วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2566

Review: Pepe Jeans for Her

Pepe Jeans for Her

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดที่ทำให้ตัดสินใจในการซื้อหาน้ำหอมกลิ่นนี้มาลอง นั่นคือ ขวดทรงรูปแก้วค็อกเทล ที่ทำให้ไม่สนใจเลยว่ากลิ่นจะเป็นอย่างไร เรียกว่าดาบหน้ากันพอสมควร แต่เพราะว่าเคยผ่านการใช้งานกลิ่นทางฝั่งผู้ชายในรุ่น Celebrate for Him มาแล้ว เลยคิดว่าเนื้อกลิ่นน่าจะมีเสน่ห์แน่นอน เพราะในเรื่องยีนส์ Pepe Jeans เองก็ไม่เป็นสองรองใครและได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานเสมอ

แต่ก่อนที่จะไปเข้าเรื่องกลิ่น มาว่ากันที่เรื่องราวคร่าวๆ กันก่อนว่า Pepe Jeans for Her เป็นน้ำหอมที่ออกมาวางจำหน่ายแบบ Duo คู่กับน้ำหอมฝั่งชายอย่าง Pepe Jeans for Him ที่ถือเป็นการกลับมาสู่ตลาดน้ำหอมอีกครั้งหลังจากหยุดไป 18 ปี ซึ่งกลับมาก็เรียกแขกด้วยทรงขวดแบบแก้วค็อกเทลในฝั่งผู้หญิง และทรงขวดแบบเชคเกอร์ผสมค็อกเทลทางฝั่งชาย และปัจจุบันนี้ก็ต่อยอดออกวางจำหน่ายกลิ่นใหม่มาเรื่อยๆ เช่นนั้น มาว่ากันที่ Pepe Jeans for Her กันว่าจะถ่ายทอดกลิ่นออกมาในลักษณะไหน สิ่งที่ได้รับจากการใช้งานจริงก็คือ

เปิดต้นกลิ่นมาก็ให้ความรู้สึกที่เป็นลักษณะแบบค็อกเทลหวาน + ขนมเลย เพียงแต่จะมีความสดชื่นมาก่อน ซึ่งแกนหลักของกลิ่นจะจับต้องได้ชัดเจนเลยนั่นคือ Vodka ที่จะเป็นเสมือนหลักในการให้อารมณ์กลิ่นแนวสไตล์เครื่องดื่มค็อกเทล โดยความสดชื่นที่ว่าจะเป็นกลิ่นน้ำส้มที่เสริมเข้ามาแบบเรียกความหวานอมเปรี้ยว แกมกลิ่นออกทางกึ่งไซรัปวานิลลากึ่งอัลมอนด์หน่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างชัดเจนคือ กลิ่นออกทางแป้งติดหวานที่มีความเป็นวานิลลากึ่งนมอ่อนๆ ของมาร์ชเมลโล่ นี่แหละ ที่ค่อนข้างชัดเจนตีคู่ผสมผสานไปกับกลิ่นโทนค็อกเทล Vodka น้ำส้มติดหวานวานิลลา ทำให้กลิ่นเปิด ชัดเจนมากว่า Fiminine และมีความเป็นโทนกึ่งลั่นล้า กึ่งหวาน แบบเก๋ๆ กำลังดี

การเข้าสู่ช่วงกลางจะมีการเปลี่ยนแปลงตรงที่กลิ่นของน้ำส้มจะหายไป กลายเป็นกลิ่น Vanilla Vodka ที่ให้ความเป็นค็อกเทลแนวหวานหอมแกมอบอุ่น แต่แน่นอนว่ายังมีกลิ่นมาร์ชเมลโล่ที่ยังคลอไปด้วยอยู่เช่นเดิม ซึ่งช่วงนี้ถือว่าเป็นโทนหวานและมีความเป็นโทนขนมของกินติดครีมมี่แกมแป้ง โดยจะชัดเจนทั้งในการเป็นกลิ่นแนวเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีความนมๆ กึ่งอัลมอนด์กึ่งวานิลลา กับการเป็นขนมของมาร์ชเมลโล่ แต่ไม่หนักเกินไป เลยให้ความพอดีระหว่างความหวาน ความน่ารัก และความลั่นล้าแบบเหมาะสมแบบที่สร้างความพึงใจได้ไม่ยาก ซึ่งตรงนี้ถือเป็นข้อดีจริงๆ ที่ไม่หนักหน่วงหวานเยิ้มเกินไป เลยไม่อึดอัดกับการใช้งานง่ายๆ สำหรับคนชอบกลิ่นแนวหวานและขนม

