Amouage - Memoir Man
จากปรัชญาที่เกิดจากการตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของชีวิตและความเป็นปัจเจกของแต่ละตัวบุคคล ที่เรียกกันเป็นศัพท์ยากๆ ว่า “อัตถิภาวนิยม” ที่ไม่ใช่แค่มีด้านดีในแง่การทำอะไรอย่างมีเสรีภาพ แต่มันก็มีด้านมืดด้วยเช่นกัน เพราะถ้าใครเป็นนักอุดมคติที่ตั้งคำถามถึงการมีชีวิตอยู่ตลอดว่าฉันมีชีวิตเพื่ออะไร แล้วรู้สึกถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยวมากขึ้นเท่าไหร่ วนอยู่ในภาวะ Existential Crisis อาจทำให้เกิดภาวะวิตกกังวล หดหู่ซ้ำซาก จนอาจจะถึงขั้นปิดจ็อบชีวิตตัวเองได้อยู่วนเวียนอยู่ในภาวะแบบนี้นานๆ เข้า
ซึ่งด้านมืดของ “อัตถิภาวนิยม” นี่แหละ ที่ Amouage เห็นถึงเสน่ห์บางอย่างทั้งในแง่ปรัชญาและความน่าค้นหาดึงดูด เลยเป็นที่มาในการสร้างสรรค์กลิ่นที่จะสื่อถึงภาวะสายดาร์กกับการเป็น Memoir ที่ออกมาแบบแพ็คคู่ทั้งฝ่ายชายและหญิง แต่ของผู้หญิงไว้ว่ากันทีหลัง ขอมาเล่ากลิ่นทางฝั่งผู้ชายดีกว่า ว่าจะออกมาเป็นอย่างไรในการสื่อสารตาม Concept ที่วางเอาไว้
กลิ่นเปิดความรู้สึกเป็นโทนสมุนไพรเขียวติดดาร์กจะฟุ้งออกมาชัดเจนมาก ซึ่งจะมีลูกเล่นหลักๆ ที่จับต้องได้คือกลิ่นของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่าง Absinthe ที่จะมีความเขียวขมเข้มๆ ของ Wormwood หรือแนวๆ โกฐจุฬาลัมพา ที่มีความหวานกึ่งเม็ดเทียนสัตตบุษย์แฝง ซึ่งจะมีความปร่าฟุ้งพุ่งออกมาแบบคล้ายเครื่องดื่มที่มีความแรงในฤทธิ์การหมักและแอลกอฮอล์ แต่เนื้อกลิ่นจะแฝงความปร่ามินท์ที่ทำให้กลิ่นมีความเข้าถึงในความอะโรม่ามากขึ้น ซึ่งในความเขียวที่จับต้องได้ มันมีโทนออกทางปร่าสมุนไพรและเครื่องเทศให้รู้สึกอยู่ตลอด จนเมื่อเข้าช่วงรอยต่อก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงกลิ่นถัดไป ก็จะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนธูปไม้ที่ทำให้เกิดอารมณ์แบบควันกึ่งไอกลิ่นไม้อวลๆ สร้างอารมณ์แบบห้วงคำนึงที่มีความหนาในเนื้อกลิ่นขึ้นมาทีละหน่อย ทำให้มิติกลิ่นเริ่มมีความซับซ้อนและดึงดูดมากตั้งแต่ต้นแบบที่ไม่เหมือนใครและมีความ Unique เลยทีเดียว
ช่วงกลางความชัดเจนในการเป็นโทน Incense หรือธูปไม้ปร่า ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็น Frankincense ที่จะมีลูกผสมความเป็นโทนไอไม้อวลๆ แกมกลิ่นควันอ้อยอิ่งจะเริ่มชัดเจนจนกลายเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่น แต่กลิ่นจะเสริมด้วย 2 ฝั่งหลักๆ ซึ่งฝั่งแรก คือ โทนเขียวแกมอะโรม่าของ Absinthe + สมุนไพรเขียวเข้มดาร์กต่างๆ ที่มีความเขียวกึ่งหวานของลาเวนเดอร์ที่ไม่ได้มาแบบสายนุ่มค่อนไปทางกึ่งแป้ง Floral จ๋าๆ แต่เป็นกึ่งกลางที่มีลูกผสมความเขียวกึ่งปร่าหวานผ่อนคลายเข้ามา และมีโทนดอกไม้แนวกุหลาบบางๆ ให้จับต้องได้ + ฝั่งที่ 2 คือ กลิ่นโทนไม้หอมแห้งๆ อวลๆ ครีมมี่เล็กๆ แต่มีความ Smoky แกมไม้แห้งๆ เคล้ากลิ่นหนังที่ไม่ได้ดิบห่ามมาก แต่มีลูกเอื้อนเสริมโทนดาร์กในเนื้อกลิ่นได้เหมาะสม ทำให้ภาพรวมของเนื้อกลิ่นในช่วงกลางอารมณ์แบบอวลเข้มที่ไม่หนักหน่วงข้นคลั่ก แต่ให้อารมณ์แบบความรู้สึกอวลชัดๆ ที่มีความดาร์ก ความเข้มในความรู้สึกให้จับต้องได้ ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของกลิ่นเลยที่สื่อสารความรู้สึกออกมาแบบห้วงคำนึงที่ไม่หนักเกินไปได้ลงตัวมากจริงๆ
