วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: Hugo Boss - Bottled

Hugo Boss - Bottled

ถ้าพูดถึงไลน์น้ำหอมผู้ชายที่ยอดฮิตมาเสมอไม่มีกำลังตกแต่ประการใดของ Hugo Boss ก็ต้องเป็นไลน์ Bottled เลยที่มีออก Flanker ลูกหลานอย่างมากมาย ซึ่งแน่นอน แม้จะต่างความรู้สึกกันอย่างเป็นเอกเทศในแต่ละรุ่นแต่ก็เรียกว่าไม่สามารถแซงหน้าตัวต้นตระกูลได้ง่ายๆ กันเลย เช่นนั้นมาดมกันดีกว่าว่า Boss Bottled ตัวหลักเป็นยังไงคนถึงได้ยังรักใคร่สมัครสมานกับน้ำหอมรุ่นนี้มาเสมอ 

เพียงแค่ Top Notes กลิ่นอายของแอปเปิ้ลแดงจะมาแบบหอมหวาน มีความเป็นโทนซิตรัสกลั้วจางๆ ให้มีความสดชื่นผสมผสาน ซึ่งจะรู้สึกได้เลยว่ากลิ่นอายของความเป็นผลไม้กลั้วซิตรัสในช่วงนี้จะลองพื้นด้วยโทนเครื่องเทศอบอุ่นนุ่มๆ กันอย่างชัดเจนให้มีมิติความหอมที่จับต้องได้แตะความรู้สึกเข้าถึงง่ายในหลายๆ รูปแบบความชอบตามสไตล์แนวเรียกแขกให้รู้สึกกันก่อนว่าช่วงนี้หอมจริงและเสียเงินซื้อฉันเถอะ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีดีแค่เพียงช่วงแรกเรียกแขกเท่านั้น Middle Notes จะรับช่วงต่อกันเต็มๆ กับกลิ่นอายเครื่องเทศโทนหวานที่จะไม่ได้มาแบบแน่นๆ เพราะมีการตัดกันอย่างลงตัวของความหวานเย้าจากอบเชย ความเป็นดอกไม้กลิ่นโทนกุหลาบติดเปรี้ยวของเจอเรเนียม และความเผ็ดปร่าจากกานพลู ทำให้กลิ่นจะหวานเย้าออกโทนโปร่งกลั้วกับกลิ่นแอปเปิ้ลที่ตามมาจากช่วงแรกได้มีเสน่ห์มาก ที่สำคัญกลิ่นอายอบอุ่นนุ่มๆ เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ แทรกเข้ามา เรียกว่านี่คือไฮไลท์ของน้ำหอมตัวนี้อย่างชัดเจนที่จะทำให้คนที่ใส่รู้สึกได้เลยว่าเลือกถูกตัวในการใช้งาน เพราะกลิ่นแบบนี้ยังไงก็ผ่าน ซึ่งความอบอุ่นที่แทรกเข้ามาเรื่อยๆ จะดึงเข้าสู่ Base Notes ที่จะชัดเจนที่กลิ่นโทนไม้หอมติดโทนแห้งๆ เพราะกลิ่นไม้จันทน์หอมจะมาผสมผสานกับหญ้าแฝกแห้งๆ ที่ไม่มีโทน Smoky ผสานด้วยกลิ่นอบอุ่นติดโทนสานิลลาจางๆ ให้รู้สึกได้ โดยที่กลิ่นเครื่องเทศในช่วงกลางยังตามมาอยู่ กลิ่นเลยจะได้ลักษณะแบบอบอุ่น สุขุม และน่าเข้าหากันเต็มๆ ภาพรวมเลยเป็นกลิ่นอายที่กวาดหมดในเง่ของการใช้งานที่ได้ทั้งความสดชื่น ความหวานโปร่ง ความเย้ายวน และความเป็นสุภาพบุรุษที่อบอุ่นนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถแล้วที่จะใช้งานตัวนี้ กลิ่นมีความเป็น Daily Use อย่างชัดเจน แถมกวาดไปใช้ยามกลางคืนได้สบายๆ เพราะมันมีความเย้ายวนติดไม้หอมที่สร้างเสน่ห์ด้านกลิ่นที่เรียกแขกได้ดีด้วย ออกแนวเกือบครอบจักรวาลเลยทีเดียว เพราะใช้ได้หมดทั้งงานทางการและทั่วๆ ไป แต่ขอยกเว้นการใช้เพื่อทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกาย เพราะกลิ่นจะตีขึ้นหนักหน่วงจนอาจจะอึดอัดได้ 

ความทน - ลงตัวมากที่ 8 ชม. ซึ่งอาจจะมีบวกลบบ้าง อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วลากยาวการกระจายที่ดีแบบนี้ไปตลอดจนถึงช่วงท้ายที่จะลดลงมากระจายปานกลางแบบที่คนรอบๆ ตัวจะได้กลิ่นอยู่เรื่อยๆ พอพ้นราวๆ 8 ชม. ไปแล้วจึงค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวและ Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ไม่แปลกใจเลยที่กลิ่นนี้ได้รับความนิยม เพราะเป็นกลิ่น Modern ที่แตะความชอบกลิ่นโทนน้ำหอมของทุกๆ ช่วงวัยได้ไม่ยาก ที่สำคัญใส่แล้วยังไงก็รอด เช่นนั้นเอาไปเลยตำแหน่งนี้ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - https://fragrances-hugoboss-com.secure.footprint.net/uk/v_102/images/rangeImages/boss_bottled_eau_de_toilette1.png

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: Kenzo Jungle L’Elephant

Kenzo Jungle L’Elephant

ถ้าจะหาน้ำหอมที่มีการกระจายที่ปล่อยพลังรอบทิศเป็นเลิศแบบไม่หวั่นแม้วันมามาก หนึ่งในนั้นต้องมีรุ่นนี้ของ Kenzo เป็นแน่แท้ กับการปล่อยพลังของกลิ่นแนว Oriental Spicy แบบ “พี่ไม่ได้มาเล่นๆ นะคะน้อง” เช่นนั้นมารู้จักกันดีกว่าว่ารุ่นนี้เป็นอย่างไงกับ Kenzo Jungle L’Elephant

ต้องบอกว่าเพียงแค่ Top Notes เรียกว่าแผ่รังสีปล่อยคลื่นพลังกลิ่นรอบทิศทางกันเลยทีเดียว เพราะกลิ่นของเครื่องเทศติดโทนหวานอย่างกระวานที่มากลั้วกับยี่หร่า โดยมีซิตรัสมาเสริมเบาๆ มาแบบเต็มแน่นจัดหนักกันมาก ซึ่งข้อดีคือ กลิ่นของวานิลลาและเครื่องเทศโทนเผ็ดปร่าซ่าของกานพลูที่จับได้ตั้งแต่ช่วงนี้มาทำให้กลิ่นมีความนวลแน่นและไม่มีความเป็นตะวันออกกลางเลย ทำให้เป็นกลิ่นฟุ้งปล่อยพลังกันอย่างจัดเต็มไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน จนเมื่อ Middle Notes ได้เวลาปล่อยของกานพลูจะทำหน้าที่ได้ชัดเจนมากกลิ่นจะโดดเด่นออกมาล้อมห้วยเครื่องเทศโทนหวานที่ตามมาจากช่วงต้นและชะเอมที่เสริมเข้ามาในช่วงนี้ทำให้กลิ่นจะมาทางหวานแกล้มความอบอุ่นจากตัวรองพื้นที่รู้สึกได้ชัดขึ้นอย่างวานิลลา ซึ่งในช่วงนี้จะมีโทนดอกไม้ครีมมี่มาเสริมทำให้กลิ่นไม่ออกโทนหวานเข้าทางขนมมากเกินไปมีความกลางๆ ระหว่างความเป็นเครื่องเทศและกลิ่นอบอุ่นได้ลงตัว แน่นอนว่าการปล่อยพลังยังคงมาเต็มที่ไม่หยุดยั้งและหมดฤทธิ์เลย และเมื่อ Base Notes ออกโรงกลิ่นของวานิลลาจึงได้เข้ามาเทคโอเวอร์ให้ความอบอุ่นกันเต็มที่ เกลาให้เครื่องเทศโทนหวานต่างๆ ลดทอนความแรงลงเป็นความนุ่มนวลหอมหวานลงตัว ซึ่งกานพลูยังทำหน้าที่ให้ความปร่าในเนื้อกลิ่นอยู่เลยไม่ทำให้ออกหวานจัดจ้านเกินไป ที่สำคัญกลิ่นจะมีพิมเสนให้ความรู้สึกนุ่มนวลจางๆ เสริมเข้ามาด้วยในช่วงนี้ และยังคงความเก๋าเกมเช่นเคยเพราะความแรงลดลงมาก็จริง แต่ยังคงปล่อยของกระจายไม่ยั้งเช่นเคย ซึ่งภาพรวมจะเป็นโทนอบอุ่นกลั้วความหวานที่ไม่จัดจ้าน มีความเป็นกลิ่นไม้หอมและความปร่าของเครื่องเทศที่ทำให้กลิ่นมีเสน่ห์แบบจัดเต็มมากเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถจัดตัวนี้ได้แล้ว โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป แต่ให้จำกัดจำนวนสเปรย์เถิดจะเกิดผล ไม่เช่นนั้นจะทำชาวบ้านหันมามองแบบกลิ่นมาก่อนตัว ตัวไปกลิ่นยังอยู่ แถมจะตีขึ้นให้คนใส่แน่นจุกคอหอยเอาได้แม้ว่าจะไม่ได้หวานเยิ้มก็ตาม ที่สำคัญงดใส่ออกกลางแจ้งและออกกำลังกายเลย ฆ่าหมู่เอาได้กลิ่นมาเต็มเหนี่ยวมากแน่นอน ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าถ้าจะมาเพื่อเด่น จัดเลยกลิ่นปล่อยพลังชัดเจนแบบไม่เหมือนใครด้วย ส่วนผู้ชายก็สามารถใช้กลิ่นนี้ได้ เพราะกลิ่นมีความเป็น Unisex อยู่พอสมควรเลย

