วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Britney Spears - Maui Fantasy

Britney Spears - Maui Fantasy 

Maui Island หรือ เกาะเมาวี เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของฮาวาย แน่นอนว่ามีความเป็นเกาะเขตร้อนกันอย่างชัดเจนและเป็นแดนตากอากาศที่โปรดปรานของเหล่าเซเลปทั้งหลาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Britney Spears ในเมื่อชอบสถานที่และความรู้สึกยามที่ได้ไปพักผ่อนที่นั่น เลยมาสรรสร้างกลิ่นกันซักหน่อยตามขนบของความเป็น Fantasy ที่มีลูกหลานออกมามากมาย โดยที่จะเป็นโทนในลักษณะไหน และกลิ่นอายจะได้ความรู้สึกเช่นไร จัดไป

Maui Fantasy ถือว่ามาสาย Tropical Scent กันอย่างชัดเจน เพราะมาหมดกับกลิ่นที่ทำให้คิดถึงการตากอากาศและพักผ่อนบนเกาะเขตร้อนได้หมด ไม่ว่าจะทั้งผลไม้ ดอกไม้ ครีมซันแทน และความครีมมี่อบอุ่น โดยที่ไม่ทิ้งขนบความเป็นกลิ่นอายแนวขนมหอมหวานที่เป็นเสมือนลายเซ็นของน้ำหอม Celebrity แน่ๆ เปิดตัว Top Notes กันด้วยกลิ่นอายของเสาวรสกับเกรฟฟรุตที่ผสมผสานกันจนได้โทนคล้ายๆ น้ำผลไม้ติดเปรี้ยวสดชื่นแกล้มไปด้วยกลิ่นติดเขียวสมุนไพรบางๆ กันก่อนก็จริง แต่กลิ่นจะไม่ได้มาแบบน้ำผลไม้ฉ่ำๆ จ๋าๆ นัก เพราะในเนื้อกลิ่นจะมีโทนครีมมี่ที่แทรกตัวเข้ามาอย่างไวมากทำได้ให้อารมณ์แบบโลชั่นกลิ่นผลไม้ที่ติดครีมเสียมาก ซึ่งกลิ่นโทนนี้จะเป็นตัวหลักเลยในช่วง Middle Notes เพราะกลิ่นครีมมี่นวลๆ ของดอกพุดแสงอุษา (Tiare) จะกลายเป็นตัวเด่นเป็นสง่าที่ให้ความรู้สึกแบบกลิ่นอายของซันแทนติดครีมมี่ และแน่นอนว่ามีกลิ่นของมะพร้าวครีมๆ นวลตีคู่แบบชัดเจนมาก ผสมเข้ากับกลิ่นผลไม้ในตอนต้นกลายเป็นโลชั่นซันแทนที่มีกลิ่นผลไม้ หรืออาจจะน้ำผลไม้ให้รู้สึกกันเต็มๆ กลิ่นมีความเป็นโทนอบอุ่นกำลังดีและมีกลิ่นอายออกทางสุนไพรโปร่งๆ บางๆ มาตัดทอนไม่ได้ข้นคลั่กจนนึกว่าตกถังซันแทนกลิ่นมะพร้าวที่ไหนมา เลยได้ความลั่นล้าก็ได้ ความเป็นโทนแบบยามอาบแดดของฝรั่งก็สามารถ ซึ่งกลิ่นครีมมี่จะตามไปจนถึง Base Notes เลย โดยกลิ่นจะเริ่มเป็นครีมนวลมากขึ้น เพราะมีวานิลลาเข้ามาเสริมโทนซันแทนกลิ่นมะพร้าวทำให้กลิ่นมีความเป็นขนมติดหวานแต่ไม่ได้แหลมเฟี้ยว เน้นอบอุ่นเป็นสำคัญ และมีความเป็นผลไม้เสาวรสเกรฟฟรุตให้ยังรู้สึกได้อยู่เบาๆ รวมถึงกลิ่นอายไม้หอมติด Musk สะอาดๆ อ่อนๆ ทำให้กลิ่นไม่ได้ไปสายข้นหนักแต่ประการใด แต่มีความครีมหอมหวานกำลังดีอบอุ่นไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิว 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ก็สามารถใช้ได้แล้ว กลิ่นเรียกว่าเป็นโทนที่ออกแนวตากอากาศบนเกาะมีความลั่นล้ากำลังดี และครีมมี่ที่ลงตัว ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่ไม่ใช่ทางการ เพราะกลิ่นมันมีความชิลล์ไป ไม่ได้มีความทางการในกลิ่นเลย จึงเน้นไว้ใส่ทำงานแบบใน Office ใส่เรียนแบบไม่ต้องประโคม หรือวันหยุดที่สามารถลั่นล้าได้เต็มที่น่าจะเข้าทางมากกว่า ส่วนยามค่ำคืนจัดได้สบายมากไม่ว่าจะไปตะลอนๆ ตามผับบาร์หรือว่าผ่อนคลายสบายๆ รีแลกซ์ทั่วไป 

ความทน - ลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบบ้างราวๆ 2 ชม. อิงที่จำนวนสเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นก่อนที่จะลดลงมากระจายปานกลางแบบครีมนวลอมเปรี้ยวหอม แล้วค่อนเป็นออร่ารอบๆ ตัว พอซัก 6 ชม. แล้ว Skin Scent เริ่มจะมาแทนที่ ประมาณนี้ 

ทิ้งท้าย - สิ่งหนึ่งคือ กลิ่นนี้แม้ว่าจะนำเสนอกลิ่นอายแบบเกาะเขตร้อนและหน้าร้อนก็จริง แต่เป็นลักษณะแบบฝรั่ง ซึ่งคนไทยหลายๆ คนอาจจะไม่ได้คุ้นชินกับพวกโลชั่นซันแทนหรือแนวสปาที่มีกลิ่นน้ำมันมะพร้าวแบบนี้ อาจจะคิดว่ามันจะไม่เหมาะกับหน้าร้อนก็เป็นได้ แต่ถ้าใส่แบบกำลังดี กลิ่นมันน่ารักชิลล์ๆ ผ่อนคลายลั่นล้าดีไม่หยอกนะนั่น 

หมายเหตุ:
 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Website: Kajuvendas BR


วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Atelier Cologne - Mandarine Glaciale

Atelier Cologne - Mandarine Glaciale

เมื่ออากาศกลับมาสู่ภาวะที่ร้อนวายป่วง แน่นอนว่ากลิ่นอายสดชื่นธรรมชาติมักเป็นตัวเลือกที่ดีเสมอที่จะทำให้มีความสดชื่นและไม่อึดอัดจนเกินไป และแน่นอนว่า Atelier Cologne เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ทำกลิ่นอายโทนสดชื่นได้ดีมาก เช่นนั้นเมื่ออยากสดชื่นเลยเลือก 1 ในกลิ่นส้มของแบรนด์นี้มาจัดซะหน่อยว่ากลิ่นอายจะทำให้รื่นรมย์ขนาดไหนกับรุ่นนี้เลย Mandarine Glacia
le 

เปิดมาก็สดชื่นกันแบบเต็มๆ ส้มที่มีความซ่าติดเขียวปนขมหน่อยๆ กลิ่นเปรี้ยวสดชื่นมาเลย และสามารถจับโทนกลิ่น Citrus ได้ครบถ้วนมากไม่ว่าจะกลิ่นเปรี้ยวเจือหวานของส้ม กลิ่นติดสดชื่นอะโรม่าหวานปลายของเลมอน และมีกลิ่นเปรี้ยวติดขมเขียวซ่าๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ซึ่งเป็นการผสมผสานได้อย่างดีและชูกลิ่นเด่นที่ควรจะเป้นของส่วนประกอบในช่วงนี้ได้ลงตัวเลยทีเดียว เพียงไม่นานกลิ่นขิงจะเริ่มเสริมเข้ามาทำให้โทน Citrus มีความเป็น Fresh Spicy เข้ามาด้วย และนำเข้าสู่ช่วงกลางกันอย่างชัดเจนโดยยังคงชูโรงที่ความสดชื่น มีความปร่าซ่าปนหวานนิดๆ สไตล์ขิงที่มีึความอวลหน่อยๆ แต่ไม่ได้ถึงกับมาก แต่สิ่งที่มาแย่งซีนมากกว่าหน่อยคือ ความเขียวเจือในเนื้อกลิ่นซึ่งจะมาจากกลิ่นของกิ่งก้านใบส้มที่จะให้ความเขียวสดชื่นติด Citrus เปรี้ยวๆ เข้ามาโดยที่มีกลิ่นอายดอกไม้นวลบางๆ ซึ่งแน่นอนความเป็น Citrus ในช่วงต้นที่เด่นกับความเป็นส้มยังไงก็ยังอยู่ไม่หนีไปไหน และกลิ่นจะเริ่มมีความแห้งเข้ามาเรื่อยๆ และเข้าสู่ช่วงท้ายกันอย่างชัดเจนโดยที่กลิ่นติดไม้แห้งๆ จากหญ้าแฝกจะชัดเจนขึ้นมาตีคู่กับกลิ่นติดเขียวสากบางๆ ดิบเบาๆ จาก Oakmoss กลิ่นจะมีความเป็นธรรมชาติระดับหนึ่งในความสดชื่นแบบแห้งๆ แกมความอบอุ่นบางเบา ให้ความรู้สึกมีมิติแบบอากาศสดชื่นติดอบอุ่นจางๆ แบบยาวไปได้ดีเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศเพราะเป็นกลิ่นสดชื่นที่มีความเป็นธรรมชาติ เข้ากับวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปได้สบายมาก สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันกวาดหมดแบบไม่ต้องสืบ ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ลามไปถึงออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้งก็ฟินได้หมด มีความครอบจักรวาลในการใช้งานสูงมาก แต่ถ้าเป็นยามค่ำคืน ถ้าใส่ในคืนที่อากาศร้อนๆ ให้สดชื่นอันนี้จัดไป แต่ถ้าจะใส่ไปท่องราตรีชนเก้ว ข้ามไปเถอะ โดนชาวบ้านที่เน้นจัดเต็มมากลบหมดแน่นอน 

ความทน - เรียกว่าลงตัวกับราวๆ 8 ชม. อาจจะมีบวกลบบ้างราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีดและสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งก็ถือว่าลงตัวสำหรับการเป็น Cologne Absolue ที่ความเข้มข้นแนวๆ EDP

