วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2566

Review: Amouage - Memoir Man

Amouage - Memoir Man

จากปรัชญาที่เกิดจากการตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของชีวิตและความเป็นปัจเจกของแต่ละตัวบุคคล ที่เรียกกันเป็นศัพท์ยากๆ ว่า “อัตถิภาวนิยม” ที่ไม่ใช่แค่มีด้านดีในแง่การทำอะไรอย่างมีเสรีภาพ แต่มันก็มีด้านมืดด้วยเช่นกัน เพราะถ้าใครเป็นนักอุดมคติที่ตั้งคำถามถึงการมีชีวิตอยู่ตลอดว่าฉันมีชีวิตเพื่ออะไร แล้วรู้สึกถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยวมากขึ้นเท่าไหร่ วนอยู่ในภาวะ Existential Crisis อาจทำให้เกิดภาวะวิตกกังวล หดหู่ซ้ำซาก จนอาจจะถึงขั้นปิดจ็อบชีวิตตัวเองได้อยู่วนเวียนอยู่ในภาวะแบบนี้นานๆ เข้า

ซึ่งด้านมืดของ “อัตถิภาวนิยม” นี่แหละ ที่ Amouage เห็นถึงเสน่ห์บางอย่างทั้งในแง่ปรัชญาและความน่าค้นหาดึงดูด เลยเป็นที่มาในการสร้างสรรค์กลิ่นที่จะสื่อถึงภาวะสายดาร์กกับการเป็น Memoir ที่ออกมาแบบแพ็คคู่ทั้งฝ่ายชายและหญิง แต่ของผู้หญิงไว้ว่ากันทีหลัง ขอมาเล่ากลิ่นทางฝั่งผู้ชายดีกว่า ว่าจะออกมาเป็นอย่างไรในการสื่อสารตาม Concept ที่วางเอาไว้

กลิ่นเปิดความรู้สึกเป็นโทนสมุนไพรเขียวติดดาร์กจะฟุ้งออกมาชัดเจนมาก ซึ่งจะมีลูกเล่นหลักๆ ที่จับต้องได้คือกลิ่นของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่าง Absinthe ที่จะมีความเขียวขมเข้มๆ ของ Wormwood หรือแนวๆ โกฐจุฬาลัมพา ที่มีความหวานกึ่งเม็ดเทียนสัตตบุษย์แฝง ซึ่งจะมีความปร่าฟุ้งพุ่งออกมาแบบคล้ายเครื่องดื่มที่มีความแรงในฤทธิ์การหมักและแอลกอฮอล์ แต่เนื้อกลิ่นจะแฝงความปร่ามินท์ที่ทำให้กลิ่นมีความเข้าถึงในความอะโรม่ามากขึ้น ซึ่งในความเขียวที่จับต้องได้ มันมีโทนออกทางปร่าสมุนไพรและเครื่องเทศให้รู้สึกอยู่ตลอด จนเมื่อเข้าช่วงรอยต่อก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงกลิ่นถัดไป ก็จะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนธูปไม้ที่ทำให้เกิดอารมณ์แบบควันกึ่งไอกลิ่นไม้อวลๆ สร้างอารมณ์แบบห้วงคำนึงที่มีความหนาในเนื้อกลิ่นขึ้นมาทีละหน่อย ทำให้มิติกลิ่นเริ่มมีความซับซ้อนและดึงดูดมากตั้งแต่ต้นแบบที่ไม่เหมือนใครและมีความ Unique เลยทีเดียว

ช่วงกลางความชัดเจนในการเป็นโทน Incense หรือธูปไม้ปร่า ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็น Frankincense ที่จะมีลูกผสมความเป็นโทนไอไม้อวลๆ แกมกลิ่นควันอ้อยอิ่งจะเริ่มชัดเจนจนกลายเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่น แต่กลิ่นจะเสริมด้วย 2 ฝั่งหลักๆ ซึ่งฝั่งแรก คือ โทนเขียวแกมอะโรม่าของ Absinthe + สมุนไพรเขียวเข้มดาร์กต่างๆ ที่มีความเขียวกึ่งหวานของลาเวนเดอร์ที่ไม่ได้มาแบบสายนุ่มค่อนไปทางกึ่งแป้ง Floral จ๋าๆ แต่เป็นกึ่งกลางที่มีลูกผสมความเขียวกึ่งปร่าหวานผ่อนคลายเข้ามา และมีโทนดอกไม้แนวกุหลาบบางๆ ให้จับต้องได้ + ฝั่งที่ 2 คือ กลิ่นโทนไม้หอมแห้งๆ อวลๆ ครีมมี่เล็กๆ แต่มีความ Smoky แกมไม้แห้งๆ เคล้ากลิ่นหนังที่ไม่ได้ดิบห่ามมาก แต่มีลูกเอื้อนเสริมโทนดาร์กในเนื้อกลิ่นได้เหมาะสม ทำให้ภาพรวมของเนื้อกลิ่นในช่วงกลางอารมณ์แบบอวลเข้มที่ไม่หนักหน่วงข้นคลั่ก แต่ให้อารมณ์แบบความรู้สึกอวลชัดๆ ที่มีความดาร์ก ความเข้มในความรู้สึกให้จับต้องได้ ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของกลิ่นเลยที่สื่อสารความรู้สึกออกมาแบบห้วงคำนึงที่ไม่หนักเกินไปได้ลงตัวมากจริงๆ 

