราะไม่เคยไปที่นี่มาก่อนเลยจะจับความเชื่อมโยงกับสถานที่ไม่ได้ แลยทำให้ตอนใช้กลิ่นนี้อารมณ์สาวน้อยที่สดใสและเย้ายวนมาเลยทีเดียวเชียว แบบว่ามีคนทักว่าใช้น้ำหอมหญิงมากกว่าใช้น้ำหอมชาย เช่นนั้น Bond No.9 จ๋า เปลี่ยนจาก Unisex เป็น Women เถิด 55555

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ


วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559

Review: Paul Smith – Portrait for Men

Paul Smith – Portrait for Men

ห่างหายจากน้ำหอมของ Paul Smith มานานเพราะเอาจริงๆ แต่ละตัวที่ออกมาอาจจะไม่ได้ดึงดูดอะไรมากนัก เพราเหมือนจะซบเซาไปไม่น้อย แต่พอได้เห็นว่ารุ่น Portrait for Men ออกมาตอนแรกก็เฉยๆ แต่พอได้อ่านรีวิวและดูโทนกลิ่น เลยเกิดความสนใจขึ้นมาไม่น้อยสบโอกาสสอยมาซะเลย ผลที่ออกมาในด้านกลิ่นคือ

Top Notes เปิดตัวด้วยกลิ่นอายของพริกไทยสีชมพูที่จะออกสดชื่นติดโทนหวานพอมาเจอกับกระวานเลยจะเริ่มเย้ายวนแบบเต็มแน่นเครื่องเทศกันมาเลยก็จริง แต่เพราะว่ามีโทนซิตรัสและมีกลิ่นออกทางฟรุตตี้จางๆ มาตัดทอน เลยทำให้กลิ่นอายไม่ได้มาแบบหนักเกินไป ความ Spicy มาแบบที่มีเสน่ห์กำลังดีเลยทีเดียว และกลิ่นโทนติดฟรุตตี้กึ่งหวานหน่อยๆ จะเริ่มฉายแววมากขึ้นในช่วง Middle Notes โดยที่โทนดอกไม้มาผสมผสานกับกลิ่นอายของเครื่องเทศที่ตามมาตั้งแต่ช่วงต้น กลิ่นจะเริ่มผันออกทางหวานติด Spicy กลิ่นจะเบาจากช่วงแรกลงมาเป็นเย้ายวนแบบกลั้วผลไม้ที่ออกแมนติดนุ่มกำลังดี ที่สำคัญจะเริ่มมีกลิ่นอายของไม้หอมดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนโผล่มาอย่างชัดเจนในช่วง Base Notes ที่ไม้ซีดาร์จะมาแบบโทนนุ่มขรึมกำลังดี มีกลิ่นออกทางยางไม้ติดเครื่องเทศประปรายแบบหอมแมนๆ ก็จริงแต่กลิ่นมีความ Modern ออกแนวเท่ห์ๆ อบอุ่นสูงมาก เพราะว่ากลิ่นอายยางไม้ติดเย้ายวนแกมหวานจะมาแบบนวลจมูกน่าซุกเลยทีเดียว กลิ่นจะแมนเย้าแบบไม่ได้มาแบบแรงจัดชัดเจนแต่มาแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ หล่อๆ ค่อยๆ เติมเต็มจนท้ายสุด “ซุกเลยเถอะน้องพี่รู้ว่าน้องสน” แบบนี้เลยล่ะ

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็จัดได้แล้ว แม้ช่วงแรกๆ อาจจะแน่นๆ ไปนิดแต่ผ่านไปได้เรียกว่าฉลุยและมีเสน่ห์มากลิ่นหนึ่งเลยทีเดียว โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการ ซึ่งถ้าจะออกกำลังกายให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน ตัวนี้จัดไป ใส่ได้สบายๆ อาจจะไม่ได้เรียกแขกโจ่งแจ้งแบบตัวอื่น แต่มันให้ความเท่ห์กับคนใส่ มันน่าสนใจไม่หยอกนะนั่น

ความทน กลิ่นทนเลยทีเดียวประมาณ 8 ชม. ได้สบายๆ และเกินไปกว่านั้นด้วยถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม ซึ่งส่วนตัวที่เจอ 12 ชม. เลยทีเดียวกับ 6 สเปรย์

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น แล้วจึงลดลงมาที่กระจายกลางๆ ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งตัวงามของ Paul Smith ที่ทำกลิ่นออกมาได้ดีและน่าสนใจมาก ส่วนตัวผมไม่เสียดายที่ได้มารครอบครองเลยล่ะครับ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Review: AJMal – Younique

AJMal – Younique

กลับมาที่แบรนด์ AJMal นี้อีกครั้ง คราวนี้ขอมาเสิร์ฟความหวานฉ่ำกันบ้าง เพราะยามที่ได้กลิ่นนี้ครั้งแรกแบบว่า หูยยย หวานจัง และพอได้ลองใช้เลยได้รู้ว่า ชื่อ Younique นี่เหมาะกับรุ่นนี้มากเพราะหวานฉ่ำคมไม่เหมือนใครไล่เรียงกันแบบนี้เลย 

เปิดต้นกลิ่นด้วยความหวานฉ่ำคมมาเต็มมาก เป็นลักษณะของกลิ่นอายของไซรัปน้ำหวานที่หวานจัดฉ่ำกลั้วกลิ่นอายของดอกไม้โทนขาวอย่างมะลิและดอกส้มที่ฟุ้งกระจายขึ้นมากันเลยทีเดียว แบบว่าใครชอบน้ำหอมโทนหวานจะรู้สึกกันได้เลยว่าหวานแน่นสะใจมาก ได้อารมณ์ควบคู่แบบน้ำเชื่อมไซรัปหวานจัดกับดอกไม้หอมหวาน เพียงไม่นานก็จะไปรวมตัวกับช่วงกลางที่งานนี้เครื่องเทศโทนหวานจะมาผสมผสานเข้าไปอีก และมีกลิ่นอายของผลไม้ที่ออกแนวเชื่อมจนหวานเข้ามาแจม โดยกลิ่นหลักที่เป็นตัวยืนพื้นคือดอกไม้สีขาวที่จะมาแบบหวานนวลเด่นลอย แยกเป็นชั้นเลยคือ ดอกไม้ น้ำหวานผลไม้ และเครื่องเทศ ความสะใจในความแน่นหวานยังคงมีอยู่ไม่หนีไปไหน จนเข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นอายหวานหอมฉ่ำจัด จะเริ่มลดระดับลงมาเพราะกลิ่นอายของ Oud หรือกฤษณาจะเข้ามาตัดทอนให้กลิ่นไม่ออกแนวหวานจัดเกินไป มีกลิ่นที่เป็นมิติของโทนไม้หอมเย้ายวนเข้ามาด้วย ซึ่งความหวานเองก็เป็นตัวช่วยตัดทอนให้กลิ่นของ Oud ไม่อวลจนจัดเกินไป เรียกว่าเอาด้านหนักของกันและกันออกไป ใส่โทนแป้งหอมติดกลิ่นผลไม้ลงไป เพื่อให้ความฉ่ำมันลดลงไปอีก เลยได้กลิ่นอายแป้งหอมหวานดอกไม้เคล้าไม้หอมจางๆ อีกสเต็ป ภาพรวมเลยเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่หวานแบบมาเต็มมาก มีความแน่นสะใจกันไปข้างนึงแบบไม่ลดราวาศอกให้ใครเลย แถมใครฆ่าก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน