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลางแล้วลากยาวไป แต่พอผ่านไปซัก 5-6 ชม. ถึงจะเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - เป็นกลิ่นมีความสดชื่นติดเขียวปนปร่าหวานอวลนิดๆ และเป็นสดชื่นแห้งๆ แต่มีความเป็นธรรมชาติไม่ได้ดูหอมแบบทั่วไปและไม่เหมือนใคร ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่อยากได้กลิ่นส้มที่แตกต่างได้ไม่ยาก 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit --> Website: OSMOZ

http://www.osmoz.com/perfumes/atelier-cologne/8112/mandarine-glaciale


วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Narciso Rodriguez - Narciso Eau de Toilette

Narciso Rodriguez - Narciso Eau de Toilette 

หลังจากที่เปิดตัวไลน์ Narciso ในปี 2014 กับขวดขาวนวลทรงสี่เหลี่ยมลูกบากศ์ที่หอมละมุนแฝงความเซ็กซี่ได้อย่างน่าดมกลิ่นแล้วกับการเป็น Narciso EDP และในปี 2015 ต่อมาก็ปล่อยต่อเนื่องมากับ Narciso EDT กับลูกบาศก์ดำที่ข้ามไปก่อน ไปที่รุ่น Narciso Poudree ขวดลูกบากศ์ชมพูที่วางจำหน่ายในปี 2016 เช่นนั้นได้เวลาย้อนมาเก็บตกกับไลน์นี้ก็ขอมาซึมซับเลยว่ากลิ่นอายรุ่นที่เคยข้ามไปเป็นยังไง 

Narciso Eau de Toilette เรียกว่าเป็นตัวกลางระหว่างความเป็น EDP และ Poudree ได้ลงตัวมาก เรียกว่าใครที่เก็บไลน์นี้จะมีเลเยอร์กลิ่นที่เชื่อมโยงกันได้เป็นอย่างดีจริงๆ โดยคงความเป็น Narciso Rodriguez กับเสน่ห์ของกลิ่น Musk ที่เป็นลายเซ็นหลักของแบรนด์ได้ลงตัวมาก เปิดตัวกับ Top Notes ที่เป็นกลิ่นอายดอกไม้ที่สดชื่นกันก่อนเลย โดยที่ในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้ว่ากลิ่นไม่ได้มาแบบสดชื่นใสๆ เพราะแม้จะมีกลิ่นดอกโบตั๋นที่จะมาสายกุหลาบใสๆ อยู่เป็นตัวเด่น แต่กลิ่นโทนนุ่มของ Musk ที่เป็นลายเซ็นหลักของแบรนด์จะเจืออยู่ในเนื้อกลิ่นชัดเลย และจะยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นออกทาง Citrus บางๆ เสียด้วยในช่วงนี้ ถือว่าเป็นการเปิดตัวได้ดีมีความสมดุลย์ระหว่างความสะดชื่นโทนสว่างและความหวานหอมของดอกไม้แนวกุหลาบติดนวล ที่บอกเลยว่ากลิ่นมีความสาวกันอย่างชัดเจนมาก จนเมื่อกลิ่นอายของ Musk เริ่มดันขึ้นมาและชัดเจนมากขึ้น นั่นถือว่าเข้าสู่ Middle Notes กันชัดเจน ซึ่งกลิ่นอายของโทนดอกไม้ของโบตั๋นจะมีกลิ่นอายกุหลาบมาเสริม ซึ่งมาแทนที่กลิ่นอายดอกพุดที่เป็นตัวเด่นที่สุดในรุ่น EDP โดยในรุ่นนี้จะปรับให้มีความหวานใสติดนวลเคล้ากลิ่น Musk ที่มีความเซ็กซี่ติดนุ่มนวลและมีความสะอาดเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว กลิ่นจะมี 3 โทนให้จับต้องได้คือ นุ่มนวล เย้ายวน ละมุนดอกไม้ใสๆ ปนหวาน กลิ่นจะผสมผสานกันได้ลงตัวและมีเสน่ห์มาก ปรับโทนหวานข้นในรุ่น EDP มาเป็นหวานนวลติดใสสดชื่นแทน ในพื้นฐานกลิ่นที่เป็น Musk เย้ายวนแบบไม่โฉ่งฉ่างแต่เอาอยู่ จนเมื่อเริ่มมีกลิ่นไม้หอมสว่างๆ ติดแห้งๆ เจือเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะนำไปสู่ Base Notes ที่จะเป็นกลิ่นออกโทนสว่างจากไม้ซีดาร์ที่ผสมผสานกับกลิ่น Musk ที่ยังคงเด่นอยู่ โดยที่จะมีติดติดเขียวบางๆ และมีกลิ่นหวานจางๆ เจือไปตลอด ที่สำคัญจะแอบจับได้นิดๆ ว่ามีกลิ่นโทนคล้ายวานิลลาที่ให้ความเป็นแป้งอบอุ่นเย้ายวนแบบไม่โจ่งแจ้งผสมผสานอยู่ข้างใน ทำให้ยังมีความเซ็กซี่เย้ายวนยังคงที่ ปล่อยของได้ดีไม่หนีไปไหนอยู่ด้วยเช่นกัน 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้งานได้สบายๆ กลิ่นไม่ได้ข้นมากเกินไป มีความใสกลั้วนวลติดเย้ายวนกำลังดีไปตลอด เลยเป็นตัวที่ใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันได้เลย ครอบจักรวาลพอสมควร แต่งดเรื่องการใส่เพื่อออกกำลังกายจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนกับอากาศบ้านเราถือว่าจัดไป กลิ่นใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์เช่นกันรวมถึงการท่องราตรี ที่อันนี้อัดสเปรย์หน่อยก็พอไปสู้เขาได้พอสมควร แต่เอาเข้าจริงถ้าใส่เพื่อท่องราตรี จัด EDP กับ Poudree น่าจะโดนกว่าในเรื่องการปล่อยพลังและเสน่ก์ส่วนตัว 

ความทน - ดีงามแม้เป็น EDT เพราะว่าอยู่ที่ราวๆ 8 ชม. ขึ้นไป อิงตามสภาพผิว จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. สบายๆ เลย กับจำนวนสเปรย์ 5 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าชัดเจนและสามารถทำให้ฟินได้ไม่ยากเลย แล้วจะลดลงมาที่กระจายปานกลาง ก่อนปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัว พอพ้นซัก 8 ชม. กลิ่นเริ่มผันเป็นติดผิวหอมเรื่อๆ กำลังดี

ทิ้งท้าย - กลิ่นมาครบเลยกับการเป็น Woody Floral Musk มีครบทุกโทนให้เลือกจับและดม โดยที่มีพื้นฐานกับการเป็นกลิ่นนุ่ม Musk เย้ายวนเป็นหลัก ปรับความข้นนวลเป็น หวานใสในความนุ่มนวล แต่ก็ไม่ได้เป็นแป้งจ๋าแบบรุ่น Poudree แต่เชืิ่อมโยงด้วยกลิ่นอายติดแป้งปนวานิลลา เรียกว่าเป็นการไล่เรียงและเชื่อมโยงกันได้ดีทั้ง 3 รุ่นของไลน์ Narciso นี้เลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Website: Woolworths


วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Imaginary Authors - Saint Julep

Imaginary Authors - Saint Julep 

สายอินดี้อย่างแท้ทรูกับการสร้างสรรค์กลิ่นออกมาดั่งงานศิลปะและเป็นงานศิลปะที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจราวกับหนึ่งในตอนสำคัญของหนังสือดีๆ ซักเล่ม ซึ่งเป็น Concept หลักเลยกับแบรนด์ Niche สุดเก๋อย่าง Imaginary Authors ซึ่งแต่ละรุ่นน้ำหอมของแบรนด์นี้ต่างจะมีเรื่องราวที่ประกอบน้ำหอมหมด ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมาเจอแบรนด์นี้เป็นครั้งแรกต้องเลือกตัวที่มีความน่าสน
ใจมาเล่ากันหน่อยว่าเรื่องราวผ่านกลิ่นจะเป็นลักษณะไหน กับรุ่นนี้เลย Saint Julep 

เรื่องราวคำโปรยโดยสรุปของรุ่นน้ำหอม - โบสถ์เล็กๆ เก่าๆ แห่งหนึ่งย่านชานเมืองในสวนมินต์ป่า เป็นสถานที่ที่ผู้คนมารวมตัวกันชมแสงจันทร์ เต้นรำ และแบ่งปันเรื่องราวเรียกว่า Saint Julep และสิ่งที่บอกเล่าปากต่อปากกันมาของสถานที่แห่งมนต์ขลังนี้คือ รอยยิ้มเกิดขึ้นได้เสมอและการไถ่บาปในรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามเฉดของกลิ่นมินต์ที่หอมหวาน