เนื้อกลิ่นในการเข้าสู่ช่วงท้ายที่เป็นแกนหลักเลยคือ ฝั่งที่ 2 จากช่วงกลางที่เป็นไม้หอมแกมหนัง แต่ยังมีลักษณะที่มีความเป็น Incense ที่ชัดเจนมากขึ้นจนจับต้องได้ว่า Frankincense นี่แหละที่ตามมาในช่วงนี้ร่วมด้วย ซึ่งคราวนี้ความเป็นไม้หอมจะชัดเจนมาซึ่งจะจับต้องได้ทั้งความเป็นไม้แห้งอวลๆ แกม Smoky ที่เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นหญ้าแฝกและไม้ Guaiac ที่สร้างความอวลไม้ออกมา และยังมีความเป็นหนังที่สอดรับเข้ามาเชื่อมต่อทอเต็มผืนได้พอเหมาะ แต่ไม่ใช่แค่นี้ เพราะจะมีกลิ่นเสริมความอวลอย่างสายอบอุ่นที่จะมีแอมเบอร์กึ่งวานิลลาเคล้าความนุ่ม Musk เนียนอยู่แบบเบาๆ มาทำให้กลิ่นไม้แห้งอวลแกม Smoky เคล้าหนังติดดาร์กมีความหนาและมีความอวลที่มีเสน่ห์อย่างเหมาะสมที่ให้ออร่าความกึ่งดาร์กกึ่งอบอุ่นกึ่งมีพลังแบบที่ไม่จัดหนักแต่ให้ความฟุ้งอวลในการรับกลิ่นที่วางตำแหน่งความกลางได้อย่างดีเลยทีเดียว แถมยังปิดท้ายแบบคุมโทนความรู้สึกทางกลิ่นแบบห้วงคำนึงได้ครบถ้วนไม่หลุดไปไหนแต่อย่างใด

เหมาะสำหรับ - ใช่ตามที่กลิ่นลงไว้ว่าเป็นน้ำหอมผู้ชาย ซึ่งเป็นกลิ่นสายดาร์กติดเขียวแกมอวลที่ลงตัวและไม่เหมือนใคร เข้ากับวัยทำงานขึ้นไปและผ่านอาจจะผ่านน้ำหอมสายอวลไม้และ Incense มาบ้างจะเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แบบวางตัวหน่อย เพราะกลิ่นมาสายดาร์กที่มีความขรึมและขลังสุขุมแกมอวลแบบที่ไม่ได้เข้าถึงง่ายแม้กลิ่นจะไม่เหมือนใคร แต่มู้ดของกลิ่นไม่ได้เข้ากับสาย Activity ลุยๆ แน่ๆ เช่นนั้นตัดการใส่สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนเหมาะกับการใส่ออกงานเสียมากกว่า แต่ถ้าไม่มายด์จะใส่ไปท่องราตรีก็ได้ เพียงแต่จะไม่ได้เป็นสายปล่อยพลังเรียกแขกแบบสายอวลหวานต่างๆ ก็เท่านั้นเอง

ความทน - อันนี้สิที่จัดจ้าน เพราะพื้นฐานยังไงก็ 8 ชม. แต่ไปต่อไปอีกจนถึง 15 ชม. ก็เรียกว่าเข้าข่ายการเป็นเรื่องปกติ ก็ Amouage นี่เนาะ เรื่องนี้เขาไม่พลาดอยู่แล้ว

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นราวๆ 10 นาที ก่อนที่จะลดลงมากระจายดีต่อราวๆ 1 ชม. ถึงเป็นปานกลางแบบอวลๆ ไปเรื่อยๆ จนแตะชั่วโมงที่ 6 แล้วจะกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป ก่อนจะเป็น Skin Scent อีกทีก็ราวๆ 10 - 12 ชม. ไปแล้ว

สรุป - ไม่ธรรมดา กลิ่นไม่ได้เป็นสายหนักหรือเข้มข้นจัดจ้านแบบกลุ่มโทนมีพลัง แต่เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกอวลอ้อยอิ่งแบบมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ถ่ายทอดความดาร์กออกมาได้กลางๆ ที่มีเสน่ห์ในความน่าค้นหาได้ดีมาก และที่สำคัญการสร้างเนื้อกลิ่นที่ให้ความเป็นโทนติดควันๆ มันทำให้เกิดความรู้สึกแบบห้วงคำนึงเสริมความน่าค้นหาของกลิ่นได้ดีมากๆ ด้วยเช่นกัน เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นของ Amouage ที่สร้างสรรค์ออกมาอย่างเยี่ยมยอดมาก

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://escentials.com/products/amouage-memoir-man

 

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2566

Review: Strangers Parfumerie - Chokedee (โชคดี)

Strangers Parfumerie - Chokedee (โชคดี)

สำหรับกลิ่นนี้ของ Strangers Parfumerie ถือเป็นหนึ่งใน Exclusive Scent ที่วางจำหน่ายเฉพาะที่เว็บไซต์ Luckyscent ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่นำเสนอความไม่ธรรมดาของการเอาความเป็นกลิ่นอายแบบขนมหรืออาหารไทยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์กลิ่นน้ำหอม และเป็นการนำเสนอสู่ระดับ International ที่ทำให้ผู้เล่นน้ำหอมสาย Niche ต่างๆ จะได้รับรู้ถึงความแตกต่างทางกลิ่นและซึมซับความหอมได้มากขึ้น รวมถึงการ Exclusive เฉพาะเว็บไซต์หรือร้านน้ำหอมนั้นๆ ยิ่งเป็นการเกื้อกูลกันได้เป็นอย่างดีเพราะจะได้ทั้งการซื้อที่ต้องมาซื้อผ่านร้านนั้นๆ เท่านั้น และเป็นจุดขายที่ดีให้กับร้านน้ำหอมนั้นๆ ในการทำการตลาดด้วยเช่นกัน

