วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: Histoires de Parfums - This Is Not A Blue Bottle

Histoires de Parfums - This Is Not A Blue Bottle 

เห็นรถยนต์สีต่างๆ ที่ติดสติกเกอร์ว่ารถคันนี้สีอื่นๆ กันมานักต่อนัก คราวนี้ก็ได้เวลาของน้ำหอมที่จะมีอะไรแบบนี้กับเขาบ้าง ซึ่ง Histoires de Parfums ก็ได้ปล่อยรุ่น This Is Not A Blue Bottle ออกมาในขวดสีน้ำเงินสวยงามกันเลยทีเดียว เรียกว่าจะเป็นการแก้เคล็ดอะไรหรือไม่อันนี้ตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่รู้คือ แบรนด์และสุคนธกรเขาต้องการนำเสนอความแตกต่างที่ยังอยู่ในภาพลักษณ์แบบเดิมๆ และเป็นนามธรรมที่บรรยายออกได้ได้ยาก ซึ่งกลิ่นจะเป็นยังไงอันนี้ต้องมาพิสูจน์ว่านอกจากขวดจะไม่สีน้ำเงิน ในขวดสีน้ำเงินแล้ว กลิ่นจะมาในโทนสีฟ้าน้ำเงิน ที่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นสีฟ้าน้ำเงินหรือเปล่า (รู้สึกเริ่มเขียนเองงงเองแฮะ)

เปิดต้นกลิ่นกันแบบที่เป็นกลิ่นของส้มที่จะได้อารมณ์แบบลูกอมรสส้มเปรี้ยวซ่า กลิ่นจะไม่ได้มาทางส้มธรรมชาตินัก เพราะกลิ่นที่สนับสนุนรองพื้นด้านหลังคือ Aldehydes ที่ให้ความเป็นสบู่คมๆ ติดเมทัลลิคหน่อยๆ มาผสมผสาน กลิ่นเลยจะได้ความรู้สึกแบบสบู่กลิ่นส้มคมๆ แน่นๆ มาเต็มกันพอสมควร ซึ่งช่วงนี้ถือว่า Aldehydes นั้นปรับโทนได้สมดุลเลยทีเดียว เพราะไม่ได้เด่นจัดเกินหน้าเกินตากลิ่นอื่นจนทำให้เป็นกลิ่นสบู่คมๆ แบบกลิ่นร้านตัดผมหรือ Barber Scent แบบน้ำหอมที่มีความคลาสสิค เป็นสายสนับสนุนที่น่าสนใจ ที่สำคัญ Aldehyes จะเป็นตัวที่ลอยไปลอยมาอยู่แบบสยามสนับสนุนที่ดีตั้งแต่ต้นยันถึงช่วงท้ายเสียด้วย เพียงไม่นานกลิ่นโทนหวานแบบไม่ได้หนักจะแทรกเข้ามาทำให้มีความรู้สึกแบบไซรัปลูกอมรสส้มที่เจือความเป็นน้ำผึ้ง โดยที่มีกลิ่นติดโทนเครื่องเทศโปร่งๆ ผสมกับกลิ่นโทนดอกไม้ที่ก้ำกึ่งระหว่างกุหลาบกับเลมอนอย่างเจอราเนียม ทำให้กลิ่นส้มที่มาคมๆ ติดแน่นๆ ลดทอนลงไปในระดับหนึ่ง แต่ยังคงความเป็นสบู่กลิ่นส้มคมๆ ที่เริ่มมีความหวานน้ำผึ้งที่มาโทนใสๆ แบบกำลังดี มีความสดชื่นแบบติดเครื่องเทศโทนโปร่ง ซิตรัส และนวลๆ ลงตัว ซึ่งในช่วงนี้จะเริ่มจับได้ว่ามีกลิ่นออกทางเขียวสากๆ และอ้อยอิ่งนวลจมูก แบบที่มีความดิบเป็นธรรมชาติเคล้าความนวลมีเสน่ห์เย้ายวนของพิมเสนค่อยๆ แทรกซึมเข้ามา และเริ่มเป็นหนึ่งในกลิ่นที่ปล่อยของทีละหน่อย จนกลายเป็นตัวเอกในช่วงท้ายของน้ำหอม โดยความนวลๆ ที่สัมผัสได้ก่อนหน้านี้จะกลายเป็นคู่หูของพิมเสนอย่างชัดเจนนั่นก็คือ Musk ที่เปลียบเสมือนเป็นลายเซ็นของแบรนด์นี้ ที่จะมีโทน Musky ให้สัมผัสได้เสมอ กลิ่นเลยจะมาในลักษณะพิมเสนกลั้ว Musk แบบนวลๆ ดึงดูด และมีความเซ็กซี่ในเนื้อกลิ่นให้จับต้องได้แถมยังเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งความเป็นสบู่กลิ่นส้มคมๆ จะกลายเป็นสายเบาบางรองพื้นด้านหลังให้กลิ่นติดซ่าๆ สดชื่นได้ดีอยู่ และกลิ่นน้ำผึ้งจะเริ่มมีโทนไม้หอมแบบแห้งๆ เจือแบบผสมผสานกับกลิ่นสะอาดเย้ายวนที่ On Top ออกมา ภาพรวมจะได้ความรู้สึกแบบ Contrast กันแต่ดันรับช่วงสอดรับกันเป็นอย่างดี โดยมีพื้นฐานของความเป็นโทน Musky และสบู่กลิ่นส้มซ่าพิมเสนได้น่าสนใจ โดยไม่ได้ให้ความรู้สึกของโทนกลิ่นเป็นสีน้ำเงินฟ้าตามขวดเลย เรียกว่าเอาความแตกต่างของขวดและกลิ่นที่ไม่ได้มาในทางเดียวกัน แต่เอามา Mix & Match ให้มีเสน่ห์ในความแตกต่างนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นมีความกลางๆ มากพอที่แตะการใช้งานได้ทุกเพศ และกลิ่นมีเสน่ห์ไม่น้อยเพราะได้ทั้งสดชื่นในรูปแบบคมๆ ติดเมทัลลิค และเย้ายวนในเวลาเดียวกัน ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ได้หมดทั้งความเป็นทางการและทั่วๆ ไป ออกกลางแจ้งได้อยู่ แต่ถ้าจะเอาไปใส่เพื่อออกกำลังกายแนะนำช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนถ้าต้องการความสดชื่นและเรียกร้องความสนใจได้ด้วย ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้อยู่ ที่สำคัญสู้กลิ่นหวานๆ ได้ด้วย ของเขาแน่จริงๆ ตัวนี้ 

ความทน - ลุกขึ้นปรบมือเลย กลิ่นทนมากเพราะ 8 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นตลอด แม้ว่าจะอากาศร้อน และเหงื่อโทรมกาย กลิ่นก็ยังอยู่ และลากยาวไปที่ 15 ชม. ได้สบายๆ กับการเทสใส่จริง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากกกกก ในช่วงแรก อาจจะมีผงะกันนิดนึง ซึ่งมันก็ไม่ได้แปลกนักเพราAldehydes กลิ่นมักจะพุ่งสะใจเช่นนี้ แล้วกลิ่นจะลดลงมาเป็นกระจายปานกลางแบบยาวไป แล้วลดลงเป็นออร่าที่กลิ่นยังชัดอยู่ในช่วงท้ายยาวไป ได้ความสะอาด ความเย้ายวนเจือหวานโปร่งในเวลาเดียวกัน

ทิ้งท้าย - วูบแรกความรู้สึกคือ Bleu de Chanel นิดหน่อย เพราะโทนกลิ่นส้มคล้ายๆ กัน แต่ที่เหลือคือความน่าสนใจในแบบน้ำหอมสดชื่นที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวเลยทีเดียว

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by https://www.meister-parfumerie.de/wp-content/uploads/2016/09/HISTOIRES-DE-PARFUMS-This-is-not-a-Blue-Bottle.jpg

วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: Etat Libre d’Orange - Divin’ Enfant

Etat Libre d’Orange - Divin’ Enfant

เมื่ออ่านที่มาที่ไปของน้ำหอมรุ่นนี้ครั้งแรก เรียกว่าขำกร๊ากกกกออกมาแบบในทันที เพราะว่า เป็นการบรรยายความจริงเสียยิ่งกว่าจริงที่หลายๆ คนอาจจะคิดแค่ในใจ เพราะ Etat Libre d’Orange เขาเกริ่นถึงเด็กน้อยครับ ที่จะมีมุมน่ารักจะมากก็มากไปเลย ทำให้เรายิ้มและเอ็นดูสุดๆ แต่อีกมุมเด็กคนนี้ถ้าป่วนมาเมื่อไหร่ ฉากหน้าของปีศาจในคราบความอินโนเซนส์ชัดๆ เช่นนั้น ที่มาแสนจะเก๋ซะขนาดนี้ต้องมาพิสูจน์กันหน่อยว่ากลิ่นอายจะเป็นอย่างไร 