เหมาะสำหรับ สาวๆ วัยตั้งแต่มหาลัยเป็นต้นไป กลิ่นนี้เพราะตัวหลักคือกลิ่นอายหวานจัดกลั้วดอกไม้ เลยเข้าทางสาวๆ สุดๆ เพียงแต่ต้องจำกัดสเปรย์ในการใช้งานเพราะกลิ่นมันหวานจัดมาก สามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ที่ไม่ใช่งานทางการจัดๆ การออกกลางแจ้ง และการออกกำลังกาย เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายภูมิฐานและสดชื่นนัก มาสายหวานเต็มขั้นที่อยู่ในห้องแอร์จะกระจายงามลงตัว ส่วนยามค่ำคืนจัดไปได้ โดยจำกัดสเปรย์ให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน จะหวานน่ารักลงตัวมากกว่าจะหวานกลบทุกกลิ่นในโลกหล้าแทน

ความทน มากกกกกกกกกกที่สุด เรียนกว่าอยู่ได้ 12 ชม. สบายๆ ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. กลิ่นยังคงอยู่แบบตีขึ้นเต็มๆ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีงามที่สุดและขั้นสุดในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ ไม่ลดราวาศอกให้ใคร จนไปปลายๆ ช่วงท้ายถึงจะลดลงมาเป็นกึ่งกลางๆ กึ่งออร่ารอบๆ ตัวที่ยังตีขึ้นให้รับรู้เสมอ ถือเป็น Sillage Scent ที่มาเต็มเหนี่ยวเลย

ทิ้งท้าย กลิ่นนี้เรียกว่าทำให้ผมเป็นหนุ่มหวานฉ่ำจนคนทักเลยว่าหวานจัดสาวมาก ไม่แต่งหญิงมาด้วยเลยล่ะ 5555 แต่ขอยกให้ว่าเป็นกลิ่นที่หวานจัดคมจริงๆ ครับ คนชอบกลิ่นหวานจัดๆ จะเข้าทางมากเลยทีเดียวล่ะ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ


วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

Review: L'Artisan Parfumeur - Al Oudh

L'Artisan Parfumeur - Al Oudh 

สาย Oud หรือกฤษณาที่เป็นที่ฮือฮากันมาในรอบหลายปีที่ผ่านมาเอาเข้าจริงสาย Niche Fragrance เขาเต๊าะมาเรื่อยๆ อยู่พักนึงแล้วเพื่อดึงเอาส่วนผสมแปลกใหม่มาทำให้เป็นน้ำหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดย L'Artisan Parfumeur เองก็ได้สรรสร้างกลิ่นอายน้ำหอมแนวนี้ออกมาเมื่อปี 2009 กับชื่อว่า Al Oudh กับเขาด้วย เช่นนั้นมาพิสูจน์กลิ่นกันดีกว่าว่าจะออกมาในรูปไหนกันหนอ 

เรียกได้ว่ามาแนวกลิ่นแบบทะเลทรายกลั้วความเป็นอาหรับดังจินตนาการของสุคนธกรเลยก็ว่าได้ เพราะจะเปิดต้นทางกันที่กลิ่นอายของเครื่องเทศที่มาเต็มแน่นและมีความเป็นกึ่งอายอาหรับและอินเดียควบคู่กันแบบกลิ่นเฉพาะจากการผสมผสานไม่ว่าจะเป็นยี่หร่า เม็ดกระวาน อบเชย และพริกไทยสีชมพู และกลิ่นจะมีโทนไม้หอมกับยางไม้แบบติดทางอาหรับรองพื้นไว้ตั้งแต่ช่วงนี้ กลิ่นเลยอาจจะทำให้นึกถึงกลิ่นตัวแขกกันแบบ Smell Welcome ชวนอึ้งกันก่อนได้เลย ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นนี้จะอยู่กับเราไประยะนึงก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นอายจะเริ่มลดระดับความเป็นเครื่องเทศลงมาเป็นกลิ่นแนว Animalic ที่จะมาออกแนวยั่วยวนใจติดโทนอาหรับกันนิดๆ ซึ่งจะมาแบบเย้ากำลังดี ผสมผสานกับกลิ่นโทนดอกไม้อย่างดอกส้มกับกุหลาบเบาๆ เลยทำให้กลิ่นไม่ออกทางสาป และกลิ่นจะมีความโปร่งในระดับหนึ่งที่ไม่ทำให้รู้สึกว่ามันแน่นจนเกินไปแต่ให้ความรู้สึกแบบแห้งๆ โดยที่ยังมีกลิ่นโทนไม้หอมและยางไม้เสริมอยู่ด้านหลังแบบให้รับรู้ได้ แต่ก็จะเริ่มแสดงตัวตนออกมาอย่างเด่นชัดในช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะมีกลิ่น Oud แบบเบาๆ ไม่มาหนักหน่วงผสมผสานกับไม้จันทน์หอมที่มาให้ความนวลอวลกำลังดี รวมถึงจะมียางไม้และกลิ่นโทนธูปที่มาแบบ Smoky กำลังดี มีความครีมมี่ติดโทนนุ่มทาง Musk ในระดับหนึ่ง ที่สำคัญขาดไม่ได้คือ พิมเสน ที่จะมาแบบอ้อยอิ่งประปรายกลั้วเย้าไปมากับกลิ่นไม้หอมสร้างเสน่ห์เฉพาะขึ้นมา ภาพรวมแม้ว่าช่วงแรกจะเป็นความรู้สึกแบบกลิ่นตัวที่ Smell Welcome ก็จริง แต่พอผ่านไปได้กลิ่นอายแบบอาหรับที่ไม่แน่นเกินกว่าเหตุจะทยอยมาให้รับรู้และเริ่มซึบซับแนวทางของกลิ่นได้มากและดีขึ้นนั่นเอง

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย ยิ่งใครชอบน้ำหอมโทนกลิ่นอายแบบอาหรับแบบไม่แน่น ตัวนี้จะเข้าทางมากมาย ซึ่งเหมาะสำหรับวัยทำงานขึ้นไปและผ่านน้ำหอมเครื่องเทศแนวๆ อาหรับรวมถึงกลิ่น Oud มาบ้างก็จะเริ่มจับทางกลิ่นได้ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในบางสถานการณ์ยามกลางวันได้ทั้งทางการและไม่ทางการ แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม แต่ไม่ควรใส่กลางแจ้ง อากาศร้อนจัด และออกกำลังกายเด็ดขาด กลิ่นจะกระจายจนคนรอบข้างงงเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้ใส่ได้สบายๆ เพียงแต่ถ้าจะใส่เพื่อหาเหยื่อ อาจจะได้ผัวแขกเมียแขกกันมากกว่า 

ความทน - กลิ่นทนน่าสนใจมากกับที่ 8 ชม. บวกลบไม่มาก อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นก่อนจะลดระดับลงมากระจายกลางๆ และปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายแบบแนวๆ อาหรับกำลังดี 

ทิ้งท้าย - กลิ่นถือว่าไม่ได้ออกทาง Oud เด่นมากขนาดนั้น ออกแนวเครื่องเทศที่เด่นกว่าเยอะมาก จน Oud นี่เรียกว่าแทบจะหายไปเลย ซึ่งสุคนธกรเก่งมากเลยที่ปรับกลิ่นเครื่องเทศให้เป็นกลิ่นที่คล้ายความเป็น Oud และอาหรับได้ดีมาก เวลาใส่ถ้าทิ้งไว้ซักพักก่อนเดินออกจากบ้าน จะเป็นการดีกว่า ไม่งั้นผู้อื่นจะงงว่ากลิ่นแขกมาจากใครนะครับ ^^

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ -https://thecandyperfumeboy.files.wordpress.com/2012/06/l_artisan_al_oudh.jpg

Review: Serge Lutens - Chergui

Serge Lutens - Chergui 

หนึ่งใน Masterpiece ทางด้านน้ำหอมที่ถ่ายทอดกลิ่นอายของยาสูบที่งามมากมายก่ายกองมีเสน่ห์หาตัวจับได้ยากเลยทีเดียวจาก Serge Lutens ที่หลายๆ คนบอกว่าไม่ควรพลาดถ้าชอบกลิ่นโทนนี้ เช่นนั้นของดีต้องบอกต่อว่ากลิ่นอายตัวนี้มาในลักษณะไหน เอาให้ชัดๆ ไปเล๊ยยยยย! 