สำหรับ Chokedee หรือ “โชคดี” ในภาษาไทย จะมีจุดตั้งต้นของกลิ่นที่นำมาสร้างสรรค์น้ำหอมอย่าง “ข้าวเหนียวมูน” ซึ่งคนไทยๆ อย่างเรารู้จักกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจากข้าวเหนียวมะม่วงหรือว่ากลุ่มแนวข้าวเหนียวสังขยาต่างๆ ซึ่งมีกลิ่นที่หอมเฉพาะตัว และให้ความหวานหนึบเวลาเคี้ยวแล้วกลิ่นข้าวเหนียวกับกะทิและน้ำตาลที่มูนข้าวนั่นฟุ้งหอมขึ้นมาให้รู้สึกฟิน อร่อย หรือพึงใจ ซึ่งนี่แหละที่จะกลายมาเป็นกลิ่นหอมที่จะทำให้เราพึงใจและโชคดีตามมา โดยกลิ่นจะสร้างสรรค์ออกมาอย่างไร ก็ขอเล่าออกมาได้ตามนี้

กลิ่นเปิดให้อารมณ์กลิ่นอายดอกไม้ขาวที่ไม่หนักไปและก็ไม่เบาไปมาทักทายก่อนใครเพื่อนเลย และในเนื้อกลิ่นจะมีลูกผสมของกลิ่นเขียวอะโรม่าติดหวานโปร่งของใบเตยรวมอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อพิจารณากลิ่นลึกลงไปจะจับต้องได้ถึงกลิ่นดอกชมนาดที่ให้อารมณ์กึ่งข้าวหอมหุงสุก เคล้ากับกลิ่นหอมเย็นๆ ปร่าหวานหน่อยๆ ของลีลาวดี แกมกลิ่นดอกมะลิใสๆ ที่ทำให้เนื้อกลิ่นในช่วงนี้ได้ความหวานโปร่งเย็นๆ กำลังดี และมีลูกเอื้อนกลิ่นข้าวสุกกึ่งใบเตยที่ให้ความอะโรม่าผ่อนคลาย ซึ่งถือว่าช่วงเปิดให้อารมณ์แบบไทยๆ ในช่วงเช้าๆ ที่ดอกไม้ส่งกลิ่นหอมและเป็นจุดเริ่มต้นของกลิ่นที่ประกอบเข้าด้วยกันจนเป็นการทำข้าวเหนียวมูนใบเตยที่พอเหมาะ และไม่ได้จงใจเกินไปเสียด้วยซ้ำ อารมณ์บรรยากาศประมาณนั้นเลย

การเข้าสู่ช่วงกลางยิ่งชัดเจนเข้าไปอีกกับการเป็นโทนกลิ่นข้าวเหนียวที่หุงสุกที่เป็น Effect จากดอกชมนาดร่วมด้วย แต่จะมีมิติอื่นๆ เข้ามาเสริมนั่นคือ กลิ่นกะทิที่ไม่ได้มาแบบข้นในลักษณะแบบซันแทนโลชั่น แต่จะมาแบบกลิ่นน้ำกะทิที่สมดุลย์ให้อารมณ์แบบมะพร้าวกะทิที่มีกลิ่นมะลิและใบเตยรวมอยู่ในนั้น และมีความอะโรม่าของชาให้จับต้องได้ร่วมด้วย ตามด้วยกลิ่นออกทางถั่วหน่อยๆ + ไม้จันทร์หอมที่ให้ความครีมมี่มิลค์กี้ที่ได้อารมณ์กลิ่นไม้ครีมมี่นวลๆ สว่างๆ ที่ชัดเจนพอสมควรและเดาไม่ยากว่าจะเป็นแกนหลักของกลิ่นในช่วงถัดไปแน่นอน รวมถึงบางวูบให้อารมณ์กลิ่นแบบหวดนึ่งข้าวที่ซึมเข้าไปในข้าวที่มีเสน่ห์เฉพาะร่วมด้วย ซึ่งทำให้ภาพรวมของกลิ่นกลายเป็นกลิ่นอายคล้ายข้าวเหนียวมูนที่กำลังดี ไม่ได้หวานเกินไปจนกลายเป็นข้าวเหนียวแก้ว โดยที่จะมีไม้จันทน์หอมสร้างความเป็นโทนสีครีมไม่นวลๆ ตลอดเวลา ทำให้มิติกลิ่นช่วงนี้มีความเป็นโทน Gourmand ที่มีความเป็นไทยแต่ไม่ได้ยัดเยียด เน้นให้ความเป็นบรรยากาศทั้งกลิ่นและภาพที่เราจินตนาการตามได้จากการได้รับกลิ่น แน่นอนว่ามีความ Tropical ในเนื้อกลิ่นในสไตล์เอเซียชัดเจน