Divin’ Enfant เปิดต้นกลิ่นมาก็ความหอมกึ่งสดชื่นกึ่งหวานกันก่อนด้วยโทนดอกไม้ขาวที่มีความเป็น Citrus เจือความหอมนวลๆ สว่างๆ อย่างดอกส้ม มีความขมติดเขียวนิดๆ และมีกลิ่นออกทางกุหลาบบางๆ เสริมเข้ามาวูบนึง ซึ่งกลิ่นโทนดอกไม้ที่ได้กลิ่นในวูบแรก จะเริ่มมีความเป็นโทนวานิลลาแบบเบาๆ ที่ติดแป้งหน่อยๆ และมีความหวานติดน้ำตาลเสริมเข้ามา ซึ่งกลิ่นจะลักษณะเดียวกับมาร์ชเมลโล่ชัดเจน ทำให้ได้อารมณ์สีขาวหอมสดชื่นปนหวานโปร่งกำลังดีไปตลอด และกลิ่นของมาร์ชเมลโล่เคล้าดอกส้มนี่แหละจะเป็นตัวยืนพื้นอยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายๆ ของกลิ่นให้ความรูเ้สึกนุ่มนวลอินโนเซนส์ไปตลอดแบบลดหลั่นกันลงไป แต่จะเริ่มมีการเปลี่ยนโทน โดยเมื่อเข้าช่วงกลาง โทนกลิ่นเริ่มแอบมีความหวานปนดาร์กเข้ามาผสมผสาน ได้อารมณ์โทนสีไพล่มาทางน้ำตาล เพราะกลิ่นของมาร์ชเมลโล่ที่เป็นวานิลลาแบบไลท์เวอร์ชั่นกับดอกส้มจะมีกลิ่นยาสูบโปร่งหวาน มีความนุ่มของ Musk มาเป็นตัวสนับสนุน ซึ่งจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นกาแฟที่ไหม้นิดๆ ติดไม้หอมหน่อยๆ มีชอคโกแลตจางๆ ครีมมี่ให้พอรู้สึกได้ อารมณ์คล้ายๆ เวลาเราปิ้งมาร์ชเมลโล่ที่จะมีกลิ่นติดขมไหม้บางๆ ขึ้นมาหน่อยๆ เคล้ากาแฟมอคค่านุ่มๆ ชัดเจน แต่ก็มีความหวานลอยแบบ On Top อยู่ตลอด และกลิ่นจะลากยาวไปจนช่วงท้ายที่คราวนี้ได้ความรู้สึกแบบดาร์กเริ่มมาเต็มมากขึ้นเพราะกลิ่นของกาแฟจะเข้มเด่นขึ้นมากว่าเดิมเคล้ากับไม้หอมที่ติดอบอุ่นกำลังดี มีกลิ่นหนังที่มาแบบนุ่มๆ แต่ดารก์และเย้ายวนให้รู้สึกได้ แต่ในช่วงท้ายนี้กลิ่นกับไม่ดำดิ่งมาก เพราะความเป็นมาร์เมลโล่เจือวานิลลาบางๆ มีดอกส้มนวลเบาๆ ยาสูบหวานโปร่งอ่อนๆ ที่ยังสัมผัสความหวานจะยังอยู่ให้รู้สึกได้ว่ายังมีความเป็นโทนสว่างมาเจือๆ อยู่ไม่ได้ดาร์กจัดๆ จนเกินไป บางวูบได้ความรู้สึกแบบ A*Men ที่ใส่ความน่ารักหวานโปร่งลงไปเสียด้วย ภาพรวมกลิ่นเลยจะไล่เรียงความขาวสู่ดำแต่ไม่ได้ดำสุด ยังมีความขาวนุ่มให้รับรู้ได้ เพียงแต่ว่าคั่นกลางด้วยความเป็นโทนน้ำตาลแทนเทาไป ออกแนวเด็กน้อยน่ารักน่าชัง พอมันเริ่มป่วนเท่านั้นแหละ นี่มันปีศาจชัดๆ แม้จะน่ารักอยู่นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นไม่ได้เข้าถึงยากแต่ประการใด เพียงแต่มีลูกเล่นน่าสนใจตามประสาน้ำหอม Niche ที่มีที่มาที่ไป โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ยามทางการอาจจะได้บ้าง แต่ถ้าทางการจัดๆ รับแขกบ้านแขกเมืองอาจจะไม่ได้เข้าทางเท่าไหร่ ส่วนยามทั่วๆ ไปอยากใส่จัดไป กลิ่นมันนุ่มหวานโปร่งทีเลยทีเดียว มีแค่การออกกำลังกายที่ให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนก็พอใส่ได้แบบอัดสเปรย์หน่อย ก็พอสร้างออร่าความนุ่มกึ่งขาวกึ่งดำและมีความหวานลั่นล้าน่ารักได้อยู่ 

ความทน - ถือว่าน่าพึงพอใจมากกับราวง8 ชม. แล้วกลิ่นยังทำหน้าที่หวานโปร่งนุ่มนวลติดดาร์กๆ ตีขึ้นให้รับรู้ได้อยู่ กลิ่นจะทนมากหรือน้อยกว่านี้อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่าความใสน่ารักมาก่อนเลย ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางที่เริ่มมีความดาร์กเข้ามา ปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวที่ดาร์กแบบซ่อนความขาวเอาไว้ให้รับรู้ได้ พอพ้นซัก 8 ชม. ไปจะเริ่มกลายเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - กลิ่นมันน่ารักเลยทีเดียว เหมือนกลิ่นเด็กน้อยที่ทาแป้งติดกลิ่นวานิลลามาร์ชเมลโล่หวานเบาๆ ก่อนที่จะเลอะเทอะเพราะละเลงกาแฟทั่วบ้านแล้วนอนกลิ้งอยู่บนโซฟาหนังสีขาวที่เต็มไปด้วยคราบเละเต็มไปหมดหัวเราะเอิ้กๆ ดูดีมีความสุขกันเลยทีเดียว 555555555

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit by Etat Libre d’Orange -https://fimgs.net/images/secundar/o.4569.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: Mancera - Cedrat Boise

Mancera - Cedrat Boise 

สำหรับ Mancera คงไม่ต้องบอกกล่าวอะไรกันให้มากถึงความเป็นน้ำหอม Niche ที่มาสายปล่อยพลังแถมเป็นเครือเดียวกับแบรนด์ Montale ที่ปล่อยของกันอย่างหนำใจไม่มีลดราวาศอก ซึ่งหนึ่งในรุ่นต่างๆ ที่ผลผิตออกมาเรียกว่ามีตัวที่น่าสนใจและเป็นหนึ่งในตัว Top ของแแบรนด์นี้อย่าง Cedrat Boise ที่มีคนเอาไปเปรียบเทียบกับ Creed Aventus เช่นนั้นจะมีความเป็น #TeamAventus ตามที่เขาร่ำลือหรือไม่ ก็ต้องมาพิสูจน์กันให้หนำใจกันไปข้างว่าจะออกมาในรูปแบบไหน

Top Notes เปิดตัวออกมาก็เด่นมาเลยทีเดียวกับการเป็นโทน Citrus เคล้าผลไม้แบบที่จะทำให้นึกถึง Creed Aventus กันก่อนได้เลย เพียงแต่ว่า กลิ่นจะมาสายสดชื่นกันก่อน โดยที่จะมีความนุ่ม ไม่ได้สดชื่นเกินกว่าเหตุ โดยกลิ่นเปรี้ยวติดขมคมๆ ของมะกรูด เจอกับเปรี้ยวเจือหวานปลายของเลมอน ตบท้ายเข้าไปด้วยการเป็นแบล็คเคอร์แรนท์ที่มีความเป็นโทนสับปะรดเจือๆ และมีกลิ่นอายสไตล์แอปเปิ้ลเขียวนิดๆ ซึ่งกลิ่นช่วงต้นนี้จะยกโขยงกันไปที่ Middle Notes ด้วย เพราะจะยังคงความเด่นเป็นสง่าอยู่ โดยที่กลิ่นโทนผลไม้จะชัดมากขึ้นแต่ไม่ได้คม มาสายให้ความสมดุลย์ในกลิ่นได้ดีเลยทีเดียว ที่สำคัญการมีพิมเสนละมุนติดโทนไม้หอมสะอาดๆ เจือในช่วงนี้ ทำให้กลิ่นไม่ได้ดูออกทางลั่นล้าเกินกว่าเหตุ ให้ความเป็นผลไม้ที่มีความนิ่งและภูมิฐานที่มีมิติแตะความรู้สึกสดชื่นก็ได้ มีระดับก็ดี ดาร์กขรึมนิดๆ ก็เหมาะ ซึ่งมาสายความเป็นสุภาพบุรุษที่ีภาพลักษณ์ดูดีและมีความน่าค้นหาชัดเจน ซึ่งไม้หอมสะอาดติดขรึมๆ จะเริ่มชัดขึ้นมาเรื่อยๆ จนเริ่มจับได้ถึงการเป็นกลิ่นอายของไม้ซีดาร์สมกับชื่อรุ่นที่ให้อารมณ์ขรึมๆ ซึ่งจะมีไม้จันทน์หอมมาทำให้กลิ่นมีความสะอาดนวล เคล้ากลิ่นอายนุ่มๆ ของหนังที่มาเสริมให้กลิ่นมีความนุ่มมากขึ้น ในเนื้อกลิ่นจะมีความอบอุ่นจางๆ กำลังดีจากวานิลลาที่มาแบบไลท์เวอร์ชั่น เรียกว่ากลิ่นจะมีความหอมนวลเป็นตัวรองพื้นและมีความเป็นไม้หอมเด่นติดกลิ่นโทนผลไม้จางๆ นั่นเอง อารมณ์เลยจะได้แบบผู้ชายมาดเท่ห์ ภูมิฐาน มีระดับ ไม่ได้มาสายคุณชายเกินไปเพราะมีความดาร์กน่าค้นหาซ่อนอยู่ในเนื้อกลิ่น และมีความไม่เป็นทางการเสริมเข้ามาให้พอรับรู้ได้นั่นเอง

