วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Review: Paul Emilien - Premiere Danse

Paul Emilien - Premiere Danse

ว่ากันด้วยเรื่องความหรูหราผ่านกลิ่นที่เอาจริงๆ ตีความจะว่าง่ายก็ง่าย จะยากก็ยาก เพราะความหรูหราของแต่ละบุคคลที่รับรู้จากกลิ่นแตกต่างกันอย่างมาก เพราะขึ้นอยู่กับความชอบ แต่ถ้ากลิ่นนั้นบอกที่มาที่ไปถึงการสร้างสรรค์ว่ามาจากสถานที่ที่พื้นเพมีความหรูหรามากๆ หรืออ้างอิงถึงอะไรก็ตามเกี่ยวกับสถาบันหรือตัวกษัตริย์พระองค์นั้นๆ เอง รวมถึงพื้นฐานของแบรนด์สร้างสรรค์กลิ่นอายสไตล์อลังการหรูหราระยิบระยับอยู่แล้ว อันนี้ก็เชื่อได้ว่าผู้ใช้น่าจะจับต้อง Concept หรูหราได้ไม่ยาก

และเมื่อเหลียวมาดูความหรูหราทางกลิ่นของแบรนด์ Paul Emilien ที่เป็นงาน Niche Perfume ขวดงามๆ กันบ้าง ก็ได้เจอว่ามีกลิ่นอายหรูหราที่อ้างอิงถึงงานเลี้ยงเต้นรำในพระราชวังรวมอยู่ด้วย นั่นก็คือกลิ่น Premiere Danse เลยทำให้เกิดความน่าสนใจขึ้นมาทันทีว่าจะสื่อสารออกมาอย่างไร เช่นนั้น สบโอกาสลองให้รู้ ผลที่ได้คือ

กลิ่นเปิดให้ความน่าสนใจมาก เพราะเป็นการผสานกันระหว่างโทนเบอร์รี่ที่ให้อารมณ์เปรี้ยวปร่าหอม ที่มีความเป็นโทน Citrus ใสๆ ของส้มที่ไม่ได้ออกเปรี้ยวจะให้อะโรม่ากลิ่นส้มใสๆ ของส้มขมเข้ามาทำให้กลิ่นออกทางเบอร์รี่มีความชัดขึ้น และมีความสดชื่นให้รู้สึกได้ แต่สิ่งที่ทำให้กลิ่นไม่ได้มีความสดใส แต่ปรับโทนให้กลิ่นมีลูกเล่นที่ตัดทอนความใสลงไปด้วยโทนแป้งที่ออกทางแป้งฝุ่นจางๆ ของไอริส (และน่าจะมีไวโอเล็ตด้วยเพราะกลิ่นมีลูกเอื้อนติดหวานโปร่งแซมๆ) ทำให้เนื้อจะมีความกลมๆ ไม่แหลมไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งทำให้กลิ่นมีความสว่าง เย้าให้น่าสนใจ และดึงดูดในเวลาเดียวกัน โดยที่คุมโทนกลิ่นไม่ให้ดูจัดจ้านเกินไป ให้ความหรูหรามีระดับเสียมากกว่า

การปรับโทนกลิ่นเข้าช่วงกลาง คือการเติมเอาโทนไม้หอมแกมอบอุ่นเข้ามา โดยมีการสร้างโทนกลิ่นให้มีความเป็นสีเหลืองแกมน้ำตาลอมทองให้จับต้องได้ในเนื้อกลิ่นมากขึ้น ซึ่งหลักๆ จะจับต้องได้เลย คือ แอมเบอร์ที่ให้ 2 โทน คือ โทนหวานลึกอบอุ่น กับโทนยางไม้ที่มีแปร่งเย้าเข้าทางแนววานิลลาลึกๆ โดยจะมีกลิ่นไม้หอมที่ติดแห้งๆ รองพื้น และมีความเป็นโทนแป้งติดหวานแกมสีเหลืองหน่อยๆ ซึ่งน่าจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างกลิ่นของกระถินเทศ (Mimosa) กับโทนแป้งที่ตามมาจากช่วงต้น โดยที่ยังมีความสดชื่นแกมเย้าจากช่วงต้นให้จับต้องได้ประปราย ซึ่งทำให้สรุปความเป็นช่วงกลางได้ว่า นี่คือไฮไลท์เลย เพราะให้อารมณ์สีเหลืองนวลไล่โทนไปน้ำตาลอบอุ่น ที่มีความเย้าและความดึงดูดแบบกำลังดี ไม่ดูจัดจ้านแต่ให้ความมีระดับ หรู และมีเสน่ห์