ช่วงท้ายของน้ำหอมแกนหลักจะกลายเป็นไม้จันทน์หอมเต็มตัว ที่มีความแห้งและมีลักษณะโทนไม้หอมกึ่งวานิลลาอ่อนๆ ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นโทนไล่เฉดที่มีสีครีมนวลเป็นพื้นฐาน โดยจะมีกลิ่นออกทางจืดหอมแกมครีมมี่มิลค์กี้กึ่งกะทิเบาๆ ให้จับต้องได้ แต่ในเนื้อกลิ่นจะแฝงความโปร่งไม้แกม Earthy กึ่งถั่วติดมันหน่อยๆ ที่เป็นเสน่ห์ของการผสมผสานระหว่างหญ้าแฝก ไม้ซีดาร์ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์  รวมถึงมีความเป็นโทน Musk ติดเขียวเบาๆ ที่ทำให้กลิ่นมีโทนสะอาดๆ สบายๆ ติดเขียวเป็นมิติที่ซ้อนเนียนๆ รวมอยู่ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นข่วงที่ให้ความผ่อนคลาย สบายๆ ที่ให้ความรื่นรมย์ทางกลิ่นอย่างสมดุลย์ในการเป็นโทนสว่างครีมนวลกึ่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าวเหนียวมูนที่เรียกรอยยิ้มในการใช้งานที่สร้างความโชคดีตามชื่อกลิ่นได้แบบไม่ยาก

เหมาะสำหรับ - Unisex เพราะกลิ่นข้าวเหนียวมูนไม่ว่าจะเพศไหนก็เข้าถึงได้ไม่ยากอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนไทย ซึ่งกลิ่นไม่ได้หนักไป หรือเบาไป มีความสมดุลย์แบบที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกรำคาญแต่ให้ความเป็นบรรยากาศ หรืออารมณ์เห็นภาพเหี่ยวกับข้าวเหนียวมูนเสียมากกว่า ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แต่จะมีการใส่เพื่อออกกำลังกายที่ไม่เข้าทางเท่าไหร่ ข้ามไปจะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่ออกงานหรือทั่วๆ ไปก็พอ เพราะกลิ่นไม่ได้ทรงพลังมากขนาดที่จะเอาไปประชันกับโทนหวานแน่นเท่าไหร่

ความทน - ลงตัวที่ 8 ชม. เป็นสำคัญ และสามารถไปต่อได้อีกถ้าจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายเอื้อมากพอในการต่ออายุน้ำหอมให้ยาวๆ ไปบนผิวกาย โดยส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. เป็นเรื่องปกติกับการใช้งานที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางไปราวๆ 2 ชม. ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป แล้ว Skin Scent ชัดเจนเมื่อผ่านไปราวๆ 8 ชม. แล้ว

สรุป - อีกหนึ่งกลิ่นที่สื่อสารออกมาแบบที่เรียกว่า Modern Thai Twist เลยก็ย่อมได้ เพราะว่าไม่ได้จงใจเอาความเป็นข้าวเหนียวมูนแบบฉ่ำๆ เต็มเหนี่ยวมาป้อนให้ถึงจมูกขนาดนั้น แต่เอาบรรยากาศ กลิ่นอายที่ลอยมาให้รู้สึกได้ หรืออารมณ์แบบที่เราเห็นภาพข้าวเหนียวมูน แล้วเรานึกถึงกลิ่นมันในความรู้สึกอะไรประมาณนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นการวางสมดุลย์ทางกลิ่นที่ดี เอาทั้งความเป็นข้าวเหนียวมูนมาเจอกับไม้จันทน์หอมที่เป็นพื้นกลิ่นสร้างความครีมมี่มิลค์กี้หอมมีระดับได้อย่างลงตัวและงดงามโดยที่ไม่หนักไป เน้นความผ่อนคลายโทนสว่างและสร้างรอยยิ้มที่ก่อให้เกิดเรื่องดีๆ ที่จะตามมาได้ไม่ยาก สมกับชื่อกลิ่นว่า “โชคดี”

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie

 

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2566

Review: Kenzo - Flower by Kenzo Poppy Bouquet (EDP)

Kenzo - Flower by Kenzo Poppy Bouquet (EDP)

สำหรับ Kenzo Flower ส่วนตัวถือเป็นหนึ่งในน้ำหอมผู้หญิงที่ยอดฮิตตลอดกาล และมั่นใจว่าจะเป็นหนึ่งใน Timeless Scent หรือเป็นน้ำหอมเหนือกาลเวลาของแบรนด์ Kenzo อย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่ปี 2000 ที่เปิดตัวออกมาก็ยังเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่ตอบโจทย์การใช้งานของฝั่งผู้หญิงมาเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องสารภาพต่อนั่นคือ ไม่เคยได้มีโอกาสได้ใช้งานเต็มๆ เลยไม่ว่าจะกลิ่นไหนก็ตามของการเป็น Kenzo Flower เพราะว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิง เลยทำให้ผ่านมาก็ผ่านไป ไว้ถ้าได้ใช้ก็ค่อยว่ากัน 

จนวันหนึ่งได้อุดหนุนน้ำหอมของ Kenzo แล้วพอเปิดออกมาก็ได้เห็น Kenzo Flower by Kenzo Poppy Bouquet ขนาดพกพาเล็กๆ แถมมาให้ด้วย จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจในการเรียนรู้กลิ่นแบบเต็มๆ ซักที แม้ว่าจะไม่ได้เป็นตัว Flower ต้นตระกูล แต่เป็นเหมือนไลน์ย่อยทีเป็นรุ่นลูกอย่าง Poppy Bouquet (EDP) แทน เช่นนั้นได้เวลามาเรียนรู้กลิ่นกันหน่อยแล้วว่าจะออกมาเป็นรูปแบบไหน