Chergui เปิดตัวด้วยพระเอกมาก่อนเลยกับกลิ่นอายยาสูบแห้งๆ ที่เด่นนำมาตีคู่กับกลิ่นฟาง กลิ่นจะมาแบบมีเอกลักษณ์แบบยาสูบที่มีความเท่ห์ในตัวสูงมาก กลิ่นมีความ Smoky เข้ามาเสริมประปราย เพียงไม่นานความรู้สึกจะบอกได้ถึงความหวานที่เริ่มเข้ามาได้อารมณ์แบบใบยาสูบติด Smoky โดยราดด้วยน้ำผึ้งฉ่ำหวาน จนชุ่มและท่วมกลิ่นอายเลยจะมาแนวใบยาสูบที่หวานฉ่ำก็จริง แต่ไม่ออกทางขนมหรือหวานจนเอียนจัดๆ กลับกลายเป็นว่าความ Smoky ที่มีประปรายกลายเป็นเด่นขึ้นมาลดทอนความหวานและไม่ทำให้ออกทางฉ่ำ ซึ่งเป็นผลมาจาก Incense หรือกลิ่นโทนธูป และด้วยตัวช่วยอย่างกุหลาบที่มาบางๆ มีกลิ่นเครื่องเทศมาแจมแบบหลบซ่อนเบื้องหลังสนับสนุนให้กลิ่นถ่ายทอดความงามของยาสูบกับน้ำผึ้งได้งดงามจริงจัง ให้ความรู้สึกทั้งนิ่งขรึมก็ได้มีเสน่ห์เย้ายวนแบบติดทางดาร์ก ลึกลับ น่าค้นหา โดยแม้กลิ่นจะหวานแต่ก็ไม่ได้ออกทางหวานฉ่ำจนเยิ้มเลี่ยนเรียกว่ามาทางเท่ห์กันเน้นๆ กลิ่นช่วงนี้จะส่งต่อไปให้ช่วงท้ายโดยกลิ่นหลักอย่างยาสูบและน้ำผึ้งจะยังคงอยู่ แต่กลิ่นจะมีความอบอุ่นแทรกขึ้นมาเรื่อยๆ จนเต็มที่ด้วยกลิ่นอายออกทางไม้หอมอบอุ่นและแอมเบอร์ เสริมด้วยกลิ่นโทนแป้งของ Iris ที่มาเพิ่มความมีคลาสหรูหราติดเซ็กซี่ในเนื้อกลิ่น พร้อมกลิ่นปรับโทนมานุ่มขึ้นเข้าไปอีก ทุกอย่างเบลนด์กันอย่างดีคุมโทนความหวานติดโทนแห้งอย่างมีชั้นเชิง กลิ่นแต่ละช่วงมีเสน่ห์ให้จับต้องได้เป็นสเต็ปให้รับรู้ โดยให้กลิ่นอายหลักเป็นตัวถ่ายทอดแง่มุมที่สวยงามของเนื้อกลิ่นได้อย่างชัดเจน สมแล้วที่เป็น Masterpiece ที่ผู้คนยอมรับในความสุดยอดของเนื้อกลิ่นจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - เพราะ Serge Lutens ตราเอาไว้ว่าเป็นน้ำหอม Unisex แต่เอาเข้าจริง ไพล่มาทางผู้ชายพอสมควรอาจจะถึง 70% ได้เลย เพราะกลิ่นมีความแมนพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ฺยามกลางวัน แบบที่จำนวนสเปรย์เหมาะสม ซึ่งได้หมดทั้งงานทางการที่จะสร้างความน่าเชื่อถือ และทั่วๆ ไป ที่จะเน้นทางมีระดับหรือโรแมนติคให้ชวนค้นหาก็สามารถ ข้ามเรื่องการใส่ออกกำลังกายไปได้เลย เดี๋ยวจะตีขึ้นจนจุกตายเสียก่อน ยามค่ำคืนจัดไปได้สบายๆ กลิ่นมีระดับมาก ไปงานแต่งหรืองานทางการต่างๆ ได้สบายๆ แถมใส่ไปเที่ยวกลางคืนแบบหรูๆ บ่งบอกความมีคลาสของคนใส่มากกว่าจะเน้นหาเหยื่อได้ดีมา

ความทน - ยกนิ้วให้เลย เพราะ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ให้รู้สึกได้ อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีงามมากในช่วงต้น และคงตัวการกระจายที่ดีลากยาวไปถึงกลางๆ ของช่วงท้าย ก่อนจะลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป 

ทิ้งท้าย - เอาเข้าจริงจะรีวิว Masterpiece ทางด้านกลิ่นยาสูบตัวนี้อีกพักใหญ่เลยทีเดียว เพราะรู้สึกว่ามันล้ำลึกมากในด้านการถ่ายทอดกลิ่นที่งดงามของยาสูบกับน้ำผึ้งในรูปแบบที่มีเสน่ห์หาตัวจับได้ยากชวนให้หลงใหลสุดๆ และอยากดื่มด่ำให้ลึกสุดใจก่อนจะมาบอกเล่า แต่เพราะมีกูรูบางท่านบอกมาว่ากลิ่นเปิดมีน้ำมันมะพร้าว ถึงขั้นตกใจเลยต้องรีบลัดคิวมาพิสูจน์ว่ามีจริงหรือไม่กันซะเลยว่า Serge Lutens - Chergui เป็นแบบนั้นจริงหรือ ผลออกมาคือ 

#น้ำมันมะพร้าวตูอยู่ไหน? ยังไง๊ ยังไงก็หาไม่เจอ แม้จะไปตะโกนในห้องแบบตามหาน้ำมันมะพร้าวเลียนแบบจา พนม ตามหาช้างแล้ว ก็ยังหาไม่เจอในทุกวันนี้ คงไม่มีบุญและรู้สึกคุณหลอกดาวแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แน่เลย T-T 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - https://www.instagram.com/p/BCx6cxjkN7N/

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

Review: Tocca – Cleopatra

Tocca – Cleopatra

Tocca เป็นแบรนด์ทางด้าน Sport แฟชั่นที่มีชื่อพอตัวเลย ที่สำคัญเน้นทางด้านผู้หญิงเป็นหลักเสียด้วยซึ่งเรื่องนี้ต้องขอข้าม มาที่เรื่องของน้ำหอมดีกว่า เพราะมีโอกาสได้มาจากการแบ่งปันแบบที่ไม่เคยรู้จักแบรนด์นี้มาก่อน แถมเห็นชื่อรุ่นว่า Cleopatra เสียด้วย เอาล่ะสิ ใส่แล้วมีสวยสง่าหรือเปล่านั่น เลยต้องลอง ผลที่ออกมาคือ 

