วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Review: Strangers Parfumerie - Iridescent Sky


Strangers Parfumerie - Iridescent Sky

เวลาที่เราเจอน้ำหอมกลิ่นอาย Summer ต่างๆ เรามักจะเจอกลิ่นอายแบบทะเล สดชื่น แบบคิดอะไรไม่ออกก็บอกโทน Aquatic หรือไม่ก็ Citrus Sea Breeze ต่างๆ แต่เอาจริงๆ ความเป็น Summer มันก็ไม่ได้เอะอะก็ต้องทะเล เพราะมีอีกหลายสภาพแวดล้อมในฤดูร้อนที่สามารถเอามาเป็นหนึ่งในการสร้างสรรค์กลิ่นได้ ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้า สวน ชมดอกไม้ รีสอร์ท วิวทิวทัศน์ของเมือง ค็อกเทลปาร์ตี้ ท่องเที่ยวเทศกาลต่างๆ ท้องฟ้าอันสดใสเคล้าปุยเมฆของฤดูร้อน และอื่นๆ อีกมาก ซึ่งก็เอามาเป็นหนึ่งในการสร้างสรรค์น้ำหอมได้หมด และหลายๆ แบรนด์ก็ได้ทำมาแล้วนักต่อนักที่เจาะจงไม่ได้เป็นเพียงแค่ Summer ที่ทะเล โดยเฉพาะแบรนด์ Niche Perfume ต่างๆ

และ Strangers Parfumerie ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ดึงเอาความเป็น Summer ออกมาในรูปแบบต่างๆ แล้วสร้างสรรค์กลิ่นลงสู่ขวดถึง 5 กลิ่น ซึ่งได้มีการเล่ากลิ่นไปแล้ว 1 รุ่นกับการเป็นฤดูร้อนแบบญี่ปุ่นอย่าง Kira Kira และคราวนี้ก็ได้เวลาของตัวที่ 2 ที่พร้อมเล่ากับการเป็นกลิ่นอายสาย City View เขตเมืองใหญ่กับท้องฟ้าอันสดใสเคล้าปุยเมฆ ซึ่งกลิ่นจะถ่ายทอดออกมาอย่างไร ว่ากันกับรุ่นนี้เลย Iridescent Sky

เปิดมาก็เริ่มกันกับความ Juicy แบบน้ำผลไม้กันเลย ซึ่งได้ความสดใสมาแบบเต็มๆ โดยจะแยกกลิ่นออกมาได้เป็น 3 ส่วน คือ

  • โทนผลไม้ เด่นที่สับปะรดหอมหวานแต่ไม่ได้ถึงกับฉ่ำมากที่มีโทนออกทางบลูเบอร์รี่ติดเปรี้ยวอมหวานหน่อยๆ อารมณ์แบบน้ำบลูเบอร์รี่สับปะรด
  • โทน Citrus ที่เด่นเชียวกับส้มโอที่วูบขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นติดฉ่ำเปรี้ยวสดชื่นน้ำเลมอน
  • โทนออกทางเมทัลลิคโลหะแกม Smoky ที่แทรกเนียนเสมือนฐานกลิ่นของน้ำหอม

ซึ่งทั้งหมดจะผสมผสานกันแบบที่ได้อารมณ์สดชื่นออกทางแนวพันช์สดชื่นกับผลไม้ที่ได้ทั้งความเปรี้ยว หวาน และสดใส แต่มีกิมมิคที่ทำให้ไม่ได้ดูเป็นน้ำผลไม้เกินไปจากโทนโลหะแกมกลิ่นควันเนียนๆ เลยทำให้เนื้อกลิ่นมีความเป็นสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างชัดเจนเข้ามาร่วมด้วย ถือว่าเป็นการเปิดต้นกลิ่นที่สร้างความสดใส สดชื่น และมีความเป็นเมืองสไตล์ City View ได้ชัดเจนเลย