เรียกว่ากลิ่นมินต์เป็นตัวหลักของน้ำหอมรุ่นนี้กันเลยทีเดียวแต่จะมีลูกคู่ที่เป็นทั้งตัวที่แย่งซีนและตัวเอกคู่ไปตลอดอย่างกลิ่นอาย น้ำตาลซึ่งจะเปิดตัวด้วยกลิ่นอายหอมหวานแนวน้ำเชื่อมเคล้ากลิ่นมินต์ แม้จะหวานก็จริงแต่กลิ่นโปร่งและสดชื่นเย็นๆ เจือไปด้วยตลอด ซึ่งไม่ได้หวานเชื่อมจนเป็นน้ำเชื่อมเดินได้ขนาดนั้น ที่สำคัญจะจับได้บางๆ ถึงโทนกลิ่นอาย Citrus แนวๆ ส้มเบาๆ อยู่ด้วย กลิ่นเปิดเลยจะได้ความรู้สึกหวานโปร่งเย็นๆ แบบรื่นรมย์ได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ และกลิ่นจะเริ่มพัฒนาไปสู่ช่วงกลางด้วยกลิ่นอายของเหล้าวิสกี้ที่มาผสมผสานกับกลิ่นหวานๆ ของน้ำตาลและมินต์ทำให้ได้อารมณ์ติดกรุ้มกริ่มลั่นล้าชวนอารมณ์ดีท่ามกลางความหวานหอมโปร่งที่ยังมีความสดชื่นอยู่ และมีกลิ่นหอมติดเปรี้ยวอมหวานจางๆ ในเนื้อกลิ่นที่ให้ความรู้สึกออกทางกลิ่นอายดอกไม้สดชื่นหน่อยๆ เสียด้วย เรียกว่ากลิ่นให้ความรู้สึกชวนยิ้มในความหอมหวานของบรรยากาศที่โปร่งสบายไปตลอดจนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายกลิ่นอายมินต์อันแสนหวานจะเริ่มลดทอนลงไปโดยมีกลิ่นอายอบอุ่นเข้ามามากขึ้น ได้อารมณ์คล้ายกลิ่นอายผิวกายสะอาดอบอุ่นหน่อยๆ แต่มีความหวานแบบโปร่งๆ เคลือบเบาไว้บางๆ ให้รู้สึกหอมรื่นรมย์เรื่อๆ ไปเรื่อยๆ คงความผ่อนคลายรื่นรมย์ในความหวานโปร่งตั้งแต่ต้นยันจบได้ดีไม่มีผิดเพี้ยนเลย 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นมาสายบรรยากาศจึงแตะได้หมดทุกเพศ วัยตั้งแต่เรียนม.ปลายขึ้นไปก็สามารถแล้ว เรียกว่าเป็นกลิ่นใช้ง่ายบนพื่้นฐานความหวานน้ำตาลโปร่งๆ ได้ดีมาก และไม่เหมือนใครจริงๆ โดยสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่ไม่ได้ทางการมากนัก ใส่ไปทำงาน Office ก็สามารถได้อยู่ แบบไม่ได้ไปสายรับแขกบ้านแขกเมืองอะไรมากนัก นอกนั้นจัดไปใส่ได้หมด แต่ถ้าใส่ไปออกกำลังกายอาจจะทำให้ชาวบ้านหิวอยากน้ำหวานเอาได้ อันนี้อาจจะระวังนิดนึง ยกเว้นอยากแกล้งชาวบ้านก็จัดไป ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าใส่ได้สบายมาก เข้าทางกับการใส่ไปออกงานแนวๆ งานแต่ง หรือว่าสังสรรค์กับเพื่อน เดินเล่น อยู่กับแฟนได้หมด แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีต้องทำใจนิดนึงเพราะโดนชาวบ้านที่เน้นมาเต็มกว่ากลบได้ง่ายๆ

ความทน - กลิ่นอยู่ระหว่าง 6 - 8 ชม. อาจจะน้อยหรือมากกว่านั้นอิงตาม สภาพผิว จำนวนสเปรยฺ์และจุดที่ฉีด ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 10 ชม. สบายๆ กับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์กับวันอากาศร้อนๆ เสียด้วย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง ก่อนจะเป็น Skin Scent ใมนช่วงท้าย ออกทาง Safe Scent ด้านกลิ่นหอมหวานก็พอไปได้อยู่ 

ทิ้งท้าย - เรียกว่าไม่ต้องกลัวความหวานแน่นอะไรเลย กลิ่นมาสายหวานโปร่งติดมินต์ที่ลงตัวมาก มีความกรุ้มกริ่มให้ชวนยิ้มหน่อยๆ เรียกว่าลงตัวและเป็นกลิ่นที่รื่นรมย์ตอบโจทย์เนื้อเรื่องของรุ่นนี้ได้ชัดเจนเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit --> Website - Imaginary Authors: https://www.imaginaryauthors.com/wp-content/uploads/2018/02/front-SJ.jpg



วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Serge Lutens - Fleurs de Citronnier

Serge Lutens - Fleurs de Citronnier

Fleurs de Citronnier เป็นภาษาฝรั่งเศสที่ใช้เรียก “ดอกเลมอนซึ่งถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็จะเป็น Lemon Blossom ที่กลิ่นจะคล้ายดอกส้มแต่จะสดชื่นกว่า ออกทางหอมลอยตามลมอ่อนๆ และมีความเปรี้ยวซ่าๆ กว่าหน่อย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลิ่นในโทนดอกไม้ขาวที่มีเสน่ห์และสดชื่นมากเลยทีเดียว ที่สำคัญน้ำหอมที่ชูโรงกลิ่นนี้เด่นๆ แม้ว่าจะมีพอสมควร แต่กลิ่นมักจะมาประเดี๋ยวประด๋าว ไม่ก็โดนกลบไปพอตัว ซึ่งจะหากลิ่นนี้ชัดๆ ในน้ำหอมเองก็ไม่ได้ง่ายนัก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มี เพราะ Serge Lutens ก็มีน้ำหอมที่สื่อสารชัดเจนทั้งชื่อรุ่นและกลิ่นอายตามลักษณะของดอกเลมอนเสียด้วย เช่นนั้นมาเล่ากลิ่นกันซักหน่อยว่าออกมาในลักษณะไหน 

Fleurs de Citronnier เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ Serge Lutens ทำออกมาได้มีมิติของความน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชึ่น ได้ชัดเจนมาก กลิ่นมาสาย Less is More แบบที่ไม่ต้องพยายาม ด้วยการดึงโทนความเป็นธรรมชาติของกลิ่นอายดอกเลมอนในสวนที่ลอยมาตามลมให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย แต่รองพื้นไว้ด้วยความเรียบหรูหอมหวานนุ่มนวล และมีมิติกลิ่นของความเป็นสาปปลุกเร้า Animalic ที่แทรกซึมอยู่ข้างใน โดยช่วงเปิดคือช่วงที่ปล่อยความรู้สึกสดชื่นกับกลิ่นอายดอกไม้หอมสดชื่นติดเขียว มีความเป็น Citrus ที่นุ่มนวลตามสไตล์ของการเป็นดอกเลมอนที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายติดซ่าเล็กๆ มีความเป็นธรรมชาติและมีความสว่างไสวอารมณ์คล้ายยืนอยู่ใกล้ๆ สวนเลมอนที่มีกลิ่นดอก กิ่งก้านและต้นลอยมาตามลมที่ได้ความรู้สึกน้อยแต่มากชัดเจน แล้วเพียงไม่นานความหวานออกทางครีมมี่จะเริ่มเข้ามา ซึ่งกลิ่นของน้ำผึ้งจะมาก่อนเลย หวานแบบบใสๆ เคล้าความนวลของซ่อนกลิ่นที่ให้ความครีมมี่หอมหวานได้ความเป็นดอกไม้ขาวนวลขึ้นสว่างขึ้นมาอีกสเต็ป โดยที่กลิ่นของดอกเลมอนจะมีความเป็นดอกส้มที่สกัดแบบไอน้ำ (Neroli) ให้ความสดชิื่นติดเขียวสะอาOn Top อยู่ด้านบน เลยจะได้โทนกลิ่นที่เป็นลักษณะกึ่งดอกส้มกึ่งดอกเลมอนกำลังดี ความธรรมชาติของกลิ่นยังอยู่ครบ เพิ่มที่ความหวานนวลหอมละมุนใสๆ ติดครีมปนเข้ามา ได้ความรู้สึกเรียบก็จริงแต่มีความโก้หวานใสมาเสริมประมาณนั้น ซึ่งกลิ่นจะคงตัวไปในลักษณะนี้จนเมื่อมีกลิ่นโทน Musk ที่มีโทนติดสาปปลุกเร้าดิบตามธรรมชาติหน่อยๆ เสริมเข้ามา สัญญาณก็ชัดเจนว่าเข้าสู่ช่วงท้ายแล้วที่กลิ่นจะเริ่มอบอุ่นมากขึ้น โดยที่ยังมีกลิ่นครีมมี่ปนน้ำผึ้งหวานหอมสว่างโทนครีมนวลขาวบยังคงตามมาอยู่ และความ Animalic จะเริ่มชัดมากขึ้นจากการที่น้ำผึ้งกับ Musk มาเจอกัน เพียงแต่กลิ่นไม่ได้ถึงกับติดสาปจ๋ามากเกินไป มีลักษณะออกทางสบู่หน่อยๆ ติดแป้งที่โปร่ง Airy นิดๆ โดยยังมีความสะอาดติดเขียวเจือบางมากๆ จากดอกเลมอนและดอกส้ม ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ยังคุมโทนความหวานครีมติดสดชื่นบางๆ ได้ดี มีความไฮแฟชึ่นแบบ Less is More แฝงด้วยความเซ็กซี่ปลุกเร้าในความเป็นธรรมชาติได้ลงตัวและมีความซับซ้อนเบาๆ ให้รู้สึกได้ตามสไตล์งานอาร์ตของ Serge Lutens ที่ต้องมีอะไรให้เห็นมิติของกลิ่นที่มีระดับเสมอ 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ระบุเอาไว้ว่า Unisex แต่กลิ่นไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อย แต่ยังไงก็ใช้ได้ทุกเพศสบายๆ ถ้าผู้ชายคนไหนชอบโทนดอกไม้ขาวจัดไปใช้ได้แน่นอน โดยสามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วไป กลิ่นมีความเป็นธรรมชาติเลยเข้าถึงง่ายเรียบหรู แต่จะไม่เหมาะกับการใส่เพื่อออกกำลังกายเพราะเดี๋ยวพอโทนหวานมาจะอึ้งกิมกี่ไปเสียก่อนว่าพลาด ส่วนยามค่ำคืนใส่แบบเพื่อผ่อนคลายหอมสบายๆ ติดหวานนวลก็รื่นรมย์ดีไม่หยอก ใส่ออกงานกลางคืนก็พอได้ แต่ไม่เข้าทางอย่างแรงกับใส่ไปท่องราตรีแน่ๆ โดนกลบมิดจ้าาาา

ความทน - กลิ่นทนลงตัวมากราวๆ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ รวมถึงสภาพผิวที่อาจจะทำให้ความทนมีบวกลบบ้าง ส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กำลังดีเลยกับ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ก่อนปิดท้ายด้วย Skin Scent กำลังดีที่มีกลิ่นเรื่อๆ ตีขึ้นจมูกยามขยับเนื้อตัว

ทิ้งท้าย - เท่าที่พอรู้มาเหมือนกลิ่นนี้ได้อัพเกรดเป็นเป็นขวดทรงระฆังคว่ำ Bell Jar ที่ถือว่าเป็น Exclusive ขายเฉพาะที่ไปแล้ว ไม่แน่ใจว่าเอากลับมาเป็นขว50 ml หรือ 100 ml หรือไม่เช่นนั้นใครหามาครอบครองได้ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะหากลิ่นทำนองนี้ไม่ได้ง่ายๆ ด้วยนะนั่น 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Auparfum
- http://www.auparfum.com/fleurs-de-citronnier-serge-lutens-0159

วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: PRYN PARFUM - Ayothaya Eau de Parfum Intense