ถ้าจะถามว่าตัวนี้เหมือน Aventus ไหม เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ขนาดนั้น มีบ้างเป็นช่วงช่วงกับหลินฮุ่ยให้พอเห็นคล้ายกับเป็นแรงบันดาลใจที่นำมาต่อยอดเสียมากกว่า และดันต่อยอดได้ดีเสียด้วยในการนำเอาความเป็นไม้หอมเด่นออกมาเหนือความเป็นโทน Fruity ที่สำคัญไม่มีความ Smoky ของกลิ่นให้รู้สึกได้แบบชัดๆ เลย ซึ่งทำให้จะฉีกออกจากความเป็นคุณชายหรูหราแบบที่ Aventus ทำได้ มาเป็นคุณชายมาดเท่ห์มากขึ้น มีมิติความเป็นผู้ชายที่น่าค้นหาและเป็นสุภาพบุรุษที่มีเสน่ห์ได้ดีเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นให้ความรู้สึกเท่ห์ๆ แบบวางตัวดีและไม่ถึงกับหรูหราคุณชายจัดเต็มอะไรมากขนาดนั้น จึงสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แบบที่เสริมภูมิให้คนใส่มีระดับได้สบายๆ แต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับการใส่เพื่อออกกำลังกายนัก เพราะกลิ่นมันจะปล่อยของหนักหน่วงจนทำให้จุกคอหอยเอาได้เสียก่อน ให้รอช่วงท้ายๆ เลย 8 ชม. ไปแล้วจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน จัดไป กลิ่นนี้ใส่ออกกงานก็ได้ สบายๆ ก็ได้ เที่ยวกลางคืนได้ด้วย ถ้าลงสเปรย์เหมาะสม เพราะกลิ่นยังไงก็รอดและน่าค้นหาหน่อยๆ ด้วย

ความทน - อันนี้ยอมใจ กลิ่นทนจัดมากเลยทีเดียวกับ 12 ชม. กลิ่นยังคงปล่อยของอยู่ ซึ่งถ้าสภาพผิวอาจจะไม่เอื้อ ก็ราวๆ 8 ชม. ได้สบายๆ

การกระจาย - ตัวนี้คือ Sillage Scent ชัดเจน เรียกว่าคนใส่เองอาจจะพอรับรู้กลิ่นได้อยู่บ้างแต่อาจจะไม่มาก แต่คนอื่นรอบๆ ตัวจะได้กลิ่นชัดเจน และกลิ่นมาก่อนคน คนไปแล้วกลิ่นยังอยู่เสียด้วย ซึ่งจะกระจายดีมากในตลอดแรก และคงการกระจายที่ดีไปตลอด ก่อนจะลดลงมาเป็นปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พอพ้นซัก 8 ชม. ไปแล้ว จะผันลงมาเรื่อยๆ จนถึง Skin Scent

ทิ้งท้าย - แตะคำว่า Aventus ได้บ้าง แต่มีอัตลักษณ์เป็นของตัวเองที่น่าสนใจและโดดเด่น รวมถึงราคาดีกว่า Aventus เสียด้วยนะนั่น

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit by http://scontent.cdninstagram.com/t51.2885-15/s480x480/e35/12568323_965527926870697_2097735221_n.jpg?ig_cache_key=MTE3NDAwNjg0OTA2MTgyMzA3Mg%3D%3D.2



วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: Miu Miu for Women

Miu Miu for Women

ได้เวลาของแบรนด์ไทยชื่อ กาเบกาเบ เอ๊ย! ไม่ใช่ แบรนด์ลูกของ Prada อย่าง Miu Miu ที่ได้ปล่อยน้ำหอมตัวเองออกวางตลาดเป็นตัวแรกในชื่อเดียวกัน เจาะเป้าหมายโดยตรงที่บรรดาหญิงสาวสะพรั่งสไตล์ Miu Miu แถมสื่อสารออกมาด้วยว่า กลิ่นที่ได้นั้นจะสื่อถึงความเป็นผู้หญิงที่ “Unique เยาว์วัย สว่างไสว และวางตัวดีแถมมีความพิเศษกับการมี Note กลิ่นที่แปลกใหม่อย่าง “Akigalawood” (ลอ
งออกเสียงแล้วลิ้นจะพันกัน -__-”) เข้ามาชูโรงด้วย เช่นนั้นมาสะพรั่งกันซักหน่อยอยากรู้ว่ากลิ่นจะเป็นอย่างไงบ้าง 

เปิด Top Notes มาก็สะพรั่งกันให้สุดติ่งกันเลยเพราะว่า กลิ่นอายของโทนดอกไม้ขาวใสสว่างอย่าง Lily-of-the-Valley หรือดอกกระดิ่งจะเด่นทะลุแป้งให้ความสดชื่นติดหวานใสมาเลย ซึ่งจะมีความรู้สึกของมะลิใสๆ เจือเข้ามาบ้าง โดยที่ความสดชื่นแบบอากาศดีๆ จากโทน Citrus จะล้อมบางๆ มีอารมณ์ติดเขียวสดชื่นลงตัว เรียกว่าสามารถเรียกแขกให้ซื้อน้ำหอมตัวนี้ได้ทันทีไม่มีข้อแม้ เพราะช่วงเปิดทำออกมาได้ประทับใจสาวๆ ที่ชอบโทนดอกไม้ขาวสดใสบริสุทธิ์แบบนี้กันแบบเต็มๆ ที่สำคัญกลิ่นของดอกกระดิ่งจะอยู่ยาวไปจนถึงต้นๆ ช่วงท้ายเลย โดยเมื่อเข้า Middle Notes กลิ่นอายของดอกกระดิ่งยังคงให้ความพลิ้วไหวใสสว่างอยู่ แต่มะลิแบบใสๆ ก็จะชัดเจนขึ้นมามากรวมถึงเอาเพื่อนที่ให้ความนวลหวานและมีความเป็นผู้หญิงชัดเจนมากอย่างกุหลาบ กลิ่นจะไม่มีความข้นหนักเลย จะใสหวานสว่างเคล้านวลเบาไปตลอด ที่สำคัญในช่วงนี้จะมีความเป็นโทนผลไม้เจือบางๆ ให้รู้สึกได้ เสริมตามคอนเซปท์คือ ความเยาว์วัย ได้ลงตัว เพียงไม่นานกลิ่นออกทางไม้หอมติดพริกไทยเจือพิมเสนจะค่อยๆ ดันเข้ามาเรื่อยๆ และเทคโอเวอร์กันเต็มๆ นำเข้าสู่ Base Notes ที่ความเป็นดอกไม้ใสๆ จะเบาลงไปให้รู้สึกได้บางๆ แต่จะมีกลิ่นอายของการเป็นไม้หอมติดพิมเสน มีความติดเป็ดปร่าสดชื่นจากพริกไทยให้พอรู้สึกถึงความอบอุ่นกำลังดี มีความนวลสะอาดจาก Musk ที่เป็นตัวรองพื้นให้กลิ่นอายมีความสว่างขาวใสนวลนุ่มชัดเจน ซึ่งภาพรวมกลิ่นถือว่าชูโรงความสดใสสว่างและเยาว์วัย กลิ่นไม่ได้มาสายเย้ายวน เซ็กซี่ หรือออกแนวภูมิฐานจัดจ้านอะไรมาก ให้ความเข้าถึงได้ง่าย บ่งบอกความเป็นผู้หญิงสาวสะพรั่งแต่งตัวน่ารักชวนยิ้มเดินเล่นในทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้อะไรแบบนี้ โดยไม่มีแอบทำนมหกโชว์เซ็กซี่แต่ประการใด 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวันตั้งแต่ ม.ต้น ก็ใช้ตัวนี้ได้แล้ว เพราะกลิ่นมันให้ความรู้สึกเยาว์วัยอยู่ในตัวทำให้ใช้ได้ง่ายมาก และเข้าทางมหาชนชอบ ใครได้กลิ่นก็หอมแบบที่ลงตัวและรอดได้สบายๆ จึงเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ได้หมดทั้งทางการและทั่วๆ ไป แม้กระทั่งยามทางการจัดๆ ก็ยังได้อยู่ แบบที่ทำให้รู้สึกเรียบนิ่งวางตัวดีได้ ใส่ออกกำลังกายก็พอได้ แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยเข้าทางนัก และข้ามการใส่เพื่อท่องราตรีไปได้เลย สู้คนอื่นไม่ได้แน่นอน และเรียบร้อยเกิ๊นนนนนนน 

ความทน - อันนี้ถือว่าทำได้ลงตัวและดีเลยทีเดียวกับประมาณ 8 ชม. ซึ่งจะมากหรือน้อยกว่านี้นั้นอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นเรียกว่าอาจจะทำให้คนฉีดยิ้มได้เลยกับกลิ่นหอมใสหวานโปร่งของดอกกระดิ่ง แล้วจะค่อยๆ ลดลงมากระจายแบบปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว ก่อนจะเป็น Skin Scent ตีขึ้นยามร่างกายทำความร้อน 