สิ่งหนึ่งต้องยอมรับเลยว่ากลิ่นโทนสไตล์น้ำผลไม้ Juicy ต่างๆ จะยังคงตัวในการเป็นตัวหลักเดินกลิ่นกันแบบยาวๆ เพียงแต่เนื้อกลิ่นในช่วงกลางจะลดทอนความฉ่ำลง มาเป็นโทนที่ติดฝาดอมเปรี้ยวคล้ายมะขามป้อมแกมกลิ่นฝาดดาร์กซีทรูของชาดำที่เข้ามาตัดทอนสร้างความอะโรม่าให้กลิ่นมีโทนที่ไม่ได้เป็นน้ำผลไม้เพียงอย่างเดียว แต่มีอย่างอื่นมาผสมผสานและมีสเต็ปการเดินทางของกลิ่นที่มีสไตล์ฉีกออกมาจากกความ Juicy ที่มีอยู่เดิม ซึ่งเนื้อกลิ่นเริ่มมีโทนแป้งติดทึบที่ให้วูบกลิ่นออกทาง Earthy บางวูบได้อารมณ์แบบกลิ่นคอนกรีตต้องแดดหน่อยๆ แกมกลิ่นกุหลาบนวลเรื่อๆ ให้รู้สึก และจะเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นหญ้าแฝกที่ให้ความ Earthy ติดไม้แห้งๆ เสริมขึ้นมาร่วมด้วย เลยทำให้มิติกลิ่นจะมีหลากหลายพอสมควรยืนพื้นที่กลิ่นออกทางเป็นผลไม้แกม Citrus ที่อยู่บนสุด ตามด้วยกลิ่นออกทางคล้ายแร่ธาตุแกมกลิ่นแป้งทึบออกทางคอนกรีตหน่อยๆ เคล้ากลิ่นเมทัลลิคออกทางโลหะแต่เย็นๆ และรองพื้นด้วยกลิ่นโทน Earthy ของหญ้าแฝกที่ให้โทนไม้แห้งๆ ที่กลิ่นชัดเจน มีพลังกำลังดีแบบสร้างบาเรียรอบตัวผู้ใช้ในเรื่องของกลิ่นที่สดชื่นก็ได้ เป็นสภาพแวดล้อมอวลๆ ก็ดีประมาณนั้น

ในช่วงท้ายการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นจะชัดเจนพอสมควร เพราะว่าโทนน้ำผลไม้ Juicy จะเริ่มเบาลงไปเหลือประปรายแล้วแต่เนื้อกลิ่นจะมีความชัดเจนมากขึ้นในการเป็นโทน Metallic Smoky Musky ที่จะมี 3 โทนนี้ให้จับต้องได้ทั้งหมด เพราะกลิ่นจะมีความนิ่งมากขึ้น เนื้อกลิ่นมีความสะอาดนวลติดโปร่งหน่อย เพราะ Musk ที่จับต้องได้จะมีอารมณ์แบบติดเขียวหน่อยๆ ซึ่งน่าจะเป็นตัว Ambrette ที่จะให้โทน Musk กึ่งเขียวผัก ซึ่งพอเจอกับโทนเมทัลลิคที่เย็นๆ และมีกลิ่นอาย Smoky และเสริมโทนด้วยกลิ่นที่ตามมาจากช่วงกลางแนวกึ่งแป้งกึ่งแร่ธาตุแนวคอนกรีตและไม้แห้งๆ เลยทำให้ได้ความรู้สึกแนวนิ่งๆ แกมสะอาดเคล้ากลิ่นโลหะแบบกำลังดี และมีกลิ่นอายสภาพแวดล้อมของเมืองเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งถือเป็นช่วงปิดท้ายที่ให้ความเรื่อยๆ นิ่งๆ ชิลล์ๆ สบายๆ แบบที่เป็น Summer แบบที่มีลมโกรกสบายๆ ลอยมาปะทะร่างกายตลอด แบบที่ไม่ใช่ Summer ณ กรุงเทพ แต่เป็น Summer ของเมืองนอกแถวอเมริกาหรือยุโรปอะไรประมาณนั้น 