PRYN PARFUM - Ayothaya Eau de Parfum Intense 

หลังจากที่ทราบการประกาศเลิกผลิตไลน์ The Eau de Intérieur Collection ที่มาในความเข้มข้นแบบ EDT แต่เป็นลักษณะสเปรย์เอนกประสงค์ที่ใช้กับการฉีดตัวรวมถึงฉีดห้องก็ได้ด้วยของแบรนด์ PRYN PARFUM เรียกว่ามีความตุนกันได้เลยทีเดียวกลับกลิ่นอายเฉพาะที่มีความงดงามอย่างรุ่น Ayothaya แต่ไม่นานข่าวดีก็ตามมาเพราะรุ่นนี้ได้มีการอัพเกรดขึ้นมาเป็น EDP Intense ให้เข้มข้นไปข้างนึง และจำหน่ายตามปกติ เช่นนั้น ต้องมาเล่ากลิ่นกันซักหน่อยว่ามีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หรือว่าจะเข้มข้นขนาดไหน 

ยามเช้าบนเรือนไทยไม้หลังงามกับการไหว้พระขอพร - ช่วงแรกจากแรกสเปรย์กลิ่นอายที่ฟุ้งกระจายออกมามีความไม่แตกต่างในลักษณะที่ควรจะเป็นของรุ่นนี้ ที่จะได้กลิ่นอายสดชื่นแบบเครื่องเทศโทนโปร่งสะอาดๆ กึ่งนวลๆ จากการผสมผสานของสมุนไพรปร่าซ่าๆ แต่จะมีกลิ่นอายความผ่อนคลายของชาอู่หลงติดดอกไม้แนวมะลิจางๆ ให้พอรับรู้ แต่กลิ่นจะมีความชัดเจนหลักเลยคือ ความเป็นกลิ่นอายแบบ Incense ติดนวลเข้มแน่นผสมผสานกับกลิ่นอายไม้หอมเข้มหน่อยๆ ที่รองพื้นอยู่ ความรู้สึกเลยจะชัดเจนพอสมควรสร้างภาพในหัวเหมือนอยู่บนเรือนไทยและมีคนไหว้พระอยู่เพราะกลิ่นธูปนวลลอยมาให้รับรู้ได้ 

กลิ่นอายสงครามยามศึกประชิดเมือง - เป็นความรู้สึกที่ต่อเนื่องจากช่วงต้นที่กลิ่นอายดินปืนจะเข้ามาผสมผสานกับกลิ่นโทนธูป Incense ที่ให้อารมณ์ธูปแบบโปร่งๆ นวลๆ ให้ความขรึมได้ดีมาก และมีกลิ่นยางไม้ที่ให้ความเป็นโทน Incense ที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยก เพราะผสมผสานให้ได้ความรู้สึกทั้งโปร่ง นวล และขรึมขลัง มีความเป็นโทน Smoky ที่ชัดมากขึ้นตามลำดับ ทำให้กลิ่นอายมีความหม่น แต่ไม่ได้ทึบมาก ให้ความรู้สึกอวลรอบๆ ตัวแบบมีความขรึมขลัง และจะเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบพิมเสนที่อ้อยอิ่งกำลังดีเริ่มผสมผสานเข้ามาทีละหน่อย ภาพที่เกิดขึ้นจะชัดเจนเลยว่าเหมือนไหว้พระขอพรบนเรือนท่ามกลางกลิ่นอายธูปที่มีความเป็นกลิ่นอายไม้หอมแบบไทยๆ เข้มๆ ติดไหม้ที่ลอยมาตีคู่กันไปอย่างน่าดูชมและดมกลิ่น กลิ่นมีความนุ่ม หม่น และลุ่มลึกที่สมดุลย์อย่างลงตัว

ความหลัง ความหวัง และรอยอดีต - เป็นช่วงท้ายที่ความชัดเจนเพราะสื่อสารถึงความหลังจากกลิ่นอายสงครามที่พึ่งผ่านพ้นเพราะกลิ่นจากช่วงกลางจะยังคงอยู่ในช่วงนี้ คือความเป็นดินปืนกับธูปไม้หอม แต่กลิ่นจะมีโทนไม้หอมติดแห้งๆ ที่เด่นมากขึ้น ความ Smoky เริ่มลดทอนความเข้มลง โดยในเนื้อกลิ่นจะมีมิติของความดิบเขียวสากบางๆ คล้ายแนวๆ Oak Moss หรือพืชกาฝากหน่อยๆ ที่ลอยเข้ามารับช่วงต่อจากกลิ่นอายสงคราม พร้อมกับกลิ่นนวลโปร่งไม้ที่ให้โทนสว่างแต่ก็คงตัวอยู่ระหว่างขรึมขลังติดดาร์กหม่นหน่อยๆ ได้ดีมาก เป็นการส่งต่อจากความหลังที่ผ่านสงคราม สู่ความหวังจากกลิ่นอายที่เริ่มเป็นโทนสว่างและสงบอย่างมีความนวลขรึมไปตลอดไม่โฉ่งฉ่างหรือลั่นล้า เพราะยังมีรอยทางแห่งอดีตที่หม่นๆ เจืออยู่ในความทรงจำนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นมาสายสร้างบรรยากาศมากกว่าจะเลือกเพศ เช่นนั้น Unisex กันอย่างชัดเจน สามารถใช้งานได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันและกลางคืนแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม ป้องกันการแปลกใจจากคนรอบข้างหรืออวลจนตัวเองตื้อ ไปได้ดีมากกับงานทางการเพราะกลิ่นมีความขรึมขลังน่าเชื่อถือ หรือจะใส่แบบทั่วๆ ไปก็สามารถ กลิ่นให้ออร่าแบบไทยแต่มีระดับลงตัว โดยไม่ได้ดูไทยจ๋าเกินไปเสียด้วย ที่สำคัญถ้าอยากจะมีลุคแบบกรุงศรีแนวขุนไกรกับดาวเรือง (สายโลหิต) อันนี้เรียกว่าใช่และโดนมาก แต่ถ้าจะอิงบุพเพสันนิวาสเป็นท่านหมื่นสุนทรเทวาหรือแม่การะเกดก็พออ้อมแอ้มได้อยู่

ความทน - เรียกว่ามากมายก่ายกอง 15 ชม. กลิ่นก็ยังอยู่ ชัดเจนสมกับเป็น EDP Intense เลยทีเดียว 

การกระจาย - สิ่งหนึ่งคือ กลิ่นไม่ได้ถึงกับพุ่งกระจายฟุ้งแบบรุ่น Eau de Intérieur ที่มีตัวนำในการกระจายเยอะอย่างแอลกอฮอล์ที่ทำให้กลิ่นฟุ้งพุ่ง แต่จะกระจายดีในช่วงต้นแบบชัดๆ แต่เข้มข้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางอวลๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - กลิ่นไม่ได้ต่างจากรุ่น Eau de Intérieur ในลักษณะของคอนเซปท์กลิ่น แต่สิ่งที่เด่นขึ้นและเด็ดขึ้นคือ ความเข้มข้นของกลิ่นที่ชัดเจนมากขึ้น มีความนุ่มและนวลในเนื้อกลิ่นที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความหม่นและความสว่างท่ามกลางกลิ่นอายแบบไทยๆ ที่ไม่ได้ประดิษฐ์ มีความเป็นจริงของความทรงจำอิงตามประวัติศาสตร์การสูญเสียและการก้าวผ่านในความรู้สึกให้รับรู้ได้ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกจากแบรนด์ PRYN Parfum ในกรณีถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by Store - PRYN PARFUM
--> https://store.prynparfum.com/products/ayothaya-eau-de-parfum-intense

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Zoologist - Macaque

Zoologist - Macaque 

เรียกว่าคอนเซปท์ชัดและดีงามมาตลอดกับการสื่อสารถึงกลิ่นอายจากสัตว์ประเภทต่างๆ มาเป็นน้ำหอมของแบรนด์ Zoologist ซึ่งอาจจะทั้งสื่อถึงสภาพแวดล้อมที่สัตว์ตัวนั้นอยู่ หรือกลิ่นอายที่ทำให้นึกถึงสัตว์ประเภทนั้นๆ ด้วยการผสมผสานโทนกลิ่น แน่นอนว่าในฐานะที่ติดตามแบรนด์นี้เพราะความเก๋ ไม่พลาดแน่ ที่จะได้ลองกลิ่นอายใหม่ๆ และก็ถึงเวลาของ “ลิงแสมหรือ Macaque แล้ว ว่ากลิ่นจะออกมาในลักษณะไหน