ความทน กราบบบบบบบบบ 15 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นอยู่ไม่ลดราวาศอก

การกระจาย ปล่อยพลังเต็มๆ กลิ่นกระจายจัดเต็มมาก ก่อนที่จะลดลงมากระจายดีลากยาวไปเรื่อยๆ แล้วกระจายปานกลางในช่วงท้าย แล้วอาจจะลดหลั่นลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวได้ตามแต่ละสภาพผิว

ทิ้งท้าย การมองข้ามบางครั้งเป็นสิ่งดีอย่างนึงในการลองน้ำหอมไม่น้อย เพราะมันทำให้เราตะลึงตี้งตึงมากว่ากลิ่นที่เราเคยมองข้ามมันเริ่ดสะแมนแตนอะไรขนาดนี้ แถมปล่อยพลังขั้นสุดแบบที่สูสีกับตัวเทพด้านการกระจายอย่าง Thierry Mugler Angel หรือตัวเอกฝ่ายชายอย่าง Joop! Homme เสียด้วย สมแล้วที่เป็นรุ่นในตำนานรุ่นหนึ่งของ Kenzo

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ


วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: Mancera – Lemon Line

Mancera – Lemon Line

แบรนด์ Niche ที่เน้นเจาะตลาดบนกับกลิ่นอายที่มีความแน่นหนามาเต็มตามสไตล์ลักษณะเดียวกับ Montale เพราะว่าเจ้าของเดียวกันอย่าง Mancera เรียกว่ามีน้ำหอมน่าสนใจก็มากเลยเพราะจากที่เคยได้มีโอกาสจัดรุ่น Roses Vanille ไปก็เรียกว่ามาเต็มเรื่องความแน่นและหอมกระจายแล้ว คราวนี้เลยต้องหันมามองที่โซนสดชื่นของแบรนด์นี้บ้างก็เหลือบไปเห็นรุ่น Lemon Line ที่คาดว่าคงขนความเป็นซิตรัสมากันเต็มที่ สบโอกาสได้ลองเลยต้องมาเล่าให้ฟังว่า

กลิ่นอายสดชื่นสื่อถึงคำว่า Lemon ได้ชัดเจนมาก บอกเลยว่าถ้าใครชอบน้ำหอมกลิ่นอายแบบซิตรัสจัดเต็มตัวนี้ให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ โดยมาใกล้เคียงลักษณะน้ำหอมอิตาเลี่ยนแนว Modern ผสมผสานกับขนบแนวฝรั่งเศสที่จะต้องมีความเป็นสมุนไพรมากลั้วได้ลงตัวมาก โดย Top Notes กลิ่นอายของเลมอนผสมกับมะนาวจะมาแบบชัดเจนเลยทีเดียว เพียงแต่จะไม่ได้คมเปรี้ยวบาดอะไรนัก เพราะการมีลาเวนเดอร์เสริมเข้ามาเลยทำให้กลิ่นอายของซิตรัสเลยจะมาแบบสดชื่นที่รองพื้นด้วยความนุ่มชัดเจน กลิ่นซิตรัสแนวเลมอนติดนุ่มลาเวนเดอร์นี้จะเด่นเป็นสง่ายาวเหยียดไปจนถึงช่วงท้ายๆ เลย โดยใน Middle Notes กลิ่นอายเขียวๆ ของ Oak Moss จะเด่นขึ้นมาให้อารมณ์แบบเขียวสมุนไพรกลั้วซิตรัสก็จริง แต่จะมีโทนดอกส้มที่มาให้ความนุ่มกลั้วสดชื่นผสมผสานกับเจอเรเนียมที่กลิ่นจะมาแบบกุหลาบเบาๆ กลั้วมะนาว ความสดชื่นเลยรับช่วงต่อกันมาอย่างดีกลิ่นอายช่วงนี้จะมีความเป็นน้ำหอมซิตรัสที่แตะความรู้สึกได้ทั้งแนวอิตาเลี่ยนและฝรั่งเศสทั้งคู่เลย ประมาณว่าขอกวาดทั้ง 2 กลุ่มเป้าหมาย และกลิ่นอายอบอุ่นกลั้วนุ่มนวลจะเริ่มดันขึ้นมาจนนำเข้าสู่ Base Notes กลิ่นอายของซิตรัสนุ่มๆ ที่มีกลิ่นอายของ Oak Moss ที่ให้ความเขียวสากๆ ล้อมอยู่ แต่เพราะว่ามีกลิ่นอบอุ่นของแอมเบอร์และวานิลลาที่มาแบบเบาๆ เคล้ากับ Musk ที่ให้ความนุ่มสะอาดขึ้นมา กลิ่นเลยจะได้อารมณ์ติดขนมหน่อยๆ เหมือนได้กลิ่น “ทาร์ตเลมอน” ที่จะหอมหวานแมเปรี้ยวได้ลงตัวมาก ภาพรวมกลิ่นอายเลยจะออกแนวซิตรัสแบบไม่ได้ฉ่ำมากก็จริง แต่จะไล่เรียงกันจากสดชื่นเต็ม นุ่มนวล และอมหวานอบอุ่น ได้อารมณ์ความเป็น Lemon ที่ไปได้หลากหลายทางในเรื่องของความหอมนั่นเอง

เหมาะสำหรับ กลิ่นนี้เน้นที่ความเป็นซิตรัสที่เข้าถึงง่ายจากเลมอนและมะนาวอยู่แล้ว จึงหมดห่วงเรื่องเพศที่จะใช้งาน เพราะกวาดหมดทุกเพศ โดยจะเหมาะกับวัย ม.ปลาย ขึ้นไป ได้หมดทุกสถานการณ์ยามกลางวัน เพราะยังไงก็เอาอยู่ ส่วนยามค่ำคืนตัวนี้อาจจะไม่เข้าทางเท่าไหร่นัก แม้ว่าความแรงอาจจะพอสู้ชาวบ้านเขาได้บ้างก็ตาม ถ้าแบบทั่วๆ ไปเช่นอากาศร้อนๆ สร้างความสดชื่นอะไรแบบนี้จะลงตัว แต่ถ้าใส่ไปเคล้าสุรากลิ่นอาจจะโดนกลบไปเยอะก็เท่านั้นเอง 

ความทน โทน Citrus Aromatic ที่เอาเข้าจริงมักไม่ทน แต่กับ Mancera ที่แบรนด์นี้เน้นเรื่องนี้ก็ต้องยกให้เลยว่าทำได้ดีมากกับ 8 ชม. สบายๆ อิงกับจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นเรียกว่าปลุกให้ตื่นได้เลยในความสดชื่น แล้วจะลดลงมากระจายกลางๆ ไปเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบตัวกึ่ง Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย เป็นอีกหนึ่งตัวทางด้านน้ำหอมโทนซิตรัสของเลมอนและมะนาวที่กลิ่นดีและความทนงามเลยทีเดียว คนรักซิตรัสถ้ามีโอกาสควรลอง แบบที่ผมลองแล้วตัวนี้กลายเป็นหนึ่งใน Wish List ตามเคย

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ -  https://fimgs.net/images/secundar/o.26319.jpg  