การปรับโทนเป็นช่วงท้ายก็ชัดเจนว่าเนื้อกลิ่นมี 3 โทนหลักๆ ที่จะเด่นขึ้นมาสอดรับกับช่วงกลางที่ลดทอนบทบาทลงไปพอสมควร ซึ่งจะจับเลเยอร์กลิ่นที่เป็นกลิ่นไม้หอมที่ตามมาจากช่วงกลางเคล้ากับ Musk ที่ให้ความสว่างและสะอาด แทรกด้วยกลิ่นออกทางยางไม้ที่ติดวานิลลากึ่งหวานของกำยาน Benzoin ที่ยังรายล้อมด้วยกลิ่นอบอุ่นกำลังดีจากโทนแอมเบอร์ที่ตามมาจากช่วงกลาง ที่เป็นการปิดท้ายที่มีมิติอบอุ่นในโทนสีครีมนวลที่ให้ความเย้าและมีเสน่ห์ดึงดูดแบบที่ไม่ได้ต้องพยายาม แต่ให้ความกลางๆ กลมๆ มีคลาสในเนื้อกลิ่นปิดท้ายได้พอเหมาะพอเจาะและพอดีเลย     

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจนมาก เนื้อกลิ่นเน้นโทนบรรยากาศเป็นสำคัญจึงแตะได้หมดทั้งชายและหญิง ซึ่งเนื้อกลิ่นยกระดับผู้ใช้ได้ดีมากในการส่งเสริมออร่าความหรูหราออกมา เลยจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน โดยเฉพาะยามทางการ หรือจะใส่แบบ Daily Scent ธรรมดาก็ไม่ติดอะไร ส่วนออกกำลังกายหรือกิจกรรมลุยๆ กลิ่นไม่เอื้อเท่าไหร่ แนะนำว่าข้ามไปจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน เหมาะมากกับการใส่ออกงานทั้งราษฎร์และหลวงหมด มีเพียงการใส่ไปยั่วยวนปล่อยเสน่ห์ที่มีอยู่นะ แต่ไม่จัดจ้าน เลยไม่แนะนำในด้านนี้เท่าไหร่

ความทน - ลงตัวที่ราว 8 ชม. เป็นสำคัญ และไปต่อได้อีกถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสมหรือสภาพผิวเอื้อกับน้ำหอมมากพอ ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 10 - 12 ชม. เป็นประจำกับการใช้ที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาเป็นปานกลางไปจนถึงราวๆ ชั่วโมงที่ 4 ก่อนที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป ก่อนจะเริ่มเป็น Skin Scent ชัดเจนเมื่อผ่านไปประมาณ 8 ชม. แล้ว    

สรุป - สิ่งที่ชอบมากๆ ของกลิ่นนี้เลยคือความเล่นโทนสีในความรู้สึกหลังได้รับกลิ่นในการเป็นสีเหลืองทองปนครีมไล่โทนขาวที่ให้ความพรีเมี่ยมแบบไม่ต้องเยอะและพยายามจงใจ และเป็นการวางคอนเซปท์กลิ่นได้ดีมากกับการส่งต่อความรู้สึกหรูหรามีคลาสในเวลาเดียวกันได้โดยไม่ต้องเล่นใหญ่ และให้ความกลางกำลังดีกลมกล่อมในเนื้อกลิ่นได้ครบถ้วน

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://makeupstore.co.il/en/product/141433/

 

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Review: SHOLAYERED - Orange Blossom