ทิ้งท้าย - ตอนแรกพยายามนั่งจับกลิ่นแปลกใหม่อย่าง Akigalawood ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรแปลกมากขนาดนั้นนี่นา ก็มาถึงบางอ้ออีกครั้งยามไปหาข้อมูลอีก นั่นคือ กลิ่นอายไม้หอมติดพริกไทยที่จะมีความเป็นพิมเสนเจืออยู่ตลอด เช่นนั้นเรียกว่าเป็นโลกทัศน์ใหม่กันได้เลยทีเดียว 

นอกจากนี้ Miu Miu เป็นอีกหนึ่งกลิ่นเข้าถึงง่ายมาก มีความปลอดภัยในความหวานโปร่งใสดอกไม้แรกแย้มมาเลย ซึ่งมันก็ไม่ได้หวือหวานัก และในความรู้สึกอาจจะยังไม่ได้ตอบโจทย์ความ Unique เท่าไหร่ เพราะกลิ่นโทนนี้หาเจอไม่ได้ยาก แต่ว่าถ้ามองในเรื่องของกลิ่นที่ยังไงก็รอด มหาชนชอบ เรียกว่าต้องยกตำแหน่งนี้ให้ไปแบบเต็มๆ เลย เพราะมีดีในตัวอยู่มากนั่นคือ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/f2/ec/f4/f2ecf4a9b084057f3d208ecdc5db2437.jpg



วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: CB I Hate Perfume - Burning Leaves

CB I Hate Perfume - Burning Leaves 

CB I Hate Perfume เป็นแบรนด์ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาโดย Christopher Brosius ที่เป็นทั้งเจ้าของแบรนด์และ Perfumer แน่นอนตัวย่อ CB จะมาจากชื่อเขานี่แหละ แต่ I Hate Perfume ที่ตามมามันน่าสนใจมาก ซึ่งมันขัดกันกับการทำน้ำหอมขาย แต่จริงๆ แล้วโดยสรุปที่เขาไม่ชอบน้ำหอมน่ะ มันหมายถึงน้ำหอมทั่วๆ ไปที่เกร่อ ซ้ำซาก เหมือนกันไปหมด ขาดเสน่ห์ และบลาๆๆๆๆ ซึ่งน้ำหอมมันควรจะเป็นอะไรที่ลงลึกถึงจิตวิญญาณมากกว่านั้นและให้ความพิเศษของคนหนึ่งคนที่จะบอกอะไรออกมาได้รวมถึงเป็นหนึ่งในความทรงจำที่อยู่ในใจ เป็นต้น (อ่านเพิ่มได้จากพันธกิจของแบรนด์เขาที่เวบไซต์ของแบรนด์นะครับ ล้ำลึกมากเลยล่ะ) เช่นนั้น เขาเลยทำแบรนด์น้ำหอมออกมาเพื่อตามโจทย์ที่สิ่งตัวเองต้องการและผู้คนก็ยอมรับมากเลยทีเดียว 

แบรนด์นี้จะมี Base น้ำหอม 2 แบบคือ Water Base และ Perfume Absolute ไม่มี Alcohol Base ที่เป็น EDT และ EDP เช่นนั้นตอดใช้รุ่น Burning Leaves แบบ Water Base ที่จะมีผงแป้งข้างในต้องเขย่าๆ ให้เป็นสีเหมือนน้ำนมก่อนใช้ จนซึบซับความรู้สึกที่ละมุนมามากแล้วจึงบอกเล่ากันหน่อยว่ากลิ่นอายที่ว่าจะเป็นอย่างไร 

ธรรมชาติมาก และสร้างภาพในหัวออกมาเหมือนเราได้กลิ่นควันไฟจากการเผากองใบไม้ลอยมาตามลมแบบที่มาอ้อยอิ่งตามลม ไม่ได้มาแบบควันเผาไล่ที่ใครที่ไหนจนขาดอากาศหายใจ อารมณ์ได้ความรู้สึกแบบฤดูใบไม้ร่วงกันอย่างชัดเจน ซึ่งกลิ่นอายค่อนข้างจะเป็นเส้นตรงโทนเดียวแต่ลดหลั่นกันไปตามแต่ละช่วงที่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป โดยที่เริ่มต้นจะได้อารมณ์ของใบไม้แห้งๆ กลิ่นแบบใบไม้แห้งๆ กรอบๆ อย่างใบเมเปิ้ลแดงผสมกับใบไม้อื่นๆ กันอย่างชัดเจนเพียงแว้บเดียว ความ Smoky ของกลิ่นจะเริ่มมาแบบที่เหมือนได้กลิ่นใบไม้ที่กำลังถูกเผาลอยมาตามลม ซึ่งอารมณ์จะไม่ใช่แบบเผาหญ้า เผาถ่าน หรือเผาอะไรเลย เป็นเผาใบไม้แห้งเน้นๆ กลิ่นจะมาแบบรุมๆ รอบตัว หอมแบบ Smoky ธรรมชาติแบบไม่หนักหน่วง โดยในเนื้อกลิ่นจะมีความนุ่มนวลเสริมเข้ามาด้วยแบบกลิ่นควันใบไม้กลั้วที่มีความละมุน ซึ่งเพราะการเป็น Water Base กลิ่นเลยจะไม่ได้มาสายกระจาย มาแนวๆ นวลๆ ที่เบาๆ กำลังดี ซึ่งเมื่อผ่านช่วงไปจนถึงท้ายๆ กลิ่นจะได้ความรู้สึกแบบที่กลิ่นควันที่เผาใบไม้ติดตามตัวแบบเบาๆ อ่อนๆ มีความ Smoky แบบนวลๆ ติดผิวกาย ซึ่งมีเสน่ห์ตามธรรมชาติเหมือนกลิ่นควันที่ลอยมาบางๆ จาง ยิ่งติดกับผิวกายเลยจะมีความนุ่มแฝงไปอยู่ตลอด แบบที่ไม่ใช่แนวกลิ่นบุหรี่มือสามที่ติดตามเสื้อผ้าหรือลมหายใจคนสูบบุหรี่ลอยมาให้รู้สึกแต่ประการใด เพราะจะมาแบบนวลๆ รุมๆ มีความอุ่นนิดๆ ประมาณนั้น ซึ่งเป็นกลิ่นที่มีเสน่ห์ตามธรรมชาติเต็มๆ ให้ความรู้สึกอะโรม่าได้ดีมาก 

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศตั้งแต่วัยเรียน ม.ปลาย ก็ใช้ได้แล้ว เพราะกลิ่นแบบนี้ใครๆ ก็เคยมีประสบการณ์ได้รับรู้มา ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะมันไม่รบกวนใครแน่ๆ อาจจะทำให้คนได้รับรู้กลิ่นแนว Smoky นวลๆ ตามธรรมชาติแบบเบาๆ เท่านั้นเอง จริงๆ คือใส่ได้หมด เพียงแต่ว่ามันแพง เปลืองเงินถ้าจะเอาไปใส่เพื่อออกกำลังกาย ส่วนยามค่ำคืนใส่อยู่บ้านหรือสบายๆ ทั่วไปเถอะ อย่าใส่ไปท่องราตรีเลย กลิ่นจะไร้ตัวตนขั้นสุดมาก 

ความทน - Water Base ให้ทำใจก่อน เพราะความทนไม่ได้เป็นสิ่งที่เป็นจุดเด่นของโทนนี้ สิ่งที่เจอคือราวๆ 2 - 4 ชม. ก็โบกมือลาแล้ว หรืออาจจะแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้ถ้าสภาพผิวไม่เอื้อพอ ซึ่งความทนจะคล้ายๆ กับ Body Mist แนวๆ นั้น โดยส่วนตัวเจอความทนที่ 6 ชม. กำลังดี กับ 7 สเปรย์กดเต็ม และให้เครดิตตรงที่บนเสื้อผ้าทนกว่าบนผิว

การกระจาย - ไม่ต้องคาดหวังเช่นเดียวกับความทน Water Base เน้นให้ความนวลของกลิ่นที่ไม่คม และไม่ใช่ตัวทำการกระจายได้ดีแบบแอลกอฮอล์ เช่นนั้นกลิ่นนี้จะกระจายปานกลาง แล้ววูบลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัวให้คนใส่รับรู้คนเดียว คนอื่นอาจจะรับรู้เบาๆ และเป็น Skin Scent แบบยาวไป ยิ่งถ้าใครอยากได้น้ำหอมสายไม่รบกวนชาวบ้านเน้นตัวเราได้กลิ่นอันนี้จะเข้าทางมาก

ทิ้งท้าย - ใบไม้เผาชัดเจนตามชื่อรุ่น และถ้าคาดหวังความทนและการกระจายหยุดเถิด ไม่เหมาะกับนายท่านแน่ๆ แต่ถ้าคาดหวังความเป็นกลิ่นอายธรรมชาติ ให้ความรู้สึกแบบเราอยู่ในสถานการณ์ หรือเป็นกลิ่นที่เราเคยสัมผัสมา พอได้กลิ่นแล้วนึกถึงยามนั้นๆ มันจะใช่เลย ตอบโจทย์มาก แบบที่เมื่อผมฉีด ผมนึกถึงยามกวาดลานวัดตอนบวช แล้วได้กลิ่นควันเผากองใบไม้ลอยแบบอ้อยอิ่งเข้ามาในจมูก มันรื่นรมย์อย่างน่าประหลาดมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit by https://cdn.shopify.com/s/files/1/0878/3986/products/cb-305burningleaves.jpg?v=1465513450  

วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: Hermes - Hermessence: Iris Ukiyoe