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: Xerjoff – Nio

Xerjoff – Nio

ได้เวลามาแตะแบรนด์ที่ติดอันดับน้ำหอมแพงจนไม่รู้ว่าจะแพงไปไหนอย่าง Xerjoff กันบ้างแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าแบรนด์นี้วางตัวเองให้เป็น Luxury Brand ที่มีความเป็น Niche ก็จริงแต่หลายๆ รุ่นใช้ได้ง่ายมาก โดยอิงที่กลิ่นอายแบบอิตาลีและมีความเป็นธรรมชาติในเนื้อกลิ่นสูงเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือรุ่น Nio นั่นเอง

Nio เป็นน้ำหอมที่เป็นตัว Top ของไลน์ Shooting Star ซึ่งคนส่วนใหญ่แนะนำกันอย่างแรงมากว่ากลิ่นมีความดีงามและเป็น Citrus ที่งามงดจริงๆ และพอได้พิสูจน์ก็จับได้ถึงความงามที่เรียกว่าทำให้กลิ่นอายของ Bergamot หรือมะกรูดนั้นมีความเป็นธรรมชาติได้สูงมากและกลิ่นกังวานใสหอมสดชื่นมากมายเลยในช่วง Top Notes โดยที่เนื้อกลิ่นซิตรัสนั้นจะมีตัวสนับสนุนให้หอมมีเสน่ห์มากคือดอกส้มและกลิ่นอายเขียวๆ ซึ่งน่าจะมาจากกิ่งก้านส้มเป็นหลัก กลิ่นจะกังวานในรูจมูกค้างโทนนี้ได้ซักพักเลยทีเดียวให้รู้สึกสดชื่นมากมาย ซึ่งกลิ่นในช่วงต้นนี้จะตามไปยังช่วงอื่นๆ โดยลดโทนลงไปตามลำดับก็จริง แต่ไม่เสียความโดดเด่นเลยเพราะจะจับได้ว่ายังอยู่ให้รู้สึกได้ตลอด จนเมื่อเข้า Middle Notes กลิ่นของโทนซิตรัสยังคงเด่นเป็นสง่า แต่จะเริ่มมีความหวานแบบเครื่องเทศเข้ามาเสริมโดยมาแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ แต่มีความชัดเจนว่าไม่สูญเสียความเป็นมือสนับสนุนชั้นเยี่ยมที่ให้ความรู้สึกว่ามีกลิ่นแบบนี้อยู่ให้จับต้องได้ นั่นคือ พริกไทยสีชมพูและเม็ดกระวานที่มาแบบเบาๆ รวมตัวมีกลิ่นโทน Floral นวลๆ มาให้มาตัดทอนโทนสดชื่นในตอนต้นให้นุ่มขึ้นแฝงด้วยความสะอาดที่เริ่มแทรกขึ้นมา จนนำเข้าสู่ Base Notes กับกลิ่นหญ้าแฝกที่มาแบบสะอาดๆ ติดแห้งๆ ไม่ฉ่ำและไม่ Smoky เสริมกับกลิ่นในช่วงต้นทำให้กลายเป็นกลิ่นอายที่เป็นซิตรัสเบาๆ หรูหราแบบชัดเจนมาก โดยจะมีความเป็นไม้หอมอ่อนๆ กับพิมเสนที่อ้อยอิ่งกำลังดีเสริมไปตลอด ภาพรวมของ Nio เลยกลายเป็นน้ำหอมโทนสดชื่นที่เด่นที่กลิ่นอายซิตรัสแบบธรรมชาติหรูหราและเรียบหรูในทีไปตลอดแบบไม่มีคำว่าพยายามแต่อย่างใดเลย

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว แต่เอาเข้าจริงกลิ่นมีความเป็น Unisex พอสมควรเลยทีเดียวที่ผู้หญิงก็สามารถใช้ได้ เพราะมันกลิ่นอายธรรมชาติสดชื่นเข้าถึงง่ายนี่แหละ โดยสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยกวาดหมดทั้งทางการและไม่ทางการ ซึ่งถ้าจะเอาไปใส่ออกกำลังกายก็ได้นะ แต่มันแพ๊งงงงแพงงงง ถ้าเงินถึงก็จัดไป ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้เน้นความสดชื่นเรียบหรูมีระดับเสียมาก อาจจะไม่เหมาะกับการใส่ไปยั่วยวนนัก นอกจากอากาศร้อนๆ แล้วจัดเพื่อให้เกิดความรู้สึกสบายและสดชื่นนั่นเอง

ความทน ในความแพงมากของแบรนด์นี้ ความทนนี่แหละที่สมฐานะเรื่องราคา เพราะแม้ว่าจะเป็น Citrus กลิ่นอายธรรมชาติที่มาไวไปไว แต่ตัวนี้ไม่ใช่ทนลากยาวมาที่ 8 ชม. ได้สบายๆ และมากกว่านั้นด้วยซ้ำถ้าจำนวนสเปรย์ถึงและเหมาะสม

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมาก ชอบสดชื่นแบบอะโรม่าธรรมชาติแบบชัดเจนคมแบบไม่บาดจมูกตามพื้นฐานของซิตรัสงามๆ เลยทีเดียว ก่อนที่จะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวหรูสดชื่นในช่วงท้ายลดหลั่นเป็น Skin Scent ลงไปตามกาลเวลา

ทิ้งท้าย กลิ่นดีจริงซิตรัสแบบชัดเจนและหรูหรามาก ซึ่งแน่นอนว่าสัมผัสได้ถึงคุณภาพของเนื้อกลิ่น แต่ราคานี่สิเรียกว่าแพ๊งแพงงงงงงจนเรียกว่าเห็นราคาแล้วจะเป็นลมเอายาดมมาประพรมตัวแทน ใครใคร่จัดก็เอาเลยนะฮ้า หนูยอมแพ้ขอแค่ Sample มาลองก็ฟินมากแล้ว  


หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ -
https://fimgs.net/images/secundar/o.28360.jpg

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: Hermes - Hiris

Hermes - Hiris 

หนึ่งในกลิ่นที่เรียกว่าเป็นตัวที่นำเสนอความเป็นกลิ่นอายของไอริสที่จะให้ความมีเสน่ห์ในความเรียบง่ายแฝงไปด้วยความเซ็กซี่แบบโทนแป้งติดกลิ่นอายธรรมชาติจากฝีมือของ Hermes เช่นนั้นมารู้จักกันกับรุ่นนี้ดีกว่าว่าเสน่ห์ของไอริสนั้นเป็นอย่างไร 

Hiris จะเปิดตัวกันที่ความเป็นไอริสแบบธรรมชาติ โปร่ง และมีความเป็นกลิ่นอายคล้ายไอริสติดฉ่ำๆ มาลักษณะ Airy กลิ่นอายสดชื่นแบบอากาศรอบตัวที่มีความเป็นแป้งหอมติดโทนหอมดิน Earthy (แบบพืชที่มีหัวเหง้าใต้ดิน) ผสมโทนแป้งที่มีความเขียวติดเครื่องเทศจางๆ จากดอกคาร์เนชั่น โดยความสดชื่นที่ได้จะมีตัวสนับสนุนที่ดีมากจากกลิ่นของเม็ดผักชีที่ทำให้มีความเป็นกลิ่นอายแบบเผ็ดสดชื่นเสริมเข้ามา ซึ่งกลิ่นอายของไอริสนี้จะพัฒนาจากโทน Earthy สดชื่นธรรมชาติเป็นโทนแป้งกลั้วความเป็นดอกไม้ในช่วงกลางอย่างชัดเจน เพราะกลิ่นอายของดอกส้มที่มานวลหอมติดสดชื่นจางๆ และกุหลาบที่มานวลติดหวานจะมาทำให้เป็นแป้งหอมดอกไม้แบบเรียบหรู เสริมด้วยกลิ่นอายของไม้หอมอ่อนๆ ที่ทำให้ดูมีภูมิและมีระดับหรูหราแบบธรรมชาติแบบไม่ต้องพยายาม เพราะกลิ่นจะยังคงเป็นโทนแป้งที่ไอริสยังเป็นตัวเด่นหอมแป้งที่แบบ Airy แห้งๆ ให้สัมผัสได้ตลอดท่ามกลางกลิ่นอายหอมนวลๆ ดอกไม้ เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายที่ความเป็นแป้งจะมีกลิ่นอายของไม้หอมอย่างซีดาร์ที่ดันขึ้นมาเป็นตัวหลักที่ให้ความสะอาดขรึมนิ่งเนี้ยบในเนื้อกลิ่น โดยจะยังมีความเขียวจางๆ เสริมให้ความเป็นธรรมชาติในเนื้อกลิ่นไปตลอด โดยจะมีความหวานอบอุ่นจากน้ำผึ้งกับวานิลลาที่มาแบบไลท์เวอร์ชั่นไม่หนัก มาแนวกลิ่นบางเบาลอยตามลมกลั้วกับความเป็นแป้งแห้งๆ ที่ทำให้กลิ่นหอมมีระดับและคงความหรูหราตั้งแต่ต้นยันชัดเจนจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป เพราะกลิ่นให้ความมีภูมิน่าเชื่อถือและมีความหรูหราแบบไม่ต้องพยายาม ยิ่งใครชอบโทนแป้งที่มีกลิ่นอายแบบธรรมชาติของไอริสยิ่งจะหลงตัวนี้เอาได้ โดยสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันกวาดหมดทั้งทางการและไม่ทางการ ใส่เป็น Daily Use ติด Safe Scent ที่ใช้เป็นน้ำหอมยามกลางวันได้สบายมาก แถมกลิ่นจะบอกถึงรสนิยมที่เรียบหรูของคนที่ใส่ได้เป็นอย่างดี แต่ขอข้ามการใส่เพื่อออกกำลังกายเพราะโทนแป้งอาจจะไม่ไปกับเหงื่อเท่าไหร่ ยกเว้นว่ารอช่วงๆ ท้ายๆ แล้วบึ้ดจ้ำบึ้ดอันนี้ก็ได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนตัดทิ้งไปได้เลยเพราะกลิ่นเบาไป ส่วนคุณผู้ชายถ้าชอบกลิ่นไอริส ตัวนี้เป็นอีกตัวที่ใส่ได้สบายๆ เพราะความเป็นกลิ่นที่ธรรมชาติที่แหละที่ให้ความเป็น Unisex ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว 