บอกก่อน - จะไม่ได้บอกถึงความเชื่อมโยงของกลิ่นกับความเป็นต้นตระกูลอย่าง Kenzo Flower เนื่องจากยังไม่ได้ใช้รุ่นแรกนั้นเต็มๆ ซึ่งจะขอเล่ากลิ่นที่ความเป็น EDP ของ Poppy Bouquet เป็นสำคัญ

กลิ่นเปิดมีความสดใส แต่ไม่ได้กิงก่องแก้ววัยรุ่นจ๋าเกินไป เพราะเนื้อกลิ่นยังให้อารมณ์แบบผู้หญิงที่มีความอ่อนโยนแฝงอยู่ให้จับต้องได้ตลอด ซึ่งช่วงเปิดคือความเป็นโทน Fruity ของลูกแพร์ที่ให้ความฉ่ำแกมสดใสหอมหวานกำลังดี โดยมีตัวสร้างความสดชื่นอย่างสาย Citrus เข้ามาร่วมด้วยซึ่งจับเนื้อกลิ่นแล้วน่าจะเป็นส้มที่เป็นตัวเชื่อมโทนได้ทั้งความสดใสและความหวานในเวลาเดียวกัน แต่กลิ่นสาย Citrus ไม่ได้มาแบบหนักหน่วงหรือชัดเจนมากนัก เพราะเปิดทางให้กลิ่นลูกแพร์ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการสร้างโทนกลิ่นหวานใสอย่างพอเหมาะและลงตัว รวมถึงจะเริ่มจับต้องถึงกลิ่นอายดอกไม้สีชมพูแกมขาวที่ค่อยๆ เปิดตัวออกมาทีละหน่อยๆ รวมอยู่ด้วย เลยทำให้ช่วงต้นคือการเป็นโทน Fruity Floral ที่ชัดเจนและมีความสมดุลย์กำลังดีแบบ Feminine Daily Scent เต็มๆ

การเข้าสู่ช่วงกลางจะชัดเจนมากขึ้นนั่นคือ โทนดอกไม้แบบใสๆ จะเสริมเข้ามาตีคู่กับกลิ่นลูกแพร์แบบคนละครึ่ง แต่สนับสนุนซึ่งกันและกันได้อย่างเหมาะสม ซึ่งนั่นก็คือกุหลาบ ที่จะมาแบบใสๆ ให้ความโรแมนติคแบบกำลังดี แต่มีความนวลละมุนที่เชื่อมโยงกับโทนดอกไม้ขาวที่ให้ความนุ่มนวลอย่างดอกพุดที่เป็นโทนหวานหอมนวลสร้างความอ่อนโยนแบบกำลังดี ซึ่งช่วงนี้เอาจริงๆ แทบไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก เพราะเนื้อกลิ่นเป็นโทนที่เข้าถึงง่ายและมีความหวานหอมแบบน้ำหอมผู้หญิงที่กึ่งสดใสกึ่งนุ่มนวลอ่อนโยนไปพอเหมาะ แต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือ เนื้อกลิ่นมีลักษณะแบบอวลๆ กึ่งอบอุ่นกึ่งไม้หอมแฝงอยู่ เลยทำให้กลิ่นมีความหนาอวลแบบเนียนๆ แต่ยังไงก็ยังให้ความพอเหมาะและเข้าถึงง่ายมากเช่นเดิม และมีความ Feminine ชัดเจนแบบไม่ต้องเสาะหาเลยแม้แต้นิดเดียว

ช่วงท้ายคือไม้หอมติดอบอุ่นที่จับต้องได้เลยว่ามี Ambroxan หรืออาจจะเป็น Cetalox สารหอมที่ให้ความอบอุ่นแกมไม้หอมกึ่งผิวกายติดเค็มหน่อยๆ แบบ Ambergris เป็นแกนหลักในการสร้างความอบอุ่นติดอวลๆ เพียงแต่มีการเกลากลิ่นมาอย่างดีทำให้โทน Animalic ติดเค็มๆ มาให้รู้สึกเท่าไหร่ แต่จะเป็นกลิ่นไม้หอมติดอบอุ่นกำลังดี ที่มีความหวานหอมของดอกพุดมาทำให้กลิ่นมีความหวานแกมอ่อนโยนแบบสบายๆ ไม่ได้หนักหน่วงเกินไป ซึ่งทำให้ช่วงท้ายจะมีความดึงดูดแบบเข้าถึงได้ง่ายและยังไงก็รอดในการใช้งานสูงมาก เป็นการปิดท้ายแบบไม่ต้องเล่นใหญ่เล่นเยอะแต่ลงตัว

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็สามารถใช้งานกลิ่นนี้ได้แล้ว ซึ่งกลิ่นเข้าถึงง่าย มีความหอมหวานสดใสและอ่อนโยนที่เข้าทางการเป็น Daily Scent แบบชัดเจนและเต็มตัว ซึ่งเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป จะมีก็แต่ถ้ารจะใส่ออกกำลังกาย แนะนำรอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือชิลล์ๆ ทั่วไปจะดีกว่า เพราะถ้าจะใส่ไปแข่งกับชาวบ้านแบบโปรยเสน่ห์ยามท่องราตรี โดนกลบเอาง่ายๆ เลยล่ะ