ลิงแสม ที่รับรู้ได้ในโทนกลิ่นนี้น่าจะเป็นลิงที่ญี่ปุ่น เพราะนอกจากรูปที่หน้าขวดจะบอกลักษณะแบบการเป็นไดเมียวลิงกังแล้ว กลิ่นอายที่โดดเด่นของรุ่นนี้นั่นคือกลิ่นชา ที่เป็นฐานสำคัญของกลิ่นให้จับต้องได้ตลอด โดยใน Top Notes จะมาเพียงวูบแรกกับกลิ่นอายผลไม้ติด Citrus เจือกลิ่นไม้โปร่งๆ ที่จะติดกลิ่นเขียวคมพุ่งกันเลยทีเดียว เรียกว่าใครมาสายชอบกลิ่นเขียวๆ ติดสดชื่นคมๆ มีความเป็นธรรมชาติจะฟินได้เลยในทันที เพราะเขียวสะใจมาก แล้วกลิ่นจะเข้าสู่ Middle Notes ในวูบต่อมากับกลิ่นอายของยางไม้ประเภทหนึ่งที่มีความเป็น Citrus ติดเขียวปนขมคมๆ ที่เจือในช่วงวูบแรกจะกลายเป็นตัวเด่นสง่ากันเลยทีเดียว นั่นคือ Galbanum เนื้อกลิ่นจะมีความเขียวคล้ายหญ้าเจือๆ มีอารมณ์แบบยอดอ่อนไม้ที่เขียวๆ คมๆ ก็ได้ด้วย โดยมากลั้วกับกลิ่นแอปเปิ้ลเขียว ทำให้รู้สึกได้ถึงลักษณะของการเป็นกลิ่นอายสิ่งแวดล้อมชัดขึ้นมาก แบบที่มีทั้งผลไม้และกลิ่นเขียวๆ จากยอดหญ้าหรือใบไม้อ่อนฟุ้งกระจายออกมา แต่ในเนื้อกลิ่นที่มีความเขียวคมๆ นั้นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายออกทางอะโรม่าที่มาจากชาและมะลิผสมผสานในนั้นไปตลอด โดยจะมีกลิ่นของโทนไม้หอมติดอวลๆ ค่อนไปทาง Oud เบาๆ กับธูปเจือเข้ามาหน่อยๆ ให้มีความเต็มในกลิ่นพอสมควร รวมถึงมีกลิ่นหวานหอมเจือบางๆ ทำให้กลิ่นโดยรวมผสมผสานกันมีทั้งความเขียว คม ใส แต่อวลปนหวานเจือ เลยจะได้ความรู้สึกแนวๆ มีอะไรเขียวๆ คมๆ แบบเด็ดยอดอ่อนใบไม้เขียวๆ อากาศมีความสดชื่นติดอะโรม่าอวลๆ จากชาประมาณนั้น ซึ่งกลิ่นนี้จะอยู่ยาวไปจนถึง Base Notes เลย โดยความเขียวยังไม่จบสิ้น กลิ่นชาจะเริ่มชัดขึ้นมาแบบชาเขียวสดๆ ที่มีกลิ่นหอมเขียวคมๆ ติดฝาด ที่จะดันขึ้นมาให้ความเขียวอย่างต่อเนื่องเป็นกลิ่นที่ตีและกระจายออกมา โดยไม่ได้คมมากเท่าช่วงอื่นแต่จะมีความเป็นกลิ่นเขียวแปร่งๆ ตามธรรมชาติติดดาร์กสากๆ หน่อยๆ ของ Oakmoss ให้รู้สึกได้ เพียงแต่ว่าในเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายไม้หอมติดสะอาดนวลๆ เป็นตัวรองพื้นให้กลิ่นมีความเป็นไม้หอมเจือๆ แบบยาวไปจนกว่าจะหายไปจากผิ 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นอยู่ระหว่างกลางๆ ที่เน้นกลิ่นอายสภาพแวดล้อม เช่นนั้นใช้ได้หมดทั้งหญิงและชาย กลิ่นนี้อาจจะต้องผ่านน้ำหอมสายเขียวๆ มาก่อนบ้าง แม้ว่ากลิ่นจะธรรมชาติก็ตาม แต่กลิ่นอาจจะทำให้อึ้งกับความเขียวจ๋าๆ คมๆ กันได้อยู่ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป มากกว่าจะงานทางการที่แม้ว่าจะพอใส่ได้ แต่ต้องจำกัดสเปรย์หน่อย ไม่งั้นคนจะคิดเอาได้ว่าโดนน้ำคั้นใบไม้สดสาดมาเหรอ ซึ่งใส่ออกกลางแจ้งได้ ออกกำลังกายก็พอได้ตามประสาโทนเขียวพอดับกลิ่นกายได้ เพียงแต่จะเหม็นเขียวไหมเวลาเจอกับเหงื่อนั่นอีกเรื่อง(แต่แพงไปนะ เปลืองเปล่าๆ) ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่แบบทั่วๆ ไปให้ความรู้สึกเขียวสดชื่นท่ามกลางอากาศดีๆ จะลงตัวกว่า การใส่ไปท่องราตรีหรือออกงานแน่ๆ 

ความทน - ดีงามมมมม 8 ชม. ขึ้นไปคือค่าเฉลี่ย และมากกว่านั้นได้สบายมาก อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไป 12 ชั่วโมงกับ 6 สเปรย์ เรียกว่าเขียวสะใจอย่างยาวนานเลยทีเดียว 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากกกกกกในตอนต้น เรียกว่าพุ่งฟุ้งให้สะใจไปข้างเลยทีเดียว ก่อนจะลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายจะค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป เลยซัก 12 ชม. จะเริ่มเป็น Skin Scent 

ภาพรวม - จะมาสายกลิ่นออกทางสภาพแวดล้อมที่ลิงอาศัยอยู่เสียมากกว่า แบบว่าเกาะไปเด็ดใบไม้ได้ กัดผลไม้ติดเปรี้ยวไป ตามด้วยลงมาวิ่งตามพื้นดินทำให้ได้กลิ่นออกทางติดเขียวสากแบบ Mossy อยู่ด้วย ท่ามกลางอากาศที่อบอวลมีความนุ่มอะโรม่าและความหอมติดเขียวไปตลอด ซึ่งมันก็ใส่เลยว่าเป็นกลิ่นสภาพแวดล้อมที่ลิงแสมอาศัยและมีพฤติกรรมประจำวันแบบไหนนั่นเอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Website: Zoologist Perfumes
- https://www.zoologistperfumes.com/products/macaque 

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Laboratorio Olfattivo - Décou-Vert

Laboratorio Olfattivo - Décou-Vert

เดิมทีไม่รู้จักแบรนด์นี้มาก่อน แม้จะเคยเห็นผ่านๆ ตามาบ้าง เพราะมักจะโดนดึงสายตาไปที่ตัวอื่นเสียมากกว่า เมื่อสบโอกาสได้ยินการบอกเล่าว่าน้ำหอม Niche จากอิตาลีแบรนด์นี้ของเขาดีไม่ใช่น้อยๆ เลย เช่นนั้น Blind Buy ก็ต้องมาสิจ้ะ เลยขอเปิดศักราชแบรนด์นี้กันหน่อยว่ากลิ่นจะเป็นยังไงกับรุ่นนี้เลย Décou-Vert 

เปิด Top Notes มาก็ทำให้รู้สึกสดชื่นแบบที่โทนดอกไม้ขาวหอมสดใสแต่อ่อนโยนแนวๆ ดอกกระดิ่ง (Lily-of-the-Valley) และมะลิเด่นตีคู่มากับโทนเขียวแบบมีความฉ่ำกำลังดีมาเลย ซึ่งช่วงนี้ทำให้นึกถึงกลิ่นอายดอกไม้ยามเช้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้างหอมใสอ้อยอิ่งลอยเข้าจมูกมาแบบชัดเจน กลิ่นมีความเป็นธรรมชาติมากเลยทีเดียว คาบเกี่ยวความเป็นโทน Floral Aquatic ได้ลงตัวมาก ซึ่งเพียงไม่นานกลิ่นออกทางเขียวฉ่ำน้ำนวลๆ สะอาดๆ ติดหอมหวานหน่อยๆ ของดอกไลแลคจะเด่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอมติดสดชื่นติดเปรี้ยวหน่อยๆ ของดอกแมกโนเลีย ซึ่งจะนำเข้าสู่ Middle Notes ที่กลิ่นของความเป็นดอกไม้หอมใสสดชื่นและสะอาดอมหวานจะเป็นกลิ่นหลัก โดยจะมีกลิ่นของดอกไม้ขาวใสๆ และกลิ่นเขียวสดชื่นติดฉ่ำน้ำในช่วงต้นจะเป็นหนึ่งในฝ่ายสนับสนุนชั้นดีให้กลิ่นช่วงนี้เป็นโทนดอกไม้หอมสดชื่นปนหวานที่ได้ทั้งอารมณ์นวลหอมและใสฉ่ำไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งกลิ่นโทนนี้จะตามไปยัง Base Notes ที่จะผันตัวเป็นฝ่ายสนับสนุนชั้นดีให้กลิ่นอายของ Musk มีความนุ่มสะอาดติดออกทางชื้นๆ อารมณ์แนวๆ ผิวกายหลังอาบน้ำเสร็จมีความชุ่มฉ่ำเคล้าความละมุนกลั้วกลิ่นนวลเขียวผสานดอกไม้ธรรมชาติคลอเคลียมีอมหวานจางๆ ติดผิวให้รู้สึกผ่อนคลาย สะอาด และนุ่มนวลจนกว่าจะหายไปจากผิว

ภาพรวมถือว่าเป็นกลิ่นอายที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมากกับโทนดอกไม้ที่มีความใสและความฉ่ำน้ำตามธรรมชาติ เหมือนเราเดินเล่นในสวนดอกไม้ยามเช้าที่กลิ่นอายหอมหวานโปร่งปนนุ่มนวลได้อย่างลงตัว มีความเรียบหรูกำลังดี เข้าถึงได้ง่าย แบบที่ไม่ว่าใครก็จะฟินได้ไม่ยาก 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้ตราเอาไว้ว่า Unisex ก็จริง ใช้ได้ตั้งแต่วัยน้องๆ ม.ต้น เลยด้วยซ้ำ แต่กลิ่นเอนไปทางสาวๆ เสีย 70% เพราะความเป็น Floral Green Aquatic ที่ผู้หญิงมักจะชอบในทันทีเมื่อแรกดมในความเป็นธรรมชาติของกลิ่น ซึ่งถ้าผู้ชายไม่มายด์ ก็ใส่ได้สบายๆ เผลอๆ ให้ความรู้สึกเป็นคุณหนูหรือคุณชายที่มีความอ่อนโยนได้เสียด้วย โดยสามารถใส่ได้ในแทบทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวัน เรียกว่ากวาดหมดทั้งยามทางการและทั่วๆ ไป จะมีก็แต่ว่าใส่เพื่อออกกำลังกายที่อาจจะไม่เข้าทางเท่าไหร่ ให้รอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนใส่เพื่อออกงานให้ดูสดใสปนละมุนได้อยู่ หรือใส่ผ่อนคลายอยู่กับครอบครัวจะลงตัวมาก ตัดการใส่เพื่อไปท่องราตรีได้เลย กลิ่นไม่ได้เอื้อและเบาไปถ้าจะไปสู้กับคนอื่น เผลอๆ เสียลุคกลิ่นน่ารัก สดใส ละมุนและนุ่มนวลตามที่ควรจะเป็นหมด 

ความทน - กลิ่นแนวๆ ธรรมชาติแบบนี้ ความทนอาจจะเรียกว่าแปรผันไปบ้างกับความหอมตามปกติที่ควรจะเป็น จึงจะอยู่ที่ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมากหรือน้อยกว่าอิงจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กับจำนวนสเปรย์ที่ 5 สเปรย์ พร้อมฉีดเสื้อด้านหน้า แบบอากาศชื้นๆ วันฝนตกที่ไม่ร้อนและไม่มีเหงื่อ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว และปิดท้ายที่ Skin Scent ที่ตีขึ้นยามร่างกายขยับเนื้อตัวให้มีความสะอาดนุ่มละมุนจมูก 