การเปลี่ยนแปลงในโทนหวานจะเริ่มผ่อนตัวลงตามลำดับในช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะเริ่มมีโทนอบอุ่นมากขึ้น และมีความเป็นกลิ่นนวลสะอาดของ Musk เข้ามาเสริม ซึ่งทำให้เนื้อกลิ่นมีลูกผสมระหว่างความเป็นโทนแบบผิวกายนุ่มสะอาดสไตล์ Musky แกมกลิ่นหวานอ่อนๆ ระเรื่อที่เป็นโทนวานิลลาหน่อยๆ ที่ให้ความเป็นโทนแป้งเข้ามาร่วมด้วย โดยมีออร่าความอบอุ่นประปรายให้จับต้องได้ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ Nice มากในการใช้งาน และให้ความหอมที่พอดีและเหมาะสมแบบที่ทำให้คนใช้พึงใจได้ไม่ยาก

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยตั้งแต่เรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็ใช้งานกลิ่นนี้ได้สบายมาก เนื้อกลิ่นแม้จะเป็นโทนขนมแกมแป้งที่เสริมความเป็นค็อกเทลลงไปก็จริง แต่ก็ไม่หนักเกินไป ทำให้มีความเป็นโทน Daily Scent สูง โดยสามารถใช้ได้ทั้งยามทั่วไป ทำงาน Office หรือว่าลั่นล้าก็ได้สบายมาก แต่ที่ไม่เหมาะเลยก็คือการใส่แบบทางการจัดๆ หรือว่าใส่ออกกำลังกาย กลิ่นแบบนี้ไม่เข้าทางเท่าไหร่ ส่วนถ้าเป็นยามค่ำคืน ใส่แบบทั่วไปอันนี้ยังไงก็รอด แต่ถ้าจะใส่ไปท่องราตรี เพิ่มสเปรย์หน่อยเพื่อไปสู้กับสายหวานเยิ้มจัดหนักก็ผ่านมาตรฐานได้สบายมาก

ความทน - เรื่องนี้ทำได้ลงตัวมากกับพื้นฐานที่ 8 ชม. และไปต่อได้อีก โดยขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้เป็นสำคัญ โดยส่วนตัวเจอไปที่ 10 ชม. เป็นเรื่องปกติในการใช้งาน

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในประมาณ 5 - 10 นาทีแรก ก่อนจะผ่อนลงมากระจายดีไปราวๆ 20 นาที ถึงลงมาเป็นปานกลางไปราวๆ 3 ชม. แล้วจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปจนถึงชั่วโมงที่ 6 ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลงมาเป็น Skin Scent ตามลำดับ

สรุป - ปรามาสไม่ได้ แม้จะเป็นกลิ่นสายหวาน และมีความเป็นขนมแกมแป้ง แต่มีลูกเล่นที่ความเป็น Vodka เข้ามาสร้างกลิ่นแนวลั่นล้า Playful เนียนๆ ได้อย่างเหมาะสมและลงตัว โดยที่ไม่ได้ใช้ยากและสร้างความพึงใจได้ไม่ยาก แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องชมมากๆ เลยคือ ขวด มีความเก๋และสวยมากจริงๆ ต้องยอมเรื่องนี้เลย   

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.pepejeans.com/en_nl/pepe-jeans-life-is-now-women-parfum-PLF10003.html?dwvar_PLF10003_color=0AA&cgid=WA10

 

วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2566

Review: Perfume.Sucks - Green

Perfume.Sucks - Green

เพียงแค่ชื่อแบรนด์ก็เรียกว่าเปรี้ยวเยี่ยวราดกันเลยทีเดียว เพราะถึงกับบอกกันโต้งๆ เลยว่าน้ำหอมห่วย แต่เอาจริงๆ การตั้งชื่อเรียกตรีนแบบนี้ เอาจริงๆ น่าจะเป็นการเรียกความสนใจเสียมากกว่าให้มาลองดูว่าห่วยจริงหรือเปล่า ซึ่งจริงๆ ที่มาที่ไปของแบรนด์นี้ คือ การสร้างสรรค์กลิ่นที่ให้ผู้ใช้เอาไปเบลนด์กับคาแรคเตอร์ของตัวเอง โดยสร้างเรื่องราวทางกลิ่นของตัวเองจากน้ำหอมของแบรนด์ที่เลือกใช้ ไม่ว่าจะออกมาดีหรือ ตั่งโป๊ะ! ผู้ใช้นั่นแหละที่เลือกเองในการสร้างเสน่ห์แบบนั้นๆ ออกมา