Hermes - Hermessence: Iris Ukiyoe 

Ukiyoe เป็นภาพวาดสไตล์หนึ่งของญี่ปุ่นที่เป็นวาดภาพลงบนไม้แล้วแกะสลักออกมาก่อนจะลงหมึกจนเสร็จจึงเอากระดาษมาพิมพ์ภาพแบบสแตมป์ภาพก็จะได้ภาพวาดออกมา ซึ่งมักจะเป็นภาพที่สื่อถึงสภาพแวดล้อม สีสันธรรมชาติ และบางภาพจะถึงความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องได้เสียด้วย ทำให้มองไปแล้วไม่เบื่อง่าย ซึ่งเป็นศิลปะทางจิตรกรรมอีกอย่างของญี่ปุ่นที่มีความงดงามมาก เมื่อ Perfumer ชื่อก้องของ Hermes อย่าง Jean-Claude Ellena เอาตรงนี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์น้ำหอมเข้าสู่ไลน์ Hermessence ก็ได้เอาตัวแทนที่จะสื่อสารถึงความเป็นศิลปะแขนงนี้มาชูโรงอย่าง Iris หรือดอกไอริส เช่นนั้นจะพลิ้วไหวและละมุนแค่ไหนต้องพิสูจน์ 

Iris Ukiyoe จะเปิดตัวที่กลิ่นอาย Citrus แบบนวลๆ ที่มีความสดชื่นแบบอมหวานของส้มติดเขียวแบบกึ่งโทน Watery เจือความเป็นกลิ่นโทนแป้งโปร่งๆ บางจากไอริสที่กลิ่นเจือความหวานหน่อยๆ ได้อารมณ์แบบอากาศดีๆ ยามเช้า ที่มีความหอมนวลหวานเข้ามาประปราย ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นไม่ได้มาสายสดชื่นมันเข้าไป เน้นกลิ่นโทนสว่างและมีความพลิ้วไหวละมุนละไมที่มีความหอมหวานโปร่งตามธรรมชาติ เหมือนสวนยามเช้าที่มีความชื้นจากฝนที่ตกในตอนกลางคืน แบบไม่ได้มีกลิ่นอับแต่ประการใด เรียกว่ากลิ่นเปิดก็ทำออกมาได้งดงามเลยทีเดียว เพียงไม่นานจะสัมผัสได้ถึงความเป็นโทนดอกไม้ที่ติดสดชื่นของดอกส้มเข้ามา ก็เข้าสู่ช่วงกลางที่ดอกส้มจะเป็นตัวให้ความสดชื่นแบบนวลๆ เคล้ากับไอริสที่จะเป็นตัวเอกทางด้านโทนแป้งแบบใสๆ กลิ่นจะมีความนวลละมุนกำลังดีจากกุหลาบเบาๆ โดยจะมีกลิ่นติดเขียวโปร่งอมหวานซึ่งอาจจะมาจากไวโอเล็ตที่มาทำให้กลิ่นมีความปลอดโปร่งเข้าลักษณะโทนแป้งสบายๆ ที่รายล้อมด้วยความสดชื่น กลิ่นจะให้ความผ่อนคลายและมีความอะโรม่าได้ดีมาก จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายกลิ่นจะเริ่มผันมาเป็นกลิ่นอายที่มีความสะอาดอมหวาน ซึ่งกลิ่นโทนแป้งโปร่งๆ สบายๆ ที่นำทางด้วยไอริสจะยังอยู่เป็นลักษณะ On top แต่กลิ่นที่ติดผิวจะเป็นไม้หอมขรึมๆ สะอาด มีความนุ่มนวลสบายๆ ติดเขียวจางๆ ทำให้กลิ่นมีความเป็นธรรมชาติที่เรียบง่ายและมีความละมุนได้อารมณ์แบบผ่อนคลายหอมแบบเรียบหรูมีระดับนั่นเอง 

ภาพรวมกลิ่นอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นโทน Citrus, Aquatic, Floral และ Powdery ชัดเจน เรียกว่ามีความสมดุลกันพอเหมาะพอเจาะมาก และบอกถึงความเป็นกลิ่นอายนุ่มนวลอ่อนโยน มีลักษณะแบบน้อยแต่ได้มากตามสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งถ้าเทียบกับภาพวาด Ukiyoe ก็ถือว่าสมแล้วที่เป็นภาพวาดดอกไอริสที่เรียบง่าย พลิ้วไหว และสวยงามตามธรรมชาตินั่นเอ 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะกลิ่นมีความเป็นกลางๆ ที่เข้าถึงได้ทุกเพศในระดับหนึ่ง อาจจะมีไพล่ไปทางผู้หญิงซัก 70% จากความเป็นโทนดอกไม้และแป้ง แต่ยังถือว่าผู้ชายใส่ตัวนี้ได้สบายๆ เพราะกลิ่นอายมันมีความเป็นธรรมชาติมากเลยทีเดียว ซึ่งสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือว่าทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายรบกวนใคร ให้ความรู้สึกหอมละมุนเจือหวานโปร่งเสียมากกว่า แต่อาจจะไม่เหมาะกับการใส่เพื่อออกกำลังกายนัก เพราะกลิ่นไม่เหมาะกับลักษณะนี้และอาจจะเทเราได้เมื่อเหงื่อมา รวมถึงมันแพง จะไปใส่ออกกำลังกายทำไมกัน ส่วนยามค่ำคืนเหมาะสำหรับใส่สบายๆ หอมอ่อนโยนละมุนอยู่กับครอบครัว หรือว่าเดินเล่นทั่วไปจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่เหมาะกับการใส่เผื่อไปท่องราตรีแต่อย่างใด เพราะเบาไปเจอกลบแน่นอน 

ความทน - กลิ่นมีความเป็นธรรมชาติสูง ซึ่งลักษณะนี้โอกาสความแปรผันในเรื่องความทนมันจะเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะความทนจะอยู่ราวๆ 6 ชม. อาจจะน้อยกว่านี้อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ที่แน่ๆ อิงตามสภาพอากาศด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 6 ชม. กับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น เรียกว่ากลิ่นทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สว่างและสดชื่นแบบนุ่มๆ กันเลย แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง แล้วจึงเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - กลิ่นอายสวนที่มี Iris เป็นตัวชูโรง มันมักมีความงดงามและเป็นธรรมชาติเสมอ ซึ่งถ้าชอบความใสและสดชื่นแบบแป้งโปร่งๆ Iris Ukiyoe คือตัวที่ตอบโจทย์เพราะเป็น EDT แต่ถ้าชอบความละมุน นุ่มนวลและความสงบในความนุ่มนวลที่กลิ่นชัดเจนเบนไปที่ PRYN PARFUM - Jardin d’Iris ซึ่งมาในลักษณะเดียวกันแต่ซับซ้อนและเข้มข้นกว่าตามลักษณะของการเป็น EDP Intense 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by Hermes - http://media.hermes.com/media/wysiwyg/iris-ukiyo__1.jpg

วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: Carthusia - Via Camerelle

Carthusia - Via Camerelle

เพราะ Carthusia พึ่งเข้ามาสู่ตลาดน้ำหอม Niche ในประเทศไทย จึงได้ไปลองแบบทะลุปรุโปร่งกันได้เลยทีเดียว ซึ่งเรียกว่ากลิ่นเข้ากับอากาศบ้านเราในแง่การใช้งานในหลายตัวมาก และหนึ่งในนั้นก็คือรุ่น Via Camerelle ที่ลองครั้งแรก ถึงกับประหลาดใจ นี่เราเจอน้ำหอมโทน Citrus Green ที่น่าสนใจอีกตัวแล้วสินะ จัดไปเพราะไม่เคยพลาดอยู่แล้ว 

บอกก่อน - รุ่นนี้จะมีทั้งแบบ Parfum และ EDT ซึ่งตัวที่มาบอกเล่ากลิ่นนี้จะเป็นอย่างหลังนะจ้ะ 

