La
Ong Siam Perfume – ข้าวหอม (Siam Rice)
ห่างหายจากแบรนด์ไทยแบรนด์นี้ไปนาน
เมื่อสอดส่ายสายตาหันไปเห็นว่าออกน้ำหอมรุ่นใหม่ออกมา ก็ต้องหามาลองกันซักหน่อย
เพราะส่วนตัวมีความชอบกลิ่นข้าวหอมๆ
ไม่ว่าจะขณะเป็นข้าวสารหรือว่าจะเป็นข้าวหุงสุกแล้วก็ตาม
เพราะมีความหอมนวลจมูกอะโรม่าไม่พอ ยังชวนหิวอย่างมากมาเสมอ
เช่นนั้นเมื่อได้มาต้องมาลองให้หนำใจว่าน้ำหอมรุ่นนี้ของ La Ong จะเป็นอย่างไรกันบ้าง
ข้าวหอม
จะมีกลิ่นที่เป็นเหมือนหัวใจหลักอยู่ในแต่ละช่วงของน้ำหอม
ซึ่งคงเป็นเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกลิ่นข้าวหอมมะลิ
ซึ่งจะเริ่มต้นกันที่ความหอมหวานแบบคมๆ กันก่อนในวูบแรกที่จะพุ่งออกมาจากการฉีด
ด้วยกลิ่นที่มีความเป็นซิตรัสติดเชื่อมหวานพอสมควร แต่จะล้อมด้วยกลิ่นชาที่ออกนวลๆ
เพียงแว้บเดียวกลิ่นข้าวจะโชว์ตัวออกมา พร้อมกับกลิ่นใบเตยเขียวนวลจางๆ
ทำให้กลิ่นที่ออกมามีลักษณะคล้ายข้าวหอมหุงสุกใส่ใบเตยในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ซึ่งจะดำเนินเข้าสู่ช่วงที่ 2 กับกลิ่นอายที่จะเริ่มมีลักษณะของกลิ่นแนวมะพร้าวติดกะทิจางๆ
เข้ามา โดยจะมีกลิ่นของมะลินวลๆ ตามมาต้อยๆ กับเขาด้วย
เสริมให้กลิ่นข้าวหอมน้ำชาใบเตยที่ติดหวานคม
มีลักษณะคล้ายข้าวเปียกหอมมะลิราดกะทิแบบขลุกขลิก มีความเป็นกลิ่นแบบขนมไทยๆ
ที่มีความหวานมันในตัว ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะอยู่ยาวนานเลยทีเดียวและสามารถทำให้เรามีความหอมหวาน
+ ทำให้เราหิวได้ถ้าท้องว่าง
จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายความเป็นข้าวหอมที่มาสายขนมจะเปลี่ยนโทนทำให้รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับการเปลี่ยนเป็นโทน
ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีความนุ่มติดแป้งของแนว White Musk รองพื้นอยู่เบื้องหลังและมีกลิ่นของผลไม้อมหวานเบาๆ
เสริมเข้ามา
ทำให้กลิ่นลักษณะข้าวหอมหวานมันในช่วงกลางกลายเป็นกลิ่นแป้งข้าวหอมที่มีความหวานนวลๆ
นุ่มๆ สบายๆ ไปเรื่อยๆ ถือเป็นการเปลี่ยนโทนที่พลิกเกมกันในระดับหนึ่ง
และลดความหวานที่อาจจะทำให้คนใส่กลายเป็นขนมหวานลงมาเป็นความสบายนวลๆ
ผ่อนคลายได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งภาพรวมของกลิ่นถือว่า
ไล่เรียงความเป็นข้าวหอมในรูปแบบต่างๆ ได้ดีไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมน้ำชาใบเตยหุงสุก
ข้าวหอมเปียกน้ำกะทิ และแป้งข้าวหอมหวานนวล
ซึ่งเป็นการแทรกความเป็นไทยแต่ไม่ได้ไทยจ๋ามากผ่านกลิ่นที่เราคุ้นเคยได้น่าสนใจเลยทีเดียว
เหมาะสำหรับ
– กลิ่นนี้เป็น Unisex ที่เรียกว่าใส่ได้ในทุกเพศ
แต่จะมีความเป็นหญิงในเนื้อกลิ่นอยู่ประมาณ 60 -70% เพราะกลิ่นมาโทนหวาน
ซึ่งถ้าผู้ชายไม่ได้ใส่ใจเพราะมันหอมก็ใส่ได้ เพราะยังไงช่วงท้ายคือ Unisex
อย่างชัดเจน โดยกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน
ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ซึ่งจะให้ลุคที่หวานเรียบร้อย และนุ่มนวลได้เลย
ยกเว้นใส่ออกกลางแจ้งร้อนจัดๆ หรือว่าใส่ออกกำลังกาย เดี๋ยวจะหวานจนแน่นเสียก่อน
ส่วนยามค่ำคืนจัดไปได้เลย เพียงแต่กลิ่นนี้อาจจะไม่ได้มาสายเย้ายวนมากและไม่ได้เซ็กซี่จัดๆ
จนสามารถเต้นรูดเสาที่ไหนแบบไม่สนใจชาวโลก แต่จะมาแบบเรียบร้อย น่ารัก หอมหวานนวลๆ
ที่ผู้หญิงจะดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวาน
ส่วนผู้ชายจะเป็นคนหวานนุ่มนวลอะไรประมาณนี้
ความทน
– น่าพึงพอใจมากกับราวๆ 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด
ซึ่งส่วนตัวฉีดไป 6 สเปรย์ทนไปได้ยาวถึง ประมาณ 10 ชม. ได้เลย
การกระจาย
– กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น แบบหวานแหลมมาก่อน
แต่เพียงแว้บเดียวจะลดลงมากระจายแบบดีกึ่งปานกลางลดหลั่นลงไปเรื่อยๆ
ตามเวลาที่ผ่านไป จนพอเข้าช่วงท้ายถึงเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวกึ่ง Skin
Scent ในเวลาต่อมา
ทิ้งท้าย
– ดีใจ เพราะเดิมทีกลัวใจพอสมควรว่ากลิ่นนี้จะเป็น Traditional
Fragrance ที่การเข้าถึงจะได้จำกัดเฉพาะกลุ่ม แต่พอใช้จริงกลิ่นคาบเกี่ยวความเป็นไทยแนวทั้งสมัยนิยมและเอกลักษณ์แบบไทยได้ลงตัวไม่น้อยเลย ที่สำคัญยินดีกับอีกก้าวของแบรนด์นี้ที่ตอนนี้ไปสู่ระดับประเทศแล้วด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ:
1. Review นี้
มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นเจ้าของแบรนด์ La Ong Siam Perfume ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ
นะครับ”
Credit ภาพ - https://www.facebook.com/LaOngSiamPerfume/photos/a.1626718807552002.1073741828.1626693334221216/1842240085999872/?type=3