ความทน - ราวๆ 6 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีกึ่งปานกลางในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว กลิ่นจะเป็น Skin Scent ในช่วงท้ายๆ ซึ่งแน่นอนว่าลไตล์ Safe Scent ที่เรียบหรูดูดีอย่างชัดเจน 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้เรียกว่าคนชอบไอริสที่ให้ความเป็นธรรมชาติ มีความเป็นโทนแป้งแบบดอกไม้อ่อนๆ ผสมความเป็น Earthy แบบหัวเหง้าของพืชใต้ดินปลื้มแน่ๆ ครับ ที่สำคัญคือเป็น Safe Scent ที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://media.hermes.com/media/wysiwyg/prehome-Hiris.jpg

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: Montale – Boise Fruite

Montale – Boise Fruite

ยังไม่จบที่การหากลิ่นอายผลไม้งามๆ จากแบรนด์ Montale กันต่อหลังจากที่ได้เจอตัวงามๆ ไปบ้างแล้วอย่าง Wild Pears เมื่อดูไปดูมาก็ไปเจออีกรุ่นที่ชื่อเร้าใจไม่น้อยว่ามันต้องเป็นผลไม้ตีคู่กับไม้หอมแน่ๆ อย่าง Boise Fruite แถมอ่านความคิดเห็นของเมืองนอกมาในหลายๆ คนบอกกันอย่างชัดเจนว่า นี่คืออีกหนึ่งในกลิ่นอายที่ใกล้เคียงกับแบรนด์ดังอย่าง Creed รุ่น Silver Mountain Water เช่นนั้นไม่รีรอที่จะจัดมาลอง ผลออกมาก็คือ 

Top Notes กลิ่นอายมาอย่างชัดเจน กับโทนซิตรัสที่ฟุ้งกระจายออกมาเลยมีความแน่นพอสมควรและจับได้ถึงกลิ่นอายโทนเขียวของใบส้มกลั้วผลไม้ที่ทำให้นึกถึง Silver Mountain Water แน่ๆ แต่สิ่งที่ดีอย่างนึงคือ กลิ่นไม่ได้คมบาดจัดๆ นัก และสิ่งที่แตกต่างชัดเจนคือ กลิ่นอายแบบเมทัลลิคแบบที่ Creed SMW จะเด่น แต่ใน Montale รุ่นนี้จะไม่ได้มีเยอะมากขนาดนั้น แต่จะมีกลิ่นอายความแน่นติดกลิ่นนุ่มเค็มแทรกนิดๆ จะพอรู้สึกได้ โดยเมื่อกลิ่นพัฒนาเข้าสู่ Middle Notes กลิ่นอายโปร่งๆ ของใบไวโอเล็ตจะเด่นขึ้นมาตีคู่กับโทนซิตรัสแน่นๆ ในตอนต้นกลิ่นจะเริ่มมีความนุ่มเขียวหอมนวลอย่างชัดเจน กลิ่นมีความเย้ายวนแบบไม่ได้ออกทางหวานนัก และกลิ่นผลไม้ที่ผสมผสานอยู่ใสนตอนต้นก็เริ่มเบาบางลงไป ส่งไม้ต่อให้กับความเป็น Boise หรือไม้หอมมารับหน้าที่ตรงนี้แทน แบบแทรกขึ้นมาเรื่อยๆ จนนำเข้าสู่ Base Notes ที่กลิ่นโทนซิตรัสจะลงมาผสมผสานกับกลิ่นไม้จันทน์หอมให้ความสดชื่นติดนวลสะอาด แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าคือกลิ่นอายหญ้าแฝกแบบโปร่งไม่ได้ออกทาง Smoky นัก แต่จะออกทางไม้หอมแห้งๆ เด่นเสียมากมาให้ความรู้สึกหอมสะอาดไปตลอด และกลิ่นอายนุ่มติดเค็มๆ ที่รู้สึกได้ตั้งแต่ช่วงแรกจะสัมผัสได้เต็มๆ จากในช่วงนี้ซึ่งน่าจะมาจาก Ambergris หรืออำพันปลาวาฬ ที่จะมาให้ความรู้สึกหอมสะอาดหรูหราติดสดชื่น กลิ่นมีความภูมิฐานในระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยภาพรวมต้องบอกว่า กลิ่นคล้าย SMW ก็จริง แต่มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ กลิ่นอายที่มีความเป็นไม้หอมเด่นมากกว่า และไม่ได้ออกทางเมทัลลิคกลั้วกลิ่นชาเขียวเหมือน Creed เลยค่อนข้างมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองในพื้นฐานกลิ่นที่ใกล้เคียงกันนั่นแล

เหมาะสำหรับ – Unisex เลย กลิ่นแตะได้หมด แต่อาจจะเข้าทางผู้ชายพอสมควรประมาณ 65% ที่สำคัญมีความเป็น Montale อย่างชัดเจนในเรื่องของความแน่นและการกระจายที่เป็นเลิศตามสไตล์ โดยสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะงานทางการหรือทั่วๆ ไป ถือว่ายังไงก็หอมเพราะพื้นฐานกลิ่นได้ทั้งสดชื่น แน่นมีระดับและหรูหราในตัว แต่ถ้าจะออกกลางแจ้งหรือออกกำลังกายแนะนำให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนออกงานนี่เหมาะมาก ใส่ไปเที่ยวก็ได้เพราะกลิ่นแน่นกระจายดี ถือเป็นอีกตัวที่มีความครอบจักรวาลด้านการใช้งานทุกสถานการณ์สูงเลยทีเดียว 

ความทน มากกกกกกก คือ สไตล์แบรนด์นี้ความทนเป็นเลิศอยู่แล้วจ้า 8 ชม. นี่ถือว่าธรรมดา ส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นสะใจอยู่เลย 

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากกกกในช่วงแรก เรียกว่ามากันแบบแน่นๆ เลย แต่ไม่บาดจมูก แล้วจะลดมากระจายดีในช่วงกลาง ก่อนที่จะกระจายปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายแบบยาวไป 

ทิ้งท้าย ถ้ามองในแง่กลิ่นอายที่เป็นคุณชายยังไง SMW ก็ยังทำได้นุ่มนวลอยู่ แต่ถ้ามองในแง่ความเป็นกลิ่นที่มีมิติของไม้หอมเด่นนำให้ความรู้สึกมั่นคงมากขึ้นท่ามกลางความเป็นซิตรัสซึ่งอาจจะไม่ได้ออกแนวคุณชายจ๋ามากขนาดนั้นแต่มีมาดมากพอที่จะนำเสนอ Boise Fruite เป็นอีกตัวที่สร้างออร่าแบบนี้ได้ดีเลยล่ะครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.perfumeriabenegas.com/uploads/imagenes/B.FRUITE.jpg