SHOLAYERED - Orange Blossom

ถ้าว่ากันเรื่องของน้ำหอมสไตล์ Layer กลิ่นแล้วสร้างเป็นกลิ่นใหม่ๆ ด้วยตัวเองได้ด้วย แน่นอนว่าหลายๆ คนจะมุ่งไปที่แบรนด์ Jo Malone เลยเพราะเป็นหนึ่งในตองอูในเรื่องนี้มาตลอด (และยังดูดเงินสนั่นหวั่นไหวร่วมด้วย ถ้าดันเพลินและชอบ Layer กลิ่นเข้าให้) แต่จริงๆ ถ้ามีความเข้าใจในกลิ่น ก็สามารถเอาน้ำหอมแบรนด์ต่างๆ มาผสมผสานกันได้ในการใช้งานเช่นกัน แต่นะอันนี้ Advance ไป มาว่ากันที่แบรนด์ที่มาสไตล์นี้ตรงๆ นอกเหนือจาก Jo Malone ดีกว่า และแบรนด์นี้ก็มาจากประเทศญี่ปุ่นด้วย นั่นคือ SHOLAYERED

Concept ของแบรนด์จะชัดเจนและตรงไปตรงมาเลย นั่นคือ เอาแต่ละกลิ่นของแบรนด์เองมา Layer กัน โดยจะเน้นเป็นกลิ่นสไตล์ Lighter หรือ Refreshing Scent ที่จะเป็น Single Note เดี่ยวๆ ที่มีความเป็นธรรมชาติมาผสมผสานกัน ซึ่งจะ Layer เยอะหรือน้อยกลิ่นก็แล้วแต่ความชอบ หรือจะใช้เดี่ยวๆ ก็ไม่ติด รวมถึงมีกลิ่นที่ผสมผสานเป็นกลิ่นอัตลักษณ์ที่แบรนด์นำเสนอรวมอยู่ด้วย

เช่นนั้นเมื่อได้มาเจอกับแบรนด์นี้ และยังไม่ได้อยากจะสัมผัสการ Layer กลิ่นต่างๆ นัก เลยขอมาสัมผัสกลิ่นเดี่ยวๆ ในลักษณะของการเป็น Eau de Cologne ในรูปแบบ Body Spray ของแบรนด์นี้กันซักหน่อย และกลิ่นแรกที่มีโอกาสได้จัดมาก็คือ Orange Blossom

เว่ากันซึ่งๆ เลยว่า Neroli แบบตรงไปตรงมามากที่สุดของแจ้ ไม่มีกลิ่นอื่นๆ มาแทรกแซงเลย และอยู่กันตั้งแต่ต้นยันจบ เพราะเป็น Single Note เลยจะไม่ได้มีอะไรซับซ้อนอยู่แล้ว แต่ในความเป็น Neroli มันก็มีเลเยอร์ของกลิ่นเฉพาะตัวอยู่เช่นกัน ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ

ช่วงเปิด - ความเขียวติดคมแกม Citrus ที่ชัดเจนที่สุด โดยกลิ่นจะอยู่ระหว่างความเป็นโทนเขียวแบบกิ่งก้านส้ม โดยที่จะมีความเปรี้ยวเขียวหอมซ่อนความขมที่มีความคมอยู่พอสมควร แต่ไม่ได้หนักหรือคมจนบาดจมูก ซึ่งแน่นอนให้ความสดชื่นเต็มๆ และมีความธรรมชาติมาก อารมณ์เหมือนเราขยี้ใบส้มแล้วกลิ่นฟุ้งๆ แต่จะมีโทนส้มเปรี้ยวติดหวานปลายกลิ่นหน่อยๆ ตรงไปตรงมาที่สุดในการสร้างความสดชื่นแบบไม่มีข้อแม้และเนื้อกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก 

ช่วง Dry Down - ความเขียวติดคมแกม Citrus จะเบาลงไปพอสมควร แต่ยังมีอยู่ให้จับต้องได้ตลอด โดยจะกลายเป็นกลิ่นอายเบาๆ ที่ให้อะโรม่าความสดชื่นในโทนเขียวแกมเปรี้ยว โดยมีกลิ่นส้มบางๆ และโทนหวานปลายอ่อนมีอยู่ประปรายแบบสไตล์ Airy มากขึ้น เนื้อกลิ่นจะมีความสะอาดแกมเขียวแกมเปรี้ยวอ่อนๆ ที่ให้ความสดชื่นก็ได้ ความผ่อนคลายก็ดี ซึ่งกลิ่นลักษณะนี้จะผ่อนตัวลงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจางไปในที่สุด 