ความทน - อยู่ที่ 8 ชม. เป็นค่าเฉลี่ยของกลิ่นนี้เลย และสามารถไปต่อได้อีกถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสมและสภาพผิวเอื้อมากพอ โดยส่วนตัวเจอไปที่ 8 - 10 ชม. เป็นเรื่องปกติในการใช้งาน

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และจะลงมาที่ปานกลางไปราวๆ 2 - 3 ชม. ก่อนที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ ไป จนเมื่อแตะราวๆ 6 - 7 ชั่วโมงแล้วจะค่อยๆ ลงมาเป็น Skin Scent   

สรุป - #ของดีเทคนิคไม่ต้อง กลิ่นนี้ถือเป็นกลิ่นที่ยังไงก็หอม ยังไงก็รอด ได้ใจการใช้งานแบบไม่ต้องพยายามอะไรมากในการแสดงความแตกต่าง เน้นการใช้งานที่วันนั้นยังไงเราก็หอมได้สบายมาก ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีในการใช้งานแบบไม่จำเป็นต้องซับซ้อนแต่อย่างใด แต่ก็ให้ความหวานโปร่งและอ่อนโยนได้กำลังดี และที่สำคัญกลิ่นลูกแพร์ พันธุ์นาชิ ในน้ำหอมกลิ่นนี้หอมจริงอะไรจริง

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.kenzoparfums.com/fr/en/fragrance/femme/flower-by-kenzo-femme/flower-by-kenzo-poppy-bouquet/K10100134.html

 

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2566

Top 10 - My Favorite Newcomer Fragrances of 2022

 

Top 10 - My Favorite Newcomer Fragrances of 2022

ยังคงเป็นเหมือนเดิมเพราะสถานการณ์ Covid-19 เองก็ลุ่มๆ ดอนๆ จึงเป็นอีกปีที่ค่อนข้างยากมากในการได้น้ำหอมใหม่ๆ มาเป็นหนึ่งในสมาชิก เช่นนั้น ปีนี้เลยเป็นอีกปีที่ซื้อน้ำหอมได้น้อยลง ตามข้อจำกัดของสถานการณ์ที่มีอยู่ เลยทำให้ตัวเลือกต่างๆ ลดลงไปมาก แต่

เมื่อได้เวลาของการเลือกน้ำหอมที่ได้มาใหม่ในปี 2022 จำนวน 10 กลิ่นที่สร้างความประทับใจ ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก แม้ตัวเลือกจะลดลงก็ตาม เพราะทุกกลิ่นต่างคิดมาแล้วว่า “ต้องใช่แน่ๆ” และยอมที่จะเสียเงินเพื่อครอบครอง เช่นนั้นกว่าจะเลือกได้ เล่นเอาเครียดกันเลยทีเดียว ซึ่งก่อนที่จะเข้าเรื่อง Top 10 ก็มีกลิ่นที่จำใจต้องยอมที่จะเอาออกจาก List ไปไปน้อย ซึ่งก็ขอให้เครดิตโดยการระบุชื่อบางส่วนไว้ที่นี้เลย

Strangers Parfumerie - Autumn Tea & Yuzu Vanilla, Tada Parfumeur - Semishigure, Dior - Sauvage Elixir, Elizabeth And James - Nirvana Amethyst, Elizabeth And James - Nirvana French Grey, Etro - Rajasthan, Halston Z-14, Parfum d'Empire - Corsica Furiosa และ Perry Ellis - Oud Black Vanilla Absolute  เป็นต้น

เช่นนั้นก็ขอเข้าสู่ 10 กลิ่นน้ำหอมที่ได้มาแล้วประทับใจ โดยไม่ได้เรียงลำดับตามความชอบและไม่ได้สนใจว่าจะผลิตหรือวางจำหน่ายปีไหนเน้นเฉพาะที่ได้มาในปี 2022 เพียงอย่างเดียวของเข็มขัดสั้น เริ่มที่

Lempicka - Green Lover 

น้อยครั้งมากๆ ที่จะเจอการจับเอาโทนกลิ่นเขียวๆ ออกทางปร่ามินต์มาเจอกับความเป็นวานิลลาที่หอมหวานอุ่นเย้าน่าซบ ซึ่งนี่คือความประทับใจอย่างแท้ทรูเลยที่เปิดตัวมาด้วยอารมณ์กลิ่นแนวเครื่องดื่มค็อกเทลมินต์สดชื่นที่มีความเขียวแกมปร่าจินโทนิคและมีความเป็นส้มแซมๆ โดยมีความเป็นโทนเผ็ดนวลๆ คลอให้กลิ่นมีน้ำหนักแต่ก็ยังคงความใสอยู่ แต่พอเริ่มเปลี่ยนเข้าช่วงกลางกับท้ายจะกลายเป็นค็อมเลมินต์วานิลลา และวานิลลาอบอุ่นหอมหวานน่าซบที่สุดของแจ้ เรียกว่าเปิดกับปลายกลายเป็นคนละอย่าง แต่เชื่อมโยงกันได้โคตรจะลงตัวจริงๆ กด Love ทันทีไม่มีข้อแม้  

