Serge Lutens - La Fille de Berlin
เคยได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่อง
Woman
in Berlin มาเมื่อนานมาแล้วที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงนิรนามคนหนึ่ง
ที่เล่าเรื่องประสบการณ์ของตัวเองในการเอาตัวรอดท่ามกลางภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเยอรมันท่ามกลางวงล้อมของทหารรัสเซีย ซึ่งต้องอยู่ในภาวะที่ทั้งจำยอมและเอาตัวรอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทุกทาง
ซึ่งภาพยนตร์ทำให้เราสะเทือนใจกับสิ่งที่เธอต้องพบเจอ
แต่เธอก็ยังมีความสตรองมากพอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
และเมื่อได้มีโอกาสอ่านข้อมูลต่างๆ
น้ำหอมของ Serge
Lutens อย่าง La Fille de Berlin (หญิงสาวจากเบอร์ลิน)
ที่บอกเล่าเรื่องราวกลิ่นถึงความเป็นกุหลาบที่มีอารมณ์ในหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะแข็งแกร่ง
เย็นชา นิ่งสงบ สวยงาม และคาดไม่ถึง ซึ่งไม่ว่าจะแหล่งใดๆ
ต่างก็เชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกันว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องที่ได้กล่าวไปตอนต้น
คราวนี้ก็เลยได้เวลาที่จะพิสูจน์บ้างว่ากุหลาบงามขวดนี้จะเป็นในลักษณะใด
ให้ความรู้สึกเดียวกับการเป็น Woman in Berlin หรือไม่
แรกสเปรย์เปิดตัวด้วยการเป็นกุหลาบที่ชัดเจนมาก
แตะความเป็นกุหลาบไพล่ไปทางโทน Classic อยู่แบบกลางๆ
ซึ่งไม่ได้มาแบบหนักหน่วงจัดๆ มากขนาดนั้น เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้ออกทางกุหลาบแดงแห้งปล่อยพลังจัดเต็ม
แต่มีความสดชื่นแซมอยู่ให้รู้สึกได้ถึงกุหลาบแดงแรกแย้มยามเช้าอากาศเย็นๆ
ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีลักษณะที่ติดเขียวอยู่หน่อยๆ
เลยได้ความเป็นธรรมชาติได้พอสมควรเลย นอกจากกุหลาบที่เป็นตัวหลักแล้ว ความเป็นโทน Fresh
Spicy สไตล์พริกไทยที่เสริมเข้ามาทำให้กลิ่นมีความโปร่งสะอาดรองพื้่นสร้างความสมดุลย์ให้กลิ่นได้เป็นอย่างดีในการเปิดตัวความเป็นกุหลาบที่ได้ทั้งความคลาสสิคและความเป็นธรรมชาติ
แต่สิ่งที่สะกิดใจให้รู้สึกได้ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากอะไรคือ
ความเยือกเย็นของกลิ่นที่ค่อนข้างชัดเจนอ้อยอิ่งให้รับรู้
ซึ่งเป็นมิติกลิ่นที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
จนเมื่อมีกลิ่นอายโทนติดแป้งโปร่งปนเขียวของไวโอเล็ตค่อยๆ
เสริมขึ้นมาพร้อมกับความเยือกเย็นของกลิ่นที่ยังคงอยู่
และจับได้ชัดเจนว่าเป็นลักษณะของโทนเมทัลลิคหน่อยๆ
แต่ไม่ได้ออกทางคมพุ่งหรือว่าปล่อยพลังนัก
ซึ่งให้ความเป็นกุหลาบติดแป้งโปร่งเจอความเขียวปลายๆ กลิ่นให้รับรู้ได้ตลอด
กลิ่นมีความสตรองแบบนิ่งๆ ไม่โฉ่งฉ่าง
เพราะน่าจะโดนตัดทอนโดยโทนกลิ่นที่เริ่มมีความอบอุ่นมากขึ้นเข้ามาแทรกซึมของโทนไม้หอมติดนวลอ่อนๆ
ของไม้จันทน์หอม ที่พาเอากลิ่นอายของ Musk ที่ค่อนข้างมีความดิบสไตล์
Animalic Musk มาด้วย แต่ยังไม่มาก
ทำให้กลิ่นช่วงนี้ได้ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไปจากช่วงต้นอย่างมีนัยยะสำคัญพอสมควร
จากความเยือกเย็นสู่ความสตรองในด้านอารมณ์กลิ่นของกุหลาบที่ไม่ได้ไปสายใสๆ
หรือว่าสายดาร์กเกินไป มีความนวลปนอุ่นรองพื้นเอาไว้
และมีทิศทางเป็นของตัวเองที่ชัดเจนคุมโทนระหว่างความคลาสสิคและความเป็นโทนร่วมสมัยได้อยู่
แล้วกลิ่น Animalic Musk จะเริ่มมีบทบาทชัดขึ้นตามลำดับปูทางเข้าความเป็นกุหลาบที่มีความสตรองมากขึ้นในเลเยอร์ของกลิ่นช่วงถัดไป