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: Paco Rabanne – 1 Million Intense for Men

Paco Rabanne – 1 Million Intense for Men 

เรียกว่าเป็นหนึ่งในไลน์ที่ยอดนิยมมากมากเลยทีเดียวของ Paco Rabanne ที่จัดกันอย่างต่อเนื่องมาเรื่อยๆ กับการเป็น 1 Million ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมชายหรือหญิง ซึ่งแน่นอนว่าเน้นความเป็นเมโทรกันแบบจัดเต็มมาตลอด ซึ่งหลังจากผ่านรุ่นปกติและ Cologne ไปแล้ว มีหรือที่จะไม่มีรุ่นเข้มข้นออกมาเพื่อเพิ่มความสะใจ เช่นนั้นทองแท่งแบบจัดหนักจึงได้เวลามาเสิร์ฟแล้ว ลองมารับความจัดเต็มกันซักหน่อยกับ 1 Million Intense ได้เลย 

เรียกว่าขนความเป็น 1 Million มาอย่างไม่มีผิดเพี้ยนเพราะกลิ่นอายในลักษณะเดิมอยู่แต่เพิ่มความเด่นเฉพาะ Notes และให้ความเข้มข้นกระจายจัดเต็มในเนื้อกลิ่นมากขึ้นอย่างชัดเจน เริ่มที่ Top Notes กับการเป็นกลิ่นอายแบบซิตรัสกลั้วความเป็นเครื่องเทศอย่างพริกไทยและเม็ดกระวาน โดยมีกลิ่นออกทางโทนหนังแกล้มหวานปนขมของหญ้าฝรั่นมากล่อมให้เกิดความนัวแน่น กลิ่นจะไม่ได้มีความสดชื่นมาให้รู้สึกเลยมาแบบอบอุ่นและแน่นกันอย่างชัดเจน เพียงไม่นานตัวเอกของ 1 Million ที่จะมาทำให้เห็นถึงความเชื่อมโยงในแต่ละรุ่นจะแทรกขึ้นมาไวมากพอสมควรในการให้ความเย้ายวนกึ่งเมโทร นั่นคือ อบเชยและกุหลาบ กลิ่นจะมาผสมผสานกันอย่างน่าดมมาก แม้จะแน่นแต่ก๋บอกชัดถึงความหวานเย้ากลั้วไปกับกลิ่นนวลเสน่ห์ โดยที่กลิ่นในช่วงต้นจะยังตามมาผสมผสานในช่วงนี้โดยไม่ได้ทำให้รู้สึกหวานเยิ้มเลย เน้นความเย้ายวนเท่ห์ๆ เสียมากกว่าเป็นสำคัญ เมื่อผ่านไปกลิ่นหนังและกลิ่นไม้หอมจะแทรกขึ้นมาดันเข้าสู่ Base Notes ที่กลิ่นจะเริ่มมีความเท่ห์และนุ่มอบอุ่นมากขึ้น กลิ่นของหนังจะไม่ได้มาแบบติดดิบ แต่มาแบบนุ่มนวลเพราะจะโดนกลิ่นของกุหลาบปละอบเชยที่ยังคงตามมาเด่นอยู่ล้อมรอบแบบหอมมีเสน่ห์อย่างชัดเจน แต่สิ่งที่มาตัดให้เกิดความรู้สึกไม่แน่นจัดเกินไปนั่นคือกลิ่นของไม้จันทน์หอมและกลิ่นโทนแป้งกลั้วพิมเสนจะมาเบรกให้กลิ่นอายมีความเท่ห์นวลมากขึ้น กลิ่นจะให้อารมณ์มีเสน่ห์แบบผู้ชายเท่ห์ๆ ที่มี Sex Appeal ชัดเจนว่ามาเพื่อเด่นและทุกคนต้องหันมามองนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็ใช้ได้แล้ว แต่ต้องระมัดระวังการใช้พอสมควรเพราะกลิ่นแน่นว่าแน่นตัวพ่อ หนักตัวแม่กันเลยทีเดียว โดยถ้าเป็นยามกลางวัน ก็สามารถใช้ได้กับงานทางการและทั่วๆ ไป ในจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสมและไม่เยอะเกินไปนัก ไม่เช่นนั้นจะเป็นการฆาตกรรมให้ขาดอากาศหายใจกันเอาได้ ตัดทิ้งเรื่องการใส่ออกกำลังกายและออกกลางแจ้งไปได้เลยไม่เหมาะทุกประการ ส่วนยามค่ำคืนจัดไปแบบจำนวนสเปรย์ลงตัว เรียกร้องความสนใจแบบผู้ชายเท่ห์ๆ เมโทรได้เลย แถมใครก็ฆ่าไม่ได้ เพราะของตัวนี้แรงอยู่แล้ว 

ความทน มากกกกกกกกก คือ สมชื่อรุ่นเลยจ้า ทนมากกกก 15 ชม. กลิ่นยังอยู่แถมติดเสื้อดีมากขนาดซักไปแล้วกลิ่นยังติดจางๆ อยู่เลย 

การกระจาย เอารอบทิศกันเลยในช่วงแรก แบบแน่น หนัก ไม่แคร์ใครก็เด่นอ่ะ แล้วจึงค่อยลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง และกระจายปานกลางไปเรื่อยๆ ในช่วงท้าย ก่อนจะลดลงไปเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อผ่านซัก 12 ชม. ไปแล้ว 

ทิ้งท้ายแบบเปรียบเทียบ 3 รุ่น: 
1 Million Cologne – เด่นที่ซิตรัสและพิมเสน โดยลดทอนความแน่นของเครื่องเทศอบอุ่นลงมาให้ใช้ง่ายขึ้
1 Million – เด่นที่เครื่องเทศโทนเย้ายวนอย่างอบเชยที่จะเป็นตัวเดินเรื่องเคล้ากลิ่นหนังอบอุ่นเท่ห์ๆ เมโทร 
1 Million Intense – เด่นที่กลิ่นอายกุหลาบกลั้วอบเชยรองพื้นด้วยความอบอุ่นของหนังที่ปล่อยเสน่ห์ชัดเจ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://assets.junglam.com/wp-content/uploads/2015/11/1-Million-Intense.jpg

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: Frederic Malle - Musc Ravageur

Frederic Malle - Musc Ravageur 

ได้ยินชื่อเสียงของแบรนด์ Frederic Malle มานานมากว่าทำน้ำหอมออกมาได้เด็ดดวง แต่แทบไม่มีโอกาสได้ลองเลย เพราะราคาและการซื้อหาในไทยเป็นไปได้ยากมาก ยิ่งเฉพาะรุ่นดังๆ อย่าง Musc Ravageur ที่เรียกว่าคนชอบกลิ่นอายของ Musk อบอุ่บต่างก็ฟินกันมานักต่อนัก จนวันนึงได้มีโอกาสรับการแบ่งปันมาจากกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง เลยได้ฟินกับเขาเสียที โดยเริ่มจาก 