Etat Libre d’Orange - Une Amourette 

กลิ่นสะอาดมีระดับแบบเก๋ๆ ที่มีการซ่อนกลิ่นอายแนว Dirty Earthy เนียนๆ เข้าไปร่วมด้วย ซึ่งเป็นการเจอกันระหว่างดอกส้ม Neroli พิมเสน กับโทน Fresh Spicy แกมไม้หอมที่ให้ความสะอาดก็ได้ เนียนหวานเย้าก็สามารถ และให้ความปร่าระเรื่อมีเสน่ห์ก็ได้ด้วย ก่อนจะเสริมด้วยโทนกลิ่นแนวดินๆ ชื้นๆ แกมแป้งที่ได้ความ Contrast กัน ก่อนจะสมทบด้วย Oud เบาๆ ที่ไม่ได้ข้นอวลกับกลิ่นไม้แกมพริกไทยแห้งๆ ซึ่งทุกอย่างแม้มีเอกเทศในการเป็นกลิ่นของตัวเอง แต่มาเจอกันได้อย่างสมดุลย์ เก๋ ซึ่งจะกรุยกรายก็ได้ จะมีเสน่ห์เรียบง่ายแต่มีชั้นเชิงก็สามารถ เป็นหนึ่งกลิ่นที่ดมแล้วรักเลย   

Atelier des Ors - Pomelo Riviera 

อาจจะไม่ได้เป็นกลิ่นที่ลองครั้งแรกแล้วเกิดความประทับใจ ก็เพราะว่าผ่านน้ำหอม Citrus แกมเค็มทะเลมาก็เยอะ แต่พอได้ใช้มากครั้งเข้า เราก็เริ่มเห็นถึงเสน่ห์ในการจับคู่ความหอมที่เอากลิ่นแนวคล้ายๆ ส้มโอ (ซึ่งเป็นการผสมผสานเกรปฟรุตกับ Citrus อื่นๆ) มาเจอกับกลิ่นเค็มเกลือที่ได้อารมณ์แบบไอทะเลแกม Aquatic แฝง ปรุงแต่งความกลมกล่อมที่ยังมีความสดชื่นของกลิ่นด้วยดอกส้ม ซึ่งโทน Citrus หอมแกมหวานสดชื่นจะอยู่ยงคงกะพันไปจนถึงช่วงท้ายให้ความเป็น Woody Musky ที่ติดเปรี้ยวอมหวานผ่อนคลาย นั่นไงในที่สุดก็โดนตกเข้าด้อมเรียบร้อย

Siam 1928 - Rasvika 

ดมครั้งแรกแล้วหยุดไม่ได้ที่จะวนกลับไปดมซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะสัมผัสความเป็นโทนปร่าสมุนไพรที่มีความ Spicy แกม Aromatic แฝงความนวลอวลรองพื้นแล้วเกิดความประทับใจ จึงไม่ลังเลที่จะเอากลับเข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัว ก็ยิ่งทำให้สัมผัสได้ถึงความสุขในการรับกลิ่น เพราะเนื้อกลิ่นแยกเป็นฝั่งสมุนไพร + เครื่องเทศแบบไทยกับกลิ่นดอกไม้ขาวแกม Powdery Woody Musk ที่ทอต่อเนื่องกันอย่างสมบูรณ์ให้ความหอมปร่าสดชื่นแบบไทยก็ได้ มีความสะอาดละมุนแกมหวานแบบ Modern ก็สามารถ ถือเป็นกลิ่นอายแบบไทยที่แตะความเป็น Niche Inter ได้อย่างไม่ธรรมดาจริงๆ 

Yves Rocher - Nouveau Genre

กลิ่นอายพิมเสนที่ให้เสน่ห์แบบหาตัวจับได้ยาก กับการเป็นตัวเมนยาวๆ กับการใช้ลูกเอื้อนกลิ่นค่อนไปทางชอคโกแลตที่มีในพิมเสนมาผสมผสานกับกลิ่นถั่วตองก้าที่ให้ความเป็นกึ่งยาสูบกึ่งอัลมอนด์ที่แฝงความครีมมี่เนียนๆ ใส่ความเป็นไม้แห้งแกมดินลงไปให้กลิ่นมีเสน่ห์ในการเป็นโทน Woody Earthy Patchouli อย่างสมดุลย์ ก่อนจะเสริมด้วยวานิลลาอ่อนๆ แกมแป้งอบอุ่นกับการเพิ่มความกระจ่างหวานปร่าระเรื่อในเนื้อกลิ่น เอาตรงๆ นี่คือ Mugler - Angel Muse ที่เกลาโทนขนมออกไปพอสมควร คงเหลือเพียงเสน่ห์พลิ้วๆ ที่ใช่แล้วดึงดูดน่าค้นหา นี่แหละที่ประทับใจมาก 

Fragonard - Fleur d’Oranger Intense  

กลิ่นดอกส้มที่เรียกว่าโคตรที่จะธรรมชาติเลย และในทุกๆ ครั้งที่ได้กลิ่นจะมีความสุขในจิตใจให้รู้สึกได้เสมอ ซึ่งชัดเจนมากว่าต้องเป็น 1 ใน 10 ขวดแน่นอนสำหรับกลิ่นนี้ เพราะให้ความเป็นดอกส้มที่ไล่เรียงจากติดเขียวแกม Citrus ของ Neroli สู่การเป็น Orange Blossom ที่ให้ความหอมระเรื่อมีความใสกระจ่างและธรรมชาติมากกว่าจะไพล่ไปนวลสะอาดหวานอมเปรี้ยว ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยความรื่นรมย์ของความเป็น Musk อ่อนๆ ติดหวานแกมน้ำผึ้งเล็กๆ ที่ชูโรงให้กลิ่นดอกส้มมีความหอมแกมหวานรื่นรมย์แบบกำลังดีคลอผิว ทุกอย่างเป็นกลิ่นแห่งความสุขโดยแท้