ทิ้งท้าย - Décou-Vert เป็นกลิ่นที่เข้าทางการเป็น Safe Scent ได้ดีมาก ในลักษณะของการเป็นสาย Floral Green Aquatic ซึ่งถ้าใครชอบและอยากได้กลิ่นชัดๆ ของแมกโนเลียผสมกับดอกไลแลคอันนี้จะฟินจริงอะไรจริงแบบที่ผมฟิน สุดท้าย นี่เป็นน้ำหอม Niche ที่ใช้ง่ายอีกตัวที่อยากจะให้ตำแหน่งนี้ไปเลย นั่นคือ 
#ของดีเทคนิคไม่ต้อง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit by 
http://www.laboratorioolfattivo.com/wp-content/uploads/2016/03/19429720_10154423830145566_905670280961335910_n.jpg

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Cafe de Parfum - Les Fleurs Rouges

Cafe de Parfum - Les Fleurs Rouges 

เป็นเรื่องที่ดีมากเลยทีเดียวที่นับวันน้ำหอมแบรนด์ไทยที่มีสไตล์เฉพาะแบบ Niche Perfume เริ่มที่จะมีมากขึ้นในบ้านเรา และอีกหนึ่งแบรนด์ใหม่อย่าง Cafe de Parfum ก็เป็นหนึ่งในนั้น กับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นจากของหวานต่างๆ ใน Cafe ซึ่งจะมาในลักษณะแบบขนมจัดเต็มหรือไม่ หรือว่ามาลักษณะที่แตกต่างจากความเป็นขนมเป็นสิ่งใหม่ที่ทำให้แค่นึกถึงขนมที่เป็นที่มา เช่นนั้นขอมาเปิดทางเล่ากลิ่นกับรุ่นแรกของแบรนด์ที่แรงบันดาลใจจากขนมแสนหวานอย่าเตอร์กิส ดีไลท์ว่าจะหอมหวานขนาดไหน

Les Fleurs Rouges ได้ความรู้สึกกันเต็มๆ ในยามแรกฉีด (แม้ว่าจะไม่ต้องดูสีน้ำหอม) กับโทนสีแดงที่เป็นเฉดเข้ามาในความรู้สึกได้เลย โดยมากับกลิ่นกุหลาบที่ติดโทนเปรี้ยวของ Citrus แนวๆ ส้มผสมผสานกับกลิ่นติดเปรี้ยวหอมขมปลายของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) และบางคนอาจจะทำให้รู้สึกถึงกุหลาบติดโทนเปรี้ยวลิ้นจี่ก็สามารถ แต่สิ่งที่ทำให้ไม่เป็นกุหลาบใสๆ ติดสดชื่นจ๋าเกินไปแม้จะรู้สึกได้ชัดๆ อยู่ว่ามันมีความฉ่ำ นั่นคือกลิ่นอายของเครื่องเทศที่ทำให้กลิ่นมีความหวานติดอวลๆ สไตล์เม็ดกระวานเย้ายวนให้รู้สึกได้ เพียงแค่ช่วงเปิดก็มีความเซ็กซี่เจืออยู่ในเนื้อกลิ่นกันเลยทีเดียว 

หลังจากนั้นกุหลาบจะนำเข้าสู่การเป็นกลิ่นอายแบบขนม เตอร์กิส ดีไลท์” (ขนมลูกเต๋าสี่เหลี่ยมเคลือบไอซิ่งหวานจัดที่ใส่น้ำกุหลาบหรือน้ำส้มลงไปให้ขนมให้หอมหวาน) ซึ่งตอนแรกคิดว่ากลิ่นชนิดนี้จะหวานขั้นสุดตามประเภทของขนม แต่สิ่งที่ Les Fleurs Rouges เป็นอยู่คือความหวานที่ไม่ได้แหลมแสบไส้ แต่กลับมีความหวานแบบลงตัวติดอวลบนพื้นฐานของกลิ่นกุหลาบติดแยมเปรี้ยวนิดๆ ที่มีกลิ่นหอมหวานให้อารมณ์สีแดงค่อนชมพูของราสเบอร์รี่ กลิ่นมีความเป็นขนมระดับหนึ่งแต่ไม่ได้ชัดจนเป็นขนมเดินได้ ซึ่งในเนื้อกลิ่นมีความอวลติดเครื่องเทศรองพื้นให้รู้สึกได้อยู่ เลยเป็นลักษณะหวานหอมซ่อนเปรี้ยวปนเซ็กซี่เย้ายวนไม่โจ่งแจ้งแต่มีชั้นเชิงได้น่าสนใจมากปูพื้นกันไปตั้งแต่ช่วงนี้ยันถึงช่วงท้ายโดยที่กลิ่นโทนหวานจะจางลงไปจนเหลือเบาบาง แต่ความเป็นโทนดาร์กติดเขียวสากแต่มีเสน่ห์ของ Oak Moss ผสมผสานกับกลิ่นอายนุ่มติดปลุกเร้าจางๆ จากชะมดเช็ดหรือ Civet ที่ให้โทน Animalic จะเริ่มดันขึ้นมา แต่ทั้ง 2 โทนในช่วงท้ายนี้กลับมาแบบไม่หนักหน่วงและไม่ถึงขั้นที่จะเป็นโทนกรุยกราย Vintage แต่มาแบบน่าค้นหาอวลๆ บนผิวที่ให้ความดาร์กอุ่นอวลที่มีความหวานแบบบางๆ น่าค้นหาคลอไปตลอด ให้ความหรูหรามีระดับกำลังดี เซ็กซี่แบบที่ไม่ต้องพยายามมากและมีออร่านางพญาปนหวานเบาๆ ก็เอาอยู่ได้สบายแบบยาวไปจนกว่าจะหายไปจากผิว 

ภาพที่เห็นเชื่อมโยงกับน้ำหอม - ผู้หญิงสาวสวยหน้าหวานริมฝีปากแดงเฉี่ยวในชุดสีดำที่ชวนพิศในความเปรี้ยวซ่อนหวานในลุคที่มีเสน่ห์ เป็นออร่าออกมาให้รับรู้ได้ว่ามีความ Sexy ซ่อนอยู่ นั่งใน Cafe กับขนม เตอร์กิส ดีไลท์แสนหวานทานคู่กับชารสเข้ม 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ระบุไว้ชัดเจนว่าเป็น Unisex แต่กลิ่นค่อนไปทางสาวๆ วัยทำงานขึ้นไปประมาณ 70% ได้ ถ้าผู้ชายไม่มายด์ก็ใช้ได้สบายๆ เพราะนำเสนอให้ตัวเองดูเซ็กซี่น่ากินในอีกรูปแบบได้อยู่ กลิ่นเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แต่อาจจะไม่ได้เป๊ะนักกับงานทางการรับแขกบ้านแขกเมืองเพราะมันเซ็กซี่อยู่ แต่ก็ยังใส่ได้ถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม นอกนั้นไม่ว่าจะใส่ทั่วๆ ไป ทำงาน Office หรือว่าเน้นออกเดทก็สามารถ แต่ไม่เหมาะกับการใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายแต่ประการใด เดี๋ยวหวานตื้อจมูกไปเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนจัดไปไม่ว่าจะใส่ไปโรแมนติค ใส่ไปชิลล์ๆ แอ๊บปล่อยเสน่ห์ ใส่ออกงานสร้างออร่านางพญามีระดับได้หมด เรียกว่าเป็นอีกตัวที่แตะความเป็นยามค่ำคืนได้ลงตัวเลยทีเดียว 

ความทน - ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีบวกลบบ้างราว 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายกลางๆ ค่อนไปทางออร่ารอบๆ ตัว ก่อนจะเป็นออร่ากึ่ง Skin Scent ในช่วงท้าย เรียกว่า ไม่ได้มาสายปล่อยพลังเว่อร์วังเน้นเรื่อยๆ แต่เอาอยู่เหมือนกระซิบเบาๆ บอกว่าหันมาที่ฉันสิ 

ทิ้งท้าย - ลักษณะทางกายภาพต้องบอกว่าน้ำหอมตัวนี้ไม่เหมาะกับการฉีดเสื้อ โดยเฉพาะเสื้อสีอ่อนๆ หรือสีขาว เพราะน้ำหอมแดงมาเชียว เดี๋ยวเสื้อจะเกิดปัญหาได้ แต่ถ้าลักษณะทางกลิ่นอันนี้ยอม กลิ่นไม่หนักเกินไป มีมิติและมีชั้นแชิงท่ามกลางความหวานได้น่าสนใจมากจริง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ Cafe de Parfum ที่สามารถนำไปใช้ได้ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าผู้อื่นนอกเหนือจากที่ระบุเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by Facebook - Cafe de Parfum


วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Demeter Fragrance - Kitten Fur

Demeter Fragrance - Kitten Fur 

Demeter Fragrance ยังคง Concept ที่ชัดเจนมาเสมอกับการทำน้ำหอมแนว Cologne ที่เลียนกลิ่นอายธรรมชาติจ๋าๆ ตรงๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน ที่สำคัญได้รับความนิยมมาตลอด จนเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา เรียกว่าสร้างความฮือฮาไม่ใช่น้อยแก่เหล่าทาสแมวทั้งหลาย เพราะแบรนด์ได้ปล่อย Cologne กลิ่น Kitten Fur หรือกลิ่นขนลูกแมวออกมา แน่นอนว่าส่วนตัวไม่ได้เลี้ยงแมวมานานแต่ก็เจอแมวหรือลูกแมวที่ไหนไม่ได้ จะนั่งเล่นเกาคางให้ตลอด เช่นนั้นก็อยากรู้ว่ากลิ่นอายที่ทำจะออกมาเหมือนกลิ่นลูกแมวที่เคยได้อุ้มหรือไม่ 

เปิดตัวได้อึ้งพอสมควร เพราะเนื้อกลิ่นมีลักษณะเป็Musk ติดครีมมี่วานิลลากันตั้งแต่ต้น กลิ่นมาชัดและมาเต็มแผ่กระจายกันพอสมควรในวูบแรก ซึ่งมาเคล้ากับแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นลักษณะเด่นที่จะมาแบบนี้อยู่แล้วตามประสาโคโลญจน์เนื้อกลิ่นไม่ได้ถึงกับอบอุ่นอะไรมาก และยังไม่ได้รู้สึกถึงการเป็นกลิ่นน้องแมวนัก แล้วความรู้สึกเริ่มจะเปลี่ยนออกมาเป็นลักษณะกลิ่นออกทางแป้งๆ โดยเริ่มมีความอบอุ่นอยู่ในเนื้อกลิ่นได้อารมณ์แบบแป้งเด็กครีมมี่ติดกลิ่นวานิลลาแฝงความนุ่มเคล้าผิวกายสไตลMusky นวลๆ ไปตลอด ซึ่งกลิ่นจะเป็นลักษณะโทนเดียวแบบนี้ไปตลอดหลังจากนี้ เพียงแต่กว่าพอเข้าสู่ช่วงท้ายๆ ของน้ำหอมที่กลิ่นเริ่มเบาลงไป กลิ่นในช่วงนี้ถึงเริ่มทำให้นึกถึงได้พอสมควรในตอนที่อุ้มลูกแมวที่ตัวสะอาดๆ กลิ่นนุ่มๆ ลอยวูบมา เพราะมีเป็นโทนอบอุ่นแบบผิวกายนวลๆ ที่ติดวานิลลานุ่มๆ เบาๆ อยู่บ้างเบาๆ 

