วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Police - Icon Gold

Police - Icon Gold 

เรียกว่าข้ามช็อตกันนิดนึงที่เล่ากลิ่น Collection - Icon ของ Police แบบไม่ได้เรียงลำดับการวางจำหน่าย แต่เอาเข้าจริง เรียกว่าเรียงตามทิศทางที่ควรจะเป็นของกลิ่นน่าจะง่ายกว่า เพราะจาก Icon ปกติที่เน้นสาย Fruity มีความ Bad Boy เคล้าความเจ้าสำราญกำลังดี ซึ่งถ้าต่อเนื่องที่รุ่น Icon Intense มันจะเป็นการเปลี่ยนโทนกลิ่นไปเลย เช่นนั้นเลยมาที่ตัวล่าสุดอย่าง Icon Gold ที่กลิ่นเปร
ียบเสมือนรอยต่อและเป็นตัวกลางที่ดีมากของรุ่นปกติและ Intense ให้เชื่อมโยงจนเป็นไลน์เดียวกันได้พอดี ซึ่งกลิ่นสาย Gold ก็เป็นเช่นนี้ 

Bad Boy แบบชัดเจนมาเลยตั้งแต่ต้นเพราะเปิดตัว Top Notes กันด้วยความเป็นโทน Citrus ติดขมแห้งมีความซ่าเปรี้ยวหน่อยๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ผสมผสานกับโทนเปรี้ยวคมๆ แห้งๆ ของส้มโอมือ ที่จะทำให้กลิ่นช่วงต้นพุ่งฟุ้งกันพอสมควร แต่สิ่งที่ทำให้กลิ่นมาสาย Bad Boy เพราะเมื่อ Citrus โทนแห้งเจือ Spicy มาเจอกับเม็ดกระวานและลาเวนเดอร์ กลิ่นจะได้ความนัวนวลรองพื้น ปนคมเย้าแน่น และกลิ่นฟุ้งพุ่งแบบน้ำหอมสไตล์ Bad Boy กันเต็มที่ ซึ่ง Icon Gold ก็มาเป็นสไตล์นี้ โดยตัดทอนโทนเจ้าสำราญลั่นล้าจากกลิ่นอายผลไม้เบอร์รี่จากรุ่นปกติออกไป โดยยังมีความเชื่อมโยงในลักษณะกลิ่นสไตล์ Bad Boy ที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่อารมณ์จะชัดเจนและมาเต็มมีพลังมากขึ้น

ซึ่งความเป็นโทน Bad Boy จาก 3 โทนประสานข้างต้น จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงโดยจะมีกลิ่นโทนเผ็ดนวลปนไม้หอมของเม็ดจันทน์เทศที่เข้ามาเริ่มแจมและเกลากลิ่นให้มีความนวล ลดทอนความคมของกลิ่นที่เปิดตัวจัดเต็มในตอนแรกลงไปพอสมควร ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีความเซ็กซี่เย้ายวนฮอตฉ่าตามขนบเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ให้อารมณ์แบบ Bad Boy ที่ผ่อนลงมาไม่เก็กโชว์พาวหนักหนาแบบช่วงแรกที่ฟุ้งกระจายเต็ม ก็จะดรอปลงมาพอเหมาะพอเจาะ Sexy มาดแมนแบบมีชั้นเชิงมากขึ้น แล้วจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นอายของพิมเสนที่มาแบบกำลังดี ไม่ได้เป็นพิมเสนแบบสายน้ำหอม Niche ที่จะมีความดิบหรือไม่สายยาจีนนัก เน้นมาแบบอ้อยอิ่งน่าค้นหาปนสะอาดนวลๆ กลิ่นไม้หอมมีเสน่ห์ ที่จะเป็นการปูทางเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอม กับการเป็นโทนกลิ่นสไตล์แมนๆ อบอุ่นหน่อยๆ มีพื้นกลิ่นติดนุ่มเบาๆ เคล้ากับกลิ่นโทนนัวปนนวลเย้ายวนสไตล์ Bad Boy ที่ยังตามมาจากช่วงกลาง ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะผสมผสานกันเป็นเนื้อเดียวที่มีมิติไม้หอมติดเผ็ดแหลมเจือเปรี้ยวปนหวานเครื่องเทศอุ่นๆ ที่มีความอ้อยอิ่งดึงดูดของพิมเสน กลิ่นจะออกแนวระเรื่อๆ คลอไปเรื่อยๆ มากกว่าจะปล่อยพลัง ออกแนวเข้าทางโทนอุ่นฮอตสายคลุกวงในแบบยาวไปนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้สบายมาก ยิ่งถ้าใครสายขรึมเน้นกลิ่นอวลเท่ห์ติด Bad Boy อันนี้เข้าทาง แมนเย้ายวนกันชัดเจน ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม ไม่เช่นนั้นจุกกันตั้งแต่รัวสเปรย์เสร็จเอาได้ ซึ่งได้ทั้งในทำงานหรือทั่วๆ ไป แต่ไม่เข้าทางกับยามทางการจัดๆ หรือว่าสายกิจกรรมออกกำลังกายกลางแจ้งอะไร ส่วนยามค่ำคืน บอกเลยจัดไป กลิ่นมาสายนี้อยู่แล้ว พร้อมลุย พร้อมเท่ห์ พร้อมรบ แบบที่สู้กับคนอื่นได้ไม่ยาก ที่สำคัญมหาชนเข้าถึงได้ง่ายเสียด้วย 

ความทน - เรียกว่าจัดจ้านในย่านนี้ เพราะความทนดีงามจริงจัง เพราะ 10 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นให้รับรู้อยู่ แถมลากไปถึง 15 ชม. ได้สบายมาก เรียกว่าขั้นต่ำ 8 ชม. สบายๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากเว่อร์ในตอนต้น เรียกว่ากลิ่นพุ่งจริงอะไรจริง อัดมากสเปรย์มีเวียนเศียร แต่พอเข้าช่วงกลาง กลิ่นจะดรอปลงมาพอสมควรเป็นกระจายปานกลางแบบไม่หนักมาก เพราะกลิ่นนุ่มขึ้น แล้วจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวชวนคลุกวงในยาวไป 

ทิ้งท้าย - ควรจะสลับเป็น Icon Intense มากกว่าจะเป็น Icon Gold เพราะกลิ่นมันเป็นอีกขั้นของรุ่นปกติได้เลย ก็งงๆ กันไป หรือไม่ก็ควรสลับชื่อรุ่นกันก็น่าจะลงตัวกว่า แต่ยังไงก็ตาม กลิ่นนี้ก็ถือว่าผ่าน อย. ความหอมได้สบายมาก แถมเท่ห์ Bad Boy ชัดเจนอีกด้วย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttp://shop.mavive.com/eu/police/icon/icon-gold.html



วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Bond No.9 - SoHo

Bond No.9 - SoHo 

SoHo ไม่ใช่ชื่อจีนหรือเป็นย่านคนจีนใน New York City (ซึ่งถ้าย่านคนจีนจะเป็น China Town) แต่เป็นชื่อย่อมาจาก South of Houston Street ย่านที่เป็นโซนช้อปปิ้งอย่างแท้ทรู รวมถึงการเป็นย่านศิลปะได้เลยก็ว่าได้ เพราะมีแกลอรี่ศิลปินต่างๆ ให้ชมเพียบ ซึ่งในเมื่อเป็นย่านดังและเป็นที่รู้จักมากขนาดนี้มีหรือที่ Bond No.9 จะไม่เอามา Tribute ในการทำกลิ่นอายที่สื่อถึงความเป็นนิวยอร์ค เช่
นนั้นความเป็น SoHo ที่โก้จริงๆ จะออกมาในรูปแบบไหนก็เล่าออกมาได้ตามนี้เลย 

เปิดตัวด้วยโทนกลิ่นเขียวติด Citrus ของกลิ่นก้านส้มที่มีโทนกลิ่นติดเขียวคมปนกลิ่นออกทางผลไม้หน่อยๆ เจือ เคล้ากับกลิ่นโทนส้มที่ออกเปรี้ยวอมหวานที่มีความปร่า Spicy อารมณ์แบบเปลือกส้มหน่อยๆ ซึ่งกลิ่นจะผสมผสานกันจนจับโทนต่างๆ ได้ไม่ยาก แต่จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายดอกส้มที่สกัดแบบตัวทำละลาย (Orange Blossom) ที่จะให้โทนนวลสะอาดเจือเปรี้ยวปลายกลิ่นปนนัวแป้งหน่อยๆ ที่ค่อยๆ แทรกขึ้นมาทีละนิดๆ ผสมเข้ากับโทนสดชื่นติดเขียวในตอนแรกทำให้ได้กลิ่นสดชื่นติดเขียวที่มีความนวลอวลปูทางไปสู่ช่วงกลาง โดยกลิ่นของดอกส้มจะให้ความสะอาดนวลเจือเปรี้ยวปลายอ่อนๆ เคล้ากับกลิ่นมะลิที่ให้ความนวลเจือหวานเบาๆ ที่กลายเป็นโทนเด่นขึ้นมา โดยความสดชื่นในตอนต้นจากกลิ่นอายโทนเขียวยังตามมากลายเป้นผู้สนับสนุนรองใจดีแทน โดยเฉพาะกลิ่นของกิ่งก้านส้มที่ยังให้ความเขียวติดเปรี้ยวอ่อนๆ เจืออยู่ แต่กลิ่นในช่วงนี้ไม่ได้มีความใส เพราะจะมีความอวลติดโทนแป้งที่ทึบหน่อยๆ และมีกลิ่นอายคล้ายโทนอวลๆ ปนไม้หอมทีแทรกเข้ามาในเนื้อกลิ่นทีละหน่อยออกทางโทนแห้งๆ โปร่งแต่คมหน่อยของไม้ซีดาร์และน่าจะมีโทนกลิ่นของหญ้าแฝกที่สร้างความแห้งในกลิ่นไม้โดยไม่ได้ออกทาง Smoky ซึ่งทำให้ในช่วงนี้จะเป็นได้ความรู้สึก 2 สเต็ปกลิ่น คือ กลิ่นโทนดอกไม้นวลสะอาด และความอวลไม้หอมแห้งๆ คมๆ มีพลังหน่อยที่ตีคู่ไปด้วยกันได้อย่างน่าสนใจมาก 

จนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางกลิ่นโดนโทนไม้หอมเริ่มเทคโอเวอร์และลดบทบาทกลิ่นโทนดอกไม้ขาวลงไป ก็เข้าสู่ช่วงท้ายที่จะกลายเป็นกลิ่นไม้แห้งอวลๆ มีความคมชัดเจนของหญ้าแฝกและไม้ซีดาร์ที่แทคทีมผสมผสานกัน เนื้อกลิ่นจะมีโทนน่าค้นหาหน่อยๆ มีความดาร์กเจือเบาๆ และมีความอบอุ่นให้จับต้องได้ แอบจับได้ถึงโทนกลิ่นสไตล์คล้าpสารสังเคราะห์ใช้แทน Ambergris อย่าง Ambroxan ที่ทำให้กลิ่นมีความอวลเนียนๆ อยู่ด้วย แต่โทนดอกไม้ขาวก็ยังมีอยู่เป็นตัวสนับสนุนกลิ่นที่ให้ความรื่นจมูก หวานเบาบาง นวลสะอาดกับโทนกลิ่นไม้โดยเป็นปลายกลิ่นที่ให้มิติความแน่นอวลกับเบาบางอ้อยอิ่งได้อย่างน่าสนใจ ภาพรวมของกลิ่นสร้างอัตลักษณ์ที่ทำให้เห็นถึงความสดใสก็ได้ ความอวลดอกไม้ขาวปนสะอาดที่ให้ความดึงดูด และความเท่ห์และฮิปของกลิ่นไม้หอมแห้งๆ คมๆ ที่ให้ความมั่นใจและชิค ซึ่งถือว่าสื่อสารถึงความเป็น SoHo ได้ลงตัวเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศเลย มีช่วงกลางๆ ที่ไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อยนึง แต่ก็ไม่ได้เป็นนัยยะสำคัญอะไรนัก ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป รวมถึงกลิ่นนี้ใส่ยามกลางคืนได้สบายมาก เพราะช่วงท้ายนี่เรียกว่าปล่อยพลังได้ดี มีความชิคและมั่นใจดึงดูดได้ลงตัว ซึ่งถือว่ากลิ่นนี้แทบจะครอบจักรวาลได้เลยในการใช้งาน เพียงแต่การใส่เพื่อออกกำลังกายอาจจะไม่ค่อยเข้าทางนัก เพราะช่วงท้ายกลิ่นไม้ค่อนข้างคม อาจจะทำให้อึดอัดเอาได้เวลากลิ่นตีขึ้นเท่านั้นเอง 

ความทน - ยอมมมมมม กลิ่นทนมากกกกกก 12 ชม. กลิ่นยังคงชัดเจนไม่หนีไปไหน 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แล้วลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ ยาวไปถึงช่วงท้ายเลย กลิ่นมีความเสถียรทางด้านการกระจายที่ดีมากจริงๆ 

ทิ้งท้าย - ขวด Screen ได้สวยมาก น่าค้นหาและมีพลัง สอดรับกับกลิ่นที่มีความมั่นใจและ Cool ได้เป็นอย่างดี ถือว่า Bond No.9 ทำกลิ่นนี้ออกมาแล้วสื่อสารถึงสิ่งที่ Tribute ได้ลงตัว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit https://www.amazon.com/Bond-No-Soho-Parfum-Spray/dp/B01L7FVJE2



วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: SG79 STHLM - No3

SG79 STHLM - No3

เห็นชื่อแบรนด์แปลกๆ แบบนี้ SG79 STHLM เป็นแบรนด์ Niche Perfume แบรนด์หนึ่งที่มาจากประเทศสวีเดน กับการสร้างสรรค์กลิ่นด้วยไอเดียของช่างภาพชื่อก้องชาวสวีเดนอย่าง Björn Dawidsson หรือชื่อเรียกที่รู้จักกันในวงการถ่ายภาพคือ Dawid ที่นอกจากศิลปะของการถ่ายภาพแล้ว ก็เห็นว่ากลิ่นนี่แหละที่ไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในเรื่องของแฟชั่นหรือไลฟ์สไตล์ เช่นนั้น กลิ่นอายของแบรนด์นี้กับรุ่นแรกที่มีโอกาสได้ลองอย่าง No3 ก็เป็นแบบนี้เลย 

Top Notes เปิดตัวมาได้เรียบง่ายอิงพื้นฐานกับความสดชื่นเป็นหลัก โดยมีกลิ่นอายโทนไม้หอมโปร่งๆ ที่จับได้ในทันทีว่าเป็น ISO E Super (สารหอมที่ให้โทนกลิ่นอายไม้หอมสว่างๆ ติดโปร่งอิงโทนกลิ่นคล้ายไม้ซีดาร์) เป็นตัวหลักที่ร้องพื้นกลิ่นให้รับรู้ว่ามีอยู่ โดยให้กลิ่นอายโทนชาเขียวที่มาสายติดเขียวใสกำลังดีเคล้ากลิ่น Citrus อย่างเลมอนที่ให้ความสดชื่นออกทางโทนเย็นๆ สบายๆ ฟุ้งกระจายเด่นออกมา โดยมีความหวานติดเผ็ดหน่อยๆ เจืออยู่ปลายกลิ่นให้มิติแบบโทน Fresh Spicy แล้วเพียงไม่กี่วินาทีจะจับต้องได้ถึงกลิ่นของแอปเปิ้ลเขียวที่ค่อยๆ เสริมเข้ามาให้โทนกลิ่นออกทางผลไม้ติดเปรี้ยวหอมสดชื่นเพิ่มเข้ามา ซึ่งก็เป็นการเปลี่ยนช่วงมาที่ Middle Notes ที่จะเริ่มชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะกลิ่นชาเขียวที่มาผสมผสานกับโทนแอปเปิ้ลเขียว จนเป็นชาแอปเปิ้ลที่หอมโปร่งสว่างเจือความสดชื่นกำลังดี ซึ่งจะมีกลิ่นอายติดโทนสะอาดนวลๆ ติดความเปรี้ยวอ่อนๆ หน่อยๆ ที่เป็นลักษณะของดอกส้มที่สกัดแบบตัวทำละลาย (Orange Blossom) เคล้ากลิ่นไม้หอมโปร่งๆ ที่ยังคงเป็น Background ของกลิ่นที่จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยควงเอาความอบอุ่นเบาๆ กำลังดีตีคู่กันจนเข้าสู่ Base Notes ที่กลิ่นโทนชาแอปเปิ้ลเขียวจะจางลงไปจนเหลือเพียงเบาบางให้ความรู้สึกสดชื่นบางเบาได้อยู่ แต่จะกลายเป็นโทนไม้หอมเด่นมาเลย เนื้อกลิ่นจะจับได้ถึงกลิ่นไม้ซีดาร์ที่ได้กลิ่นอายไม้เนื้อขาวแบบไม้ดินสอที่มีกลิ่นนัวอุ่นแบบแอมเบอร์ที่ผสมผสานอยู่ ซึ่งกลิ่นจะเป็นโทนติดแห้งแน่นกำลังดีอวลๆ ลักษณะคล้ายสารหอมอย่าง Cedramber ที่ให้โทนผสมผสานระหว่างความเป็นไม้ซีดาร์กับหญ้าแฝกแห้งๆ กับโทนแอมเบอร์และกลิ่นแบบอำพันปลาวาฬ (Ambergris) ที่ให้ความอวล เพียงแต่กลิ่นไม่ได้หนักแน่นไปนัก เพราะว่ากลิ่นโทนใสๆ ไม้โปร่งๆ สว่างของ ISO E Super ที่มาตัดทอนให้กลิ่นมีความใสมากขึ้น เพียงแต่จะคงความเป็นกลิ่นอายไม้หอมแห้งๆ ติดอวลคลอผิวที่คงที่ไปเรื่อยๆ กำลังดีไปตลอดนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นมีความเป็น Unisex ในช่วงต้นและช่วงกลาง แต่ช่วงท้ายจะค่อนไปทางผู้ชายมากกว่าหน่อย แต่ยังไงก็ใช้ได้ทุกเพศสบายมาก ซึ่งกลิ่นเข้าถึงง่าย เข้าได้กับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป จะใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งก็ได้ แต่ใส่ออกกำลังกาย กลิ่นมันไม่ได้ถึงกับมาสายสดชื่นจ๋าๆ กระตุ้น Energy อะไรมาก ออกแนวเรียบง่ายรื่นรมย์มากกว่า ส่วนยามค่ำคืนออกแนวใส่สบายๆ จะเข้าทางมากกว่าใส่ไปท่องราตรี เพราะว่ากลิ่นเบาไปถ้าจะเอาไปปล่อยของ 

ความทน - อันนี้เป็นเรื่องที่ดี เพราะกลิ่นทนพื้นฐานที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ จะมากหรือน้อยกว่านั้นอิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายเป็นสำคัญ ส่วนตัวเคมีไปได้กันด้วยดี ล่อไปที่ 15 ชม. ได้เลยกับการใช้ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้งจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แบบยาวไปจนถึงช่วงท้าย พ้นไปซัก 6 ชม. ถึงเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - เอาจริงๆ กลิ่นไม่ได้ถึงหวือหวานัก มีความเรียบง่ายโทนสว่างเป็นที่ตั้ง โดยที่เน้นโทนกลิ่นชาแอปเปิ้ลเขียวรื่นรมย์กับไม้หอมเป็นสำคัญ ถือเป็นอีกหนึ่งในสาย Niche Perfume ที่ใช้งานได้ง่ายเต็มๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttp://www.sg79sthlm.com/sg79sthlm-no3.html

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Comptoir Sud Pacifique - Vanille Banane

Comptoir Sud Pacifique - Vanille Banane 

ว่าด้วยเรื่องกลิ่น กล้วยถือว่าประสบการณ์ในการดมกลิ่นของจริงเวลากินนี่เรียกว่ามาเต็มและชัดมาก แต่กับน้ำหอมน้อยครั้งนักที่จะได้เจอกลิ่นแนวๆ นี้ และมักจะเจอกลิ่นของกล้วยหอมเป็นหลัก ซึ่งถ้าเป็นกล้วยไข่หรือกล้วยน้ำว้าก็ไม่ต้องหาเลย เพราะไม่มีแน่ๆ ซึ่งกลิ่นกล้วยเอาจริงๆ มันก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวไม่น้อยเลย และเมื่อได้เจอกลิ่นกล้วยของแบรนด์ที่ทำน้ำหอมกลิ่นขนมได้เป็นเลิศและยอดเยี่ยมมากอย่าง Comptoir sud Pacifique ล่ะ ก็ไม่พลาดสิจ้ะ จัดมา