เปิด Top Notes มาก็สดชื่นจัดเต็มกันเลยกับความเป็น Citrus ที่ติดขมนิดๆ น่าจะมาจากมะกรูด มีหวานปลายๆ เจือ จากเลมอน แต่ได้ความรู้สึกสว่างสดชื่นกันเต็มๆ ซึ่งสิ่งที่ตีคู่มาเลยคือกลิ่นเขียวสมุนไพรที่มีความปร่าซ่าสไตล์คล้ายๆ ออริกาโน่ แต่ว่าจะมีติดโทนเขียวปนหวานปลายๆ กลิ่นเลยจะเป็นโทนสดชื่นที่ไม่คมมาก ไม่บาดจมูกและมีความธรรมชาติ แล้วก็จะยกพลไปสู่ Middle Notes ที่ยังคงความสดชื่นติดเขียวธรรมชาติอยู่ แต่จะมีความเป็นสบู่ดอกไม้นวลๆ เบาจากลิลลี่ที่ Spicy อมหวานบางๆ มีความอ้อยอิ่งของมะลิที่เสริมเข้ามา แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวหลัก เพราะกลิ่นโทนสมุนไพรติดเขียวและความสดชื่นของ Citrus ยังคงคุมโทนชัดอยู่ เพียงแต่จะนวลมากขึ้นและกลิ่นเบาลงมาพอสมควรทำให้รู้สึกสะอาดเรียบหรูและติดธรรมชาติ เมื่อผ่านไปถึง Base Notes กลิ่นแบบสะอาดนิ่งๆ ของโทนไม้หอมที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายติดขรึมของซีดาร์เคล้ากับกลิ่นนุ่มนวลสะอาดของ Musk จะมาเป็นตัวหลัก และจะยังพอสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นเขียวบางเบาอยู่ ที่สำคัญจะมีโทนติดเค็มๆ แบบอากาศริมทะเลแบบที่ไม่คาวให้รู้สึกได้ด้วยแกมความอบอุ่นเบาๆ ซึ่งจะได้ความรู้สึกเรียบหรูแบบเหมือนกลิ่นอายพักผ่อนใกล้ทะเลไปตลอด ภาพรวมกลิ่นนี้จะมีลักษณะที่ไล่เรียงความสดชื่นจากยามเช้าสู่ยามสายๆ ที่อากาศสดชื่น มีความเป็นธรรมชาติได้อารมณ์ชิลล์ๆ แบบเรียบหรูที่ได้ทั้งความสดชื่น ผ่อนคลาย และรื่นรมย์กำลังดีไปตลอด เข้าคอนเซปท์ของแบรนด์ที่สื่อถึงการตากอากาศบนเกาะ Capri ชัดเจน 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์เขาตราเอาไว้ว่าเป็นน้ำหอมของผู้หญิง แต่เอาจริงๆ Unisex มาก เพราะกลิ่นมันมีความเป็นกลางๆ และมีความเป็นธรรมชาติมากพอที่ทำให้เข้าถึงง่ายในทุกๆ เพศ และสามารถใส่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบกวาดหมดทั้งทางการและทั่วๆ ไป ใส่ออกกำลังกายก็สามารถ ใส่เที่ยวก็สบายๆ กลิ่นมาสาย Safe Scent ด้วย ไม่รบกวนใครเน้นความสะอาดเรียบหรูสดชื่นกำลังดีไปตลอด ส่วนยามค่ำคืนถ้าจะใส่ เน้นแบบใส่สบายๆ พักผ่อนจะดีกว่า เพราะกลิ่นเบาๆ สบายๆ ไม่ได้เหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีเต้นเพลงที่มีงูออกมาแน่นอน 

ความทน - กลิ่นนี้เรียกว่ามาสายเบา ความทนเลยออกแนวจะแกว่งไปตามประเภทของผิวกายที่จะเอื้อกับน้ำหอมด้วยส่วนหนึ่ง รวมถึงประเภทของน้ำหอมมาสาย Citrus Aromatic ที่มีความธรรมชาติ ความทนเลยจะราวๆ 4 - 6 ชม. แต่สามารถมากกว่านี้อิงตามจำนวนสเปรย์และจุกที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. กับประมาณ 8 สเปรย์ รวมฉีดเสื้อที่สวม 

การกระจาย - เพราะกลิ่นมาสาย Safe Scent เลยจะกระจายปานกลางในช่วงแรก ซึ่งให้ความสดชื่นแน่นอน แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง ก่อนที่จะเป็น Skin Scent ยาวไปในช่วงท้ายจนหายไปจากผิว 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้ยังไงก็รอด แม้ว่าอาจจะไม่ได้ถึงกับหวือหวามาก แต่บอกเลยว่าปลอดภัยเพราะใส่แล้วยังไงคนได้กลิ่นก็ไม่ยี้ เพราะมันธรรมชาติ มีความเขียวใสและสว่างลงตัว เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ชอบกลิ่นน้ำหอมแรงๆ เน้นใส่เพื่อตัวเองหอมสดชื่นสะอาดและไม่รบกวนใคร ซึ่งสามารถติดตัวไปฉีดเพิ่มระหว่างวันได้ด้วยในการเพิ่มเติมความสดชื่น ที่สำคัญกลิ่นนี้เข้าข่ายกับการเป็น #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายมาก ในพื้นฐานน้ำหอม Niche ที่ใช้ง่ายนั่นเอง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://www.bigelowchemists.com/media/catalog/product/cache/1/image/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/v/i/via_camerelle_both_800.jpg

วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: Diesel - Bad

Diesel - Bad

วางตลาดได้ระยะหนึ่งกับน้ำหอมชายของ Diesel เมื่อกลางปี 2016 พอเห็นขวดมีความอยากได้ในแรกเริ่มแล้ว ตามด้วยเห็นชื่อรุ่น แหม เข้ากัํ๊น เข้ากัน เพราะอยากเสริมความเป็น Bad ขึ้นมาทันที เพื่อความเป็น Bad Boy ที่ต้องมีคนได้กลิ่นแล้วกรี๊ดกร๊าด (ซึ่งกรี๊ดว่าฉุนหรือว่าหอมก็ว่ากันอีกที) สบโอกาสจัดไปอย่าได้เสีย ต้องมาลองกันหน่อยว่ากลิ่นในสไตล์ความ Bad ของขวดนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

เปิด Top Notes มาก็เรียกว่าขนความเรียกแขกปล่อยของแรงกันมาเลยทีเดียวเพราะความเป็น Citrus กลั้วเม็ดกระวานที่มีกลิ่นอายของลาเวนเดอร์แบบโดนเกลามาจนมีความนุ่มนัวเจือแบบรองพื้นอยู่ ซึ่งกลิ่นจะมีความแน่นจัดเต็มไม่สนสิ่งใด เพราะความเป็นกระวานที่มีความหวานยั่วกับ Citrus ติดขมนิดๆ ของมะกรูดจะมาชัดและนัวกันมาตั้งแต่ต้นแบบเดินมาจะรู้เลยว่าใครใส่น้ำหอม ที่สำคัญจะจับได้ว่าพื้นฐานกลิ่นแน่นๆ ที่ได้รับนั้นจะมีกลิ่นของหนังที่ติดเค็มๆ กับหวานดึงดูดโปร่งๆ ของยาสูบผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ ซึ่งกลิ่นในช่วงต้นนี้จะอยู่ไปต้นถึงช่วงท้ายเลย แต่ลดหลั่นลงมากลายเป็นสายสนับสนุนชั้นดีในช่วงต่อๆ ไป โดยใน Middle Notes กลิ่นของหนังที่เริ่มดันขึ้นมาให้ความรู้สึกแบบเท่ห์ๆ กลิ่นจะไม่ได้มาหนักหน่วงจนมีความเป็น Animalic มากจนเกินไป เจือความเค็มๆ หน่อยๆ เสียด้วย ซึ่งลาเวนเดอร์จะยังคงเป็นตัวช่วยให้กลิ่นมีความแน่น เจือด้วยความเป็นเครื่องเทศโทนหวานอุ่นร้อนเข้ามาเสียด้วย กลิ่นช่วงนี้เลยเป็นช่วงของความนัว เย้ายวนและแสดงความเป็นผู้ชายที่มีความเป็นเมโทรติดห่ามในระดับหนึ่งพร้อมเรียกเรตติ้งผ่านกลิ่นกันชัดเจนเพราะยังคงความปล่อยของกันไม่ยั้ง แล้วจะเริ่มสัมผัสได้ว่ายาสูบค่อยๆ เข้ามาปล่อยของพร้อมกับเอาความเป็นโทนแป้งติดอับเซ็กซี่เข้ามาด้วย ซึ่งเป็นการนยำเข้าสู่ Base Notes กันอย่างชัดเจน กลิ่นในช่วงนี้จะมาสายเซ็กซี่ดึงดูดให้ชวนซบ เพราะความเป็นโทนเซ็กซี่ของยาสูบเคล้ากับแป้งแน่นๆ เสริมด้วยความเป็นหนังนวลๆ ที่เค็มๆ จะมีกลิ่นไม้หอมที่มาแบบอวลเบาๆ ติดขรึมมาทำให้กลิ่นมีมิติที่มีความเป็นผู้ชายติดอบอุ่นเคล้าเร่าร้อนกำลังดีเลย กลิ่นจะมีความอบอวลรุมๆ ไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้สบาย เพราะกลิ่นไม่ได้ถึงกับมาสายผู้ใหญ่จ๋ามาก มาแบบที่มีความเป็นวัยรุ่นที่มีความเป็น Bad Boy กันเลย กลิ่นนี้ถือว่ามาเต็มควรจะต้องใช้จำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม ไม่งั้นเดี๋ยวจะจุกคอหอยกันเอาได้ ซึ่งจะเหมาะกับบางสถานการณ์ยามกลางวัน ที่จำกัดสเปรย์ ไม่เหมาะกับงานทางการทุกประเภทกลิ่นหนักไป และร้อนแรงไปหน่อย รวมถึงตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางแลจะฆ่าชาวบ้านเอา แต่ถ้าใส่แบบทั่วๆ ไปจำกัดสเปรย์ ดูเท่ห์และเมโทรได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนถ้าใส่เพื่อออกงานแนวๆ งานเลี้ยงจำนวนสเปรย์กำลังดีจะเหมาะมากเผลอๆ มาสายแย่งซีนได้อยู่ แต่ถ้าใส่เพื่อท่องราตรีกลิ่นนี้เรียกว่ามีความพร้อมรบ แสดงตัวชัดเจนว่ามาเพื่อเรียกเรตติ้งให้คนหันมาสนใจเลยล่ะ

ความทน - เรียกว่า Diesel ไม่ทิ้งลายเรื่องนี้เลย ทำได้ดีเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ เพราะ 8 ชม. แล้วกลิ่นยังคงปล่อยของอยู่ชัดเจน ซึ่งส่วนตัวเจอลากยาวไปจนถึ12 ชม. เลยกับการใส่ไปที่ 5 สเปรย์