Top Notes ที่กลิ่นอาจจะไม่ได้มาในลักษณะที่ทำให้หลงรักเลยในแรกพบกับกลิ่นอายของ Musk ที่จะมาเป็นตัวรองพื้นเด่นตั้งแต่ช่วงนี้ผสมผสานกับกลิ่นโทนลาเวนเดอร์และมีซิตรัสจางๆ ทำให้กลิ่นที่ออกมาอาจจะทำให้การรับรู้แต่ละตัวบุคคลนั้นแตกต่างกัน บางคนอาจจะบอกว่ากลิ่นตุๆ ติดสาป บางคนจะบอกว่ากลิ่นแปร่งๆ ซึ่งแน่นอนตัวนี้ตัดสินกันที่ความเป็น Top Notes ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะมันอยู่กับเราไม่นาน แต่ถือเป็นการประกาศตัวตั้งแต่แรกเริ่มเลยว่านี่แหละ Musk หลังจากนี้จะโชว์ให้เห็นว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหนได้อีกบ้าง โดยเมื่อเข้า Middle Notes กลิ่นที่มีลักษณะออกทางติดสาปจะหายไปกลายเป็นกลิ่นอายของอบเชยและกานพลูมาทำหน้าที่กล่อมเกลาให้กลิ่น Musk เป็นความนุ่มนวลกลั้วความเป็นเครื่องเทศโทนหวานเย้า กลิ่นจะมีความครีมมี่อบอุ่นของถั่วตองก้าและวานิลลากลั้วไม้หอมเข้ามาแทรกทีละน้อยๆ ด้วย เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของน้ำหอมตัวนี้เลยทีทำให้กลิ่น Musk มาเป็นฐานที่โดดเด่นท่ามความกลิ่นอบอุ่นติดหวานเครื่องเทศที่ทำให้กลิ่นอายหอมนวลแบบไม่ได้ดูเด็กน้อยแต่ประการใด มีความภูมิฐานอบอุ่นแบบชวนยิ้มมากมายเลยทีเดีวจนกระทั่Base Notes ที่ Musk จะเริ่มกลายเป็นหนึ่งในตัวสนับสนุนให้กลิ่นอายของวานิลลาอบอุ่นเข้ามาทำหน้าที่ให้ความนุ่มนวลของเนื้อกลิ่น โดยที่กลิ่นอายของอบเชยและความครีมมี่ของถั่วตองก้ายังคงมาเป็นหนึ่งในตัวช่วยให้กลิ่นหอมนุ่มนวล ที่สำคัญกลิ่นอายของไม้หอมอย่างไม้จันทน์หอมจะมาตัดทอนไม่ให้กลิ่นออกทางขนมหรือออกทางแป้งหอมจนเกินไปด้วย เลยทำให้ไฮไลท์ของน้ำหอมตัวนี้ยังคงทวีการปล่อยของอย่างต่อเนื่องที่ทำให้กลิ่นหอมนุ่มนวล อบอุ่น ดูน่าเข้าหาและชวนยิ้มไปตลอด ซึ่งภาพรวมถือเป็นอีกหนึ่งหนึ่งที่ผสมผสานกันได้ออกมายอดเยี่ยมมากกับความอบอุ่นหอมนวลของวานิลลา ความครีมมี่นุ่มนมของตองก้า ความหวานเย้าของอบเชย ความภูมิฐานของไม้หอมและกานพลู โดยยืนพื้นที่จุดเด่นของ Musk ที่ให้ความนุ่มนวลสะอาดและเย้ายวน ชัดเจนกันตรงนี้ 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นนี้แตะได้ทุกเพศเพราะมันจะยืนพื้นที่ความเป็น Musk อบอุ่น แตะความรู้สึกได้ทุกเพศสบายๆ ซึ่งจะเหมาะกับวัยมหาลัยขึ้นไป สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะงานทางการหรือว่าทั่วๆ ไป ส่วนเรื่องใส่เพื่อออกกลางแจ้งหรือออกกำลังกายให้ตัดออกเพราะกลิ่นแบบนี้ไม่เข้าทางนักเดี๋ยวตีขึ้นหนักหน่วงเอาจนจะจุกคอหอยเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนจัดไป ได้หมดทั้งออกงาน ยามโรแมนติค และใส่ไปเที่ยวกลางคืน กลิ่นหอมอบอุ่นน่าซุกจริงๆ 

ความทน - ยกนิ้วให้เขาเลย 10 ชม. กลิ่นยังคงอยู่สบายๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายดีงามไปเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายถึงค่อยๆ ลดหลั่นไป เป็นปานกลางและออร่ารอบๆ ตัว

ทิ้งท้าย - เป็นกลิ่นที่พอใส่แล้วคนในบ้านติก่อนเลย ว่ากลิ่นเหม็นตุๆ ใส่เข้าไปได้ไง แต่พอเวลาผ่านไปกลายเป็นมาชมแทน "กลิ่นเมื่อเช้าเหรอ มันเปลี่ยนเป็นหอมขึ้นมากนะ" นี่แหละ น้ำหอมมันตัดสินกันแรกฉีดไม่ได้จริงๆ ที่สำคัญตัวนี้เป็นหนึ่งใน Wish List ของผมเรียบร้อยครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://uiimages.parfumo.de/1/9/2093_a403c58acb66ea11011f8954a67f72d1.jpg

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: by Kilian - Imperial Tea

by Kilian - Imperial Tea 

เมื่อได้เวลากลับมาหา by Kilian แน่นอนว่าต้องมาแบบธรรมดาไม่ได้ มันต้องมีอะไรพิเศษ ซึ่งเมื่อไปสบสายตาเจอกลิ่นชาของไลน์ Asian Tales ของแบรนด์นี้ ตาก็วาวสิจ้ะ ซึ่งไม่พอส่วนตัวเป็นชอบชอบน้ำหอมที่มีกลิ่นชาที่เด่นหอมละมุนแบบมีระดับอยู่แล้ว เช่นนั้นต้องจัดกันซักหน่อยว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้างกับรุ่น Imperial Tea ผลที่ออกมาคือ 

โอยยยยยย ตายแล้วววววววว! มันดีงามมากกกกกก ต้องบอกว่านี่คือหนึ่งในน้ำหอมกลิ่นชาที่ทำออกมาได้กลิ่นอายธรรมชาติมากมาย แถมไม่ได้มาในลักษณะที่เหมือนโดนตรึงอยู่ที่หน้าร้านชาไข่มุกโอชายะที่กลิ่นชารึ่มๆ มาตรึมๆ แต่อย่างใด เพราะมีความหรูหราและมีระดับในตัวสูงมาก ที่สำคัญสื่อสารถึงความเป็นชาออกมาได้อย่างดีมาก โดยไม่มีกลิ่นอื่นใดมาแย่งซีนรบกวนให้ความมีเสน่ห์ที่ควรจะเป็นของชามันหายไป ซึ่งแน่นอนกลิ่นหลักที่เป็นหัวใจของน้ำหอมรุ่นนี้ที่จะอยู่ลากยาวไปตั้งแต้ต้นยันจบคือ ชาและมะลิ รวมกันง่ายๆ ออกมาเป็นกลิ่นชามะลิที่เด่นชัดเจนมากมายตั้งแต่ช่วงแรกของน้ำหอมเลยทีเดียว ที่กลิ่นอายจะฟุ้งกระจายออกมา โดยมีความละมุนของกลิ่นชาดำที่มาแบบหอมติดฝาดเด่นมาก่อนเพื่อน กลิ่นไม่ได้ออกทางสดชื่นนักแม้จะมีกลิ่นซิตรัสแบบจางๆ ให้พอรู้สึกได้แต่ก็มาแบบ Airy อากาศรอบๆ เสียมาก เพราะกลิ่นในช่วงนี้จะมาในลักษณะที่เราได้กลิ่นยามที่รินชาร้อนออกมาจากกาหรือเหยือก เพียงชั่วขณะกลิ่นของมะลิจะแทรกขึ้นมาประสานคู่กับกลิ่นชาดำทำให้กลิ่นเข้มฝาดอ่อนลงเป็นลักษณธออกทางชาดำมะลิกึ่งชาเขียวมะลิที่หอมนวลจมูกรื่นรมย์กันเต็มๆ โดยที่จะมีกลิ่นเขียวนวลๆ คลอไปตลอดให้ความรู้สึกโปร่งสบายๆ คล้ายจิบชาจากถ้วยทรงสูงแนวHigh Tea ที่รับประทานหลังอาหารเช้าในสวน ซึ่งกลิ่นจะมีความเป็นธรรมชาติในลักษณะชามะลิที่ชัดเจนมากจริงๆ จนเมื่อเช้าสู่ช่วงท้ายกลิ่นอายความเป็นชาะมะลิจะลดทอนลงมาออกแนวหอมนวลๆ สบายๆ โดยกลิ่นของ Musk และไม้หอมอ่อนๆ จะมาให้ความนุ่มสะอาดติดผิวกายเป็นหลัก เรียกว่าภาพรวมทั้งหมด ไม่ต้องอะไรมาก มันคือกลิ่นอายที่บอกถึงความเป็นชาที่หรูหรามีระดับ กลิ่นไม่ต้องปีนบันไดอะไรดมเพราะมันเป็นธรรมชาติมากเป็นทุนเดิม พูดง่ายๆ #น้อยแต่มาก ก็งานนี้แหละ 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นเข้ากับทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว แถมสามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเสียด้วย ไม่ว่าจะงานทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นมันเข้าถึงง่ายแถมมีความหรูหราท่ามกลางความเรียบง่ายและธรรมชาติอย่างชัดเจน อาจจะไม่เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายแบบรักบี้คลุกดินหรือแก้ผ้ากระโดดน้ำริมคลองอะไรนัก ยกเว้นทั่วๆ ไปแบบไม่ได้ลุยอะไรจัดๆ ก็พอไหวเพราะกลิ่นมีความสะอาดสูงในช่วงท้าย ส่วนยามค่ำคืน ถ้าแบบสบายๆ ชิลล์ๆ หรูๆ หรือออกงานจัดได้เลย เพิ่มสเปรย์หน่อยให้ดูโดดเด่น แต่ถ้าไปหาเหยื่อตามผับบาร์ ไม่เข้าทีเลยล่ะ เรียบร้อยไป กลิ่นแบบนี้ 