Vanille Banane เป็นอีกรุ่นของแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและสร้างความฮือฮาเลยทีเดียว ออกมาพักนึงก็ดันเลิกผลิตซะงั้น แต่คงทนเสียงเรียกร้องไม่ได้ก็เลยเอากลับมาผลิตใหม่ และสิ่งที่กลับมาก็ยังทำเอาให้รู้สึกมีความสุกกับเรื่องกล้วยๆ ทางกลิ่นได้ดีจริงๆ เพราะ Top Notes ก็มาเต็มๆ กับความเป็นกลิ่นกล้วยหอมสุกจากการอบขนมแล้วมีกลิ่นกึ่งซอสกล้วยหอมหวานๆ เจือเปรี้ยวอ่อนๆ จากโทน Citrus ฟุ้งออกมาเคล้าไปกับกลิ่นโทนวานิลลาที่ออกทางขนม ซึ่งไม่พอในวูบถัดมากลิ่นของวิปครีมจะมาตีคู่เด่นเป็นสง่าทำให้ได้รู้สึกแบบ Banana Cream Pie หรือคัพเค้กกล้วยหอมอุ่นๆ ราดด้วยวิปครีมกลิ่นกล้วยพร้อมกล้วยฝานเป็นชิ้นๆ ที่อบเสร็จใหม่ๆ เรียกว่ากลิ่นเปิดทำให้หิวกันเลยได้ กลิ่นน่ากินมาก และสื่อสารถึงความเป็นขนมอบที่มีกล้วยหอมเป็นส่วนประกอบได้ชัดเจนที่สุดจริงๆ 

กลิ่นในช่วงต้นเรียกว่าอยู่กับเราราวๆ 20 นาทีได้ ก็จะเริ่มลดทอนความเป็นขนมอบเสร็จหอมหวานฟุ้งกล้วยหอมลงมาในระดับหนึ่ง ซึ่งจะมีกลิ่นอายติดเขียวเจือขึ้นมา อารมณ์เดียวกับเวลาเราได้กลิ่นใบตองสดอ่อนๆ เนียนเข้ามาในกลิ่นทำให้กลิ่นมีความรื่นรมย์ของความเป็นขนมหวานหอมกล้วยปนครีมที่ยังคุมโทนเด่น โดยจะเจือความบางๆ กลิ่นออกทางสบายๆ ติดเขียวเบาๆ มีมิติคลอไปตลอด ซึ่งไม่นานกลิ่นออกทางเขียวใบตองนี้ก็จะเริ่มจางไปในที่สุด แต่จะมีกลิ่นออกทางเหล้าติดหวานออกทางเหล้ารัมขึ้นมาแทนที่ ก็เป็นการนำเข้าสู่ Base Notes ที่กลิ่นของกล้วยจะเหลือให้รับรู้อ่อนๆ ความครีมมี่เริ่มลดทอนไปผสมผสานกับกลิ่นของวานิลาที่กลายเป็นตัวเด่นเจ้าประจำของแบรนด์ ให้กลิ่นออกทางเค้กวานิลลาหอมอบอุ่นน่ากินสไตล์แบบกึ่งบัตเตอร์เค้กวานิลลาหอมหวานที่มีกลิ่นรัมติดน้ำตาลไหม้อ่อนๆ เย้าจมูก มีความเซ็กซี่แฝงเนียนๆ เสียด้วย ซึ่งต้องบอกกันตามตรงว่ากลิ่นช่วงต้นน่ากินแล้ว ช่วงท้ายเองก็มายั่วเย้าน่ากินไม่ต่างกันเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่สื่อสารได้ชัดเจนถึงความเป็นกล้วยและวานิลลาที่หอมเป็นขนมได้น่ากิน อบอุ่นปนน่ารัก และหอมน่าดมมาก

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้เดิมทีระบุไว้ว่าสำหรับสาวๆ แต่เอาจริงๆ Unisex พอสมควรเลย เพราะกลิ่นออกทางขนมเดี๋ยวนี้ผู้ชายก็ใส่กันตรึมๆ เสียด้วยซ้ำ อาจจะมีไพล่ไปทางสาวๆ ราวๆ 65 - 70% เพราะกลิ่นวานิลลาขนมๆ หวานๆ แต่เอาเถอะ ผู้ชายยังไงก็ใส่ได้ โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่ไม่ได้ไปสายทางการ แต่ถ้าใส่ทำงาน Office ปกติอันนี้ได้อยู่ นอกนั้นใส่แบบทั่วไปได้สบายๆ ถ้าอากาศร้อนก็ลดจำนวนสเปรย์ลง ยกเว้นการใส่เพื่อไปออกกำลังกายให้ตัดทิ้งไปได้เลย กลิ่นจะตีขึ้นจุกไม่พอ อาจจะมีอาการไม่ต้องออกกำลังมันแล้ว ไปหาขนมหวานกินแทน ยามค่ำคืนสเปรย์ลงตัว จะหอมน่ากินพลางหิวขนมเรียกเรตติ้งได้เลยล่ะ 

ความทน - ลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมากกว่านั้นก็สามารถ เพราะอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญส่วนตัวเจอไป 12 ชม. ได้เลยกับการใช้ที่ 4 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น เรียกว่ากลิ่นแบบขนมพึ่งทำเสร็จใหม่ๆ เคล้ากลิ่นหวานกล้วยชัดเจนที่สุดมาก แล้วจะลดลงมาเป็นกระจายปานกลาง ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พอพ้นไปซัก 8 ชม. จะเริ่มเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ดีใจมากที่เอากลับมาผลิตอีกครั้ง เพราะความดีงามทางด้านกลิ่นขนมหวานเด่นที่กล้วยหอมมันหอมหวานชวนฟินได้ดีมาก ซึ่งบอกกันแบบตรงๆ เลยว่า นี่คือกลิ่นกล้วยที่ชัดที่สุดในน้ำหอมต่างๆ ที่เคยลองมาเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit https://www.comptoir-sud-pacifique.com/edt-vanillebanane-746.html

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Pierre Guillaume - PG16 Jardins de Kerylos

Pierre Guillaume - PG16 Jardins de Kerylos 

น้ำหอมกลิ่นอายสไตล์สวนมีหลากหลายรูปแบบกับการสื่อสารกลิ่นอายธรรมชาติที่ทำให้เรารื่นรมย์ ซึ่งมีหลายๆ แบรนด์ที่ทำกลิ่นออกมาได้ดีงามทั้งสาย Designer และ Niche Perfume ในการเป็นสวนประเภทต่างๆ โดยหลังจากผ่านกลิ่นอายสไตล์สวนมาหลายรุ่น ก็ได้เวลามาลองการสร้างสรรค์ของ Perfumer หนุ่มหล่ออย่าง Pierre Guillaume ที่เก่งในเรื่องการทำกลิ่นโทน Gourmand ที่โดดเด
่น แต่ก็มีน้ำหอมโทน Minimalist ที่เป็นโทนกลิ่นสวนที่น่าสนใจอยู่ด้วยเช่นกัน โดยอิงจาก Villa Kerylos เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์กรีกแบบสไตล์ที่พักตากอากาศหรูหราบนหน้าผาริมทะเลเมอร์ดิเตอร์เรเนียน เช่นนั้นจากมาในลักษณะน้อยแต่มากขนาดไหนว่ากันที่รุ่นนี้เลย PG16 Jardins de Kerylos 

เขียวมาเลย กลิ่นเปิดจะมาเต็มด้วยลักษณะกลิ่นอานของใบไม้เขียวๆ ของใบ Fig ที่จะให้ความความเขียวเข้มติดหนืดขม แต่จะมีกลิ่นอายของโทนหญ้าสดๆ ฟุ้งกระจายตีคู่มาด้วย เลยจะได้ลักษณะของกลิ่นอายความเป็นสวนที่มีต้นมะเดื่อ มีลานหญ้าที่พึ่งตัดเสร็จก่อนในวูบแรก แล้วจะเริ่มได้โทนกลิ่นของลูก Fig ที่ให้ความใสมีโทน Fruity เจือหวานปนเขียวครีมมี่อ่อนๆ ที่ค่อยๆ เสริมขึ้นมา รวมถึงจับโทนกลิ่นอายคล้ายๆ พีชที่อยู่กลางๆ ไม่ฉ่ำไปไม่แห้งไป เสริมให้โทนเขียวที่เป็นตัวเอกหลักมีความใสและหอมสดชื่นมีมิติ ได้อารมณ์กลิ่นอายแบบสวนที่มีต้นไม้ผลอย่างมะเดื่อและพีชตกแต่งประปรายเพื่อความสวยงามและปลอดโปร่งทางกลิ่นได้เลย 

แล้วกลิ่นจะเริ่มเปลี่ยนโทนบางส่วนโดยยังยืนพื้นที่ความเป็นโทนเขียวอยู่ โดยจะมีกลิ่นอายผลไม้อย่างลูก Fig ที่โปร่งปนครีมมี่บางๆ ใสหวานเคล้ากลิ่นพีชหวานบางๆ ออกทางสดใสในความเขียวออกทางชื้นๆ อยู่ เพียงแต่ว่าจะมีกลิ่นอายของไม้หอมเจือเข้ามามากขึ้น กลิ่นจะได้อารมณ์ดมแล้วรู้สึกเป็นโทนชื้นๆ ติดหวานโปร่งปนเขียวก่อน แต่ปลายกลิ่นจะเป็นโทนไม้หอมที่มีความแห้ง โดยมีพื้นฐานกลิ่นที่มีความอบอุ่นกำลังดี และมีกลิ่นติดเค็มบางๆ ให้พอรับรู้ ซึ่งช่วงนี้กลิ่นเองจะได้อารมณ์แบบอยู่ใต้ต้นไม้ในสวนโปร่งๆ ที่กลิ่นเขียวเคล้ากับความอบอุ่นของอากาศ จนเมื่อกลิ่นเริ่มเข้าสู่โทนแห้งมากขึ้น ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่เป็นโทนติดครีมมี่เบาบางปนอบอุ่นอ้อยอิ่งคลอผิวไปเรื่อยๆ เคล้าไปกับกลิ่นออกแนวเปลือกไม้หน่อยๆ ซึ่งกลิ่นของ Fig ยังจับต้องได้อยู่แบบสบายๆ อ่อนๆ ให้ความเขียวติด Milky บางๆ รวมถึงจับได้ถึงโทนดอกไม้ครีมติดเขียวนิดๆ ที่ออกทาง Airy บางเบา กลิ่นช่วงนี้เลยจะชัดเจนถึงความเป็นโทน Minimalist ที่มาเบาๆ บางๆ น้อยๆ แบบ Whispering Scent แต่ให้ภาพในหัวและอารมณ์ที่เหมือนกับนั่งสบายๆ ในสวนที่กลิ่นเขียวเบาๆ กับกลิ่นต้นไม้ลอยมาบางๆ ให้รับรู้นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - เพราะกลิ่นอายเป็นสไตล์แบบสภาพแวดล้อม เลยเป็นโทน Unisex กันอย่างชัดเจน ได้หมดทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใส่ตัวนี้ได้แล้ว ซึ่งเข้าได้กับทุกสถานการณ์กวาดหมดเลยในยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ส่วนออกกำลังกายเองใส่ได้เพราะกลิ่นไม่ได้กระจายมาก แต่ราคามันสูงนะ เปลืองแย่ ส่วนยามค่ำคืนแนะนำใส่แบบชิลล์ๆ จะดีกว่า เพราะโทนกลิ่นไม่เข้าทางการใส่ไปออกงานหรือว่าท่องราตรีเลย กลิ่นเบาไป