และเมื่อได้มาเจอกับแบรนด์นี้ เรียกว่าความน่าสนใจก็มาเต็มไม่น้อย เพราะชื่อแบรนด์เตะเข้าเบ้าตาสุดๆ ไม่พอ เนื้อกลิ่นยังมีความน่าสนใจว่าจะครีเอทเรื่องราวเวลาที่ใช้แล้วออกมาเป็นแบบไหน เมื่อมีโอกาสได้ลองเป็นครั้งแรกกับแบรนด์นี้ในกลิ่น Green ที่เอากัญชามาเป็นตัวแรกแขก ก็ต้องมาเล่าซักหน่อยว่าจะออกมาเป็นอย่างไร

Green เปิดออกมาก็สร้างอารมณ์กลิ่นที่เขียวกึ้ง Smoky ชัดเจนมาก ซึ่งในช่วงเปิดต้องยกให้กลิ่นของกัญชาที่ไม่ได้มาแบบกัญชาพร้อมดูดคมแปร่งขนาดนั้น แต่เป็นอารมณ์ควันกัญชาที่ Smoky ติดขมกึ่งถั่วหน่อยๆ มีความหวานของเม็ดกระวานเข้ามา พร้อมกับกลิ่นโทนผลไม้รองพื้น นี่แหละที่สร้างอารมณ์หวานอมเปรี้ยวในเนื้อกลิ่น ตามด้วยกาแฟมาทำให้กลิ่นมีลูกเอื้อนความขมในความแปร่งเขียว โดยที่จะมีโทนควัน Incense ที่ติดปร่าๆ แกมทึบอวลหน่อยๆ ทำให้กลิ่นเปิดบอกเลยว่า เออ ควันกัญชาที่ผสมกลิ่นผลไม้ที่แปลก เก๋ และมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด ซึ่งบอกเลยว่าช่วงต้นหลายๆ คนที่ไม่ได้คุ้นชินกับกลิ่นแนวๆ นี้ อาจจะแบบว่าแพ้บายไปกันตั้งแต่ตอนนี้เอาได้

เมื่อกลิ่นเดินทางเข้าสู่ช่วงกลาง ตอนนี้เรียกว่ามหกรรมความนัวอย่างแท้ทรู เพราะจะเป็นลูกผสมที่เอาโทนช่วงต้นมาทั้งหมด แต่เพิ่มความนัวของกลิ่นโทนผลไม้ + ดอกไม้เข้าไป ซึ่งตัวเด่นเลยต้องให้ยกให้ Davana ที่เป็น Artemisia ประเภทหนึ่งที่จะให้ความหวานออกทางฟรุตตี้กึ่งดอกไม้ โดยมีความเขียวขมแทรกอยู่ตลอดสร้างความนัวๆ หวานเย้าลึกในเนื้อกลิ่น ตามด้วยกลิ่นของมะม่วงสุกที่ให้ความหวานลึกเสริมเข้าไปอีก กลิ่นเลยนัวฟรุ๊ตตี้เขียวขมไหม้ติดควัน Smoky เต็มๆ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะยังมีความปร่าหวานโปร่งๆ ของขิงที่ทำให้กลิ่นไม่ได้ข้นจัด และมีกลิ่นหวานอมเปรี้ยวโปร่งๆ ของแมกโนเลียที่ทำให้กลิ่นยังมีความสว่างอยู่บ้าง ไม่ได้ลึกดาร์กเกินไป แต่ยังไงภาพรวมต้องบอกเลยว่า มีความนัว อวล ที่ให้ความเขียวเข้ม ขม หวาน เปรี้ยว ไหม้ ควัน ปร่า โดยทั้งหมดมีมิติจากโปร่งสู่ลึกได้อย่างไม่ธรรมดาและทรงพลังมากเลยทีเดียว

