Paul Sebastian – PS Fine Cologne
หนึ่งในน้ำหอมที่มีความเหนือกาลเวลาคงอยู่มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1979 จนถึงปัจจุบันก็ยังคงความนิยมมาเสมอ
รวมถึงเป็นน้ำหอมรุ่นแรกสุดของแบรนด์ Paul Sebastian อีกด้วย
แม้ว่าปัจจุบันจะมาอยู่ใต้ร่มไม้ชายคาของเครือ Elizabeth Arden แล้ว
แต่ก็ยังไม่หนีหายไปไหน คงความดีงามตามแบบที่ควรจะเป็นแบบที่ให้ความรู้สึกร่วมสมัยติดสดชื่นคลาสสิคมาตลอด ซึ่งรุ่นนี้ก็คือ PS Fine Cologne นั่นเอง
Top Notes มากันเต็มที่เลยทีเดียวกับความเป็นกลิ่นโทนสมุนไพรที่มีความกึ่งแน่นกึ่งโปร่งในระดับหนึ่ง
กลิ่นจะมีความเป็นโทน Spicy ออกทางสมุนไพรกึ่งพริกไทยกำลังดีพุ่งมาก่อนเลย
และมีความเแ็น Citrus หน่อยๆ ให้พอรู้สึกได้ ไม่เพียงเท่านี้
ตัวเด่นอีกตัวอย่างลาเวนเดอร์จะตีคู่มาชัดเจนเลยทีเดียว
เพียงแต่จะเป็นลาเวนเดอร์ที่มาสายอะโรม่า ไม่ได้ออกทางเขียวสมุนไพรนัก
มีความเป็นกลิ่นโทนลาเวนเดอร์ที่เกลามาในระดับหนึ่งทำให้ได้ความรู้สึกหอมนุ่มจมูกและสะอาดคมๆ
จากการผสมผสานในช่วงนี้เต็มๆ ซึ่งเพียงไม่นานกลิ่นของโกฐจุฬาลัมพาหรือ Artemisia
จะเริ่มดันขึ้นมา ถือเป็นการเข้าสู่ช่วงกลาง
โดยเนื้อกลิ่นจะมีความเขียวติดขมให้พอรู้สึกก็จริง แต่จะมีความเป็นโทนดอกไม้ของมะลิและกระดังงา
เสริมเข้ามาด้วย เรียกว่ารับช่วงต่อกันเป็นอย่างดีทั้งความเป็นโทนสมุนไพรและโทนดอกไม้
กลิ่นจะมีความหอมนวลๆ เขียวกลั้วนุ่ม กลั้วนวลยืนพื้นที่ความสะอาดหอมสบายๆ
แต่มีความแมนที่จะเริ่มจับได้ชัดเจนมากขึ้น จากกลิ่นของ Oak Moss ที่มาแบบติดสากเท่ห์กำลังดีทำให้กลิ่นมีความเป็นโทน Classic เจือไปตลอด โดยรองพื้นด้วยกลิ่นอายสะอาดแบบนวลๆ ของ Musk และจะมีความอบอุ่นจางๆ จากไม้หอมแนวๆ ไม้จันทน์หอมติดโทนแอมเบอร์แบบบางๆ
ทำให้กลิ่นมีโทนสุภาพบุรุษสะอาดสะอ้านสบายกลั้วกับอบอุ่นเบาๆ
ไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิว
เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว
เพราะกลิ่นแม้จะมีความเป็น Retro Classic ตามสไตล์น้ำหอมยุค 70
– 80 แต่ก็มีความสะอาด สดชื่น ติดนุ่มแมนๆ
เป็นที่ตั้งที่ยังไงก็รอดและร่วมสมัยได้ตลอด จึงเหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวัน
ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นมาสายติดภูมิฐานหน่อยๆ ก็ได้ จะสบายๆ
ก็สามารถ และใส่ออกกำลังกายยังได้เลยเพราะกลิ่นมันมีความสะอาด
เรียกว่ากวาดหมดในทุกช่วงเวลายามกลางวันได้หมด ส่วนยามค่ำคืนสามารถใส่ได้สบายๆ
กับสถานการณ์ทั่วๆ ไป แต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีเพื่อปล่อยเสน่ห์ส่วนบุคคลนัก
เพราะแม้ว่าจะมีความเย้ายวนเจือๆ อยู่บ้างจากโทนดอกไม้
แต่ก็ไม่ได้โจ่งแจ้งมากพอที่จะเรียกแขกซักเท่าไหร่ เน้นใส่สบายๆ ทั่วไป
หอมแบบสบายๆ กึ่งมีภูมิหน่อยๆ จะดีกว่า
ความทน – มาในสไตล์ Cologne ก็จริง
แต่ก็พื้นฐานของความเข้มข้นคือ EDT ตามสไตล์ยุคก่อนที่มักเรียกน้ำหอมชายที่เป็น
EDT ว่า Cologne ความทนเลยน่าพึงพอใจกับประมาณ
8 ชม. ได้เลย อาจจะมีบวกลบไปบ้างอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด
ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ราวๆ 10 ชม. ได้เลยกับจำนวนสเปรย์ 6
สเปรย์ รวมฉีดเสื้อที่สวมด้านหน้าด้วย
การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้นตามสไตล์น้ำหอมชายสไตล์
Classic อยู่แล้ว ก่อนจะลดลงมาเป็นกระจายปานกลางสะอาดๆ
มีความร่วมสมัยกำลังดี แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวให้ความรู้สึกสะอาด แมน
ภูมิฐานแบบที่ไม่ได้ถึงกับผู้ใหญ่จัดๆ มากเกินไป พอพ้นซัก 6 – 8 ชม. ไปแล้วจะเป็น Skin Scent
ทิ้งท้าย – ทำกลิ่นออกมาได้สมดุลมากเลยทีเดียว
หอมแบบเข้าถึงได้ง่ายแม้จะมีความเป็นโทน Classic อยู่ก็ตาม
แต่ก็วางตัวน้ำหอมเองให้เป็นแนวที่ร่วมสมัยได้อีกด้วยจากโทนนุ่มๆ
แกมสะอาดอบอุ่นแบบผู้ชายแมนๆ ดู Nice และเข้าถึงได้ง่าย
ไม่แปลกใจว่าทำไมตัวนี้ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit by https://images-na.ssl-images-amazon.com/images/I/51sAdt7Nh2L._SL1000_.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น