Top Notes เรียกว่าได้ความรู้สึกสาวกันเลยทีเดียวเพราะความเป็น Fruity กลั้วซิตรัสมันเด่นตีขึ้นมาจากแบลคเคอแรนท์กับเกรฟฟรุต แต่สิ่งที่เด่นกว่าคือการแทรกตัวของกลิ่นโทนเขียวแบบสดชื่นที่ทำให้รู้สึกได้เรื่อยๆ และจะรู้สึกชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่ช่วง Middle Notes ที่กลิ่นจะหอมแบบดอกไม้กลั้วผลไม้แบบนวลจมูกมากโดยมะลิจะมาเด่นแบบโปร่งๆ มีกลิ่นครีมมี่จางๆ จากโทนดอกไม้ขาว และกลิ่นหวานๆ ของพีชที่มาแบบไม่ได้ฉ่ำ เพราะกลิ่นอายเขียวๆ ที่แทรกมาเต็มตัวในช่วงนี้ อารมณ์เลยจะได้กลิ่นนวลๆ ของดอกไม้ติดแป้งกลั้วความเขียวแบบดึงดูด ซึ่งจะเริ่มรู้ตัวการชัดเจนขึ้นตามลำดับคือ พิมเสน ที่จะแทรกมาเรื่อยๆ และมาแบบเขียวๆ เสียด้วย เลยทำให้กลายเป็นความเย้ายวนและมีระดับมากพอแบบสง่าๆ ส่งต่อให้ช่วง Base Notes ที่จะมีกลิ่นอายของพิมเสนกลั้ว Musk หอมนวลนุ่มจมูกแบบที่ยังมีกลิ่นอายของความเขียวอยู่ รองพื้นด้วยกลิ่นโทนแป้งอบอุ่นที่มีวานิลลามาเป็นตัวเด่น แต่มาแบบไลท์เวอร์ชั่นบางเบาให้ Musk ปล่อยความนุ่มนวลเย้ายวนกลั้วกลิ่นอายมีระดับจากพิมเสนไปตลอด ภาพรวมเลยเป็นน้ำหอมผู้หญิงที่มีระดับกลิ่นแบบมีของโดยไม่ทิ้งความสดชื่น ความเย้ายวน และความนุ่มนวลนั่นเอง

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป จริงๆ น้องๆ มหาลัยก็ใส่ได้ แต่ต้องเลือกสถานการณ์นิดนึง เพราะกลิ่นมันมีของที่ระดับในเรื่องความสง่าพอสมควร ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณฺยามกลางวันได้ทั้งงานทางการและทั่วๆ ไป แบบที่เน้นสร้างภาพลักษณ์แบบดีๆ ไม่ใช่กิงก่องแก้วเต้นบัลเล่ต์กลางทุ่งลาเวนเดอร์ ยิ่งออกกำลังกายขอให้งด เพราะกลิ่นไม่เข้าเลย แม้แบรนด์นี้จะออกทาง Sport Fashion ของผู้หญิงก็เถอะ ส่วนยามค่ำคืนแบบออกงานกาล่า หรืองานสำคัญตัวนี้เหมาะสมมาก แต่ถ้าไปเที่ยวแล้วไม่เน้นเย้ายวนแบบโต้งๆ เน้นเริ่ดๆ เชิ่ดๆ แบบชั้นจะเป็นคนคุมเกมตัวนี้ก็เข้าทางอยู่เลยทีเดียว 

ความทน น่าพึงพอใจมาก เพราะลากยาวไปที่ 8 ชม. ได้สบายๆ ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. กับการใช้ตัวนี้ 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมีระดับมากในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายกลางๆ และลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย ก่อนจะจางลงไปเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป 

ทิ้งท้าย กลิ่นงามเลยทีเดียว คือ เพราะส่วนตัวผมชอบพิมเสนอยู่แล้ว เจอกลิ่นแบบนี้สู้ตาย น้ำหอมหญิงก็จะใส่ ใครจะแซวหาแคร์ไม่ครับ ชิส์ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.bonsreves.com/wp-content/uploads/2013/05/Tocca-Cleopatra-Eau-de-Parfum-from-Bons-Reves.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

Review: Dunhill Icon

Dunhill Icon

เมื่อเห็นขวดเมทัลลิคแบบจัดเต็มเป็นแท่งแบบนี้ครั้งแรก กับการเป็นน้ำหอมตัวใหม่ของ Dunhill ที่มาในความเป็น EDP ของผู้ชาย ก็น่าสนใจมากเพราะอย่างรู้ว่ากลิ่นอายจะลงเอยมาในลักษณะไหน พอได้มีโอกาสลอง เลยได้รู้ว่ารุ่น Icon ขวดนี้เป็นเช่นนี้เลย

Top Notes มากันเต็มๆ กับกลิ่นอายของโทนซิตรัสที่ไม่ได้มาแบบคมแหลม เพราะมีความเป็นดอกส้มเด่นนำ ตัดโทนคมๆ ของมะกรูดที่มาร่วมแจมด้วยแบบกำลังดี เลยได้ความสดชื่นแบบติดโทนนุ่ม และมีกลิ่นอายเขียวๆ ประปรายให้รู้สึกได้ เพียงไม่นานเข้าช่วง Middle Notes กลิ่นซิตรัสจะเริ่มผันมาทางติดโทนแป้งสดชื่นจางๆ โดยจะมีกลิ่นอายนุ่มๆ ของลาเวนเดอร์ และความสดชื่นติด Spicy ของพริกไทยรองพื้นไว้ ที่สำคัญกลิ่นช่วงนี้เริ่มมีความเย้ายวนเข้ามาจากโทนหวานของเม็ดกระวาน เลยจะมีความเป็นเครื่องเทศกลั้วซิตรัสแบบเท่ห์ๆ ไม่โฉ่งฉ่างก็จริง แต่เอาอยู่ในด้านความนุ่มนวลและขรึมๆ ซึ่งจะเชื่อมโยงไปสู่ Base Notes ที่กลิ่นไม้หอมแบบที่ไม่คิดว่าจะเจอในน้ำหอมลักษณะนี้ได้โผล่ขึ้นมา นั่นคือ Oud หรือกฤษณา แต่กลิ่นได้โดนเหลาจนกลายเป็นไอจางๆ กลั้วความนุ่มนวลติดโทนแป้ง ที่สำคัญมีความ Smoky จากหญ้าแฝกที่จะมาเด่นสุดออกทางแห้งๆ มากกว่าจะฉ่ำ เลยได้ความเท่ห์กันเต็มๆ เรียกว่าภาพรวมไล่เรียงลำดับจากสดชื่น สะอาดเย้ายวน และเท่ห์แบบนิ่งขรึม แบบไม่ต้องพยายามเลย

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นถือว่าใช้ง่ายในระดับหนึ่งเลย ที่สำคัญกลิ่นไม่ได้มาแบบพิมพ์นิยมในความเป็นซิตรัสที่เดาทางได้ง่ายเสียด้วย โดยสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นมีระดับพอตัวที่สร้างความสดชื่นและน่าเชื่อถือได้ในเวลาเดียวกัน ส่วนถ้าจะออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า เพราะจะไม่รบกวนใครมาก ส่วนยามค่ำคืนถ้าจะใส่แบบทั่วๆ ไปจัดได้สบายๆ ยิ่งออกงานสังคมก็พอสู้เขาไหว แต่ถ้าไปหาเหยื่อนั่นไง เปลี่ยนไปตัวอื่นดีกว่านะจ้ะ

ความทน กลิ่นทนประมาณ 8 ชม. ได้สบายๆ อิงกับจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายกลางๆ ไปเรื่อยๆ และเป็นออร่ากึ่ง Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย กลิ่นนี้มีของ เพราะรู้สึกได้ว่าในความธรรมดา มีความไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ และก็ได้พบจริงๆ กับการเหลากลิ่น Oud กลายเป็นวู้ดดี้ขรึมๆ ที่มีเสน่ห์ท่ามกลางกลิ่นอายสดชื่นได้น่าสนใจมากจริงๆ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ




วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2559

Review: Guerlain L’Homme Ideal

Guerlain L’Homme Ideal

เห็นโฆษณารุ่น L’Homme Ideal ของ Guerlain ครั้งแรก นั่งนึกเดาในใจว่าจะมาในลักษณะใดหนอ ซึ่งอาจจะเจาะที่กลิ่นด้านอบอุ่นแน่ๆ แต่ก็ยังมีเสน่ห์แบบร่วมสมัยแน่ๆ เมื่อได้มีโอกาสได้รับการแบ่งปันจากมิตรสหายคนรักน้ำหอมเลยต้องมาบอกเล่ากันเลยว่า มันเป็นเช่นนี้ 

ภาพรวมของกลิ่นมีความชัดเจนมากในเรื่องของการเป็นน้ำหอมกลิ่นอบอุ่น มีความครีมมี่นุ่มจมูกในตัวสูงมาก เลยจะทำให้ได้ลุคแบบผู้ชายอบอุ่นน่าเข้าหาและเย้ายวนจนน่าซุกในเวลาเดียวกันมาก โดยเปิด Top Notes ที่ความเป็นซิตรัสแบบสดชื่นกลั้วสมุนไพรติดเขียวซ่าหน่อยๆ ก็จริง มีดอกส้มหอมสดชื่นกลางๆ แต่กลิ่นที่รองพื้นแบบครีมมี่อมหวานมันเหมือนมารอจ่อคอหอยพร้อมกันเลย ซึ่งกลิ่นที่เชื่อมโยงให้เกิดการเปลี่ยนโทนจากซิตรัสสู่ครีมมี่นั่นคือส้มขม ที่จะโยงกลิ่นอายซิตรัสติดสมุนไพรเบาๆ ในตอนต้นไปเป็นส่วนหนึ่งของ Middle Notes ที่จะเป็นกลิ่นอัลมอนด์หอมหวานกลั้วกับถัวตองก้า กลิ่นเลยจะอบอุ่นครีมมี่แบบหอมเย้ายวนน่าซุกมากมาย โดยมีความหวานประปรายแบบกำลังดี เย้ากำลังงามแทน โดยมีความเป็นซิตรัสกับดอกส้มในตอนต้นรองพื้นด้านหลังให้กลิ่นไม่ขนมจนเกินไป และก็เปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ Base Notes กลิ่นกลิ่นของไม้หอมติดขรึมๆ บอกความอบอุ่นแบบแมนๆ มีความ Smoky แบบแห้งๆ ของหญ้าแฝกให้รับรู้ได้ก็จริง แต่กลิ่นโทนอัลมอนด์ครีมมี่มีผู้สนับสนุนเข้าไปสมทบอีก 1 ราย นั่นคือ กลิ่นหนังเลยทำให้กลิ่นอายติดหวานมันครีมกลั้วกับความนุ่มนวลติดแมนๆ มีระดับแบบผู้ชายที่วางตัวดีลงตัวเป๊ะเลย จึงไม่แปลกใจว่าน้ำหอมตัวนี้คนนิยมชมชอบกันมากกับการใส่สร้างเสน่ห์ทางด้านอบอุ่น แถมยังมีความเป็นน้ำหอมโนกลิ่นออกทาง Modern มากกว่าจะออกทางร่วมสมัยได้ดีเสียด้วย นี่แหละ Guerlain L’Homme Ideal 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นจะเข้าทางมากมาย ส่วนน้องๆ วัยมหาลัยก็ใส่ได้อยู่ แต่กลิ่นอาจจะแน่นไปถ้าไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ตลอด ซึ่งกลิ่นเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการ กลิ่นให้ความอบอุ่นน่าเชื่อถือก็ได้ กลิ่นสร้างความเย้ายวนน่าอยู่ใกล้ก็มาก ส่วนการออกกลางแจ้งและการออกกำลังกายข้ามตัวนี้ไปเถอะ เดี๋ยวตีขึ้นจนแน่นจุกคอตายเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนไม่ว่าจะออกงาน หรือไปเที่ยวแบบสบายๆ หรือออกทางโรแมนติคจัดไป เข้าทางมาก แต่ถ้าจะหาเหยื่ออาจจะต้องอัดสเปรย์มากหน่อยก็เท่านั้นเอง 

ความทน เรียกว่างาม เพราะ 8 ชม. สบายๆ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุกที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีงามมากในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายดีอบอุ่นครีมมี่นุ่มจมูกๆ เย้าๆ ไปตลอด จึงค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย ต้องยอมรับเลยว่าผู้ปรุงกลิ่นนี้ ทำให้กลิ่นอัลมอนด์นั้นทั้งหวามและอบอุ่น มีความครีมมี่น่าเอาหน้าซุกไปมาไม่เลิกได้อย่างดีมากมาย ที่สำคัญดันมีตัวลูกอย่าง L’Homme Ideal Cologne ที่ลดความแน่นลงไปยิ่งทำให้น่าสนใจมากขึ้นไปอีก เสียตังค์แหงแซะก็งานนี้แหละครับ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.disicouture.com/blog/wp-content/uploads/disi-couture-beauty-news-lhomme-ideal-guerlain.jpg

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559

Review: Giorgio Armani – Armani Mania

Giorgio Armani – Armani Mania 

ได้ยินกิตติศัพท์มาอย่างช้านานว่ากลิ่นนี้มันหอมเซ็กซี่ แถมใช้ง่าย เดิมทีเรียกว่ามองข้ามเพราะรู้อยู่ว่าคนใช้กันเยอะ แต่พอสบโอกาสเริ่มอยากรู้บ้างว่า Giorgio Armani ตัวนี้ มีอะไรดี เช่นนั้นก็จัดมาเลยกับ Armani Mania ผลที่ออกมาคือ 

เรียกว่าเป็นกลิ่นแนวซอฟท์แต่แอบเย้ายวนเซ็กซี่แบบมาใกล้ๆ ก็น่าซบไม่หยอกเลยทีเดียวกับภาพรวมแบบผู้ชายเท่ห์ติดสะอาดสะอ้าน เพราะ Top Notes เปิดต้นกลิ่นขึ้นมาด้วยเครื่องเทศที่ออกแนวโทนสะอาดแนวๆ พริกไทย กลิ่นจะมีโทนซิตรัสบางเบาที่ให้รู้สึกสบายๆ เสริมเข้ามา แต่กลิ่นที่เด่นเสมอต้นเสมอปลายเลยจะกลายเป็น หญ้าฝรั่น ที่ออกหวานปนขมรองอยู่ด้านท้ายที่จะออกแนวเย้าๆ เซ็กซี่กำลังดี และตัวหญ้าฝรั่นนี่แหละที่จะลากยาวไปถึงช่วงท้ายๆ เลย โดยไม่รวมตัวกับไม้ซีดาร์ในช่วง Middle Notes ซึ่งในช่วงนี้ชัดเจนมากถึงกลิ่นอายแบบไม้หอมเท่ห์ติดขรึมและมีความ Smoky กำลังดีจากหญ้าแฝก โดยกลิ่นเซ็กซี่ของหญ้าฝรั่นจะให้ความเย้ายวนกลั้วความสะอาดของเครื่องเทศที่ตามมาจากตอนต้นจางๆ อยู่แบบลงไปเป็นผู้สนับสนุนรอง โดยไม้ซีดาร์จะสนธิกำลังดันกับหญ้าฝรั่นตามไปยัง Base Notes ที่กลิ่นอายรองพื้นติดผิวจะออกแนว Musk นุ่มสะอาด กลั้วความอบอุ่นจากแอมเบอร์ แต่กลิ่นที่รู้สึกได้ก็จะเป็นไม้หอมติดเซ็กซี่สะอาดสะอ้านนุ่มๆ มีมาดไปตลอดแบบว่า มาใกล้ๆ สิแล้วคุณจะอยากซบผมประมาณนี้เลย 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้สามารถใช้ได้อย่างสบายมาก เพราะกลิ่นถือว่าคาบเกี่ยวได้หมดทั้งความเป็นวัยรุ่นและวัยทำงาน ได้หมดทั้งทางการและไม่ทางการ แถมใส่ชิลล์ๆ ก็ได้หมด แต่ถ้าออกกำลังกายให้รอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้เรียกว่าเบาไป ถือว่าให้ใช้เป็น Daily Use น่าจะดีกว่า