ช่วงท้ายกลิ่นอายของ
Musk จะรวมตัวกับกลิ่นโทนอบอุ่นแนวไม้หอมสไตล์คล้ายโทนแอมเบอร์ที่ติดดิบหน่อยๆ
ซึ่งทำให้ช่วงนี้มีความชัดเจนมากพอสมควรเลยทีเดียวกับการปลดปล่อยโทน Animalic
ออกมาเป็นตัวรองพื้น
กลิ่นค่อนข้างจะมีลักษณะที่สตรองเป็นออร่าออกมาให้ความห่ามติดสาปปลุกเร้า
โดยที่มีกุหลาบปนเขียวปลายเจือแป้งนวลบางๆ
เคล้ากลิ่นอายแบบคล้ายพิมเสนให้ความรู้สึกหวานปลายกลิ่นฉาบซ้อนเอาไว้
ผสมผสานกันทำให้ได้ลักษณะที่มีหลากหลายอารมณ์ไม่ว่าจะอัดอั้นเก็บกด มีพลังทางเพศ
ปลุกเร้า สตรอง กร้าว เคร่งขรึม
โดยที่ยังมีความนิ่งของกลิ่นที่คุมโทนเอาไว้อยู่อย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นเริ่มแตะความเป็นลักษณะเรโทรมากกว่าร่วมสมัย
โดยที่ไม่ได้กรุยกรายหรือหรูหราแบบคุณหญิงคุณนายจัดๆ
แต่มีความเป็นกุหลาบที่มาสายจริงจังและแข็งกร้าวเสียมาก
ซึ่งเมื่อมาถึงกลิ่นในช่วงนี้
ภาพที่เห็นจากกลิ่นจึงเริ่มไปในทิศทางเดียวกันกับภาพยนตร์ที่เคยได้ชมตามที่กล่าวไปข้างต้น
คือ
“ผู้หญิงคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนเป็นกุหลาบที่แบ่งบานในช่วงเวลาที่เลวร้าย
แต่ต้องยืนหยัดเพื่อเอาตัวรอดแม้ว่าต้องสูญเสียอะไรไปพอสมควรในชีวิต
แต่เธอก็สตรองผ่านมันไปได้และทิ้งรอยทางความงามในทิศทางที่เธอเป็นให้เราได้จดจำ”
นี่แหละหญิงสาวจากเบอร์ลินที่สื่อสารออกมาเป็นน้ำหอมขวดนี้
เหมาะสำหรับ
- แม้ว่ากุหลาบจะบ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิง แต่กลิ่นนี้ก็มีความเป็น Unisex อยู่พอสมควรที่ผู้ชายสามารถใส่ได้
เพราะกลิ่นไม่ได้ชี้ทิศทางไปทางกรุยกรายแต่อย่างใด ซึ่งเหมาะกับหลายๆ
สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม
เพื่อให้กลิ่นพอเหมาะกำลังดีกับอากาศบ้านเรา ไม่ว่าจะใส่แบบทางการหรือทั่วๆ ไป
ยิ่งถ้าอากาศเย็นๆ สบายๆ ไม่ร้อนจัดจะลงตัวมาก
แต่ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายหรือออกแดดจะดีที่สุดกลิ่นไม่เข้าทางทุกกรณี
ส่วนการใส่ยามค่ำคืนอันนี้ถือว่าลงตัว มีเสน่ห์แบบเย็นชาแต่น่าค้นหาได้อยู่
เพียงแต่ว่ากลิ่นจะไม่ได้เข้าทางกับการใส่ไปท่องราตรีเต้นโยกหน้าเด้งหลังหรือเมารั่วก็เท่านั้นเอง
ความทน
- อันนี้ยกนิ้วให้ กลิ่นทนดีงามจริงๆ กับราวๆ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่
กับการใช้ 5 สเปรย์มาตลอด
ซึ่งถ้ามองที่ค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็นก็ราวๆ 8 ชม. ได้สบายมาก
การกระจาย
- กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ผ่อนลงมาเรื่อยๆ
จนถึงช่วงท้ายที่เป็นออร่ารอบๆ ตัว
ทิ้งท้าย
- กลิ่นนี้อิงเคมีผิวกายของผู้ใช้เลย
เพราะอาจจะได้รับกลิ่นที่แตกต่างกันไปในพื้นฐานของการเป็นกุหลาบและ Animalic Musk โดยที่ไม่มีโทนตะวันออกกลางหรือ Oud ใดๆ
มาเกี่ยวข้อง
(เพราะถ้าเกี่ยวเมื่อไหร่มีหรือที่แบรนด์จะไม่เอาลงเพื่อให้ได้ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงจากแถบนั้น)
ซึ่งจากการใช้งานกลิ่นนี้มาไม่ต่ำกว่า 12 ครั้ง
เพื่อซึมซับทุกสิ่งอย่างที่กลิ่นจะบอกความรู้สึกออกมา ก็ขอบอกได้เลยว่า
“นี่แหละหนึ่งในงานศิลปะอันยอดเยี่ยมผ่านกลิ่นที่สามารถสร้างความแตกต่างจากการรับรู้ตามประสบการณ์ของแต่ละบุคคลจาก
Serge Lutens”
หมายเหตุ:
1.
Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2.
Review นี้เป็นทรัพย์สินทางาหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”