ความทน - 4 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบราวๆ 2 ชม. อิงตามสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ ส่วนตัวลากยาวไปที่ 6 ชม. ไป กับการใช้ที่ 6 สเปรย์ รวมการฉีดเสื้อที่สวมด้วย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางกำลังดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ จนกลายเป็น Skin Scent เรียกว่ามาสายบางเบาเรื่อยๆ มาเรียงๆ กับกลิ่นอายสภาพแวดล้อมชัดเจน 

ทิ้งท้าย - รุ่นนี้ก็ทำให้เห็นว่าน้ำหอมโทนอื่นๆ ของ Perfumer สุดหล่อคนนี้ ทำออกมาได้ลงตัวและมีดีไม่แพ้กับโทนเก่งอย่าง Gourmand น่าค้นหาและลุ่มลึกเลย และถึงแม้ว่าข้อด้อยจะเป็นเรื่องความทน แต่ชดเชยได้อย่างดีกับโทนกลิ่นที่ให้ความเป็นกลิ่นอายธรรมชาติและสภาพแวดล้อมได้ดีเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit https://www.pierreguillaumeparis.com/23--pg16-jardins-de-kerylos.html



วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Jo Loves - Mango Thai Lime

Jo Loves - Mango Thai Lime 

น้ำหอมกลิ่นมะม่วงสุกเด่นนำที่ให้กลิ่นอายธรรมชาติ ทั้งหวานอมเปรี้ยวปนฉ่ำ เอาจริงๆ หาในท้องตลาดยากไม่ใช่น้อยเลย เพราะส่วนใหญ่มักจะมีโทนอื่นๆ มาดึงโทนกลิ่นให้เป็นไปตาม Concept ของรุ่นนั้นๆ เสียมาก ซึ่งเมื่อเห็นว่า Jo Loves ได้สร้างสรรค์กลิ่นอายมะม่วงออกมากับชื่อรุ่นว่า Mango Thai Lime มีหรือจะที่จะยอมพลาดตามสไตล์ของมันต้องมีแม้ยังไม่เคยใช้มาก่อน และมะม่วงของ Jo Malone ที่สร้างสรรค์ออกมาในความเป็นแบรนด์ของตัวเอง กลิ่นก็เป็นเช่นนี้เลย

เปิดต้นกลิ่นด้วยความสดชื่นของกลิ่นอายมะนาวเปรี้ยวๆ คมๆ ที่มีกลิ่นนวลๆ ปร่าคมๆ ของพริกไทยที่ทำให้กลิ่นฟุ้งพุ่งออกมาให้ความสดชื่นสว่างๆ กันก่อนเลย แต่สิ่งที่จะเริ่มจับต้องได้ถัดมาคือ ความเปรี้ยวเด่นปนฉ่ำหวานหอมหน่อยๆ ที่เจืออยู่ในเนื้อกลิ่นของโทนมะม่วงสุกที่ออกแนวเป็นสายสนับสนุน ให้กลิ่นไม่ได้ถึงกับเปรี้ยวใสๆ นัก มีโทนลูกเล่นระหว่างความเป็Citrus ที่ให้ความสดชื่น ความเป็น Fresh Spicy ของพริกไทยที่ให้ความแน่นอวล และความเป็น Tropical แบบผลไม้เมืองร้อนกลิ่นเปรี้ยวอมหวานฉ่ำกำลังดี กลิ่นมีความเป็นธรรมชาติที่ลงตัว ซึ่งยังเชื่อขนมกินได้ว่า Jo Malone ไม่เคยทำให้ผิดหวังในการทำกลิ่นเปิดที่สร้างความประทับใจมาเสมอ ซึ่งกลิ่นเปิดรุ่นนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น 

จนเมื่อเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นอายติดเขียวปนนวลปร่าอ่อนๆ มีความนุ่ม Peppery ของดอกฟรีเซียค่อนๆ เสริมขึ้นมาและมีกลิ่นโทนสมุนไพรสดชื่นติดเขียวมินต์จางๆ สร้างให้กลิ่นมีโทนที่ปลอดโปร่งสบายๆ ติดรื่นจมูกเป็นตัวอ้อยอิ่งให้รับรู้ได้ ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางกันอย่างชัดเจน ซึ่งโทนเปรี้ยวสดชื่นปนปร่าติดมะม่วงจะยังมีความชัดเจนอยู่ โดยที่จะมีความอะโรม่าติดเขียวนวลปร่ามีความซ่ามินต์กำลังดีมาเสริมทัพความสดชื่น ซึ่งกลิ่นจะดำเนินไประยะหนึ่งในการเปลี่ยนถ่ายโทนมาสู่ความนวลที่ค่อยๆ Take Over เรื่อยๆ จนกลิ่นมะนาวเริ่มจะเป็นโทน Airy บางเบามากขึ้น แต่ยังไม่ทิ้งความรู้สึกสดชื่นให้จับต้องได้ และโทนกลิ่นเริ่มคล้ายสบู่นวลติดเขียวสมุนไพรปนกลิ่นมะม่วงสุกหน่อยๆ เปรี้ยวเจือหวานเบาๆ กำลังดีๆ จะเป็นตัวเอกหลักให้กลิ่นอายที่เป็นธรรมชาติของกลิ่นแบบรื่นรมย์ผ่อนคลายสบายๆ ไปเรื่อยๆ จนเมื่อมีกลิ่นอายไม้หอมค่อยๆ เสริมเข้าทีแบบเนียนๆ ให้โทนนวลๆ ปนสดชื่นเริ่มจะเบาลงไป ก็เข้าช่วงท้ายที่จะเป็นกลิ่นอายไม้หอมอ่อนๆ ปนกลิ่นสมุนไพรแนวๆ มินต์ ที่ให้ความนวลสบายๆ แต่ก็จะมีกลิ่นติดเปรี้ยวให้รู้สึกได้ถึงมะม่วงสุกติดปลายกลิ่นบางๆ ซึ่งกลิ่นช่วงท้ายจะเน้นโทนสะอาดที่มีความโปร่งสบายๆ ผ่อนคลายแบบเบาๆ กำลังดี มีความเรียบหรู แบบ Whispering Scent ตามสไตล์การทำน้ำหอมของ Jo Malone ที่ให้อารมณ์แบบอะโรม่าเรื่อยๆ แบบผ่อนคลายมีกลิ่นมะม่วงสุกอ่อนๆ กับความสดชื่นปนเครื่องเทศที่ได้อารมณ์ค่อนมาทางกลิ่นอายแบบไทยติด Modern ได้น่าสนใจมากเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นได้ทุกเพศ แต่มีค่อนไปทางผู้ชายมากกว่านิดหน่อย เพราะความเป็นโทน Fresh Spicy ที่มีความเขียวคมๆ แต่ยังไงสาวๆ ใส่ได้สบายมาก ซึ่งจัดได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย กลิ่นมีความครอบจักรวาลชัดเจน จะทางการก็ได้ สบายๆ ก็ดี ใส่ลุยๆ ก็พอได้อยู่ เพราะมันสดชื่นแต่อาจจะไม่ได้ถึงกับ Macth เต็มร้อยนัก ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ทั่วๆ ไปจะดีกว่า เพราะใส่ไปท่องราตรีโดนกลบมิดแน่นอน 

ความทน - ราวๆ 6 ชม. ที่อาจจะมีบวกลบราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์ และสภาพผิวเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอที่ 6 ชม. บนผิว และ 8 ชม. บนเสื้อที่สวม

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น คม ชัด สดชื่น ง่วงๆ อยู่ตื่นเลย แต่จะดรอปลงมาเป็นออร่าอ่อนๆ ก่อนจะเป็น Skin Scent ยาวไป 

ทิ้งท้าย - เอาจริงๆ มองว่ากลิ่นนี้ไม่ใช่มะม่วงที่เด่น แต่เป็นมะนาวกับพริกไทยมากกว่าที่คุมโทนได้ดี โดยมีมะม่วงเป็นลูกคู่ชั้นดีเสียมาก ซึ่งอันนี้ยอมรับในเรื่องกลิ่นเปิดที่ทำได้ดีมากจริงๆ ที่สำคัญเป็นอีกหนึ่งกลิ่นอาย Skin Scent ที่เน้นสดชื่นติดเรียบหรูสบายๆ เป็นธรรมชาติเคล้าคลอไปกับผิวได้ลงตัว ไม่รบกวนใครให้เรามุ้งมิ้งกับตัวเองได้ดีเช่นกัน 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttps://www.fragrantica.com/perfume/Jo-Loves/Mango-Thai-Lime-16436.html

Review: Derek Lam 10 Crosby - Ellipsis

Derek Lam 10 Crosby - Ellipsis

Derek Lam เป็นหนึ่งใน Fashion Designer ลูกครึ่งจีน-อเมริกันที่มีดีกรีรางวัล CFDA Fashion Award ในปี 2003 ที่เน้นแฟชั่นแนว Ready-to-Wear เก๋ๆ และสายเครื่องประดับต่างๆ รวมถึงรองเท้า แว่นตา และกระเป๋า โดยมีการแตก Business ออกมาเป็น 2 ส่วนคือ แบรนด์ Derek Lam กับ Derek Lam 10 Crosby ซึ่งในแบรนด์หลังนี่แหละ ที่จะมาเล่ากันเพราะว่ามี Collection น้ำหอมที่น่าสนใจไม่น้อยเลยด้วย 

แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่น เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะเอามาจากสิ่งที่ได้เห็นผ่านหน้าต่างบ้านตัวเอง ที่มองเห็นผู้คน สิ่งที่เกิดขึ้น และสภาพแวดล้อมต่างๆ มาสร้างสรรค์เป็นน้ำหอม เช่นนั้นก็มาเล่ากลิ่นผ่านรุ่นแรกที่ได้ลองกันหน่อย อย่าง Ellipsis กับแรงบันดาลใจที่เห็นชาย-หญิงที่กำลังเดินสวนกันแล้วมีความสปาร์คบางอย่างเกิดขึ้นผ่านสายตาที่ประสานซึ่งกันและกัน ซึ่งจะสื่อสารกลิ่นนี้ถึงฝ่ายหญิงเป็นหลักกับการบอกเล่าความ Modern และกลิ่นอายสไตล์ผู้หญิงที่เป็น Sex Appeal เฉพาะเพศในการสร้างความประทับใจแรกพบ ซึ่งกลิ่นจะสื่อออกมาด้วยโทนในลักษณะนี้เลย 