นี่ว่าช่วงกลางอวลแล้ว ช่วงท้ายก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะการปรับเนื้อกลิ่นเข้าสู่ช่วงท้ายจะสัมผัสถึงกลิ่นอวลอุ่นแกมไม้หอมที่มีความหนาติดเค็มหน่อยๆ เสริมเข้ามาเรื่อยๆ แล้วก็จะชัดเจนเลยในการเป็น Ambroxan ที่ให้อารมณ์กลิ่นแบบอำพันปลาวาฬที่ติดเค็มผสมไม้หอมแห้งอวลอุ่นๆ ซึ่งยิ่งมีกลิ่นออกทางแอมเบอร์ลึกๆ ของยางไม้อย่าง Labdanum มาเสริมอีกกลิ่นนยิ่งชัดเจนในการเป็นโทน Amber ในภาพรวม แถมยังเทคโอเวอร์กลิ่นในช่วงต้นกับกลางไปแบบเกือบทั้งหมดอีกด้วย ซึ่งจะเหลือกลิ่นออกทางเขียวติดไหม้ Smoky หน่อยๆ แกมหวานลึกที่เนียนไปกับกลิ่นอวลอุ่นนี้อยู่ นอกจากนี้เนื้อกลิ่นไม่ได้มีแค่ความเป็น Ambroxan แต่มีกลิ่นออกทางกึ่งแป้งอัลมอนด์กึ่งวานิลลาที่เข้ามาผสมผสานอยู่ด้วยที่ทำให้กลิ่นมีตวามหนาอวลขึ้นมาอีกหนึ่งเสต็ป ซึ่งมิติกลิ่นจะไล่โทนจากอวลไม้ติดเค็มที่แฝงความเขียวขมแกมหวานไหม้ ก่อนที่จะจับต้องถึงความเป็มโทนแอมเบอร์กึ่งแป้งอวลที่รองพื้น ซึ่งเรียกว่าไม่มีคำว่ายอมใครจริงๆ กลิ่นให้ความเป็นโทนทันสมัยและปล่อยของแบบที่ไม่ได้เน้นความแผ่ไพศาล แต่เดินไปไหนกลิ่นก็ส่งต่อให้ผู้คนรับรู้ได้ไม่ยาก

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่กลิ่นเรียกว่าอยู่เหนือเพศในการใช้งานชัดเจน อารมณ์คาแรคเตอร์กลิ่นเด่นกว่าเพศประมาณนั้น ทำให้ไม่ว่าเพศไหนอยากใช้ก็จัดไป มีความแตกต่างมากจริงจัง ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป หรือว่าใส่ทำงาน Office ก็ได้อยู่ เพียงแต่จำนวนสเปรย์เหมาะสมนิดนึง เพราะว่ากลิ่นมีความสตรองในตัวเองสูง แม้ว่าจะไม่ได้มาสายปล่อยพลังรอบทิศ แต่อวลแน่นกับผู้ใช้จัดจ้านไม่น้อย เดี๋ยวตึ้บเอาเสียก่อน ยามถึงยามค่ำคืนที่ถ้าจะใส่เรียกร้องความสนใจ บอกเลยว่าจัดไป กลิ่นมีดีที่ความปล่อยของนี่แหละ แต่สิ่งที่ให้ยกเว้นไปได้เลยคือการใส่ยามทางการและใส่เพื่อออกกำลังกาย มันไม่ได้จริงๆ เพราะจะโดนหาว่าปุ๊นมาก็ได้ หรืออาจจะตีขึ้นจนเป็นลมไปก่อนได้

ความทน - จัดจ้านจริงๆ เพราะ 15 ชม. แล้วกลิ่นก็ยังตีขึ้นชัดอยู่เลย และอาบน้ำไปแล้วกลิ่นก็ยังติดผิวอ่อนๆ อยู่ เช่นนั้น เรื่องนี้หายห่วง ทนจริงอะไรจริง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้นยาวไปราวๆ 1 ชม. ก่อนที่จะลดลงมากระจายดีต่อเนื่องไปอีก 4 ชม. แล้วถึงลดลงมาเป็นปานกลางไปจนราวๆ ชั่วโมงที่ 8 จึงค่อยๆ ลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวอวลๆ ไปเรื่อยๆ 

สรุป - ความเก๋แปลกไม่เหมือนใคร อันนี้มาชัดมาเต็ม แต่ความ Nice อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ทุกคน เพราะเนื้อกลิ่นอวลจริงอะไรจริง และมีคาแรคเตอร์ในตัวเองสูงแบบที่คนใช้อาจจะต้องปรับคาแรคเตอร์ตัวเองไปด้วย หรือไม่ก็ต้องสตรองระดับหนึ่งที่จะให้กลิ่นนี้เป็นตัวเสริมเรื่องราวของผู้ใช้ผ่านกลิ่นนี้ส่งต่อให้คนอื่นรับรู้ ซึ่งบอกเลยว่า กลิ่นไม่ได้ห่วย แต่มันไม่เหมือนใครอย่างมีเสน่ห์ที่แตกต่างต่างหากที่แบรนด์จากสวิตเซอร์แลนด์แบรนด์นี้สร้างสรรค์ออกมาได้ไม่ธรรมดา 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://perfumeart.ru/product/perfume-sucks-green/