ความทน ราวๆ 6 ชั่วโมง บวกลบประมาณ 2 ชม. ซึ่งอิงกับจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด แถมด้วยเคมีบางส่วนเป็นสำคั 

การกระจาย กลิ่นกระจายกำลังดีในช่วงต้น และลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง จนปิดท้ายด้วย Skin Scent ชัดเจนไปตลอด เรียกว่าไม่ได้ทำร้ายใครก็ว่าได้ 

ทิ้งท้าย เอาเข้าจริงไม่แปลกใจว่าทำไมคนชอบตัวนี้กันเพราะกลิ่นมันหอมแบบเท่ห์ๆ และมีเสน่ห์แบบที่เข้าถึงได้ง่ายไม่น้อย เป็นอีกตัวที่เป็น Office Scent ได้สบายมากเลยล่ะครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.emiaroma.com/media/catalog/product/cache/11/image/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/i/m/img-product1600-5463.jpg

Review: Adolfo Dominguez – Agua Fresca de Rosas

Adolfo Dominguez – Agua Fresca de Rosas

ในเมื่อ Agua Fresca เป็นหนี่งในน้ำหอมสดชื่นที่เป็นตัวเทพตัวนึงของฝั่งน้ำหอมผู้ชายแล้วก็มาถึงฝั่งผู้หญิงที่ Adolfo Dominguez ได้แยกออกมากันบ้าง เช่นนั้นมารู้จักกันซักหน่อยกับรุ่นนี้เลย Agua Fresca de Rosas 

เปิดต้นทางด้วยกลิ่นอายของความเป็นซิตรัสที่สดชื่นกันมาก่อนเลย มาแบบกลิ่นอายติดเขียวกลั้วไปทาง Aquatic ที่เป็นกลิ่นอายน้ำสดชื่นก็จริง แต่สิ่งสำคัญคือกลิ่นกุหลาบจะมากันตั้งแต่ช่วงนี้ ราวกับน้ำกุหลาบกลิ่นอ่อนๆ กลั้วซิตรัสติดเขียวที่สดชื่นจัดๆ ตีขึ้นมาก่อนเลย จนเมื่อผันเข้าช่วงกลาง กลิ่นอายของกุหลาบจะยังคงความสดชื่นแบบปลอดโปร่งกลั้วความเป็นกลิ่นอายแบบสมุนไพรติดเขียว และมีโทนดอกไม้ออกทางกลิ่นสว่างใสและโปร่งแนวๆ มะลิมาเสริมทัพสนับสนุนให้กลิ่นกุหลาบติดซิตรัสแบบฉ่ำเป็นน้ำกุหลาบที่สดชื่นชัดขึ้น กลิ่นแบบเปิดวันฟ้าใสราวกับกุหลาบแรกแย้มต้องน้ำยามเช้ามากมาย จนไม่นานกลิ่นของ Oak Moss จะเริ่มเด่นขึ้นมารับช่วงต่อความเขียวสดชื่นกลั้วกับกลิ่นกุหลาบที่ลดเพดานลงมาเป็นกลิ่นอ่อนๆ หอมแบบมีชั้นเชิงติดกลิ่นอายธรรมชาติ ซึ่งความสดใสและสดชื่นมีอยู่พอให้รู้สึกได้ โดยจะมีกลิ่น Musk มาให้ความสะอาดนุ่มเบาๆ กลั้วกับกลิ่นโทนไม้หอมที่มาแบบอ่อนๆ ที่ได้ความรู้สึกอ่อนโยนกำลังดีไปตลอด ภาพรวมเลยเป็นน้ำหอมกลิ่นกุหลาบที่มาแบบโปร่งและสดชื่นราวกับน้ำกุหลาบธรรมชาติที่ได้ทั้งความอ่อนโยนและรื่นรมย์ได้อย่างลงตัว เป็นอีกด้านหนึ่งของรุ่นเทพทางฝั่งผู้ชายอย่าง Agua Fresca ได้น่าดูชมจริงๆ 

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ก็ใช้ได้แล้ว เพราะกลิ่นเรียกว่าเป็นโซนสดชื่นที่ใช้ง่ายจริงจังมาก ได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ทั้งทางการและไม่ทางการ ส่วนออกกำลังกายให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า และในยามค่ำคืนอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ถ้าจะใส่ไปร่อนราตรี ยกเว้นวันอากาศร้อนๆ ชิลล์ๆ ถือว่าจัดได้ไม่มีปัญหาอะไร ที่สำคัญกลิ่นนี้มีความเป็น Unisex ประมาณ 30% ได้ เช่นนั้นผู้ชายจัดได้เช่นกัน ยิ่งคนชอบกุหลาบฉ่ำๆ จะฟินได้ไม่ยากเลย 

ความทน อยู่ระหว่าง 6 – 8 ชม. อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และจะลดลงมากระจายกลางๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัว ลดหลั่นลงไปตามเวลา ที่สำคัญอากาศยิ่งร้อนตัวนี้กลิ่นยิ่งกระจาย 

ทิ้งท้าย - เรียกว่าเป็นกลิ่นที่ทำเอาประทับใจเลย เพราะส่วนตัวเวลาเจอกลิ่นกุหลาบ ถ้ามาแบบแห้งๆ หรือออกทางแป้งจนสาวเกินไป เกรงว่าแค่กลิ่นชาวบ้านก็อุทานว่า ไม่แต่งหญิงมาด้วยเลยล่ะแต่ตัวนี้ไม่ใช่ และหอมแบบกุหลาบสดชื่นกลั้วซิตรัสได้งามมากจริงๆ ครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.spanishoponline.com/uploads/9/5/9/1/9591377/___9880206_orig.jpg

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

Review: Montale - Starry Nights

Montale - Starry Nights 

มาถึงตัวปิดท้ายสำหรับ Montale's Week แล้วกับกลิ่นที่ 7 ที่จะมาให้ความหอมหวานแบบค่ำคืนที่พร่างพราวไปด้วยดาวเต็มท้องฟ้า กับกลิ่นอายที่หอมนวลกลั้วสดใสแกล้มเย้ายวนวิบวาวท่ามกลางความมืดมิดอย่างมีระดับ ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นนี้จะเป็นการจับคู่แบ่งภาคกลางวันนั่นคือ Golden Sand และตัวที่กำลังจะมาเล่านี้เป็นภาคกลางคืน นั่นก็คือ Starry Night นั่นเอง 