Ellipsis จะว่าไปความหมาย คือ การละไว้ในฐานที่เข้าใจโดยจะให้สัญลักษณ์ง่ายๆ คือ ที่ถ้าจับเข้า Concept กลิ่นเกี่ยวกับการประสานสายตา อันนี้ถือว่าตรงประเด็นชัดเจน ซึ่งกลิ่นนี้จะมี Center Notes ที่จะอยู่ตั้งแต่ต้นยันจบอย่างโทนกลิ่นมะลิและไม้จันทน์หอมในโทนสว่างติดครีมมี่เบาๆ กำลังดี แต่จะล้อมด้วยโทนกลิ่นอื่นๆ ที่มาสนับสนุนให้ได้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วง โดยจะเปิดตัวที่โทนกลิ่นของมะลิที่นำเด่นมาก่อน โดยจะได้ความหอมใสๆ ของมะลิในวูบแรก ตามด้วยกลิ่นโทนเขียว มีความเป็น Citrus แห้งๆ ปน Indolic ตุ่ยๆ ตามลักษณะของมะลิที่เป็นธรรมชาติที่เสริมเข้ามาค่อนข้างไวพอสมควร ทำให้จะรู้สึกได้ถึงมะลิที่มีความใส ปนนวล มีความอึนๆ ตุ่ยๆ นิดๆ เจือ Animalic ที่สะกิดให้รู้สึกเซอร์ไพร์สได้ เพียงแต่ไม่นานนัก ก็จะเข้าช่วงกลางที่จะเริ่มมีความครีมมี่ของไม้จันทน์หอมเสริมเข้ามาทำให้โทน Indolic ตุ่ยๆ จะเริ่มหายไปมาเป็นความนุ่มนวลมีเสน่ห์แบบสีขาวปนครีมกำลังดี เนื้อกลิ่นมีลักษณะแบบติดโทนแป้งปนหวานโปร่งๆ ลักษณะคล้ายโทนคาราเมลหน่อยๆ เสริม พร้อมกับกลิ่นเครื่องเทศเบาๆ อ่อนๆ ที่ให้ความหวานปนเผ็ดนวลๆ ได้ความรู้สึกกึ่งๆโทน Gourmand ขนมๆ พอประมาณ เลยทำให้ช่วงนี้เป็นโทนแป้งนวลที่ให้ความหวานที่มีโทนออกทางหวานขนมนิดๆ ก็ได้ หวานนวลมะลิก็ดี โดยคุมโทนความสว่างของกลิ่นเข้าทางขาวครีมได้ลงตัว แถมมีความเย้ายวนหน่อยๆ ที่แอบเซ็กซี่ไม่โจ่งแจ้งเสียด้วย ซึ่งกลิ่นโทนแป้งหอมมะลิเจือไม้หอมจะยังคงเด่นไปถึงช่วงท้าย แต่กลิ่นจะมีความอบอุ่นมากขึ้น ซึ่งจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายวานิลลาออกทางโทนแป้งเคล้าความหวานโปร่งแนวๆ คาราเมลที่ยังคงชัดเจนอยู่ เนื้อกลิ่นช่วงท้ายมีความอบอุ่นให้จับต้องได้และมีความสะอาดปนหวานนวลๆ ของมะลิเบาๆ อ้อยอิ่งเคล้าไม้จันทน์หอมครีมนวลบางๆ ให้ความนวลหอมชวนยิ้มไปเรื่อยๆ นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยหรือทำงานขึ้นไป กลิ่นเข้าถึงง่าย และสื่อสารถึงความเป็นโทนสีขาวครีมที่ให้ความละมุนในลักษณะแป้งหอมปนเย้ายวนกำลังดีไปตลอด โดยสามารถใส่ได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป มีเพียงแค่การออกกำลังกายที่ไม่เหมาะเท่าไหร่กับกลิ่นนี้ ส่วนยามค่ำคืนเน้นทั่วๆ ไปน่าจะดีกว่า เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรี โดนกลบมิดจากโทนหวานแน่นทั้งหลายแน่นอน 

ความทน - ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งมีบวกลบ 2 ชม. ได้อยู่ อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวเจอที่ 6 ชม. กำลังดีเลยกับ 6 สเปรย์ในการใช้งาน 

การกระจาย - กลิ่นค่อนข้างมีความเสถียรพอสมควรในการกระจายตั้งแต่ช่วงต้นยันปลายๆ ช่วงกลาง เพราะจะกระจายปานกลางเรื่อยๆ ไปตลอด พอเข้าช่วงท้ายจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวอยู่พักนึง แล้วจึงกลายเป็น Skin Scent ยาวไป 

ทิ้งท้าย - อารมณ์กลิ่นเหมือนเราเดินสวนกับผู้หญิงในชุดสีขาวแบบ Smart Casual ที่มีเสน่ห์ทำให้เรามองและเขาก็ยิ้มให้เรา พร้อมกับเวลาที่เดินสวนกันจะได้กลิ่นอ่อนๆ นวลๆ ละมุน เรียบง่ายแบบไม่เยอะสิ่งแต่เข้ากันกับบุคลิกผู้หญิงคนนั้นให้รับรู้ได้ จนทำให้ต้องหันกลับไปมองอีกครั้งได้เลย นี่แหละไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่ละไว้ในฐานที่เข้าใจเรียบร้อย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit https://essenza-nobile.de/fragrances/derek-lam-10-crosby/ellipsis.html

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Louis Vuitton - Rose des Vents

Louis Vuitton - Rose des Vents 

จากความเป็นดอกไม้ขาวที่ให้ความครีมมี่นุ่มนวลโทนขาวสว่างหรูหราใน Turbulences ก็ได้เวลามาสู่โทนสีชมพูอ่อนกับการนำเสนอความเป็นกุหลาบในสไตล์แบบเรียบหรูและรื่นรมย์ของ Louis Vuitton กันบ้าง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการยืนอยู่กลางสวนกุหลาบที่เมือง Grasse แล้วกลิ่นที่ลอยมาตามลมผสมผสานกับบรรยากาศต่างๆ ทำให้เป็นกลิ่นที่น่าพึงใจ เช่นนั้นจะสร้างสรรค์ออกมาเป็นกลิ่นที่ให้เห็นภาพตามแรงบันดาลใจหรือไม่ ต้องพิสูจน์กันหน่อยกับรุ่นนี้ Rose des Vents 

เปิดช่วงต้นกับความเป็น Top Notes ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นติดเขียว ได้อารมณ์กลิ่นอายเขียวอ่อนๆ มีความชื้นปนฉ่ำบางๆ จากโทนผลไม้อย่างพีชที่ไม่ได้ฉ่ำไปหรือหวานไป ค่อนไปทางชื้นๆ เบาๆ กำลังดี และมีกลิ่นสดชื่นออกทางเบอร์รี่โทนเข้มหวานเจือเปรี้ยวอ่อนๆ ผสมผสานอยู่ด้วยแบบเบาๆ โดยจะได้ความรู้สึกแบบสูดอากาศสดชื่นยามเช้าที่มีกลิ่นอายชื้นกึ่งแห้งและมีความเขียวเจือหวานจางๆ เจือมาในอากาศให้ความรื่นรมย์ บางเบาและมีความ Airy แบบกำลังดีตั้งแต่ช่วงแรกเลย และเพียงไม่นานจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นกุหลาบที่ค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาแบบเนียนๆ เรื่อยๆ ผสมผสานกับกลิ่นโทนผลไม้ของพีช และกลิ่นเขียวสบายๆ ธรรมชาติ จนเข้าสู่ Middle Notes ที่จะเป็นโทนกลิ่นกุหลาบเป็นตัวเอก โดยจะมีสายสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นโทนพีชปนเขียวอ่อนๆ ที่ให้ความสดชื่นกับกุหลาบ กลิ่นโทนเครื่องเทศเผ็ดปร่านวลๆ ของพริกไทยที่ทำให้กลิ่นกุหลาบมีความอวลและนุ่มมีเสน่ห์ รวมถึงกลิ่นโทนแป้งอ่อนๆ ที่ทำให้กุหลาบมีความละมุนกำลังดี โดยพื้นฐานของกลิ่นในช่วงนี้จะให้ความเป็นกุหลาบที่รื่นรมย์ลักษณะแบบกลิ่นลอยมาตามลมมีความหอมนวลปนหวานโรแมนติคให้ความเบาๆ Airy ที่ดีมาก ซึ่งกลิ่นไม่ได้ออกทางกุหลาบแห้งที่จะมีความแน่นเข้มของกลิ่นแต่ประการใด ให้ความพลิ้วไหวและเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัวจริงๆ ซึ่งเมื่อผ่านไปซักพักกลิ่นจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นถึงการเป็นโทนแป้งหอมนวลกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ให้ความน่ารักของกลิ่นที่มากขึ้น โดยได้ทั้งกลิ่นกุหลาบตามลมเคล้าไปกับกลิ่นแป้งหอมกุหลาบติดหวานโปร่งอ่อนๆ ติดผิวกาย ซึ่งก็เป็นการเข้าสู่ Base Notes กันเต็มตัวเมื่อกลิ่นเริ่มมีความนุ่มมากขึ้นตามลำดับจากโทนแป้งหอมอ่อนๆ กลิ่นกุหลาบที่มีความนวลนุ่มของกลิ่นโทน Musky อ่อนๆ แบบผิวกายสะอาดๆ เจือความเขียวหวานโปร่งๆ บางๆ ของใบไวโอเล็ตทำให้กลิ่นยังมีความเป็นธรรมชาติหอมรื่นรมย์ โดยจะมีสายสนับสนุนคือ กลิ่นนวลปร่าเบาๆ ของพริกไทย และมีกลิ่นไม้หอมโปร่งๆ ของซีดาร์ทำให้เป็นโทนสว่าง กลิ่นจะให้ความน่ารัก ผ่อนคลาย รื่นรมย์ และเรียบหรูมีระดับ โดยที่คุมโทนความเป็นกลิ่นอายกุหลาบที่เข้าโทนสีชมพูได้อย่างลงตัวและงดงามทางกลิ่นได้ดีมากเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ถ้าไม่ได้เน้นเรื่องกิจกรรมอะไรก็ใส่ตัวนี้ได้สบายมาก (เอาง่ายๆ กลิ่นคุณหนูที่ชอบกุหลาบสีชมพูอะไรประมาณนั้น) เพราะเป็นกลิ่นที่มีความน่ารักปนเรียบหรู และสร้างออร่าความเป็นผู้หญิงที่น่ารักและธรรมชาติเคล้าความรื่นรมย์ของกุหลาบได้ดีจริงๆ ซึ่งสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นมาสาย Airy ให้ความระเรื่ออ่อนๆ ที่รื่นรมย์ ไม่เน้นรบกวนใคร จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่ไม่เข้าทางเท่าไหร่นัก (แถมเปลืองอีกด้วย มันแพง) ส่วนยามค่ำคืน ให้เน้นใส่แบบสบายๆ ทั่วไปให้ความอะโรม่าและโรแมนติคผ่อนคลายจะดีกว่า เพราะกลิ่นนี้เบาไปกับการใส่ไปท่องราตรี ส่วนคุณผู้ชาย แม้ว่ากุหลาบขวดนี้จะมีความ Feminine สูงก็จริง แต่เพราะกลิ่นมันมีความเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ติดเหม็นเขียวแบบกุหลาบคลาสสิค และไม่ได้รบกวนใครด้วย จะใส่เพื่อเพิ่มความโรแมนติคให้ตัวเองก็ย่อมได้ 