ภาพรวมเอาจริงๆ ไม่ได้ถึงกลิ่นออกทางขนแมวมากขนาดนั้น มันให้อารมณ์ลักษณะแบบแป้งเด็กหอมวานิลลาอบอุ่นครีมมี่หน่อยๆ มากกว่า แล้วจะมีความรู้สึกแบบอุ้มหรือกอดลูกแมวที่รู้สึกนุ่มอบอุ่น หอมนวลๆ แต่ไม่ได้ติดสาปสัตว์อยู่บ้างท้ายๆ นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ได้หมดทุกเพศใช้ได้เลย วัยตั้งแต่เด็กอนุบาล (ฉีดแค่ที่เสื้อทีเดียวก็พอ) จนถึงผู้ใหญ่ได้สบายมาก เพราะกลิ่นมีความปลอดภัยสูงจริงๆ โดยสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือว่าทั่วไป เพราะกลิ่นไม่ได้รบกวนใครออกแนวสะอาดๆ นุ่มๆ ด้วยซ้ำ จะมีเพียงการใส่เพื่อออกกำลังกายที่อาจจะรอช่วงท้ายๆ ก็น่าจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่สบายๆ อบอุ่นสะอาดๆ นุ่มๆ ก็พอ อย่าได้ใส่ไปเที่ยวเลย สู้ชาวบ้านด้านการเรียกแขกไม่ได้แน่นอน 

ความทน - ถึงแม้เป็น Cologne แต่ถือว่าเรื่องนี้ดีงามอยู่ เพราะกลิ่นอยู่ยาวแบบเฉลี่ยได้ที่ 6 ชม. ได้ไม่ยาก ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 8 ได้สบายๆ กับ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีตอนแรก แล้วจะวูบลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วปิดท้ายด้วย Skin Scent ตามลักษณะของความเป็น Cologne 

ทิ้งท้าย - กลิ่นไม่ขี้เหร่นะเออ ใครที่ชอบกลิ่นแนวแป้งเด็กติดวานิลลายังไงก็ฟินกับตัวนี้ เผลอๆ ไม่ได้นึกถึงแมวเลยด้วยซ้ำไ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit
– Fragrantica: https://fimgs.net/images/secundar/o.46948.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561

Review: Maison Francis Kurkdjian - Absolue Pour Le Soir

Maison Francis Kurkdjian - Absolue Pour Le Soir

ได้อ่านผ่านตามาก็มากกับสิ่งที่คนเล่นน้ำหอมหลายๆ คนกล่าวถึงรุ่นหนึ่งของแบรนด์ Maison Francis Kurkdjian ว่าเป็นหนึ่งในกลิ่นอายน้่ำผึ้งติดโทนสาปปลุกเร้า Animalic ที่ทำออกมาได้ดีมาก ความสนใจก็มาทันที เพียงแต่ว่ามีความชั่งใจพอสมควร เพราะแบรนด์นี้หลายๆ ตัวไม่ใช่ทางเท่าไหร่เลยข้ามๆ ไม่ได้สนใจมาตลอด จนกระทั่งได้รับการแบ่งปันมาให้ลองว่ารุ่นที่ว่าจะมีลักษณะไหน ก็เลยถือโอกาสเรียนรู้เสียเลยว่ากลิ่นจะออกมาในลักษณะไหนและดีงามตามที่คนเขาชมกันหรือไม่ 

บอกก่อน - เนื่องจากรุ่นนี้ต่อยอดมาจากรุ่น Cologne Pour Le Soir ซึ่งส่วนตัวไม่เคยได้มีโอกาสลองมาก่อน จึงขอเล่ากลิ่นเฉพาะรุ่น Absolue เป็นสำคัญ 

Absolue Pour Le Soir เปิดตัวมาก็มีความ Strong! กันเลยกับความเป็นน้ำผึ้งที่มีความหวานปนความ Dirty ติดสาปปลุกเร้าที่มาจากเครื่องเทศแนวๆ ยี่หร่าแขก โดยจะมีความเป็นยางไม้ติดอบอุ่นอยู่ในเนื้อกลิ่นเสียด้วย กลิ่นจะปล่อยของชัดเจนมากและไม่ได้เข้าถึงง่ายด้วย โดยกลิ่นจะดำเนินไปไม่นานก็จะเริ่มชัดเจนมากขึ้นว่า กลิ่นน้ำผึ้งจะเป็นเหมือนศูนย์กลางของน้ำหอมที่จะอยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้าย ลักษณะเดียวกับการเป็นกลิ่นหลักที่คุมโทนน้ำหอมตั้งแต่ต้นยันจบ โดยจะลดหลั่นกันไปในแต่ละช่วงแต่ก็ยังจะจับได้อยู่ไม่ยาก จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นอายอบอุ่นจะเริ่มดันขึ้นมามากขึ้น โดยกลิ่นของกำยานและแอมเบอร์จะมาแบบอุ่นๆ นัวๆ มีความ Smoky ติดกลิ่นอายของธูป Incense ผสมผสานกับความหวานติดดิบ Animalic ของน้ำผึ้ง ความเป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นเฉพาะติดสาปหน่อยๆ Dirty กำลังดีนำโดยยี่หร่า เลยทำให้กลิ่นมีความดึงดูดและ Sexy แบบติดดิบกลางๆ เร้าใจกำลังดีในช่วงแรก ก่อนที่กลิ่นอายของโทนดอกไม้จะเสริมเข้ามาให้มีมิติและมีความนุ่มนวลเย้ายวน ซึ่งกลิ่นของกุหลาบจะมานวลๆ กำลังดีให้ความหรูในกลิ่นทำให้กลิ่นโดยภาพรวมในช่วงนี้ไม่ได้ลงลึกไปสายดิบดาร์ก Animalic เกินไปจน Dirty จัดๆ นัก ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่กลิ่นอายต่างๆ ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว มีทั้งความหรูหรา ดิปห่ามเร้าใจ อบอุ่นชวนนัว หวานนวลติดควันไอดึงดูด จนเมื่อเริ่มสัมผัสกลิ่นอายติดครีมมี่หน่อยๆ ที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในกลิ่นจากไม้จันทน์หอม นั่นคือได้เวลาชัดเจนของช่วงท้ายของน้ำหอมที่กลิ่นอายของน้ำผึ้งจะเริ่มผันตัวเป็นสายสนับสนุน โดยที่กลิ่นอาย Dirty จะเริ่มเบาลงไปด้วยเพราะเครื่องเทศต่างๆ จางไปจนเหลือเพียงเบาบาง ดันให้กลิ่นของกำยานกับความครีมมี่จากไม้จันทน์หอมเป็นตัวเด่นมากขึ้น โดยที่กลิ่นคุมโทนอบอุ่นเจืิอความเป็นดอกไม้ที่ตามมาจากช่วงกลางทั้งกุหลาบที่ให้ความนวลหรูและความเป็นกระดังงาที่เย้ายวนแบบกำลังดีไม่โจ่งแจ้งเซ็กซี่กำลังดีติด Dirty บางๆ ดึงดูดปนหวานเบาๆ แบบยาวไป

ภาพรวมถือว่าเป็นน้ำหอมที่เอาความเป็นกลิ่นอาย Dirty เป็นตัวชูโรงกันในระดับหนึ่ง โดยไม่ได้ดูดิบห่ามจนดำดิ่งเน้นแต่ความเซ็กซี่จนไม่เหลือความเป็นผู้ดีในกลิ่น ซึ่งการเบลนด์กลิ่นจะแบ่งแต่ละโทนได้ลงตัวทั้งความ Dirty นวลหรู มีลูกเล่น อบอุ่น และมีระดับ ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่เป็นตัวเอกของแบรนด์นี้เลยก็ยังได้ 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นแตะได้หมดทุกเพศ อาจจะไม่ได้เข้าถึงง่ายในคราวเดียว เพราะความ Animalic และ Dirty ที่ค่อนข้างชัดหน่อยในช่วงแรกๆ แต่ถ้าใครที่ผ่านน้ำหอม Niche กันมาในระดับหนึ่งสามารถฟินกับลูกเล่นกลิ่นได้แทบจะในทันทีเลย โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ไม่ว่าจะใส่ออกงาน งานทางการ หรือทั่วๆ ไปก็ได้อยู่ในยามกลางวันแบบจำกัดสเปรย์หน่อย เพราะอากาศบ้านเราร้อนจัด เดี๋ยวกลิ่นจะตีขึ้นและกระจายหนักหน่วงมากจนขาดอากาศหายใจเอาได้ แต่งดใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งรวมถึงออกกำลังกายได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการ ส่วนยามค่ำคืนไม่ว่าจะออกงานหรือว่าท่องราตรี ก็จัดได้ตามสะดวก เพราะกลิ่นเซ็กซี่ ดึงดูด ปลุกเร้า และหวานกำลังดีแบบมีระดับมากเลยทีเดียว 

ความทน - ยกให้เขาเลย 12 ชม. กลิ่นยังทำหน้าที่ได้ดีอยู่กับจำนวนสเปรย์ที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าถ้าอัดสเปรย์เยอะอาจจะเหมือนโดนเอาน้ำหอมไล่สาดเอาได้ แต่พอลงมาที่ช่วงกลาง จะเริ่มกระจายปานกลางกำลังดีไปเรื่อยๆ ไปจนถึงช่วงท้าย พ้นซัก 8 ชม. กลิ่นถึงเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ พอ 12 ชม. จึงเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ส่วนตัวลุ้นพอสมควรว่าจะรอดกับรุ่นนี้ของแบรนด์นี้หรือไม่เพราะว่าแพ้ทางกลิ่นน้ำผึ้งติด Animalic พอสมควร แต่ผลที่ออกมาคือ รับได้ กลิ่นดีงามและลงตัวมากเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit by Website - Maison Francis Kurkdjian
https://www.franciskurkdjian.com/cache/images/product/4117d0ed2c0ca066b5e8bb4842ad14e0-apls-96.jpg