ก่อนอื่นไม่ได้คาดหวังกับรุ่นนี้ เพราะคิดว่าน่าจะมาโทนแนวๆ ทะเลทรายยามกลางคืนยามท้องฟ้าเปิดโล่งเห็นดาวมากมายในนั้น รวมถึงจะต้องมี Oud เป็นองค์ประกอบ แต่กลายเป็นไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะ Top Notes กลายเป็นมาในลักษณะของซิตรัสสดชื่นติดผลไม้แทน แถมมาแบบคมๆ ด้วยองค์ประกอบของมะกรูดและแอปเปิ้ลเขียวที่กลิ่นแหลมขึ้นมาแบบมีชั้นเชิง โดยจับได้ถึงความเป็นโทนแป้งและดอกไม้รองพื้นด้านหลัง จึงได้อารมณ์แรกเริ่มอากาศเย็นของทะเลทรายที่สดชื่นแบบแห้งๆ ไม่ได้มาทางฉ่ำใส และก็ผันเข้าสู่ช่วง Middle Notes โดยกลิ่นโทนซิตรัสจะมาผสมผสานกับกลิ่นอายกุหลาบที่ดันขึ้นมาหอมแบบกุหลาบแห้งกลายเป็นกลิ่นกุหลาบติดโทนแป้งที่มีความสดชื่นแทรกไปตลอด และจะมีกลิ่นอายหอมนวลของพิมเสนเป็นตัวให้ความเย้ายวนได้ลงตัวมาก ซึ่งจะเปรียบเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนกับอากาศเย็นกลางทะเลทราย กลิ่นกุหลาบกลั้วซิตรัสกับพิมเสนต่างเปล่งประกายวิบวับเข้าฆานประสาททำให้เกิดความรื่นรมย์ กลิ่นช่วงนี้เรียกว่าเป็นไฮไลท์ที่ผสาน 3 แนวโทนกลิ่นเข้าด้วยกันลงตัวมาก โดยมีพื้นฐานกลิ่นอายนุ่มๆ ติดโทนแป้งที่จะดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนเข้าช่วง Base Notes กับการเป็นแป้งหอมที่ติดกลิ่นอายอบอุ่นติดวานิลลาหน่อยๆ มี Musk ผสมผสานให้เกิดความนุ่มนวล โดยที่กลิ่นกุหลาบกลั้วพิมเสนยังคงตามมาช่วงให้กลิ่นอายหอมนุ่มติดหวานจางๆ อย่างมีเสน่ห์มากเลยทีเดียวติด ราวกับเข้าใกล้รุ่งอรุณที่อากาศเริ่มอบอุ่นก่อนจะไปสู่การเป็น Golden Sand ในวันถัดไป 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะกลิ่นนี้ไม่สาวและไม่แมนจนเกินไป สามารถใส่ได้ในหลายสถานการณ์ยามกลางวันได้ทั้งทางการและทั่วๆ ไป แต่งดใส่ออกกลางแจ้งและออกกำลังกายเพราะว่า กลิ่นนี้หนักไม่ใช่เล่น เพราะกลิ่นโทนแป้งมักไม่เหมาะกับอากาศร้อนนัก ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้เรียกว่าเข้าทางมากมายกับการใส่เพื่อความโรแมนติคหรือออกงานสังคม ยิ่งใส่ไปงานแต่งนี่เหมาะเหม็งสุดๆ ส่วนถ้าจะใส่ไปท่องราตรีก็ถือว่าได้อยู่ ไม่ได้น่าเกลียด อาจจะไม่ได้เย้ากันแบบโต้งๆ นัก แต่ได้ความมีระดับของคนใส่เสียมากเท่านั้นเอง 

ความทน - โคตรทนนนนนน คือไม่คิดว่าจะทนได้มากมายขนาดนี้กับ 16 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ แถมกลิ่นที่ติดเสื้อนั้นซักออกมาแล้วพอมารีด กลิ่นยังตีขึ้นให้รับรู้อยู่ ขอกราบบบบบบมา ณ ที่นี้ 

การกระจาย - มากกกกกกกกก กระจายดีเว่อร์แถมไม่ได้เป็นกลิ่นกุหลาบที่มาแบบกลางๆ โดนพิมเสนและซิตรัสกลบความแน่นหวานไปได้เยอะ เลยทำให้กลิ่นกระจายดีงามแบบเรียกเรตติ้งได้เลยตั้งแต่ต้น ยันถึงช่วงท้ายที่จะลดระดับลงมาเป็นกระจายกลางๆ กำลังดี ใครเดินตามหรือใครยืินใกล้ๆ กวาดให้ได้กลิ่นได้สบายๆ 

ทิ้งท้าย - กลายเป็นหนึ่งในตัวที่เป็นเป้าหมายของผมเลยว่าต้องสอยขวดเต็มให้ได้หลังจากได้ขวดจิ๋วมา แถมกลิ่นนี้ทำให้นึกถึงกลิ่นกุหลาบงามตาคมระดับโลกอย่าAJMal Wisal ที่เอา Oud ออกไป ตัดโทนดอกไม้ให้บางลงใส่ซิตรัสและพิมเสนลงไปเยอะๆ เลยได้เสน่ห์ในอีกรูปแบบนึงเลย ที่สำคัญยามใส่กลิ่นนี้กวาดคำชมจากคนใกล้ตัวและคนแปลกหน้าได้ถึง 6 คน บอกว่ากุหลาบหอมมาก แบบที่ไม่ชวนให้เอียนและเวียนหัว จุดนี้ฟินมากกกกก บอกเลย ^^

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.luckyscent.com/product/35474/starry-night-by-montale

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559

Review: Montale - Aoud Lagoon

Montale - Aoud Lagoon 

Montales's Week กับวันที่ 6 ก็ได้อันเชิญตัวใหม่ใสกิ๊งที่แบบว่าลัดคิวลองก่อนใคร เพราะต้องการอยากรู้ว่ากลิ่น Aoud ถ้าไปเป็นลักษณะแบบกลิ่นอายชายทะเลหรูหรามันจะเป็นอย่างไร ผลออกมากับรุ่น Aoud Lagoon นั้นไซร้เลยเป็นเช่นนี้ 

อึ้งกิมกี่ บอกเลยว่าอึ้ง เพราะ Oud หนูอยู่ไหน ซึ่งคุณหลอกดาวกับชื่อรุ่นมากมาย แต่จะสื่ออารมณ์ของคำว่า Lagoon ได้ดีเช่น เพราะกลิ่นเปิดออกมาแบบ Floral ติดหวานเลยจ้า กลิ่นอายของดอกหอมหมื่นลี้ที่มานวลจมูกมากมาย ซึ่งแน่นอนแอบได้กลิ่นโทนฟรุตตี้เบาๆ เพราะตัวหอมหมื่นลี้มีกลิ่นอายออกพีชอยู่ในตัวอยู่แล้ว แต่กลิ่นที่เริ่มขึ้นมาเทคโอเวอร์แบบมาเต็มมากขึ้นคือกลิ่นของ Tiare (ดอกไม้ชนิดหนึ่งวงศ์เดียวกับดอกพุดกลิ่นหอมนวลข้นติดหวานคล้ายดอกพุด เป็นดอกไม้ที่เจอได้ตามเกาะอย่าง Tahiti และ Mahoi กลิ่นจะทำให้นึกถึงโลชั่นแบบซันแทน) ที่จะมาเต็มกันสุดๆ นำเข้าสู่ช่วงกลางที่จะมีกลิ่นอายข้นๆ แบบดอกไม้สีขาวหอมในรีสอร์ทหรูบนเกาะ แต่ความดีงามอย่างนึงคือกลิ่นจะไม่ออกทางข้นนวลขาวจัด เพราะว่ากลิ่นโทนติด Aquatic ของดอกบัวจะมาตัดให้กลิ่นลงตัวกลาง ช่วงนี้เลยจะเป็นกลิ่นโทนดอกไม้หอมนวลข้นกำลังดี หวานกำลังงาม มีความเป็นโทนแป้งนวลๆ แฝงไปอยู่ตลอด ได้อารมณ์เหมือนกลิ่นโลชั่นสีขาวกลิ่นดอกไม้ข้นๆ กลิ่นอะโรม่าที่แอบเย้ายวนกำลังดี เมื่อผ่านไปกลิ่นจะเริ่มเปิดเผยถึงตัวซ่อนอยู่ด้านหลังขึ้นมานั่นคือ โทนไม้หอมที่จะดันขึ้นมาให้รู้สึกอบอุ่น มีกลิ่นอาย Smoky จางๆ ดันให้กลิ่นของโทนดอกไม้ที่ยังตามมาอยู่อโดยเฉพาะกลิ่น Tiare ที่หอมนวลประปรายแบบลงตัว อารมณ์เลยจะได้แบบนั่งชิลล์ในกระท่อมไม้ในรีสอร์ทหรูบนเกาะซักแห่ง แบบทำสปา ชิลล์ๆ ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีกลิ่นอายแบบทะเล และไม่มี Oud ให้รับรู้เลยจ้า ^^