ความทน - เป็นข้อด้อยนิดนึง ท่ามกลางข้อดีในความเป็นธรรมชาติของกลิ่นและความน่ารักและรื่นรมย์มีระดับ คือทนราวๆ 4 - 6 ชม. เป็นสำคัญ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น แล้วจะลดมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวเบาๆ ในช่วงกลาง ปิดท้ายที่ Skin Scent ชัดเจน บอกได้เลยว่านี่คือ Safe Scent ของน้ำหอมโทนกุหลาบเต็มๆ 

ทิ้งท้าย - อีกหนึ่งกลิ่นกุหลาบที่ใช้แล้วมีความสุข เพราะไม่มีกลิ่นโทนกุหลาบแห้งแบบคลาสสิคที่มีกลิ่นติดเขียวเอียนทำให้เวียนหัว ส่วนราคาก็ตัวใครตัวเผือกจ้ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit - Fragrantica - https://fimgs.net/himg/o.61186.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Jovan - Silky Rose

Jovan - Silky Rose

เมื่อได้ผ่านการเล่ากลิ่น 2 ใน 3 ของฝั่งไลน์ Limited ของแบรนด์ราคาย่อมเยาว์และคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์อย่างJovan มาก่อนหน้านี้แล้วไม่ว่าจะเป็น Secret Amber และ Intense Oud ก็เหลือรุ่นสุดท้ายของไลน์นี้กับการนำเสนอด้วยชื่อรุ่นที่บอกเล่าถึงกุหลาบที่นุ่มนวลอย่าง Silky Rose เช่นนั้นมาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องเอาให้ครบทั้ง 3 ตัว เช่นนั้นก็ว่ากันที่กลิ่นนี้เลยว่าจะนำเสนอความนุ่มนวล
ออกมาในรูปแบบไหน 

เปิดตัวได้อึ้งพอสมควร เพราะพอดมกลิ่นแล้วขั้นไปมองชื่อรุ่นทันที เพราะว่ากลิ่นที่ฟุ้งกระจายออกมาเป็นโทนเบอร์รี่สีแดงออกทางไซรัปติดเปรี้ยวเจือหวานปลายอย่างเรดเคอแรนท์ เจือกับความเป็นกุหลาบที่ติดโทนเครื่องเทศปร่านวลอ่อนๆ และมีกลิ่นพิมเสนเย้าเสริมให้กลิ่นมีความอวลขึ้น กลิ่นจะผสมผสานกันได้ความรู้สึกในลักษณะคล้ายไซรัปหรือลูกอมเบอร์รี่เจือกุหลาบเปรี้ยวๆ แหลมๆ เม็ดสีแดงเด่นมาเลย ซึ่งความนุ่มนวลยังไม่ได้โผล่ออกมาแต่อย่างใด แต่ก็ให้ความเปรี้ยวหอมอวลแบบมั่นใจที่ไม่ได้ออกทางลั่นล้าเบอร์รี่วัยรุ่นจ๋าอะไรนัก แล้วกลิ่นจะเริ่มมีความหอมโทนดอกไม้ขาวเสริมเข้ามามากขึ้นตามลำดับจนนำเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นกุหลาบจะเริ่มชัดขึ้น เพียงแต่จะออกแนวเป็นตัวสนับสนุนเสียมาก ไม่ได้กลิ่นโดดเด่นออกมากลบชาวบ้านแต่ประการใด ให้ความเป็นกุหลาบนวลติดสะอาดมีความหวานกำลังดีเสียมาก แต่สิ่งที่เด่นขึ้นมาเป็นตัวเอกในช่วงกลางตีคู่กับโทนเบอร์รี่และพิมเสนที่ตามมาจากช่วงต้นเต็มๆ คือ ดอกส้มที่สกัดแบบตัวทำละลาย (Orange Blossom) ซึ่งกลิ่นจะให้ความนวลสะอาด ทำให้กลิ่นในช่วงนี้จะได้ความเป็นไซรัปเบอร์รี่ที่ผ่อนตัวลงมาผสมผสานกับกลิ่นดอกส้มนวลทำให้ได้ความเปรี้ยวปนสะอาดนวลๆ อวลพิมเสนอ่อนๆ แฝงกลิ่นกุหลาบที่เนียนให้ความรู้สึกออกทางสีแดงอมชมพูไปเรื่อยๆ ซึ่งช่วงนี้เริ่มจะเข้าทางตามชื่อรุ่นแล้วว่าเป็น Silky Rose เพียงแต่เพราะยังมีโทนกลิ่นออกทางเปรี้ยวเบอร์เจือดอกส้มอยู่เลยจะยังไม่ได้สุดมากนัก 

เมื่อผ่านไปพอสมควร ความเป็นลายเซ็นของ Jovan เริ่มชัดขึ้นตามลำดับกับการเป็นกลิ่นโทน Musky ที่เริ่มให้ความนวลสะอาดปนอบอุ่น ก็เป็นการนำเข้าสู่ช่วงท้ายที่เป็นลักษณะกลิ่นอายแบบ Jovan สาย Musk เลย เพียงแต่จะมีกลิ่นของดอกส้ม พิมเสน และกุหลาบที่ยังคงตามมาผสมผสานในช่วงนี้ โดยที่กลิ่นโทนเบอร์รี่จะเบาลงไปเหลือเพียงบางๆ ให้พอรู้สึกถึงโทนกลิ่นที่เป็นโทนออกทางสีแดงอยู่ ความเปรี้ยวจางไป ให้เป็นกลิ่นอายสะอาดๆ เรื่อๆ ปนอบอุ่น โดยมีความเป็นโทนสมุนไพรหน่อยๆ เคล้ากุหลาบอ่อนๆ สะอาดๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายไปจากผิว ซึ่งตอนนี้แหละที่ได้ความรู้สึกสมชื่อรุ่นได้ชัดเจนมากขึ้นเพราะกลิ่นมีความนุ่มนวลเจือกุหลาบกำลังดีเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ลงกลิ่นนี้ไว้ว่า Unisex ซึ่งได้อยู่ แต่จะค่อนไปทางฝ่ายผู้หญิงมากกว่าราวๆ 65-70% ได้ แต่ยังไงผู้ชายก็ยังใส่ได้อยู่ถ้าไม่ใส่ใจกลิ่นโทนเบอร์รี่ตอนต้นที่ดูออกแนวแหลมๆ เปรี้ยวๆ อวลๆ ซึ่งสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทั่วไปหรือใส่ทำงาน เพียงแต่กลิ่นอาจจะไม่ได้เข้าทางโซนทางการมากเท่าไหร่ และไม่เข้ากับการใส่เพื่อออกกำลังกายแต่อย่างใด ส่วนยามค่ำคืนเอาจริงๆ กลิ่นนี้ใส่ไปท่องราตรีได้เลย เพียงแต่ไม่ได้ไปสายลั่นล้ามากนัก ให้ความเป็นเบอร์รี่ที่เปรี้ยวมั่นเสียมากกว่า 

ความทน - ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบบ้างราวๆ 1 - 2 ชม. แต่ก็ถือว่าดีงามมากเลยกับการ EDC ที่ทนไม่น้อยเลย เพราะส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. สบายๆ กับการใช้ที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ซึ่งจะช่วงแรกจะเปรี้ยวแหลมปลายหวานไม่ได้ธรรมชาติแบบโทนเบอร์รี่แท้ๆ นักออกทางไซรัปเสียมากก็จริง แต่จะลดการกระจายมาเป็นปานกลาง แล้วค่อยมาเป็นออร่ารอบๆตัวเบาๆ ในช่วงท้าย พ้นซัก 5 - 6 ชม. ไปแล้วจะเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ถ้าถามหาความเป็นธรรมชาติของกลิ่นบอกได้เลยว่าไม่มี แต่ถ้าถามถึงความหอมอันนี้มีแน่นอน และช่วงท้ายกลิ่นให้ความสบายๆ เจือกุหลาบได้ดีจริงๆ ซึ่งเอาจริงๆ กลิ่นที่ออกมาดีและทนน่าสนใจขนาดนี้ คำว่าคุ้มอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องบอกว่า คุ้มมากสิ ถึงจะเข้าทาง

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttp://shopping.rediff.com/product/jovan-silky-rose-cologne-spray-3-0-oz-88-ml-by-coty/12464476



วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Amouage - Lilac Love

Amouage - Lilac Love 

ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบดอกไลแลคมาก เพราะนอกจากสีม่วงค่อนไปทางพาสเทลที่เห็นแล้วสบายตาและผ่อนคลายแล้ว กลิ่นหอมของไลแลคก็จะให้ความละมุนสะอาดๆ ปนหวานเจือน้ำผึ้งกับมะลิอ่อนๆ ที่ทำให้มีความอะโรม่ารื่นรมย์อีกด้วย ซึ่งเมื่อเห็นว่าแบรนด์ที่ทำกลิ่นทรงพลังอย่าง Amouage เปิดตัว Collection - The Secret Garden โดยเริ่มที่ดอกไลแลค ก็ต้องมาเล่ากลิ่นกันหน่อย ซึ่งจะทรงพลังหรือว่ามีการเลี่ยนแปลงทิศทางของกลิ่นที่น่าสนใจมากขึ้น ก็ว่ากันตามนี้เลย 