 

วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2566

Review: Maison Matine - Avant l’Orage

Maison Matine - Avant l’Orage

Maison Matine ถือเป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการน้ำหอม Niche ของฝรั่งเศสที่เปิดตัวออกมาอย่างมี Concept และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ Cover ทั้งหมดทั้งในเรื่องกลิ่นและ Packaging ที่จะมี Graphic อยู่บนขวดให้เห็นถึงเรื่องราวและสื่อสารถึงความเป็นน้ำหอมออกมาให้เห็นถึงความหลากหลายที่นอกจากจะเป็นในเรื่องกลิ่นแล้ว ยังตอบโจทย์ความหลากหลายของผู้ใช้งานในทัศนคติที่แตกต่างกันอีกด้วย

เช่นนั้น สารภาพก่อนเลยว่าสิ่งที่ดึงดูดให้มาสนใจแบรนด์นี้นั่นคือการสื่อความผ่าน Graphic ที่อยู่บนขวดนี่แหละที่ทำให้เห็นว่าเรื่องราวในกลิ่นที่แบรนด์นี้สร้างสรรค์ขึ้นมามีความน่าสนใจขึ้นมาแบบเต็มๆ เช่นนั้น เลยต้องเสาะหามาให้รู้ว่าเนื้อกลิ่นจะออกมามีทิศทางเป็นอย่างไร และกลิ่นแรกที่ได้เจอกับแบรนด์นี้ก็คือ Avant l’Orage

Concept ของกลิ่นที่เรียนรู้ก่อนใช้งานคือ การเอาความรู้สึกนิ่งสงบในช่วงเวลาก่อนเกิดพายุ (ซึ่งเป็นได้ไม่ว่าจะเกิดแบบพายุฝนจริงๆ หรือพายุอารมณ์บางอย่าง เพราะ Graphic มันคือการไขว้นิ้วที่ถ้าทำต่อหน้าก็คือเคล็ดที่ทำให้เกิดเรื่องดีๆ ตามมา แต่ถ้าเอาไปแอบข้างหลังนี่แหละ “โกหก” เต็มๆ) กับการนำเสนอด้วยแกนหลักของกลิ่นกับโทน Milky ที่จะคุมภาพรวมของกลิ่นทั้งหมด ซึ่งเมื่อได้มาใช้งาน สิ่งที่จับต้องได้นั่นก็คือ

โทนกลิ่นออกทางกึ่งนมกึ่งวานิลลาโปร่งๆ ไม่ได้ข้นหนักจะเป็นศูนย์กลางของกลิ่นทั้งหมด ที่จะอยู่ตั้งแต่ต้นยันจย โดยในช่วงต้นจะเป็นช่วงที่ให้ความเป็นกึ่งสมุนไพรกึ่งปร่าฝาดหน่อยๆ เจือกุหลาบบางๆ ที่เป็นลักษณะของพริกไทยสีชมพูเคล้ากับกลิ่นออกทาง Citrus อ่อนๆ ที่ให้ความสดชื่นแกมเขียวกึ่งสารหอมแนว Coumarin ที่ให้ความหวานกึ่งหญ้ากึ่งสมุนไพรเขียว โดยที่พื้นกลิ่นจะจับต้องได้ถึงความหวานกึ่งวานิลลาติดนมอ่อนๆ ได้ชัดเจน หลังจากนั้นเพียงชั่วขณะผู้สนับสนุนหลักของกลิ่นอย่างมะลิก็จะเสริมเข้ามาทำให้เนื้อกลิ่นมีตวามหวานโปร่งๆ ติดโทนออกทาง Feminine พอสมควร และปูทางเข้าสู่ช่วงกลางค่อนข้างเร็วพอตัว