ความทน - น่าพึงพอใจมากกับกลิ่นอายใกล้เคียงธรรมชาติแบบนี้ที่ 8 ชม. กำลังดีเลย อาจจะมีบวกลบบ้างตามจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ขนชาตีขึ้นจมูกจนฟินไปเลย ก่อนที่จะลดระดับลงมากระจายแบบออร่ารอบๆ ตัวยาวไป จนเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - ตรงๆ คือผมตกหลุมรักตัวนี้แน่นอน และจะหามาเข้า Collection ของตัวเองให้จงได้ เพราะแพ้ทางกลิ่นชาที่หอมเป็นธรรมชาติแบบนี้มากจริงๆซึ่งขวดเต็มราคามันสะเทือนลงตับมาก เช่นนั้นเอา Refill ก็แล้วกัน 55555

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.ambrer.ru/images/all/11/7062/big/img_10.jpg


วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: Jovan - Secret Amber

Jovan - Secret Amber 

ได้ยินชื่อ Jovan มานานมากกกกก เพราะเป็นหนึ่งในแบรนด์น้ำหอมที่ไม่แพงแถมกลิ่นยังมีของมากมายที่คุ้มแสนคุ้มเกินราคา แต่คลาดกันมาตลอด จนวันหนึ่งมีโอกาสได้ลองตัวที่เรียกว่า "หนึ่งในเพชรเม็ดงามเลยก็ว่าได้" เช่นนั้นมาดมเลยดีกว่ากับรุ่นนี้เลย Secret Amber

กลิ่นเปิดทำเอาตะลึงกันไปเลย นึกว่าน้ำหอม Niche กลิ่นดีๆ กลิ่นหนึ่งที่เอา Oud, Amber และวานิลลาเป็นตัวชูโรงเลยทีเดียว เพราะ Top Notes มีลักษณะที่เป็นเครื่องเทศโทนหวานเคล้าความเป็น Oud หรือกฤษณาที่ชัดเจนไม่น้อย แต่ไม่ได้ถึงกับมีความเป็นแขกตะวันออกกลางอะไรขนาดนั้่น ซึ่งเครื่องเทศในตอนต้นที่มาให้โทนหวานติด Spicy อย่างขิงและจันทน์เทศจะมาแบบแน่นกันพอสมควร กลิ่นมีความเป็น Amber อุ่นๆ เคล้าวานิลลาเป็นตัวซ้อนอยู่ข้างหลังเสริมความแน่นเข้าไป โดยที่เพียงไม่นานกลิ่นของอบเชยจะดันขึ้นมาไวมากนำเข้าสู้ความเป็นโทนหวานเย้าชัดเจนใน Middle Notes โดยที่จะมีกลิ่นกุหลาบมาแบบจางๆ มาเพิ่มความนวลของกลิ่นลงไป โดยที่กลิ่นเครื่องเทศในช่วงต้นและ Oud จะลดระดับลงมาผสมผสานให้กลิ่นช่วงนี้มีเสน่ห์แบบเย้ายวนนัวๆ อุ่นๆ ซึ่งความเป็น Amber กับวานิลลา ก็เริ่มขยับตัวเด่นมากขึ้นมากกว่าที่จะเป็นพื้นหลังให้เกิดความแน่นเพียงอย่างเดียวแบบตอนต้น จนเมื่อ Base Notes เข้ามาเยือนงานนี้ยกให้ Amber ที่จะเป็นชูโรงเคียงคู่กับวานิลลาที่จะเด่นในโทนอบอุ่นกันเต็มๆ กลิ่นจะมาอุ่นนัวนวลไปตลอด มีความสะอาดอย่าง Musk จางๆ ให้รู้สึกได้ ซึ่งภาพรวมเรียกว่าเป็นน้ำหอมเน้นความอบอุ่นกับความเย้ายวนมีเสน่ห์ ดึงความเป็น Oud ออกมาชูโรงให้ Amber มีความนวลอวลแบบไม่ได้แขกจ๋ามากจนเกินไปจนทำให้ได้เสน่ห์ในแบบที่มีของไม่น้อยจนเรียกว่านี่คือเพชรเม็ดงามตามที่กล่าวไว้ตอนต้นเลยทีเดีย 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นนี้แตะความเป็นทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป หรืทอคนที่ชอบน้ำหอมโทน Oud ที่ไม่ได้ออกทางแขกจ๋าจัดๆ นัก โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่จำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะกลิ่นมีความอบอุ่นเป็นพื้นฐานตามด้วยความหวานและความอวล กลิ่นเข้ากับงานทางการในระดับหนึ่งเลยทีเดียว และใส่แบบทั่วๆ ไปก็สามารถ เพียงแต่งดใส่ออกกำลังกายและออกกลางแจ้งอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นตีขึ้นหนำใจจนอึ้งเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้ถือว่ามีเสน่ห์ไม่น้อยเลยทีเดียวที่จะปล่อยของแบบอุ่นนัว 

ความทน - น่าพึงพอใจมากกับ 8 ชม. สบายๆ แถมกลิ่นทนได้มากกว่านั้นอีกด้วย ถ้าจำนวนสเปรย์พอเหมาะ โดยส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. สบายๆ กับ 5 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น อาจจะเรียกว่าทำให้ฉุนได้เลยทีเดียว แต่พอกลิ่นลดทอนความแรงลงความหวานอุ่นนวลกระจายปานกลางลงตัวจะมาแทนที่ลากยาวไปเรื่อยๆ จนถึงกลางๆ ช่วงท้าย ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวต่อเนื่องไป 

ทิ้งท้าย - ถ้าจะไม่ได้เห็นชื่อแบรนด์ก่อนหน้านี้ แทบจะเดาเลยว่าเป็นน้ำหอมตะวันออกกลางที่มีโทน Modern ผสมผสานระหว่างเสน่ห์ของ Oud และความอบอุ่นเย้ายวนของ Amber และวานิลลาได้ลงตัวมาก ซึ่งพอรู้ว่าเป็น Jovan เรียกว่ายอมและยกนิ้วให้เลย ทำออกมาได้เหนือความคาดหมายจริงๆ  

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.parfumery.com/pictures/large/3607346222577.jpg

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: Air-Val International - Angry Birds: King Pig

Air-Val International - Angry Birds: King Pig

คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก Angry Birds และเจ้าหมูเขียวที่ชอบขโมยไข่ของเหล่านกมาเตรียมกิน ซึ่งแน่นอนว่าแทบทุกคนต่างก็เคยลองเล่นเกมสุดฮิตนี้กันมาพร้อมคำนวณวิถีโค้งกันอย่างเมามันแล้วแน่ๆ ฮิตขนาดนี้มีภาพยนตร์มาก็แล้ว Air-Val International เลยเป็นเจ้าเดิมที่ได้ลิขสิทธิ์เอาตัวละครยอดฮิตมาทำเป็นน้ำหอมเช่นเคย ซึ่งความน่ารักของเจ้าหมูเขียว King Pig มาเตะตาอย่างแรงเลยได้โอกาสสอยมาจัดไปหลายดอกซะเลย ซึ่งกันจะเป็นยังไงนั่น

ก็เป็นแบบนี้เลย เพราะ “หมูเขียว” มากับกลิ่นอายแบบน้ำหอมน่ารักมากมายก่ายกองกับ Top Notes ที่เป็นกลิ่นซิตรัสกลั้วความเป็นแอปเปิ้ลเขียวเลย กลิ่นจะสดใสราวกับไซรัปหรือซูกัสแอปเปิ้ลเขียวที่ฉ่ำๆ หอมสดชื่นติดหวานแกล้มๆ เรียกว่ากลิ่นฉีดไปแล้วลดอายุคนฉีดไปได้มากโขกันเลย ซึ่งกลิ่นในช่วงต้นนี้จะตามต่อไปยัง Middle Notes ที่จะเป็นโทนเขียวสดชื่นมากันเต็มๆ คุมโทนความเป็นผลไม้ ซิตรัส และเขียวสบายๆ โยจะมีกลิ่นอายเบาๆ ของดอกไม้ที่ไม่ได้มาแบบดอกไม้ข้นๆ นวลๆ แต่มาแบบเบาเบาสบายๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ เสริมให้เกิดความสดชื่นแบบน่ารักๆ เสียมาก ซึ่งกลิ่นโทนเขียวสบายๆ ติดแอปเปิ้ลเขียวจะยังคงตามไปเด่นที่ Base Notes กับการผสมผสานกับกลิ่นของ Musk และไม้หอมอ่อนๆ เลยจะเป็นกลิ่นสะอาดจางๆ แบบเสื้อผ้าหรือผิวกายที่พึ่งผ่านการอาอบน้ำด้วยสบู่ที่เป็นกลิ่นผลไม้ ซึ่งเรียกว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่กลิ่นอายน่ารัก สบายๆ ผลไม้สมกับวัยที่ชอบ Angry Birds เป็นที่สุด