การกระจาย - อันนี้ก็ไม่ทิ้งลายไอ้เสือแต่อย่างใด เพราะว่าจัดเต็มตั้งแต่ยกแรกเลย เพราะกระจายดีและหนักมาก อาจจะคมฟุ่งไปหน่อยถ้าไม่ชินจะเหวอและผงะ ก่อนที่จะลดลงมากระจายดียาวไป แล้วเป็นกระจายปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พอพ้นซัก 8 ชม. ไปแล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวชัดเจน 

ทิ้งท้าย - กลิ่นมาเต็มเป็น Bad Boy สมกับชื่อรุ่น ซึ่งแม้ว่ากลิ่นแนวๆ นี้ไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไรมากถ้าเทียบกับน้ำหอมโทน Bad Boy เจ้าสำราญในแบบที่หลายๆ แบรนด์ทำอย่าง Paco Rabanne หรือว่าน้ำหอมโทนกลางคืนของผู้ชายหลายๆ ตัวกับการเป็น Designer Brand แต่ก็ถือว่า คงลายเซ็นความเป็นน้ำหอมของ Diesel ที่จะมีความเท่ห์แฝงอยู่ในเนื้อกลิ่นได้ดีมาเสมอ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by Diesel - http://bad.diesel.com/images/share.jpg

วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: Memo Paris - French Leather

Memo Paris - French Leather

ครั้งแรกที่เห็นขวดของแบรนด์นี้ เรียกว่ามีความตาวาวอย่างมาก เพราะขวดสวยจริงอะไรจริงกับลวดลายที่สื่อสารออกมาถึงการใช้ลูกเล่นสีทองกับสีดำ บางรุ่นแม้ขวดจะขาวหรือใสก็ยังดูหรูและดูแพง ซึ่งเมื่อค้นหาข้อมูลดูจึงได้รู้ว่า Memo Paris เป็นแบรนด์ Niche ที่ออกมาในปี 2007 ที่มีที่มาจากการได้ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ทั่วโลก แล้วมาเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจเพื่อสร้างกลิ่นหอมๆ ออกมา เช่นนั้นเมื่อได้มีโอกาสได้พบเจอกับกลิ่นแรกของแบรนด์นี้ที่ได้มาจากการแบ่งปัน ก็ขอบอกต่อกันซะหน่อยว่ากลิ่นจะเป็นลักษณะใด 

French Leather เป็นหนึ่งน้ำหอมที่อยู่ในไลน์ดังของแบรนด์นี้ที่เน้นเกี่ยวกับกลิ่นหนังอิงตามประเทศต่างๆ อย่าง Cuir Nomades ซึ่งจะเปิดตัวด้วยกลิ่นอายแบบปร่าสมุนไพรที่มีความเป็น Citrus กลั้ว ผสมกลิ่นอายแบบเขียวติดเหล้าจินที่น่าจะมาจาก Juniper Berry กันก่อน ในวูบถัดมากลิ่นของกุหลาบจะเริ่มเข้ามาผสมผสาน จนรู้สึกได้ชัดเลยว่า กลิ่นนี้กุหลาบน่าจะเป็นตัวเด่น ซึ่งก็ใช่เลยจะเด่นยาวไปจนถึงช่วงท้ายๆ ซึ่งเมื่อเข้าช่วงกลางกลิ่นอายของกุหลาบจะเริ่มชัดขึ้น เคล้ากับกลิ่นโทนพริกไทยที่ติดหวานบางๆ กลิ่นจะมีความละมุนกลั้วความเป็นสมุนไพรติดซ่าปร่าที่มาจากตอนต้นกำลังดี แต่สิ่งที่แทรกเข้ามานั่นคือกลิ่นโทนหนังกลับ (Suade) ที่มาให้ความนุ่มนวลๆ ในเนื้อกลิ่นได้ลงตัว กลิ่นจะได้ 2 ความรู้สึกคือกุหลาบติดปร่ากับนวลหนังกลับได้น่าสนใจ และกลิ่นไม่ได้หนักหน่วง มีความเรียบหรูและมีระดับพอสมควร โดยกลิ่นจะดำเนินไปเรื่อยๆ จนเมื่อกลิ่นอายของ Musk เริ่มแทรกเข้ามา ก็เข้าสู่ช่วงท้ายที่กุหลาบจะจางลงไป ให้กลิ่นหนังกลับกับ Musk ผสมผสานกันเป็นกลิ่นนุ่มนวลละมุน แต่ยังติดกลิ่นกุหลาบบางๆ จางๆ อยู่ ซึ่งจะมีกลิ่นอายของไม้หอมแห้งๆ มาทำให้เกิดความรู้สึกสะอาดและขรึมกำลังดี ผสมผสานกัันชูโรงให้เป็นโทน Musky แบบนุ่มๆ สะอาดๆ แบบยาวไป ภาพรวมถ้ามองในลักษณะของการเป็น French Leather ที่ตัวนี้นำเสนอ นั่นคือกลิ่นอายของการเป็นหนังกลับนุ่มๆ เคล้าความเป็นกุหลาบที่มีความเป็นโทนสมุนไพรติดเขียวปร่าให้ความรู้สึกแบบสไตล์น้ำหอมฝรั่งเศสที่จะแอบมีโทนนี้ให้รู้สึกเสมอนั่นเอง

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้เรียกว่ามีความกึ่งกลางกำลังดี จึงมาสาย Unisex ชัดเจน แม้ว่าจะไพล่ไปทางผู้หญิงบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรที่ผู้ชายจะใช้ เพราะยังมีความเข้าถึงง่ายกลิ่นมีเสน่ห์แบบที่ใช้ไม่ยาก จึงเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นยามทางการที่เข้าทางมาก ใส่ได้หมดทั้งทำงานและพบปะผู้คนสำคัญ รวมถึงใส่แบบทั่วๆ ไป ที่ให้ความรู้สึกมีระดับและมีความภูมิฐานกำลังดี แต่ข้ามเรื่องการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย กลิ่นไม่ได้มาสายนี้ และมันแพง เปลืองตังค์ ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้แบบออกงาน พบปะผู้คน เพราะกลิ่นมีระดับมากพอที่สร้างออร่าที่มีเสน่ห์แบบที่แตกต่าง แต่อาจจะไม่เหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีหาเหยื่อ เพราะกลิ่นแม้จะมีความเย้ายวนอยู่บ้างแต่เบาไปถ้าจะสู้กับกลิ่นหนักๆ ที่ขนมาเรียกแขกกัน พูดง่ายๆ ให้เน้นเรียบหรูดูดีไรงี้ 

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวใส่แบบอยู่ในห้องแอร์สบายๆ กลิ่นลากยาวไปที่ 12 ชม. ได้ไม่ยากกับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์แบบกดเต็ม 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าเป็นช่วงที่ทำให้ปรับตัวก่อน แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางแบบยาวไป ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พอพ้นสัก 6 ชม. ไปแล้วจะเริ่มเป็น Skin Scent นุ่มสะอาด

ทิ้งท้าย - เป็นกลิ่นหนังที่ใช้ง่ายมาก และมันไม่ใช่หนังในแบบที่มาเต็มขนาดนั้น เพราะเน้นความนุ่มนวลแบบโทน Musky เสียมากกว่า ซึ่งอาจจะไม่ได้ถึงกับหวืิอหวามาก แต่ก็เป็น Niche ที่เข้าถึงได้ง่ายและเหมาะมากกับคนที่จะเข้าสู้การหัดใช้น้ำหอมโทนหนังที่จะทำให้ชอบได้ไม่ยากนั่นเอง ส่วนราคา ก็ตัวใครตัวเผือกอ่ะจ้าาาาา

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by 
https://fimgs.net/images/secundar/o.29085.jpg

วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: Lattafa Perfumes - Musk Al Ghazal for Men

Lattafa Perfumes - Musk Al Ghazal for Men

กลับมาเยือนแดนตะวันออกกลางอีกครั้งกับการวกกลับมาซึมซับความเป็นน้ำหอมโทน Oud หรือไม้กฤษณาที่มีความเป็นสไตล์เฉพาะในย่านนี้กับแบรนด์ Lattafa Perfumes ซึ่งถือว่าเป็นอีกตัวหนึ่งที่แม้จะเป็นกลิ่นอายเฉพาะ แต่มันเซ็กซี่มากเลยทีเดียว นั่นคือรุ่น Musk Al Ghazal for Men 

