วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Review: Paul Sebastian – PS Fine Cologne

Paul Sebastian – PS Fine Cologne

หนึ่งในน้ำหอมที่มีความเหนือกาลเวลาคงอยู่มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1979 จนถึงปัจจุบันก็ยังคงความนิยมมาเสมอ รวมถึงเป็นน้ำหอมรุ่นแรกสุดของแบรนด์ Paul Sebastian อีกด้วย แม้ว่าปัจจุบันจะมาอยู่ใต้ร่มไม้ชายคาของเครือ Elizabeth Arden แล้ว แต่ก็ยังไม่หนีหายไปไหน คงความดีงามตามแบบที่ควรจะเป็นแบบที่ให้ความรู้สึกร่วมสมัยติดสดชื่นคลาสสิคมาตลอด ซึ่งรุ่นนี้ก็คือ PS Fine Cologne นั่นเอง

Top Notes มากันเต็มที่เลยทีเดียวกับความเป็นกลิ่นโทนสมุนไพรที่มีความกึ่งแน่นกึ่งโปร่งในระดับหนึ่ง กลิ่นจะมีความเป็นโทน Spicy ออกทางสมุนไพรกึ่งพริกไทยกำลังดีพุ่งมาก่อนเลย และมีความเแ็น Citrus หน่อยๆ ให้พอรู้สึกได้ ไม่เพียงเท่านี้ ตัวเด่นอีกตัวอย่างลาเวนเดอร์จะตีคู่มาชัดเจนเลยทีเดียว เพียงแต่จะเป็นลาเวนเดอร์ที่มาสายอะโรม่า ไม่ได้ออกทางเขียวสมุนไพรนัก มีความเป็นกลิ่นโทนลาเวนเดอร์ที่เกลามาในระดับหนึ่งทำให้ได้ความรู้สึกหอมนุ่มจมูกและสะอาดคมๆ จากการผสมผสานในช่วงนี้เต็มๆ ซึ่งเพียงไม่นานกลิ่นของโกฐจุฬาลัมพาหรือ Artemisia จะเริ่มดันขึ้นมา ถือเป็นการเข้าสู่ช่วงกลาง โดยเนื้อกลิ่นจะมีความเขียวติดขมให้พอรู้สึกก็จริง แต่จะมีความเป็นโทนดอกไม้ของมะลิและกระดังงา เสริมเข้ามาด้วย เรียกว่ารับช่วงต่อกันเป็นอย่างดีทั้งความเป็นโทนสมุนไพรและโทนดอกไม้ กลิ่นจะมีความหอมนวลๆ เขียวกลั้วนุ่ม กลั้วนวลยืนพื้นที่ความสะอาดหอมสบายๆ แต่มีความแมนที่จะเริ่มจับได้ชัดเจนมากขึ้น จากกลิ่นของ Oak Moss ที่มาแบบติดสากเท่ห์กำลังดีทำให้กลิ่นมีความเป็นโทน Classic เจือไปตลอด โดยรองพื้นด้วยกลิ่นอายสะอาดแบบนวลๆ ของ Musk และจะมีความอบอุ่นจางๆ จากไม้หอมแนวๆ ไม้จันทน์หอมติดโทนแอมเบอร์แบบบางๆ ทำให้กลิ่นมีโทนสุภาพบุรุษสะอาดสะอ้านสบายกลั้วกับอบอุ่นเบาๆ ไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิว

เหมาะสำหรับ ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว เพราะกลิ่นแม้จะมีความเป็น Retro Classic ตามสไตล์น้ำหอมยุค 70 – 80 แต่ก็มีความสะอาด สดชื่น ติดนุ่มแมนๆ เป็นที่ตั้งที่ยังไงก็รอดและร่วมสมัยได้ตลอด จึงเหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นมาสายติดภูมิฐานหน่อยๆ ก็ได้ จะสบายๆ ก็สามารถ และใส่ออกกำลังกายยังได้เลยเพราะกลิ่นมันมีความสะอาด เรียกว่ากวาดหมดในทุกช่วงเวลายามกลางวันได้หมด ส่วนยามค่ำคืนสามารถใส่ได้สบายๆ กับสถานการณ์ทั่วๆ ไป แต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีเพื่อปล่อยเสน่ห์ส่วนบุคคลนัก เพราะแม้ว่าจะมีความเย้ายวนเจือๆ อยู่บ้างจากโทนดอกไม้ แต่ก็ไม่ได้โจ่งแจ้งมากพอที่จะเรียกแขกซักเท่าไหร่ เน้นใส่สบายๆ ทั่วไป หอมแบบสบายๆ กึ่งมีภูมิหน่อยๆ จะดีกว่า 

ความทน มาในสไตล์ Cologne ก็จริง แต่ก็พื้นฐานของความเข้มข้นคือ EDT ตามสไตล์ยุคก่อนที่มักเรียกน้ำหอมชายที่เป็น EDT ว่า Cologne ความทนเลยน่าพึงพอใจกับประมาณ 8 ชม. ได้เลย อาจจะมีบวกลบไปบ้างอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ราวๆ 10 ชม. ได้เลยกับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์ รวมฉีดเสื้อที่สวมด้านหน้าด้วย

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นตามสไตล์น้ำหอมชายสไตล์ Classic อยู่แล้ว ก่อนจะลดลงมาเป็นกระจายปานกลางสะอาดๆ มีความร่วมสมัยกำลังดี แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวให้ความรู้สึกสะอาด แมน ภูมิฐานแบบที่ไม่ได้ถึงกับผู้ใหญ่จัดๆ มากเกินไป พอพ้นซัก 6 – 8 ชม. ไปแล้วจะเป็น Skin Scent

ทิ้งท้าย ทำกลิ่นออกมาได้สมดุลมากเลยทีเดียว หอมแบบเข้าถึงได้ง่ายแม้จะมีความเป็นโทน Classic อยู่ก็ตาม แต่ก็วางตัวน้ำหอมเองให้เป็นแนวที่ร่วมสมัยได้อีกด้วยจากโทนนุ่มๆ แกมสะอาดอบอุ่นแบบผู้ชายแมนๆ ดู Nice และเข้าถึงได้ง่าย ไม่แปลกใจว่าทำไมตัวนี้ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by https://images-na.ssl-images-amazon.com/images/I/51sAdt7Nh2L._SL1000_.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น