เหมาะสำหรับ - Unisex ตรงไปตรงมาที่สุด ไม่ว่าจะเพศไหนจัดไปก็สดชื่นหมด และเป็นกลิ่นที่เหมาะกับอากาศร้อนๆ ของบ้านเราอย่างมากอีกด้วย เช่นนั้นใส่ได้ทุกสถานการณ์แบบได้หมดถ้าสดชื่น แต่จะมียกเว้นแน่ๆ คือ การใส่เพื่อไปปล่อยเสน่ห์ยามท่องราตรี ซึ่งอย่าเลย ไม่มีใครได้กลิ่นและโดนกลบหมดเกลี้ยงแน่นอน

ความทน - ต้องเข้าใจกันก่อนเพราะเป็น Single Note แถมมาสาย Green Citrus Aromatic ที่ความทนด้อยเสียด้วย แต่แตะ 4 ชม. ได้ก็ถือว่าทำได้ดีมาก และอาจจะไปต่อได้อีกด้วยถ้าฉีดเสื้อที่สวมและสภาพผิวเอื้อมากพอ เพราะส่วนตัวฉีดไป 8 สเปรย์ ลากยาวไป 6 ชม. ได้สบายมาก แถมกลิ่นที่ติดเสื้อก็ยังไปต่อได้อีกจนถึงราว 8 ชม. อีกด้วย

การกระจาย - ดีมากในช่วงต้นแพร๊พนึง แล้วจะลดลงมาไวหน่อยมาเป็นกระจายดีราวๆ 5 นาที ก่อนที่จะผ่อนลงเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อผ่านไป ราวๆ 20 นาที และคงตัวไปเรื่อยๆ ผ่อนตัวลงแบบช้าๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป จนเป็นติดผิวเมื่อผ่านไปประมาณ 2.5 - 3 ชม. แล้ว และเมื่อขยับตัวกลิ่นก็จะตีขึ้นเบาๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจางไป

สรุป - Neroli 3 Times เลยล่ะ ตรงไปตรงมาจริงจัง ซึ่งส่วนตัวชอบอยู่แล้วเลยอินและมีความสุขเลยทีเดียวกับการใช้งานในวันอากาศร้อนๆ หลังอาบน้ำ เพราะกลิ่นทำให้ปลอดโปร่งสดชื่นจริงๆ ในความเป็นโทนเขียวแกมเปรี้ยวหอมที่ให้อะโรม่าที่เป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องเยอะสิ่ง   

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://sholayered.sg/products/eau-de-cologne-spray-100ml

 

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Review: Lattafa Perfumes - Khamrah

Lattafa Perfumes - Khamrah

จากการรวบรวมน้ำหอมประจำปี 2023 ของเว็บไซต์ Database ทางด้านน้ำหอมที่ท็อปสุดอย่าง Fragrantica ที่อยู่ดีๆ ก็ทำให้เกิดความแปลกใจอย่างมาก เพราะมีน้ำหอมอยู่ 1 กลิ่น ที่หลายๆ คนเห็นครั้งแรกก็ต้องตีความแน่ๆ ว่าเป็นสาย Duplication หรือจำลองกลิ่นให้เหมือนที่สุด และน่าจะมาจากแบรนด์ตะวันออกกลางที่ทำกันมาอย่างโจ๋งครึ่มมาตลอด ซึ่งก็ “ใช่” ในประเด็นว่าเป็นแบรนด์ตะวันออกกลาง เพราะนี่คือ Lattafa Perfumes