Lilac Love ไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นอายของดอกไลแลคแท้ๆ ชัดๆ นัก แม้ว่าจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแบบดอกไลแลคอยู่นิดหน่อยก็ตาม แต่ไม่ใช่เป็นกลิ่นไลแลคเด่นนำและเอาเข้าจริงเป็นการนำเสนอกลิ่นอายเข้าโทนสีม่วงไลแลคเสียมากกว่า เพราะความรู้สึกจะเป็นกลิ่นอายโทนสีขาวนวลปนม่วงพาสเทลไลแลคไปตลอดตั้งแต่ต้นยันจบ ซึ่งเปิดตัวกันที่กลิ่นอายดอกไม้แบบจัดเต็มแบ่งเลเยอร์กลิ่นกันได้ลงตัวทั้งหอมหวานใสสดชื่นโทนกุหลาบอย่างดอกโบตั๋น เคล้ากับกลิ่นดอกไม้ขาวที่มีมิตินวลละมุนปนครีมมี่ของมะลิและดอกพุด รองพื้นด้วยโทนแป้งติดอัลมอนด์หน่อยๆ ของดอกเฮลิโอโทรเป้ ทำให้กลิ่นในช่วงต้นเป็นโทนดอกไม้ที่มีมิติให้จับต้องในความหวานหอมละมุนไปตลอด ได้อารมณ์คล้ายกลิ่นดอกไลแลคนิดหน่อยแต่ค่อนไปทางครีมมี่เสียมาก แล้วเพียงชั่วครู่กลิ่นโทนแป้งนวลละมุนผสมผสานกับชอคโกแลตจะเสริมขึ้นมาให้จับต้องได้ ทำให้ได้ความรู้สึกคล้ายกลิ่นโทนชอคโกแลตขาวปนแป้งนวลหอมดอกไม้อ่อนหวาน ที่สำคัญจะจับได้ว่ามีกลิ่นวานิลลาที่ค่อนไปทางอบอุ่นติดโทนแป้งเข้ามาร่วมทีมด้วย ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลางอย่างเต็มตัว ที่ให้ความละมุนในความเป็นโทนพาสเทลอารมณ์สีครีมปนม่วงหอม กลิ่นมีระดับ หรูหราแบบกำลังดี และมีความอวลที่เหมาะเจาะค่อนไปทางเกือบจะแน่น แต่ไม่ได้รู้สึกหนักเกินไปจนอึดอัด (ยกเว้นอัดสเปรย์หนักมือ อันนั้นคงหายใจไม่ออกตายไปเสียก่อน) 

จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วน โดยกลิ่นอายโทนแป้งเริ่มมีโทนกลิ่นครีมปนไม้หอมแบบไม้จันทน์หอมเสริมขึ้นมาเรื่อยๆ ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะเป็นกลิ่นอายแป้งหอมเจือไม้หอมติดครีมมี่หน่อยๆ เด่นที่ชอคโกแลตขาวปนกลิ่นดอกไม้นวลอ่อนๆ และมีความอบอุ่นกำลังดีจากโทนวานิลลาที่ไม่ได้ไปสายหวานขนม โดยที่กลิ่นจะให้ความเป็นโทนสีครีมปนม่วงอ่อนไลแลคบางๆ มีความนุ่มนวลปนละมุน โดยยังมีความรู้สึกของกลิ่นที่รื่นรมย์และอ่อนโยนไปตลอด ซึ่งถือว่าเป็นการคุมโทนกลิ่นที่ยังมีความทรงพลังตามสไตล์แบรนด์อยู่ เพียงแต่ลดระดับมาเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอ 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็ใช้ตัวนี้ได้แล้ว กลิ่นไม่ได้เข้าถึงยากมากนักแบบน้ำหอมหลายๆ ตัวของแบรนด์ ยิ่งถ้าใครชอบกลิ่นอายนอกไม้หอมนวลอวลๆ ติดครีมเคล้ากลิ่นแป้งหอมก็จะเข้าถึงตัวนี้ได้ในทันที ซึ่งกลิ่นนี้เหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม (มากไป แน่นจนตึ้บเอาได้) ซึ่งใช้ได้ทั้งยามทางการและทั่วๆ ไป เพื่อสร้างความละมุนอ่อนโยนให้คนอื่นรับรู้อะไรประมาณนั้น แต่ให้ตัดการใส่เพื่อการออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ ไปได้เลย กลิ่นไม่เข้าทางทุกประการ ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้หมดไม่ว่าจะออกงาน ทั่วไป เพียงแต่การใส่เพื่อท่องราตรีมันอาจจะไม่เข้าทางนัก เพราะกลิ่นแม้จะเรียกร้องความสนใจได้ แต่มันดูอ่อนโยนเหมือนกับคุณหนูหนีพ่อแม่มาเที่ยว เน้นใส่เพื่อเพิ่มความ Feminine ที่ละมุนๆ ในตัวแทนน่าจะดีกว่า 

ความทน - ยังคุมโทนความดีงามตรงนี้ไม่มีผิดเพี้ยนกับ 8 ชม. ขึ้นไปได้สบายๆ ส่วนตัวใช้ไป 4 สเปรย์กลิ่นทำหน้าที่ได้ดีมากขึ้น 12 ชม. เลยทีเดียว 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ก่อนที่จะลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ ซักราวๆ 4 ชม. จะลดลงมาเป็นกระจายปานกลาง ก่อนปิดท้ายด้วยเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป 

ทิ้งท้าย - ยังไงก็ตามย้ำอีกทีว่า Lilac Love ไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นดอกไลแลค แต่เป็นกลิ่นอายที่สร้างความรู้สึกแบบโทนสีครีมปนม่วงพลาสเทลไลแลคต่างหาก 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttps://www.neos1911.com/product-by-brand/amouage/perfumes/womensperfumes/eaudeparfum/lilac-love-woman-edp-100-ml_0076026200.html

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Reminiscence - Tonka

Reminiscence - Tonka 

Reminiscence เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ทางด้านเครื่องประดับ Jewelry ที่มีชื่อเสียงมากเลยทีเดียวของฝรั่งเศสและมีประวัติมายาวนานพอสมควรเลยทีเดียวตั้งแต่ช่วงยุค 70 โดยเน้นที่เรื่องของเครื่องประดับเป็นหลักก่อน โดยมีน้ำหอมเสริมทัพบ้างจากการไปร่วมกับแบรนด์อื่น จนมาในช่วงยุค 80 จึงได้เปิดตัวเป็นแบรนด์ของตัวเองอย่างชัดเจน ซึ่งก็เกิด Masterpiece ของแบรนด์ขึ้นมาทันทีที่ทำให้ผู้ที่ชอบน้ำหอมหลายๆ คนจะนึกถึงได้ในทันทีถ้าพูดถึงน้ำหอมของแบรนด์นี้อย่างรุ่น Patchouli ที่กลายเป้นหนึ่งในกลิ่นอายที่เหนือกาลเวลาของแบรนด์นี้ไปในทันทีจนถึงทุกวันนี้

แต่การเล่ากลิ่นในครั้งนี้จะไม่ได้มาที่รุ่นดังรุ่นนั้น แต่จะขอมาในตัวอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กันแทนและเน้นสายหวานกันซักหน่อยกับรุ่นนี้เลย Tonka 

กลิ่นเปิดตัว Top Notes ในช่วงแรกกันด้วยความหวานโดยมีน้ำผึ้งเป็นตัวเด่นเคล้ากับเครื่องเทศโทนโปร่งหวานหอมปนเผ็ดอ่อนๆ กันก่อนเลยอย่างเมล็ดเทียนสััตตบุษย์ (Anise) ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นโทนปร่าเสริมเข้ามาด้วยจากกานพลูทำให้กลิ่นในช่วงแรกจะพุ่งชัดพอสมควร โดยที่ความหวานที่ได้รับเต็มๆ นั้นจะได้ความรู้สึกติด Dirty ออกทางดิบๆ หน่อยๆ และมีความเป็นโทนกลิ่นอายที่เป็นผู้หญิงชัดเจนในลักษณะ Dirty ปนหวานน้ำผึ้งอวลๆ ติดกรุยกรายระดับหนึ่งได้เล 

แต่ความรู้สึกจะเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเข้าสู่ Middle Notes เพราะความ Dirty จะเริ่มลดระดับลงมาเป็นกลิ่นที่มีความนวลมากขึ้นเนื้อกลิ่นจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นอายออกทางถั่วตองก้าที่มีความครีมนวลปนกึ่งแป้งหอมปนหวานอ่อนๆ แถมเสริมทัพด้วยกลิ่นของอัลมอนด์ที่ทำให้ช่วงนี้มีความนวลที่เป็นตัวเดินเรื่องหลักมาเจือความหวานที่ตามมาจากตอนต้นของน้ำผึ้งและเครื่องเทศหวานโปร่ง ทำให้จะได้ความหวานปนนวลที่กำลังดีลดทอนความใหญ่ที่มาในตอนแรกลงไปได้เยอะมากจนกลายเป็นเข้าสู่โทนรื่นรมย์ปนแป้งนวลครีมมี่ที่ลงตัว ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้มีเพียงเท่านี้เพราะเนื้อกลิ่นจะมีโทนอบอุ่นเป็นตัวรองพื้นให้ความอวลออกทางคล้ายแอมเบอร์ลึกๆ หน่อยๆ และมีกลิ่นอายวานิลลาเจือไม้หอมนิดๆ เลยทำให้กลิ่นมีความสว่างหวานหอมเหมือนเจอกันครึ่งทางระหว่างน้ำผึ้งและถั่วตองก้าเคล้าอัลมอนด์ได้พอดีเลย แล้วเมื่อดำเนินไปซักระยะจะเริ่มจับได้มากขึ้นว่าถั่วตองก้าจะเริ่มเด่นขึ้นมาตามลำดับเจือกับโทนแป้งอบอุ่นของวานิลลา กลิ่นก็เริ่มพัฒนาเข้าสู่ Base Notes ที่จะเริ่มเป็นช่วงเวลาของโทนถั่วตองก้าที่จะให้ความรู้สึกอบอุ่นปนนวลมีความขมบางๆ เจือไม้หอมก็ได้ มีลักษณะนวลค่อนไปทางวานิลลาก็ได้ เพราะกลิ่นวานิลลาก็มีความเด่นอยู่พอสมควรในช่วงนี้แต่ออกทางแป้งอบอุ่นหน่อยๆ รวมถึงเนื้อกลิ่นมีโทนนุ่ม Musk บางๆ เสริมให้กลิ่นมีมิตินวลละมุนปนเย้ายวนเนียนๆ ให้ครบ โดยที่ความหวานน้ำผึ้งยังมีอยู่อ่อนๆ ให้จับต้องได้ไม่ทิ้งลายความเป็นโทนหวานในเนื้อกลิ่นที่ยังมีอยู่ ซึ่งภาพรวมของน้ำหอมจะได้อารมณ์ที่ไล่เรียงกันมาจาก หวานติด Dirty กรุยกรายมาสู่ความละมุนนวลอบอุ่นที่รื่นรมย์หรูหราและมีระดับ เล่นโทนหวานและนวลรับส่งต่อกันได้อย่างดีเลย 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป เพราะกลิ่นเปิดมีความกรุยกรายติดดิบ Dirty บ้าง เลยจะค่อนข้างเสริมความหวานปนนัวพอตัว ยิ่งถ้าใครชอบกลิ่นอายน้ำผึ้งและนวลละมุนของตองก้ากับวานิลลาจะเข้าถึงตัวนี้ได้ไวมาก ซึ่งกลิ่นสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่จำกัดสเปรย์หน่อยก็ดี เพราะกลิ่นหวานๆ ถ้าเจอกับอากาศร้อนๆ อาจจะทำให้มีอาการตึ้บจุกเอาได้ ซึ่งเข้าได้กับทั้งทางการและทั่วๆ ไป แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าจัดไปได้หมดทั้งออกงานและท่องราตรีแบบที่มีระดับหน่อย เพราะกลิ่นมีความหรูหรามากกว่าจะเซ็กซี่จัดจ้านนั่นเองส่วนผู้ชาย เอาจริงๆ กลิ่นนี้มีความ Unisex ได้อยู่ตั้งแต่ช่วงกลาง เช่นนั้นถ้าไม่ถือผ่านช่วงแรกได้ผู้ชายที่ชอบกลิ่นออกทางโทนหวานเองก็สามารถฟินกับกลิ่นนี้ได้สบายมาก 