เนื้อกลิ่นในการเข้าสู่ช่วงท้ายที่เป็นแกนหลักเลยคือ ฝั่งที่ 2 จากช่วงกลางที่เป็นไม้หอมแกมหนัง แต่ยังมีลักษณะที่มีความเป็น Incense ที่ชัดเจนมากขึ้นจนจับต้องได้ว่า Frankincense นี่แหละที่ตามมาในช่วงนี้ร่วมด้วย ซึ่งคราวนี้ความเป็นไม้หอมจะชัดเจนมาซึ่งจะจับต้องได้ทั้งความเป็นไม้แห้งอวลๆ แกม Smoky ที่เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นหญ้าแฝกและไม้ Guaiac ที่สร้างความอวลไม้ออกมา และยังมีความเป็นหนังที่สอดรับเข้ามาเชื่อมต่อทอเต็มผืนได้พอเหมาะ แต่ไม่ใช่แค่นี้ เพราะจะมีกลิ่นเสริมความอวลอย่างสายอบอุ่นที่จะมีแอมเบอร์กึ่งวานิลลาเคล้าความนุ่ม Musk เนียนอยู่แบบเบาๆ มาทำให้กลิ่นไม้แห้งอวลแกม Smoky เคล้าหนังติดดาร์กมีความหนาและมีความอวลที่มีเสน่ห์อย่างเหมาะสมที่ให้ออร่าความกึ่งดาร์กกึ่งอบอุ่นกึ่งมีพลังแบบที่ไม่จัดหนักแต่ให้ความฟุ้งอวลในการรับกลิ่นที่วางตำแหน่งความกลางได้อย่างดีเลยทีเดียว แถมยังปิดท้ายแบบคุมโทนความรู้สึกทางกลิ่นแบบห้วงคำนึงได้ครบถ้วนไม่หลุดไปไหนแต่อย่างใด
เหมาะสำหรับ - ใช่ตามที่กลิ่นลงไว้ว่าเป็นน้ำหอมผู้ชาย ซึ่งเป็นกลิ่นสายดาร์กติดเขียวแกมอวลที่ลงตัวและไม่เหมือนใคร เข้ากับวัยทำงานขึ้นไปและผ่านอาจจะผ่านน้ำหอมสายอวลไม้และ Incense มาบ้างจะเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แบบวางตัวหน่อย เพราะกลิ่นมาสายดาร์กที่มีความขรึมและขลังสุขุมแกมอวลแบบที่ไม่ได้เข้าถึงง่ายแม้กลิ่นจะไม่เหมือนใคร แต่มู้ดของกลิ่นไม่ได้เข้ากับสาย Activity ลุยๆ แน่ๆ เช่นนั้นตัดการใส่สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนเหมาะกับการใส่ออกงานเสียมากกว่า แต่ถ้าไม่มายด์จะใส่ไปท่องราตรีก็ได้ เพียงแต่จะไม่ได้เป็นสายปล่อยพลังเรียกแขกแบบสายอวลหวานต่างๆ ก็เท่านั้นเอง
ความทน - อันนี้สิที่จัดจ้าน เพราะพื้นฐานยังไงก็ 8 ชม. แต่ไปต่อไปอีกจนถึง 15 ชม. ก็เรียกว่าเข้าข่ายการเป็นเรื่องปกติ ก็ Amouage นี่เนาะ เรื่องนี้เขาไม่พลาดอยู่แล้ว
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นราวๆ 10 นาที ก่อนที่จะลดลงมากระจายดีต่อราวๆ 1 ชม. ถึงเป็นปานกลางแบบอวลๆ ไปเรื่อยๆ จนแตะชั่วโมงที่ 6 แล้วจะกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป ก่อนจะเป็น Skin Scent อีกทีก็ราวๆ 10 - 12 ชม. ไปแล้ว
สรุป - ไม่ธรรมดา กลิ่นไม่ได้เป็นสายหนักหรือเข้มข้นจัดจ้านแบบกลุ่มโทนมีพลัง แต่เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกอวลอ้อยอิ่งแบบมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ถ่ายทอดความดาร์กออกมาได้กลางๆ ที่มีเสน่ห์ในความน่าค้นหาได้ดีมาก และที่สำคัญการสร้างเนื้อกลิ่นที่ให้ความเป็นโทนติดควันๆ มันทำให้เกิดความรู้สึกแบบห้วงคำนึงเสริมความน่าค้นหาของกลิ่นได้ดีมากๆ ด้วยเช่นกัน เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นของ Amouage ที่สร้างสรรค์ออกมาอย่างเยี่ยมยอดมาก
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://escentials.com/products/amouage-memoir-man