ในช่วงกลางกลิ่นโทนนมวานิลลาจะเป็นฉากหลังที่ให้ความครีมมี่นวลๆ เบาๆ แต่สิ่งที่เด่นเลยต้องยกให้มิติที่จับคู่มาเจอกับโทนยางไม้อย่างกำยาน Benzoin ที่ไม่ได้มาแบบหวานแหลม แต่จะให้ความหวานติดวานิลลาที่สอดรับพอดีกับมะลิที่ให้ความหวานโปร่งนวลๆ ซึ่งช่วงนี้เรียกว่ามินิมัลเลยก็ว่าได้ เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้ซับซ้อน แต่ให้ความเป็นลูกครึ่งระหว่างโทนหวานที่เป็นลูกผสมระหว่างมะลิกับกำยาน Benzoin และพื้นกลิ่นคือกลิ่นครีมมี่มิลค์กี้แบบเบาๆ ให้ความเรื่อยๆ อวลๆ ที่ถ้าดมใกล้ๆ ถือเป็นโทนผ่อนคลายและชวนให้รู้สึกน่ากอดแบบกำลังดีเลย

การเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงท้ายความเป็นโทนนมอ่อนๆ แกมวานิลลาก็ยังอยู่แต่จะเบาลงไปเพราะมีความสะอาดนวลอ่อนๆ ของ Musk มาเกลาให้เกิดความนุ่มนวล ซึ่งช่วงนี้จะจับได้ถึงถั่วตองก้าที่มาเบาๆ ให้ความครีมมี่อ่อนๆ กึ่งหญ้าแห้งเล็กๆ เนียนอยู่กับกลิ่นนมอยู่ด้วย และสิ่งที่เด่นขึ้นมาแบบมาตอนท้ายและเอาอยู่เลยก็คือไม้จันทน์หอม ที่มาทำให้ช่วงท้ายกลายเป็นโทน Woody ได้ชัดมากขึ้น และเนียนไปกับกลิ่นนมวานิลลาเบาๆ ด้วยเพราะว่าพื้นฐานของจันทน์หอมมีความมิลค์กี้แฝงอยู่แล้ว ถือเป็นการปิดท้ายกลิ่นที่ให้ความเรื่อยๆ มาเรียงๆ สบายๆ ผ่อนคลายและลงตัว

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex แต่ในช่วงต้นและกลางค่อนข้างมีความเป็น Feminine สูง กว่าจะ Unisex กันจริงๆ ก็ช่วงท้าย เพียงแต่กลิ่นไม่ได้หนักหน่วงกระจายจัดจ้าน เลยก็พออ้อมแอ้มเป็น Unisex ได้ทั้งหมดในการใช้งาน ซึ่งเข้ากับกลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายรบกวนใคร ให้ความนุ่มนวลอบอุ่น หวานโปร่งกำลังดี แถมใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งก็ไม่ได้ทำให้อึดอัด มีเพียงออกกำลังกายที่ให้รอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนตัดการใส่ท่องราตรีปล่อยเสน่ห์ไปได้เลย แต่ที่เหลือจัดไป หรือจะใส่ยามโรแมนติคกลิ่นยามเข้าใกล้ก็น่ากอดไม่น้อย

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ เพราะกลิ่นแม้จะมีความ Oriental ของวานิลลาและกลิ่นครีมมี่อ่อนๆ ของนมก็จริง แต่ก็ไม่หนักมากออกทางเบาๆ ความทนเลยถือว่าอยู่ในระดับที่กำลังดีเสียมากกว่า แต่เพิ่มสเปรย์ก็ยืดเวลาไปต่อได้อยู่ ซึ่งส่วนตัวจัดไป 7 สเปรย์ ลากยาวไปได้ถึง 10 ชม.

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ก่อนที่จะลงมาปานกลางไปราวๆ 1 - 2 ชม. แล้วจะลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ ไป ก่อนติดผิวเมื่อผ่านไปแล้วราวๆ 5 ชม. เรียกว่าเป็น Safe Scent ก็ยังได้

สรุป - ส่วนตัวอาจจะไม่ได้มีประสบการณ์ความนิ่งสงบก่อนเกิดพายุ แบบครีมมี่นมๆ เท่าไหร่ เลยเชื่อมโยงภาพกับกลิ่นยังไม่เคลียร์นัก แต่ถ้าบอกว่ากลิ่นนี้เป็นหนึ่งในกลิ่นผ่อนคลายที่มีความโรแมนติคเย้ายวนชวนเข้าใกล้แล้วกอดให้อบอุ่นนั้น อันนี้มีดี และมีเสน่ห์กำลังลงตัวเลย โดยที่ไม่รบกวนใครมากอีกด้วย

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://strutdenver.com/products/avant-lorage-perfume