เหมาะสำหรับ - Unisex แต่ค่อนไปทางผู้ชายมากกว่าหน่อย เมื่อผ่านช่วงต้นไปแล้ว ซึ่งถ้าสาวๆ ไม่มายด์ใส่ได้สบายมาก เพราะกลิ่นมีความเก๋ๆ เข้ากับไลฟ์สไตล์คนเมืองพักผ่อนเพลินๆ ชิลล์ๆ กับน้ำผลไม้หรือน้ำพันช์แนวๆ นั้น ซึ่งกลิ่นจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการก็ใช้ได้สบายมาก แต่ให้ผ่านช่วงต้นไปนิดนึงจะเวิร์คกว่า แต่ทั่วๆ ไปที่ใส่ได้แบบสไตล์ Daily Scent ที่มีความเก๋และ Unique ก็ยังได้ ซึ่งเนื้อกลิ่นอาจจะไม่ค่อยเข้ากับใส่เพื่อออกกำลังกายนัก แต่ถ้ารอช่วงท้ายๆ ก็พอได้อยู่ ส่วนถ้าจะเอากลิ่นนี้ไปใส่เพื่องานปาร์ตี้แบบ Outdoor ไม่ว่าจะยามไหน บอกเลยใส่ได้หมดลงตัวมากๆ ด้วย แต่ถ้าจะใส่ท่องราตรีเน้นขับเสน่ห์ อันนี้จะไม่ได้ชัดในสายนั้นนัก ข้ามไปน่าจะดีกว่า

ความทน - อันนี้ก็เด็ดไม่แพ้เรื่องอื่น เพราะว่า 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ให้จับต้องได้ตลอด และยาวไปถึง 15 ชม. ซึ่งยังไงก็แตะที่ 8 ชม. ได้สบายมาก  

การกระจาย - ดีมากในช่วงต้น แล้วจะผ่อนมาที่กระจายดีแบบคงตัวยาวไปราว 4 ชม. ถึงค่อยลงมาปานกลางกันไปเรื่อยๆ พอพ้นซัก 7 ชม. แล้วถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันไปเรื่อยๆ

สรุป - Iridescent Sky ทำให้นึกถึงกลิ่นนึงที่เคยผ่านมาแบบ Limited Edition ของแบรนด์ PRYN PARFUM อย่างรุ่น Indium B.o.B (สุคนธกรคนเดียวกัน) ที่เนื้อกลิ่นไล่สเต็ปใกบ้เคียงกัน เพียงแต่กลิ่นของ Iridescent Sky จะมีเนื้อกลิ่นโทนผลไม้มีความแตกต่างเพราะความเป็น Citrus ค่อนข้างคุมเนื้อกลิ่นภาพรวมแนวสดใสได้ชัดเจนกว่า และมีความเป็น City View มากกว่ารุ่น Indium B.o.B ที่จะเหมือนเราอยู่ในสถานที่เปิดแบบเก๋ๆ ชิคๆ คูลๆ มีตกแต่งด้วยโลหะเคล้าค็อกเทลชิลล์ๆ ที่ไพล่ไปทางผู้ชายมากกว่าเพราะเขาตอบโจทย์กลิ่นที่สอดรับ Project: Boys of Bangkok เช่นนั้น โทนกลิ่นมีความใกล้เคียง แต่ต่างอารมณ์กันออกไปและเก๋ไปคนละแบบ แต่ก็พอทดแทนกันได้อยู่นะ เพราะว่าตอนนี้ Indium B.o.B ไม่มีจำหน่ายอีกแล้ว 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.prinlomros.com/collections/strangers-parfumerie/products/iridescent-sky 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น