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะข้อดีของ Tiare มักจะอยู่ตรงกลางๆ มากกว่าดอกพุดที่จะออกสาวกว่า กลิ่นอายเลยจะมาแนวๆ หอมนวลๆ ผ่อนคลายอะโรม่า แบบที่จำนวนสเปรย์ดีๆ ลงตัวกลิ่นจะงามงดเลย ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน งานทางการจัดๆ อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่ถ้าทั่วๆ ไปเช่น ทำงาน Office หรือชิลล์ๆ วันหยุดจะไปได้ดีเลย อากาศร้อนก็พอไหวแบบจำนวนสเปรย์ดีๆ แต่ออกกำลังกายไม่แนะนำนัก ส่วนยามค่ำคืนจัดไปใส่ได้สบายๆ เลย ใส่ไปเที่ยวกลางคืนก็พอได้ แต่อาจจะไม่ได้มาทางล่าเหยื่อมากนักก็เท่านั้นเอง 

ความทน - ลงตัวเลยกับประมาณ 8 ชม. อาจจะมากกว่านี้อยู่ที่จำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวจัดที่ 4 สเปรย์ อยู่ถึงได้สบายๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น มาเต็มเลยล่ะ จนจดลงมากระจายดีในช่วงกลาง และผันตัวลงเรื่อยๆ จนเป็นออร่ากึ่งติดผิวรอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - มันเกี่ยวกับ Oud ตรงหนายยยย 555555 แต่ไม่ปฏิเสธเลยว่ากลิ่นนี้งามงดกำลังดีและลงตัวมากกับการสร้างอะโรม่าให้ตัวเอง ที่สำคัญขอตัดพ้อว่าลองตัวนี้ต่อเนื่องตอนกลางคืน 4 วัน กับใส่เต็ม 1 วัน เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ดมน้ำหอม Designer ปกติแล้วทำหน้าเบื่อ เพราะดันเผลอใช้และหลง Niche ไปเยอะเลย 555555 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.punmiris.com/himg/o.39121.jpg

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2559

Review: Montale – Mukhallat

Montale – Mukhallat

วันที่ 5 กับตัวที่ 5 ของ Montale’s Week ก็ได้เวลาในการปลดปล่อยความหวานฉ่ำโบ๊ะแบบไม่เกรงใจผู้ใดแล้ว เพราะกับการสื่อสารถึงการเป็นน้ำหอมแบบเข้มข้นที่มีความหอมเฉพาะตัวแบบ Oil Perfume แนวๆ อาหรับ แต่เอาเข้าจริงมันไม่ใช่ Oil เป็น EDP ที่มีความเต็มเหนี่ยวมาก นั่นคือรุ่น Mukhallat 

ขวดสีขาวเคล้าสีทอง ผิดกับน้ำหอมที่สีแดงเข้มข้นมาก ด้วยการเปิดตัวกับกลิ่นแนวไซรัปหวานฉ่ำสะใจขาดดิ้นกับกิ่นแนวน้ำเชื่อมผสมผสานกับไซรัปสตรอเบอร์รี่ที่มาให้ความเปรี้ยวผสานกับความหวานได้ฉ่ำโบ๊ะที่สุดมาก เรียกว่าคนชอบน้ำหอมหวานฉ่ำจะปลื้มกันไม่ยาก แต่ถ้าไม่อาจจะคิดว่ามันหวานไปนะ อย่างกับเอาไซรัปมาราดตัวเลย ที่สำคัญต้องยอมใจให้เขาเลยเพราะกลิ่นแนวไซรัปสตรอเบอร์รี่อยู่ยาวลากนานไปถึงช่วงท้ายๆ กันเลยทีเดียว และคงความเป็นไซรับหอมเปรี้ยวหวานไปเรื่อยๆ เสียด้วย ด้วยผ่านไปไม่นานกลิ่นครีมมี่เริ่มปรากฏเป็นกลิ่นโทนอัลมอนด์ที่จะมาแบบหอมนุ่มจมูกราวกับขนมหวานที่ทำด้วยอัลมอนด์อบหอมบดคลุกเคล้า และจะมีวานิลลามาเป็นตัวทำให้กลายเป็นหอมกรุ่นอบอุ่นนวลเข้าไปอีก จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายกลิ่นอายของไซรัปสตรอเบอร์รี่จะมีความอุ่นมากขึ้นมีโทนวู้ดดี้จางๆ ตัดโทนขนมหวานกับมีกลิ่น White Musk ที่ทำให้กลิ่นอายนุ่มนวลอยู่แบบติดผิว แต่กลิ่นที่ตีขึ้นยังกลายเป็นไซรัปสตรอเบอร์รี่ผสานวานิลลาอัลมอนด์ที่หอมหวานราวกับขนมราดไซรับชุ่มๆ น่ากินจนฟินไปข้างเลยล่ะ

เหมาะสำหรับ กลิ่นนี้ตราว่า Unisex แต่เอาเข้าจริงๆ มีความเป็นผู้หญิงอยู่ 70% ได้ เพราะกลิ่นไซรัปสตรอเบอร์รี่แบบหวานฉ่ำติดเปรี้ยวมันสื่อสารออกมาลักษณะนั้น แต่เอาเข้าจริงผู้ชายก็ใส่ได้ เพียงแต่ต้องจำนวนสเปรย์แบบเหมาะสม ไม่งั้นหวานตายหมู่กันพอดี โดยสามารถใส่ได้ในบางสถานการณ์ยามกลางวัน งานทางการจัดๆ อาจจะไม่เหมาะ แต่ถ้าทั่วๆ ไป ทำงานใน Office เย็นฉ่ำหรือสบายๆ วันอากาศดีๆ กลิ่นจะหอมหวานชวนกินมันทั้งวันเอาได้ ส่วนยามค่ำคืน ไปเที่ยวใส่ได้เลย กลิ่นเรียกร้องความสนใจมาก บอกกันตรงนี้ และถ้าใส่มากๆ เข้าข่มชาวบ้านได้หมดเลยล่ะ 

ความทน มากกกกกกกกก ไม่รู้จะมากไปไหน กลิ่นติดทนสุดๆ กับ 15 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นกับเพียง 3 สเปรย์ หวานฉ่ำโบ๊ะน่ากินมากมาย 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากกกกกกกกในช่วงต้น เรียกว่าไซรัปราดตัวคงไม่ผิดนัก ที่เหลือจะคงตัวการกระจายดีไปตลอด มีไปลดเอาปลายๆ ช่วงท้ายแบบกระจายกลางๆ คงที่ไม่หนีไปไหน แถมเป็นกลิ่นแนว Sillage Scent ที่ตีขึ้นได้ดี กระจายให้คนอื่นรับรู้ก็งามเสียด้วย 

ทิ้งท้าย ใครชอบสตรอเบอร์รี่แนวๆ ไซรัปหวานๆ ติดเปรี้ยว และกลิ่นโทนขนม ตัวนี้พร้อมที่จะหวานกันให้หนำจนสะใจไปข้างเลยล่ะครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.starstyle.lv/imimg//80-42257-parfemovana-voda-montale-paris-mukhallat-.jpg