วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

Review: Ex Idolo - Thirty Three

Ex Idolo - Thirty Three

จากจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์กลิ่นที่เน้นวัตถุดิบชั้นเยี่ยม หายาก และมีคุณค่ามากกว่าการเป็นวัตถุดิบต่างๆ ทั่วไป หรือสารสังเคราะห์ทดแทนต่างๆ มาสู่การเป็นน้ำหอมที่ให้กลิ่นอะโรม่าเฉพาะและมีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบที่ไม่เหมือนใครของ Matthew และ Tanya Zhuk จึงก่อให้เกิดแบรนด์น้ำหอมสาย Art และ Niche Perfume ขึ้นมาในปี 2013 โดยตั้งอยู่ที่ลอนดอนกับการนำเสนอในชื่อแบรนด์ว่า Ex Idolo

แน่นอนว่าแบรนด์นี้ค่อนข้างจะมีความอินดี้สูงพอสมควร เพราะว่าไม่สร้างสรรค์น้ำหอมออกมาอยู่ตลอด และค่อนข้างจะมีน้ำหอมในแบรนด์ไม่ได้มากถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ซึ่งตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์มาก็มีเพียง 4 รุ่นเท่านั้นที่วางจำหน่าย และก็ยังได้รับคามนิยมมาเรื่อยๆ เช่นนั้น เมื่อได้มาเจอกับแบรนด์นี้เป็นครั้งแรก ก็ต้องขอสัมผัสซักหน่อยว่าเนื้อกลิ่นจะมีความดีงามอย่างไรบ้าง กับกลิ่นแรกที่มีโอกาสได้ลองนั่นคือ Thirty Three

ที่มาที่ไปในการเป็น Thirty Three คือ การนำเสนอกลิ่นอายสไตล์ Vintage Oud ที่เอา Oud ที่กลั่นบริสุทธิ์ออกมาในปี 1980 มาสร้างสรรค์น้ำหอมในปี 2013 สิริโดยรวมก็ 33 ปี พอดีตามชื่อกลิ่น แต่ก็ไม่ได้เอามาแบบเพียวๆ เดี๋ยวจะเสียวในเรื่องราคาเอาได้ถึงมีการผสม Oud ที่มาจากจีนร่วมด้วยในการสร้างสรรค์เนื้อกลิ่นเจาะจงที่ความเป็น Oud ในลักษณะที่น่าสนใจ นั่นก็คือ Soft & Velvet Oud ที่จะอยู่ในทุกๆ ช่วงของน้ำหอม ซึ่งสิ่งที่ได้ในแต่ละช่วงคือ

ช่วงต้น - จะมากับการเป็นกลิ่น Oud ที่มีคู่บุญอย่างกุหลาบมาเสริม และไม่พอยังมีพิมเสนมาทำให้กลิ่นมีลักษณะแบบโทนสไตล์ Classic เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งแน่นอน 3 กลิ่นนี้คือแกนหลักเลย โดย Oud จะมาแบบไม่หนัก ให้ความอวลลึกๆ กำลังดี กุหลาบจะมีความเป็นโทนออกทางแยมหน่อยๆ มีความค่อนไปทางเข้มแต่ไม่หนักและมีลูกผสมติดผลไม้นิดๆ คล้ายแนวลูกพรุน รวมถึงเป็นตัวเชื่อมระหว่าง Oud และพิมเสนได้ลงตัวมาก ซึ่งในมิติการได้กลิ่นกุหลาบจะได้ความเป็นกุหลาบติดอวลลึกมีมิติของ Oud และจะซ้อนด้วยกุหลาบพิมเสนที่มีความ Classic กึ่งกรุยกรายแบบพอดีๆ แต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัาได้คือ มีกลิ่นที่ออกทางยางพาราเข้ามาสร้างอารมณ์กลิ่นที่มีความแปร่งๆ หน่อย อันนี้จะมีสะดุดนิดนึงแต่ไม่ถึงกับทำเอาเป๋ แต่ให้ความดาร์กเก่าๆ มากกว่า และมีกลิ่นพริกไทยกับกลิ่นแนวเปลือกส้มเข้ามาเสริมที่ทำให้ช่วงต้นมีความปร่าซ่าๆ เข้ามาด้วย ถือว่าเปิดออกมาได้กำลังดี ทุกอย่างสมดุลย์ลงตัวจับได้ในแต่ละโทนกลิ่นที่มาผสมผสานได้ชัดเจน โดยมีทั้งความ Classic แบบกำลังดีเป็นตัวเดินกลิ่น