แต่สิ่งที่แปลกคือ กลุ่ม Perfume Community ต่างชาติ มักจะไม่ได้อินกับน้ำหอมสาย Duplication นัก แต่กลิ่นนี้กลับกลายเป็นโดดเด่นอย่างมาก และอยู่ในระดับต้นๆ ของน้ำหอมที่ได้รับความชื่นชอบอย่างมากในปี 2023 ซึ่งเมื่อไปอ่านข้อมูล แน่นอนว่ากลิ่นนี้โดนเปรียบเทียบกับกลิ่น Niche ยอดนิยมอย่าง by Kilian - Angels’ Share ทั้งลายขวดที่แม้ไม่ได้เป็นทรงเดียวกัน แต่แรงบันดาลใจนั้นเรียกว่าไม่ต้องเดา และเทียบกลิ่นด้วยว่ามีความคล้าย แต่ก็มีความเห็นต่างมากมายที่บอกว่าไม่ได้คล้ายซักหน่อย เช่นนั้น เพื่อให้เคลียร์ เลยขอจัดมาให้รู้ดำรู้แดงไปเลยดีกว่า ว่าจะเป็น Duplicated Perfume หรือไม่ กับกลิ่นนี้ Khamrah

เปิดกลิ่นมาก็ทำให้นึกถึงกลิ่นผลไม้แห้งหวานเคล้ากับไซรัปหรือกลิ่นแนวผลไม้เชื่อมข้นๆ ที่ชัดเจนมาก เด่นที่อินทผาลัมแห้งที่จะมีความหวาน Caramelize ชัดออกมาเคล้ากับกลิ่นผลไม้แห้งแกมเชืิ่อมต่างๆ ซ้ำด้วยกลิ่นแนวไซรัปหวานลึกเข้มข้นของอบเชยเป็นตัวสร้างความหวานอวลเข้าไปด้วย ทำให้ช่วงต้นอารมณ์กลิ่นท่วมท้นไปด้วยความหวานแบบชัดเจนที่สุดของแจ้เลยทีเดียว

ก่อนที่จะเริ่มปรับโทนสิ่งที่จับต้องได้คือ ความเป็นโทนอบเชยที่เริี่มจะดันตัวเองเด่นขึ้นมามากขึ้นตามลำดับ แต่ยังไม่ความกลมๆ สมดุลย์แกมเครื่องเทศแกมไม้หอมที่ทำให้กลิ่นยังไม่ได้หวานเผ็ดร้อนเกินไปนัก และบทบาทของความเป็นกลิ่นผลไม้เชื่อมข้นๆ ต่างๆ เริ่มเบาลง แต่คงเหลือความหอมหวานของอินทผาลัมที่ยังมีอยู่ แต่สิ่งที่แทรกตัวมาชัดเจนกว่าชาวบ้านและนำกลิ่นเข้าสู่ช่วงท้าย คือ พราลีน หรือช็อคโกแลตสอดไส้ครีมและถั่วต่างๆ ซึ่งจะกลายเป็นกลิ่นหลักที่นำโทนในช่วงกลางเลย ทำให้อารมณ์กลิ่นจะเป็นการผสานความหวาน จากพราลีนเป็นหลัก เสริมด้วยความหวานร้อนอวลเป็นพื้นกลิ่นเคล้ากลิ่นกึ่งยางไม้กึ่งวานิลลาแกมกลิ่นถั่วตองก้าที่ให้ความเป็นลูกครึ่งวานิลลากึ่งหญ้าแห้งแกมอัลมอนด์ที่มีวูบของยาสูบหน่อยๆ ซึ่งทำให้กลิ่นมีโทรแบบคุกกี้อบเชยที่มีผลไม้แห้งอย่างอินทผาลัมแทรกให้หวานหนึบๆ ในคุกกี้ ที่ทำให้มีมิติมากขึ้น เรียกว่าช่วงกลางนี้คือไฮไลต์ของกลิ่นที่เป็นศูนย์กลางในการปล่อยของด้านความหวานที่มีมิติแตกต่างแต่รวมตัวกันได้เป็นอย่างดีโดยแท้