ความทน - ลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. อาจจะมีบวกลบบ้างก็ประมาณ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าปล่อยของเรียกร้องความสนใจกันก่อนเลย แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาที่ปานกลางในช่วงกลาง ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัว พอพ้นซัก 6 ชม. จะเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - กลิ่นเปิดอาจจะทำให้รู้สึกเอียนๆ ปน Dirty ไปบ้าง ซึ่งถ้าใครที่ไม่ชอบอะไรหวานๆ อาจจะผงะเอาได้ แต่ที่เหลือคือความดีงามได้เลย ซึ่งถือว่า Reminiscence นำเสนอกลิ่นอายของถั่วตองก้าได้งามเลยทีเดียว เล่นโทนหวานน้ำผึ้งและโทนต่างๆ ที่เอื้อให้ความเป็นถั่วตองก้ามีความโดดเด่นได้อย่างน่าสนใจและลงตัวจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttps://kremchik.ua/item-13212/comments

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Review: Hermes - Bel Ami

Hermes - Bel Ami 

Bel Ami เป็นหนึ่งในนิยายที่โด่งดังมากของกีย์ เดอ โมปัสซังต์ ที่เป็นบิดาของการเขียนเรื่องสั้นสมัยใหม่ของโลก และเป็นแบบฉบับของเรื่องสั้นที่ดีที่สุดเลยทีเดียวกับการวิพากษ์ เย้ยหยัน และเสียดสีสังคม ผ่านความทะเยอทะยาน ความโลภ ตัณหาราคะ และสันดานดิบของมนุษย์ ซึ่งนิยายเรื่องนี้เลยกลายมาเป็นแรงบันดาลใจของการสร้างสรรค์น้ำหอมของ Hermes ที่เป็นหนึ่งในกลิ่นอายสไตล์หนังเคล้าความคลาสสิคที่ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันนี้ 

แน่นอนว่าน้ำหอมรุ่นนี้ปรับสูตรมาเรื่อยๆ ตามประสากาลเวลาที่เปลี่ยนไปและความจำเป็นทางธุรกิจ แต่สิ่งหนึ่งที่ Hermes ยังคงไว้ได้หรือกลิ่นอายแห่งความคลาสสิคที่เหนือกาลเวลาและสร้างออร่าความดึงดูด และหรูหราแฝงความดิบห่ามกลายๆ ที่จับต้องได้ เช่นนั้น การเล่ากลิ่นจะเน้นไปที่รุ่นที่ปรับสูตรล่าสุดและจำหน่ายในปัจจุบันนี้ 

Bel Ami เปิดตัวด้วยความเป็น โทน Citrus ที่ติดเครื่องเทศโทนเผ็ดปร่าที่ออกทางนวลๆ ในวูบแรก แล้วจะมีกลิ่นอายของเม็ดกระวานที่ให้ความหวานปนเผ็ดและมีโทนคล้ายยี่หร่าเบาๆ เสริมเข้ามา ทำให้กลิ่นจะมีโทนที่ลงตัวระหว่างความเป็น Fresh Spicy ที่ให้ความเผ็ดนวลละมุน เคล้ากลิ่นติดเย้ายวนดึงดูดของเครื่องเทศกึ่งโทนหวานอุ่นแอบเจือโทนกลิ่นของหนังหน่อยๆ และมีโทนไม้หอมออกทางโปร่งๆให้พอรับรู้ โดยมีความเป็น Citrus ที่สดชื่นติดขมปลายกลิ่นแนวๆ มะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่ทำให้กลิ่นมีความชื้นๆ โทนกลิ่นจับได้ถึงความสะอาดที่มีความ Dirty อ่อนๆ เจือที่เปิดมาก็ซับซ้อนและมีลูกเล่นทางกลิ่นที่ผสมผสานกันสื่อสารถึงความสดชื่น ความนุ่มนวล และความดึงดูดแบบสไตล์ Classic ที่น่าประทับใจมากเลยทีเดีย 

เพียงไม่นานก็จะเป็นการขยับเข้าสู่ช่วงกลางที่โทนกลิ่นจะลดทอนความเป็นโทนสดชื่นลงไปเป็นลักษณะคาบเกี่ยวของโทนปร่านวลติดสมุนไพรที่มาแบบพอเหมาะพอดีของโหระพา กับโทนดอกไม้ที่ไม่ได้ออกทางหวานเน้นสาย Spicy อย่างคาร์เนชั่นเจือนวลๆ มะลิที่ติดแป้งอับอ่อนๆ เป็นเลเยอร์ซ้อนอยู่ด้านบน ให้มิติที่ดูนุ่มนวลในความเป็นสุภาพบุรุษ เคล้ากลิ่นไม้หอมติดโทนแห้งๆ ที่ให้ความเท่ห์กำลังดี ที่เป็นเลเยอร์ชั้นกลิ่นที่ 2 รองพื้นเลเยอร์สุดท้ายด้วยกลิ่นอายของโทนหนังที่ออกทางแห้งๆ มีความสาปปลุกเร้าให้รู้สึกปนกลิ่นอาย Oak Moss เคล้าพิมเสนที่ให้ความน่าค้นหาปนหรูหราแบบ Vintage ซึ่งกลิ่นช่วงนี้จะได้อารมณ์ที่มีทั้งความนวล สุภาพ ซ้อนด้วยความ Cool หรูหรา กับการดึงดูดทางเพศกับกลิ่นหนังที่มาแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งกลิ่นผสมผสานกันได้อย่างลงตัวแต่อารมณ์กลิ่นจับได้ถึงมิติอย่างๆ ได้อย่างลงตัวและไม่กลิ่นหนักเกินไป แล้วจะส่งไม้ต่อให้ช่วงท้ายกับความเป็นโทนหนังที่มีความเป็นโทน Animalic ปลุกเร้าที่ชัดมากขึ้น แต่ไม่หนักหน่วง ให้ความสะกิดต่อมเร้าใจแบบพอดีๆ ไม่จงใจ แต่ซึมลึกในอารมณ์แบบเรื่อยๆ เคล้ากับกลิ่นยางไม้ที่ติดโทนปร่าๆ อ่อนๆ และมีกลิ่นติดโทนหรูหราที่ให้ความเขียวค่อนดาร์กเข้มกำลังดีของ Oak Moss เสริมให้กลิ่นมีพลังทางเพศออกมาแบบติด Dirty กึ่งหรูหราเนียนๆ ซึ่งกลิ่นจะตีคู่ไปกับกลิ่นโทนไม้หอมแห้งๆ ค่อนไปทางขมติด Smoky เบาๆ ของหญ้าแฝกที่ให้ความแมนเท่ห์กำลังดี เคล้าความอบอุ่นนวลๆ ติดแป้งอ่อนๆ วานิลลา กลิ่นจะมีมิติที่ให้ความเป็นผู้ชายสาย Classic ที่ดึงดูดแบบไม่โจ่งแจ้ง แต่ค่อยๆ คืบคลานให้รู้สึกถึง Sex Appeal ที่มีเต็มเปี่ยมและมีลูกเล่นลูกล่อลูกชนที่มีระดับและมีเสน่ห์มากจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป ซึ่งแน่นอนกลิ่นมีมาสายโทน Vintage แต่เพราะการปรับสูตรเลยทำให้กลิ่นไม่ได้หนักหน่วงแบบสายน้ำหอมยุค 80 มักจะปล่อยพลังชัดเจนนัก เอาตรงๆ กลิ่นเบานั่นเอง เลยทำให้สามารถใช้งานได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ได้หมดทั้งทางการและทั่วๆ ไป อาจจะมีการใส่เพื่อออกกำลังกายที่รอให้กลิ่นเข้าช่วงท้ายๆ น่าจะดีกว่า ที่สำคัญยังคาบเกี่ยวไปใส่ยามกลางคืนแบบออกงานได้เสียด้วย สร้างภาพลักษณ์ทางกลิ่นที่เป็นสุภาพบุรุษติดเร้าใจแบบ Retro Style ได้ดีเลยทีเดียว 

ความทน - ดีงามกับราวๆ 8 ชม. โดยเฉลี่ยในการใช้งาน 

การกระจาย - รุ่นปรับสูตรล่าสุดนี้กลิ่นจะกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายแบบออร่ารอบๆ ตัวแบบเสถียรเลย ยาวไป พอพ้นซัก 8 ชม. จะเป็น Skin Scent ที่จะตียามขยับเนื้อตัวเบาๆ ให้เสน่ห์ที่น่าสนใจทางกลิ่นได้เลย 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้ถือว่าสื่อสารถึงความเป็นผู้ชายที่ดึงดูดแบบมีระดับซ้อนความเร้าใจในความนิ่งในสไตล์ Classic ได้ดีมากเลยทีเดียว ไม่แปลกใจที่ทำไมกลิ่นนี้ถึงเป็นหนึ่งใน Timeless Scent แม้ว่าจะปรับสูตรแล้ว แต่ก็ยังจับต้องความดีงามที่ยังคงมีอยู่ได้เสมอ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit https://www.hermes.com/us/en/product/bel-ami-eau-de-toilette-V38274/