by Kilian - Angels’ Share  

แน่นอนว่า by Kilian ไม่เคยทำให้ผิดหวังในเรื่องความเซ็กซี่มีระดับและหรูหราผ่านกลิ่นมาเสมอ และกลิ่นนี้ก็เช่นกัน เพราะเนื้อกลิ่นจะให้ความเป็นเหล้าคอนยัคหวานอบเชยที่คาบเกี่ยวระหว่างความโปร่งและความอวลได้อย่างพอดี กลิ่นมีความเย้ายวนรัญจวนที่แม้กว่ากลิ่นจะไม่ได้แน่นแต่มีความชัดเจนในการแผ่พลัง แล้วจะทิ้งท้ายด้วยกลิ่นอายไม้หอมแกมกลิ่นพราลีนวานิลลาที่ก็ไม่ได้ไปสายข้น มีความอบอุ่นกำลังดี แต่หอมหวานลึกที่มีเสน่ห์และชวนชิมมาก เรียกว่าใช้แล้วมีความหวานเย้าๆ เจ้าเสน่ห์ตลอดเวลาแบบที่ได้กลิ่นแล้วเผลอเป็นไม่ได้ต้องหาเรื่องดมซ้ำไปซ้ำมาตลอด 

AJMal - Musk Silk Supreme

ชีวิตเราต้องการความซับซ้อนทางกลิ่นมากขนาดไหนกันเชียว? แต่ถ้าได้กลิ่นนุ่มๆ หอมนวลๆ สะอาดแกมหวานหน่อยๆ มีความเป็นไม้หอมแห้งๆ คลอตลอด มีความสว่างในกลิ่น ให้ความรื่นจมูกแบบไม่ซับซ้อน ไม่ได้มีโทนแปลกๆ เฉพาะตัวอะไรมาให้ตกใจ ใช้ง่าย ความทนดีงาม เป็นหนึ่งในของดีเทคนิคไม่ต้อง และเป็น Signature Scent ประจำตัวได้ไม่ยาก รวมถึงสามารถใช้ได้แบบ Daily Scent ที่ได้รับคำชมจากคนอื่นได้ไม่ยากอีกด้วย แบบนี้ก็ตอบโจทย์ด้วยเช่นกันนะ เพราะชีวิตก็ต้องมีความมินิมัลบ้าง ซึ่ง Musk Silk Supreme ก็เป็นหนึ่งในกลิ่นประเภทนี้เลย ไม่ซับซ้อน แต่เอาอยู่

Woods of Windsor for Men  

British Gentleman” คือทุกสิ่งทุกอย่างที่บอกถึงความเป็นกลิ่นนี้ ซึ่งแม้ว่าจะมาในลักษณะกลิ่นอายแนว Classic Cologne แต่สิ่งที่ได้คือ ความไม่หนักหน่วงเกินไป ง่ายๆ คือให้ความเป็นผู้ดีสไตล์ Classic และที่เกินคาดไปมากคือ เนื้อกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติสูงมากจนเรียกว่าเกินคุ้มก็ว่าได้ในการได้มาครอบครอง ซึ่งแกนหลักของกลิ่นคือ กานพลู Citrus และ Oak Moss ที่ทำหน้าที่เป็นอย่างดีในการให้ความสดชื่น ไล่เรียงสู่ความเผ็ดปร่าที่สมดุลย์ และเป็นกลิ่นเขียวเข้มกึ่งหมึกแมนๆ สไตล์ Retro ในช่วงท้าย ซึ่งไม่แปลกใจว่าทำไมกลิ่นนี้อยู่ยงคงกะพันมาตั้งแต่ปี 1981 จนถึงทุกวันนี้  

Nobile 1942 - Il Sentiero degli Dei

Il Sentiero degli Dei แปลว่า “ทางเดินของพระเจ้า” ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญในการ Hiking Trail เลียบเลาะตามหน้าผาเพื่อชมทะเลเมดิเตอร์ราเนียนก่อนไปสิ้นสุดที่ Amalfi Coast ซึ่งแบรนด์นี้ถอดเอาความงามของสภาพแวดล้อมมาเป็นกลิ่นหอมได้อย่างสวยงาม โดยไม่ต้องมีกลิ่นไอทะเล แต่เน้นที่กลิ่นดอกไม้และพืชพันธุ์ต่างๆ ระหว่างทาง ทำให้ได้กลิ่นอาย Citrus ที่ติดหวานดอกไม้แกมเขียวที่มีความหวานผลไม้หน่อยๆ ที่บางวูบมีอารมณ์เหมือนกลิ่นน้ำผึ้งใสๆ แล้วจะปิดท้ายที่กลิ่นนวลสะอาดสบายๆ มีความอบอุ่นแกมหวานปลายที่รื่นรมย์ เรียกว่าใช้ทีไร รอยยิ้มบังเกิด แถมเวลากลิ่นตีขึ้นรอยยิ้มก็บังเกิดอีก ความสุขชัดๆ    

ทั้งหมด ถือเป็นสมาชิกใหม่ของเข็มขัดสั้นในปี 2022 ที่สร้างความประทับใจในเนื้อกลิ่นอย่างมากกับการได้มาครอบครองและสร้างความสุขในการเติมเต็มสีสันของชีวิตในแต่ละวันมาเสมอ และสุดท้าย

Happy New Year ขอให้มีความสุขกับกลิ่นหอมรายล้อมรอบตัวกันตลอดทั้งปีนะครับ