เพราะช่วงกลางจับต้องได้แล้วว่ามีวานิลลาและถั่วตองก้าที่เปิดตัวออกมาเป็นฉากหลัง ในช่วงท้าย 2 ประสานนี้ก็กลายเป็นแกนหลักในการสร้างออร่าความหวานที่ปรับโทนเป็นกลิ่นแนวอบอุ่นมากขึ้น ซึ่งถั่วตองก้าจะเป็นตัวหลักเลยให้กลิ่นอวลแกมยาสูบเคล้าอัลมอนด์ที่ติดขมละมุนๆ ตีคู่กับพราลีนที่ตามมาในช่วงนี้ด้วย เสริมด้วยวานิิลาที่ลดทอนลงเป็นเป็นตัวสร้างความอบอุ่นเคล้ากับกลิ่นยางไม้ติดหวานของ Myrrh และกำยาน Benzoin ทำให้กลิ่นมีความอวล แต่สิ่งที่มาช่วยได้ดีไม่ทำให้กลิ่นหวานข้นคลั่กเกินไปแต่ให้ความทรงพลังมากขึ้นในเรื่องความทน คือ ไม้หอมที่มีความอุ่นอวลแกมปร่าเผ็ดหน่อยๆ ซึ่งมาสร้างมิติตัดทอนความหวาน แต่ให้พลังความอวลในความเป็นกลิ่นแนวดึงดูดได้ดี และทนทายาดมากจริงจังจนอยากจะยกโล่ห์ประกาศเกียรติคุณให้ไปเลย

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ตอบโจทย์คนชอบกลิ่นโทนหวานทุกมิติ และหวานแบบหวานจริงๆ นะ ไม่ได้โม้ ซึ่งกลิ่นอาจจะไม่ได้เหมาะกับอากาศร้อนๆ เท่าไหร่นัก เพราะมีความแน่นสูง แต่ไม่ใช่ว่าจะใส่ไม่ได้ ซึ่งถ้าจะใส่ก็ซัก 2 ไม่เกิน 3 สเปรย์ ก็ยังพอสร้างเสน่ห์แบบไม่ตีขึ้นจนตึ้บมึนไป 3 บ้าน 8 บ้าน แต่เน้นใส่แบบทั่วไป หรืออยู่ในห้องแอร์จะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่เข้ากับยามทางการจ๋าๆ และออกกำลังกายแน่นอน ส่วนยามค่ำคืนเพิ่มสเปรย์หน่อย ก็ไปท่องราตรีปล่อยของได้สบายมาก เรียกว่าทั้งชวนกิน ชวนคลุกวงใน ชวนอบอุ่นซุกให้จบๆ ไปได้เลย

ความทน - สุดอ่ะ! เพราะว่าสิ่งที่เจอคือ 24 ชั่วโมง + 4 ชั่วโมงในวันถัดไป แม้จะอาบน้ำ 2 รอบแล้ว กลิ่นก็ยังติดผิวอยู่ เช่นนั้น เรื่องนี้ไม่มีข้อติทุกประการ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากที่สุด เรียกว่าหวานทั้งห้องเมื่อแรกฉีด และหวานตามติดยาวๆ แบบกระจายดีไปราวๆ 2 ชม. ก่อนจะลดทอนลงมาเป็นปานกลางต่อไปจนถึงชั่วโมงที่ 6 แล้วที่เหลือคือออร่ารอบตัวไปจนถึงอาบน้ำล้างตัว ล้มตัวนอนแล้วซึ่งจะกลายเป็นติดผิว ยาวไปจนถึงเช้าวันถัดไป

สรุป - หลายๆ คนมากเลยที่เอาตัวนี้ไปอ้างอิงว่าเหมือน by Kilian - Angles’ Share ซึ่งบอกตามตรงว่า “ไม่เหมือน” เพราะ Khamrah กลิ่นจะไปสายหวานข้นเข้าทางโทนขนมมากกว่า ถ้าจะบอกว่า Inspiration ไหม ก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่น่าจะเป็นการ C&D ต่อยอดจนเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองในสายกลิ่นหวานที่ชัดเจน เลยทำให้ Lattafa ดันรุ่นนี้จนเป็น Top ฮิตตีคู่กับ Angles' Share ของ Kilian ได้ดีและคุ้มค่ามากอยู่ในทุกวันนี้

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.parfumo.com/Perfumes/Lattafa/khamrah