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561

Mini Review - Cafe de Parfum น้ำหอมแบรนด์ไทย แรงบันดาลใจจากของหวานใน Cafe



Mini Review - Cafe de Parfum 
น้ำหอมแบรนด์ไทย แรงบันดาลใจจากของหวานใน Cafe 

หลังจากที่ Preview บอกเล่า Discovery Set ของแบรนด์นี้ไปก่อนหน้านี้ว่าประกอบไปด้วย 6 กลิ่น หลังจากนั้นจนถึงตอนนี้ก็ผ่านการลองมาเป็นระยะ จนขอมาสรุปเพื่อเป็น Mini Review บอกแนวทางของกลิ่นกันซักหน่อย แต่
การบอกเล่าแบบสรุปในครั้งนี้ จะมาในลักษณะที่บอกเล่าถึงคาแรคเตอร์ของบุคคลที่จะทำให้เห็นภาพว่ากลิ่นนี้มาในลักษณะไหน เปรียบเสมือน ณ Cafe แห่งหนึ่ง ที่มีบุคคลแตกต่างคาแรคเตอร์นั่งอยู่ด้านในพร้อมขนมที่เลือกรับประทานตามสไตล์ที่ตอบโจทย์กับบุคลิกและสิ่งที่คนนั้นเป็น

#บอกก่อน --> แม้ว่าใน Mini Review จะบอกเพศและคาแรคเตอร์ชัดเจน แต่จริงๆ พื้นฐานของน้ำหอมทุกรุ่นจะเป็น Unisex ทั้งหมด ดังนั้นจะอยู่ที่ความชอบและการประยุกต์ใช้ส่วนบุคคลด้วยนะครับ 
---------------------------------------------------------------------

เริ่มที่

Ashura: 
คาแรคเตอร์ - ผู้ชายที่มีความนิ่งขรึมเงียบๆ มีความเป็นสายอาร์ตเหมือนเข้าถึงได้ยาก ลุคนิ่งๆ แต่แอบดูผ่อนคลายในมุมเงียบๆ ของ Cafe กับขนมที่วางตรงหน้าอย่าง โนอาห์พุดดิ้งที่ดูเรียบง่ายแต่มากด้วยที่มาของส่วนผสม

มีความเป็น Niche Perfumery ที่ชัดเจนที่สุด มีความอาร์ตขรึม แบบที่ไม่เหมือนใคร โดยกลิ่นอายมาสายถั่วอัลมอนด์ที่เด่นออกมา เคล้ากับโทนเขียวทึบแต่ปนหวานของลูก Fig มีวูบเมทัลลิคจางๆ จากทับทิมกับความเป็น Spicy ของพริกไทย แล้วจะพัฒนาไปสายโทนธูป Incense กลั้วไม้หอมที่ขรึมๆ ไม่ถึงกับเย็นชา แต่กลับน่าค้นหาในความ Unique เฉพาะตัวไม่ใช่น้อย  
---------------------------------------------------------------------

Eden: 
คาแรคเตอร์ - กลุ่มเพื่อนชายหญิงที่สนทนากันอย่างออกรสสนุกสนานมีรอยยิ้มอย่างสดใส กับ ฟรุตทาร์ตที่มีผลไม้สีสันน่ากินวางตรงหน้า

ถ้าใครที่ชอบลักษณะของความเป็นกลิ่นอายผลไม้สดใสหน่อยๆ จะโดนกันได้ง่ายๆ เลย เพราะเปิดด้วยกลิ่นเปรี้ยวอมหวานของสับปะรดและ Citrus ตามด้วยกลิ่นออกทางครีมมี่เคล้าผลไม้อย่างพีชและสตอรเบอร์รี่กำลังดีออกทางโปร่งๆ มีวูบสดใสเป็นระยะ จนเป็นวานิลลาติด Smoky นิดๆ ในช่วงท้ายหอมละมุนกำลังดี ใช้ง่ายและเข้าถึงง่ายมาก
---------------------------------------------------------------------

Black Addiction: 

คาแรคเตอร์ - ผู้ชายใส่ชุดสีดำมาดเนี้ยบ มีความนิ่งในลุคที่ดูมั่นใจใน Sex Appeal ของตัวเอง มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำซากจำเจแบบหนุ่ม Office ทั่วไป กับ บราวนี่ที่วางตรงหน้าและ Tablet/iPad ในมือ

กลิ่นมาสายดึงดูดแบบไม่โจ่งแจ้งแต่ออร่ามันออกมาเอง เพราะเน้นที่ความดาร์กน่าค้นหาแบบที่เข้าถึงไม่ยากเสียมากกว่าจะเป็นขนมเดินได้ โดยมีกลิ่นของโกโก้เป็นศูนย์กลาง เสริมด้วยกลิ่นออกทางแป้งติดเขียวโปร่ง ตามด้วยไม้หอมเข้มๆ ติด Smoky ปนหวานบางๆ แล้วจะพลิ้วด้วยกลิ่นไม้หอมติดแห้งๆ ดาร์กกำลังดี ใช้ง่ายอย่างแตกต่าง
---------------------------------------------------------------------

Grim Fantasia: 
คาแรคเตอร์ - ผู้หญิงที่มีลุคน่ามองมีรอยยิ้มที่ดู Nice ในแรกพบ แต่พอหันไปดูอีกครั้งนางกับนิ่งมีออร่าที่มืดดาร์ก ดูซ่อนคมและซับซ้อนเกินหยั่งถึงง่ายๆ กับ เค้กแบล็คฟอเรสที่บอกเลเยอร์ชั้นเค้กที่แตกต่างชัดเจน

มาสายคุณหลอกดาว มีความแตกต่างและมีความซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะเปิดด้วยเชอร์รี่ติดโทนหวานไซรัปที่ดูสดใสเหมือนหน้าเค้กทำให้เรารู้สึกวางใจ แล้วกลิ่นจะนิ่งขึ้นด้วยโทนแป้งกับไม้หอมเข้มๆ ติดโกโก้และเริ่มติดสาป Animalic ของโทนหนังแบบที่พลิกเกมยาวจนไปถึงช่วงท้ายที่ดาร์กดิบและลึกลับแบบไม่รู้จบที่ Unique และไม่ง่าย
---------------------------------------------------------------------

Rustic Dawn:
คาแรคเตอร์ - ฝรั่งมาดสุขุมใส่สูท มีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าและมีความอบอุ่นแบบ Family Man ในตัวสูงมาก เหมาะกับการเป็นพ่อของลูกที่หลายคนอยากได้ไปสร้างครอบครัว กับ พายแอปเปิ้ลตรงหน้าที่หอมน่าทาน

อบเชยที่โปร่งๆ ติดแหลมมาแบบไม่แน่นตามสไตล์แบบน้ำหอมเย้ายวนของตัวนี้ เคล้ากับกลิ่นแอปเปิ้ลเขียว และมีความเป็นแป้งนุ่มๆ ให้พอรู้สึกได้ แล้วจะเป็นกลิ่นวานิลลาที่ติดหอมนวลๆ จากไม้หอมทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของกลิ่น เคล้า Smoky บางๆ ที่ดึงดูด ซึ่งกลิ่นมีโทนหวานกำลังดีกลิ่นอวลระดับที่รู้สึกถึงความพึงใจยามได้กลิ่นชัดเจน  
---------------------------------------------------------------------

Les Fleurs Rouges:

คาแรคเตอร์ - ผู้หญิงสาวสวยหน้าหวานริมฝีปากแดงเฉี่ยวในชุดสีดำที่ชวนพิศในความเปรี้ยวซ่อนหวานในลุคที่มีเสน่ห์ เป็นออร่าออกมาให้รับรู้ได้ว่ามีความ Sexy ซ่อนอยู่ กับขนม เตอร์กิส ดีไลท์แสนหวานทานคู่กับชารสเข้ม

เปิดต้นกลิ่นกับความเป็นกุหลาบติดอวลๆ Spicy Citrus ที่มีความฉ่ำกำลังดีดึงดูดชัดเจน แล้วจะทวีความหวานขึ้นมาอีกหน่อยจากกลิ่นของราสเบอร์รี่ที่มาสายแยม แต่ไม่หวานจ๋าและจัดจนเลี่ยน ก่อนที่จะมาสายเซ็กซี่กับความดึงดูดติดดาร์กหน่อยๆ ที่มีกลิ่นโทนปลุกเร้าจางๆ เจือแบบไม่โจ่งแจ้ง เรียกว่ามีดี Sexy ก็ปล่อยของแบบมีชั้นเชิงนั่นเอง
---------------------------------------------------------------------

เรียบร้อยแล้วกับกลิ่นอายต่างๆ ที่มีแรงบันดาลจากขนมใน Cafe ที่ผสมกันทั้งกลิ่นที่มีความเป็นขนม และกลิ่นที่ไม่ได้มาสายขนมจ๋าๆ แต่เป็นการเอามาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อสื่อสารลักษณะของขนมเป็นกลิ่นอายในอีกรูปแบบที่มีชั้นเชิงและไม่ใช่ขนมเดินได้ ซึ่งจากได้ลองมาแล้วทั้งหมด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์น้ำหอมไทยที่นำเสนอโทนกลิ่นได้น่าสนใจใน Concept และที่แน่ๆ เซทนี้ทำให้ผมสอย Ashura ขวดเต็มทันที เพราะชอบในความอาร์ตของกลิ่นนี้มาก และมันตรงกับคาแรคเตอร์ส่วนตัวในบางมุมไม่น้อย

สุดท้าย ดีใจที่นับวันเมืองไทยเราจะมีแบรนด์น้ำหอมที่หลากหลายมากขึ้นให้เราได้รู้จักและหามาใช้เพื่อสร้างเสน่ห์ส่วนบุคคล แต่ก็นะทำกระเป๋าตังค์คนรักน้ำหอมสั่นพั่บๆ ทุกทีไปสินั่น :D

หมายเหตุ - แต่ละคนการรับกลิ่นและความชอบแตกต่างกันไป เช่นนั้น Mini Review นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่บอกเล่ากลิ่นอายรุ่นต่างๆ จากที่ได้ลองแล้วนำมาร้อยเรียงเป็นบทความโดยมาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้

Credit ภาพ - Facebook - Cafe de Parfum