ช่วงกลาง - จะเป็นเวลาทองของกุหลาบแล้วที่จะโดดเด่นที่สุด โดยจะมีโทนกุหลาบ 2 สเต็ปคือกุหลาบหวานลึกกึ่งแยมแกมลูกพรุน กับกุหลาบหอมนวลๆ ระเรื่อๆ ที่กำลังดี ตรงนี้แหละที่ให้ความเป็น Soft & Velvet แบบไม่หนักหน่วงและมีเสน่ห์มากในการเสริมโทนให้กลิ่น Oud ที่มีความอวลลึกและมีความดาร์กกำลังดีมีเสน่ห์น่าค้นหาควบคู่ไปด้วย แน่นอนว่ายังมีพิมเสนให้ความระเรื่อๆ ปร่าเร้าจมูกแบบกลางๆ รวมถึงกลิ่นพริกไทยก็ยังทำให้มีความปร่าเผ็ดแฝงอยู่ตลอด แต่สิ่งที่น่าสนใจเลยคือกลิ่นเมทัลลิคที่ออกทางโลหะที่เสริมเข้ามาสอดรับกับความเป็น Oud ที่มีมิติแกมเมทัลลิคหน่อยๆ พร้อมกับกลิ่นออกทางอะโรม่าอ่อนๆ ของแป้งบางๆ แกมกลิ่นชาที่เบาๆ ร่วมด้วยแบบเป็นตัวเสริมเสียมากกว่าที่ทำให้มิติของกิ่นกุหลาบมีตั้งแต่ระเรื่อยันลึกล้ำเย้ายวน โดยที่ยังมีโทนปร่า Classic ประปรายแบบที่เริ่มปูทางเข้าสู่โทนน้ำหอมสไตล์ Modern ที่มี Oud เป็นพื้นฐานตามลำดับประมาณนั้น

ช่วงท้าย - เนื้อกลิ่นจะเริ่มนุ่มมากขึ้นราวกับมีการผสมผสานความเป็น Oud และกุหลาบรวมกันเป็นเนื้อเดียวแล้วเอาโทนแป้งมาตัดทอนให้มีความนุ่มจมูกและนวลเนียนมากขึ้น จนกลายเป็นโทนแป้งหอมกุหลาบแกม Oud ที่มีความปร่าพิมเสนเย้ายวน มีเสน่ห์ และน่าดึงดูดมาก ซึ่งความเป็นแป้งจะมีลูกผสมระหว่างแป้งกึ่งอัลมอนด์วานิลลากับดอกไม้อ่อนๆ รวมอยู่ด้วย ซึ่งน่าจะมาจากการรวมตัวระหว่างดอกเฮลิโอโทรเป้ที่ให้โทนกึ่งแป้งวานิลลาอัลมอนด์และไอริสที่ให้ความเป็นแป้งฝุ่นแกมดอกไม้จืดหอมบางเบา เรียกว่าเป็นตัวเข้ามาหักมุมเนื้อกลิ่นให้ไม่ไปทางสายอาระเบียน แต่ให้ความเป็นโทนนุ่มนวลแกมลุ่มลึกน่าค้นหาแบบที่มีเสน่ห์สไตล์ร่วมสมัยได้สมดุลย์และสมูธมาก

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อยเพราะกุหลาบเด่นจริง เด่นกว่า Oud ด้วย แต่ยังไงผู้ชายก็ใช้กลิ่นนี้ได้สบายมาก และเผลอๆ มีเสน่ห์น่าค้นหามากเสียด้วย ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใช้งานได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งทางการและทั่วๆ ไปแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม (และระมัดระวังนิดนึงในการใช้งานเพราะน้ำหอมมีความเข้มข้นและสีเข้ม ซึ่งอาจจะทำให้เสื้อที่สวมด่างได้) รวมถึงยามค่ำคืนที่ใส่ออกงานหรือว่าใส่แบบโรแมนติคก็ยังได้ เพราะเนื้อกลิ่นสมูธและมีระดับแกมเย้ายวนได้ลงตัวมากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องข้ามไปได้เลยก็คือ การใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าใส่เพื่อออกกำลังกาย กลิ่นไม่ได้อารมณ์ลุยๆ แบบนี้เลยบอกกันตรงนี้

ความทน - ดีงามเพราะสิ่งที่เจอเกินพื้นฐาน 8 ชม. แน่ๆ แต่จะไปต่อได้ขนาดไหนขึ้นอยู่กับสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. เรียกว่าทำเอาฟินกันยาวๆ เลยทีเดียว

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น และกลิ่นยังทำให้ในห้องที่ฉีดมีความฟุ้งกระจายอยู่ราวๆ 2 ชม. ได้เลย แต่ไม่ได้คมหรือบาดหนักแต่อย่างใด ออกจะปร่านวลอวลๆ กุหลาบ Oud ลึกๆ ที่มีเสน่ห์ แล้วจะค่อยๆ ลดระดับลงมาเรื่อยๆ จนมาสิ้นสุดเอาที่ออร่ารอบๆ ตัวเอาในชั่วโมงที่ 4 แล้วจะคงคัวเสถียรกันยาวไปจนถึงราวชั่วโมงที่ 10 ถึงค่อยๆ เป็น Skin Scent ที่มีความน่าซุกมากปิดท้าย 

สรุป - เนื้อกลิ่นนำเสนอในการเป็นลูกผสมของความเป็น Classic Vintage ที่มีความร่วมสมัยกึ่ง Modern มาผสมผสานแบบไล่เรียงโทนกลิ่นในการนำเสนอแต่ละช่วงได้ลงตัวและพลิ้วไหวสมูธมาก ซึ่งกลิ่นเด่นจริงๆ คือกุหลาบที่มี Oud เป็นผู้สนับสนุนหลัก ตามด้วยผู้สนับสนุนรองใจดีอย่างพิมเสน แต่ทุกอย่างจับมาเจอกันตรงกลางได้ลงตัวและมีเสน่ห์มากแบบที่ตราไว้ได้เลยว่าฝีมือของสุคนธกรนั้น ไม่ธรรมดาจริงๆ 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - http://exidolo.com/thirty-three

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น