เหมาะสำหรับ – Unisex เลย ตั้งแต่วัยเด็กน้อยขึ้นไปจนถึงวัยไหนก็ได้ที่กล้าใส่ เพราะกลิ่นมันน่ารักสดใสมากจริงๆ แถมเข้าถึงได้ง่ายเลยทีเดียว โดยที่คนได้กลิ่นมักไม่ยี้ (แต่อาจจะมองหน้าแล้วอมยิ้ม ซึ่งนั่นคืออีกเรื่อง) โดยจะเหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ถ้าผู้ใส่คือเด็กน้อยไม่เกินประถมศึกษาปีที่ 6 แต่ถ้าสูงวัยกว่านั้นแล้วจะไม่เหมาะกับงานทางการทุกประเภท เน้นชิลล์ๆ ลั่นล้าเล่นกับลูก กับหลาน กับน้อง หรือใส่ไปเที่ยวสวนสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งก็เข้าทาง ใส่ออกกำลังกายพอได้ถ้าไม่แคร์ใครว่าชั้นใส่กลิ่นหมูเขียว ส่วนยามค่ำคืนไม่เหมาะเลย กลิ่นเบาไปแหละ

ความทน กลิ่นนี้ความทนแยกออกเป็น 2 ส่วนชัดเจน ถ้าอยู่ในห้องแอร์และจำนวนสเปรย์เหมาะสม กลิ่นลากยาวไปถึง 8 ชม. ได้เลย ซึ่งเก๋มากกกก (ส่วนตัวอัดไป 10 สเปรย์ และอยู่ในห้องแอร์ลากไปได้ถึงสบายๆ) แต่ถ้าใส่แล้วออกกลางแจ้ง ราวๆ 4 ชม. ก็โบกมือลาได้แล้ว ยกเว้นฉีดเสื้อที่สวมด้วย จะช่วยให้กลิ่นติดเสื้อทนยิ่งขึ้นอยู่ไม่น้อย

การกระจาย กลิ่นกระจายปานกลางในช่วงต้น ไม่เน้นบอกให้โลกรู้ว่าเราใส่น้ำหอม Angry Birds แล้วจะลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัว มุ้งมิ้งกับตัวเอง แล้วเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย
  
ทิ้งท้าย ขวดรุ่นนี้ถือเป็นขวดรุ่นที่น่ารักที่สุดในบรรดาการเปลี่ยนขวดที่ผ่านๆ มาเลย ขวดล่าสุดที่ออกหลังเซทนี้กลายเป็นใสเล่น Gradient 2 โทนแทน ซึ่งไม่สวยเท่ารุ่นนี้แน่ๆ แน่นอนมีแล้วเก็บโลด ไว้ใส่ยามที่เราหน้าเด็ก ฟินนนน

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ



Review: Montale - Wild Pears

Montale - Wild Pears 

ยังคงค้นหาต่อไปว่านอกจาก Oud และกุหลาบที่แบรนด์นี้เขาเก่งกาจแล้วยังมีกลิ่นอายโทนอื่นที่น่าสนใจหรือไม่เสมอ และเมื่อเจอกลิ่นสดชื่น Citrus หรูๆ งามๆ ไปแล้วอย่าง Soleil de Capri ก็ได้เวลามาหาโทนผลไม้ที่น่าสนใจต่อ แล้วก็ได้เจอรุ่นนี้ นั่นคือ Wild Pears จะเป็นอย่างไรบ้าง ผลที่ออกมาคือ

น่าประทับใจกว่าที่คิดในแง่ของการทำน้ำหอมกลิ่นอายผลไม้ที่ไม่ได้ดูตื้นเขินและตามขนบแบบน้ำหอมโทน Fruity ทั่วไปเลย เพราะชื่อที่บ่งบอกถึง Pears หรือลูกแพร์ เลยเน้นความโดดเด่นของความเป็นแพร์กันเต็มๆ โดยที่ Top Notes เปิดตัวมากับกลิ่นของลูกแพร์กลั้วกับความเป็น Citrus จากมะกรูดกลิ่นเหมือนจะไพล่มาทางโทน Aquatic แต่มาเพียงแค่วูบเดียว เพราะกลิ่นของลูกแพร์นั้นมาแบบหอมหวานผลไม้ก็จริงแต่จะไม่มีความฉ่ำมาให้รู้สึกนัก โดยกลิ่นลูกแพร์จะยังคงตามไปในทุกๆ ช่วง ลดหลั่นความแรงของตัวเองลงไปตามสเต็ป โดยที่ Middle Notes กลิ่นลูกแพร์จะมาผสมผสานกับกลิ่นโทนดอกไม้ที่ติดโทนเครื่องเทศเผ็ดๆ แบบสดชื่นหน่อยๆ คล้ายกานพลูของคาร์เนชั่น และมีกลิ่นหอมนวลๆ จางๆ จากโทนดอกไม้เบาๆ เสริมเข้ามากลายเป็นช่วง Fruity Floral ที่ไม่เหมือนใครกับการเน้นที่ผลไม้เครื่องเทศที่ออกหวานก็จริงๆ แต่ไม่ได้ฉ่ำจนบาด ที่สำคัญจะสัมผัสได้กับโทนนุ่มอบอุ่นที่เข้ามาแทรกเรื่อยๆ จนได้อารมณ์หอมอบอุ่นกลั้วโทนหวานผลไม้ที่แห้งๆ อย่างเป็นเอกลักษณ์ และนำเข้าสู่ Base Notes ที่โทนอบอุ่นจะเปิดตัวมาอย่างชัดเจนกับวานิลลา โดยจะมีกลิ่นอายนุ่มนวลของ Musk เข้ามาเสริมให้ละมุนเข้าไป โดยจะมีโทนไม้หอมอ่อนๆ มาเสริมให้กลิ่นมีมิติมากขึ้น ไม่อุ่นข้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งช่วงนี้ความรู้สึกจะสัมผัสได้ถึงความเป็นลูกแพร์ที่เบาลงมาเป็นฝ่ายสนับสนุนให้กลิ่นวานิลลาและ Musk นั้นมีความหวานนวลติดโทนขนม เน้นอบอุ่นเด่นเป็นสำคัญ ภาพรวมของน้ำหอมจึงกลายเป็นน้ำหอมกลิ่นผลไม้ที่มีความหอมแบบเป็นเอกลักษณ์ฉีกจากกลิ่นอายแบบดอกไม้กลั้วผลไม้ที่เรียกว่าเห็นได้แบบทั่้วไปได้มากเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นออกทางหวานก็จริง แต่ไม่ได้หวานจนสาวจ๋าและไม่ได้อบอุ่นจัดๆ แบบน้ำหอมชาย ที่บางครั้งเอาแค่ผลไม้มาล่อเพียงด่านหน้า แล้วมันหายไปในเวลาไม่นาน โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ เพราะกลิ่นมีความแน่นตามแบบฉบับของแบรนด์พอสมควร แตะได้หมดทั้งทางการและไม่ทางการ แต่ให้ข้ามการใส่เพื่ออยู่กลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย กลิ่นจะตีขึ้นหนักจนขาดอากาศได้ ส่วนยามค่ำคืน เอาจริงๆ ในเมืองไทยใช้ได้ อัดเสปรย์นิดนึงก็เอาอยู่ เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ได้ถึงกับเซ็กซี่จัดๆ เน้นความหวานอบอุ่นเสียมากนั่นเอง 

ความทน - กลิ่นอยู่ถึง 8 ชม. ได้สบายๆ และอาจจะมากกว่ากว่านั้นได้ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนแรก ตามแบบฉบับลายเซ็นของแบรนด์นี้ แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางลากยาวไปเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - กลิ่นน่าสนใจมากจริงๆ เพราะเป็นลูกแพร์กึ่งวานิลลาอบอุ่น เย้านุ่มด้วย Musk ได้หอมหวานติดแห้งลงตัวมาก เลยเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่เป็นตัวเลือกที่ฉีกจากความเป็นน้ำหอมผลไม้ต่างๆ ที่เหมือนๆ กันไปเสียหมด ได้น่าสนใจจริงๆ ครับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ

Credit ภาพ - http://www.perfume.com/images/products/sku/large/MONWPW.jpg