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่น Oud ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะไม่ได้มาสายอวลแน่นเกินกว่าเหตุ ซึ่งจะเปิดต้นกลิ่นด้วยกกลิ่นอายของความเป็น Citrus ติดกลิ่นแนวแอลกอฮอล์ผสมกับพิมเสนและเครื่องเทศที่ออกหวานแนวๆ หญ้าฝรั่น กลิ่นจะฟุ้งกระจายมากเลยทีเดียวโดยจะรู้สึกได้ถึงความเป็นโทนไม้หอมที่รองพื้นอยู่ด้านหลังนั่นก็คือกลิ่น Oud แบบที่ค่อยๆ ปล่อยของออกมาทีละหน่อย ซึ่งเมื่อเข้าสู่ช่วงกลาง กลิ่นพิมเสนและเครื่องเทศโทนหวานอวลที่มาแบบโปร่งๆ ในช่วงต้นจะเริ่มมีความนุ่มขึ้น และมีกลิ่นอายนวลๆ บางๆ ของกุหลาบหน่อยๆ กลิ่นจะมีความเซ็กซี่หน่อยๆ ของ Musk ที่จะให้ความนวล แต่จะไม่ได้เด่นออกมามาก เพราะโทนไม้หอมที่รองพื้นด้านหลังเองก็เริ่มปล่อยของออกมาชัดมากขึ้นเช่นกัน โดยที่มีความ Smoky แจมเข้ามาด้วย เช่นนั้น Musk จึงเปรียบเสมือนเป็นตัวที่เสริมความนวลเย้าสร้างออร่าแบบนัวๆ กึ่งดาร์กจากพิมเสน กึ่งน่าค้นหาเย้ายวนจากโทนเครื่องเทศและกุหลาบ และดึงดูดจากโทนไม้หอมสูงไม่น้อยเลย ซึ่งกลิ่น Oud จะมาแบบกำลังดีกลิ่นจะสร้างความเซ็กซี่แบบวาบหวามโดนที่ไม่อวลเกินไปเสียด้วย ส่งต่อให้ช่วงท้ายที่กลิ่นอายของไม้หอมจะเป็นตัวเทคโอเวอร์ชัดเจน ซึ่งจะได้กลิ่นของเนื้อไม้สไตล์ Oud ผสมผสานกับกลิ่นของไม้จันทน์หอม กลิ่นจะมีความอบอุ่นแบบเบาๆ จากโทนแอมเบอร์ที่มาให้ความนวลอุ่นติดโทนเนื้อไม้ และจะมีความเป็นธูปหอมที่มาแบบ Smoky ควันไอที่ดึงดูดความวาบหวามยังมีอยู่ ความเซ็กซี่ยังคงจัดเต็มแบบยาวไป ซึ่งภาพรวมกลิ่นนี้มาสายออกทางเจ้าชู้และเย้ายวนแบบสไตล์ตะวันออกกลางที่ไม่หนักหน่วงเกินกว่าเหตุ มีความเซ็กซี่ดึงดูดเป็นพื้นฐาน โดยที่ใช้กลิ่นอายที่ลึกและอวลแบบกำลังดีของ Oud กับกลิ่นอายมีเสน่ห์ของโทนควันธูปไม้หอมที่เป็นกลิ่นเนื้อไม้มาสร้างเสน่ห์เฉพาะตัว เรียกว่า อืมมม กลิ่นยั่วและกระตุ้นความรู้สึกได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปที่ไม่มายด์เรื่องใช้กลิ่นอายตะวันออกกลาง เพียงแต่ว่ามันจะเซ็กซี่แบบชัดเจนนิดนึง ถ้าไม่ได้มายด์ก็จัดไป ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ โดยเฉพาะงานทางการถ้าใช้ตัวนี้จำนวนสเปรย์กำลังดีทำให้กลิ่นเสริมความเป็นคนน่าค้นหาได้ลงตัว แต่ถ้าใส่มากๆ เดี๋ยวจะออกแนวเผื่อแผ่กลิ่นและเซ็กซี่เกินไป ส่วนยามทั่วๆ ไปสามารถจัดได้ตามสะดวก ให้ข้ามการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย กลิ่นไม่ได้เอื้อกับกิจกรรมแบบนี้ เดี๋ยวจะจุกคอหอยเสียก่อน เผลอๆ จะยั่วคนอื่นจนไม่ต้องออกกำลังกายกันพอดี รวมถึงยามค่ำคืนที่จัดไป เพราะกลิ่นมันไม่ได้ถึงกับอวลจัดมากแม้จะมีความเป็นตะวันออกกลาง จึงสร้างออร่าเย้ายวนเซ็กซี่ได้แบบสบายมาก และสามารถสู้กับโทนหวานตัวอื่นๆ อย่างมีความแตกต่างได้ด้วย 

ความทน - ยอมมมม กลิ่นทนมาก 12 ชม. แล้วกลิ่นยังอยู่ เรียกว่าถึงแม้ผิวจะไม่ได้เอื้อมากนัก ความทนก็ยังไปได้ที่ 8 ชม. สบายๆ อิงตามตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้นเรียกว่า ฟุ้งพุ่งกันมาเต็มๆ ก่อนที่จะลดลงมากระจายปานกลาง แล้วปิดท้ายด้วยออร่าไม้หอมเซ็กซี่รอบๆ ตัว

ทิ้งท้าย - เทส 2 ครั้งแรกก่อนนอน 1 สเปรย์ เรียกว่านอนไม่หลับ กลิ่นมันวาบหวามและฟุ้งตลอดเวลาเกิน จนต้องตื่นมาล้างออก เดี๋ยวไม่ต้องนอนกันพอดี อย่างกับจะโดนปล้ำผ่านกลิ่น 555555 แต่พอเอามาใส่กลางวัน กลิ่นมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด เย้ายวนสไตล์ตะวันออกกลาง แต่ไม่แน่นมากทำให้มีความเซ็กซี่แบบไม่ถอดเสื้อผ้าได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งคิดว่าถ้าใส่กลิ่นนี้ไปเที่ยวแถวตะวันออกกลางอาจจะได้ผัวแขกเมียแขกก็งานนี้แหละ Sex in the Bottle โดยแท้

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by http://www.ebay.co.uk/itm/Musk-Al-Ghazal-For-Men-100-ml-Eau-De-Parfum-By-Lattafa-Perfumes-/171839569381

วันพุธที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Review: by Kilian - Flower of Immortality

by Kilian - Flower of Immortality

หลังจากผ่านไลน์ Asian Tales ของ by Kilian มาเรื่อยๆ เน้นเฉพาะที่เข้าไทย ก็เรียกว่ากวาดมาจนเหลือตัวสุดท้าย (ไม่นับตัวที่ไม่เข้าไทยนะจ้ะ) นั่นก็คือ Flower of Immortality ที่เดิมที่ตั้งใจว่าจะผ่านตัวนี้ไป เพราะมาแนวเดียวกับรุ่น Liaisons Dangereuses ที่กลิ่นพีชแบบครีมมี่เด่นนำ แต่ก็ยังวนเวียนกลับมาดมอีกหลายๆ รอบทุกที เช่นนั้นไหนๆ จัดมา ก็ขอมาเล่าเรื่องกลิ่นกันหน่อยว่าเป็นอย่างไร 

ที่มาของน้ำหอมเป็นลักษณะแนวๆ เรื่องราวจากประเทศจีนที่พูดถึงป่าดอกท้อ ที่มีคนหลงเข้าไปค้นพบและเจอผู้คนที่อยู่กันอย่างสงบสุขแบบไม่สน ห สน ต เอ๊ยยย! ไม่รับรู้โลกภายนอกใดๆ และซึมซับความสุขกับกลิ่นอายในสถานที่แห่งนั้น เช่นนั้น 

เพียงแค่แรกฉีดกลิ่นครีมมี่ของพีชจะมาก่อนเลย กลิ่นจะหอมหวานละมุนมาเชียว เพียงแต่ว่าจะไม่ได้มาแบบเต็มเหนี่ยวและไม่ได้มาสายฉ่ำโบ๊ะด้วย จะมาแบบนวลๆ หอมหวานลอยมาตามอากาศเสียมากกว่าและมีความครีมมี่เหมือนมะพร้าวหน่อยๆ เสียด้วย แต่กลิ่นจะไม่ได้เข้าสู่การเป็นสายข้นขนาดนั้น เพราะจะมีกลิ่นอายเจือเปรี้ยวหน่อยๆ บางๆ ออกทางโทนผลไม้ที่ให้ความสดชื่นอยู่บางๆ ให้รับรู้ได้ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะแอบสัมผัสได้ถึงความครีมมี่และความเป็นโทนแป้งที่จะเริ่มผันกลิ่นพีชให้มีความละมุนมากขึ้นโดยจะปรากฎชัดเจนมากในช่วงกลางที่กลิ่นพีชจะลดความเป็นโทนผลไม้ลง มาให้อารมณ์แบบดอกพีชแทน เพราะจะมีส่วนผสมของการเป็นดอกไม้ที่มีความเป็นโทน Spicy ติดสะอาดอย่างดอกฟรีเซีย และมีกลิ่นอายของกุหลาบเข้ากับพีช กลิ่นเลยจะได้ความรู้สึกแบบดอกพีชนวลๆ หอมหวานเบาๆ กำลังดี เคล้ากับโทนแป้งที่ได้ความรู้สึกออกทางติดจืดอมหวานจางๆ ซึ่งน่าจะมาจากโซนของไอริส แอบมีความหวานติดแครอทนิดๆ เข้ามาแจมไปตลอดเสียด้วย เรียกว่ากลิ่นจะได้อารมณ์เหมือนแป้งหอมดอกพีชติดผิวกายนวลๆ ผ่อนคลายมากเลยทีเดียว จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายความเป็นกลิ่นอายของพีชจะเริ่มจางลงไป เหลือให้พอรู้สึกได้แบบบางเบา แต่จะได้อารมณ์นุ่มสะอาด ติดอบอุ่นกำลังดีแบบผิวกายเรื่อๆ จาก White Musk ส่วนความครีมมี่ที่แฝงตัวมาตั้งแต่ตอนแรกจะเริ่มชัดในช่วงนี้อยู่ไม่น้อยกับกลิ่นของวานิลลาแบบไลท์เวอร์ชั่นผสมผสานกับถั่วตองก้า กลิ่นเลยจะได้อารมณ์ผิวกายอบอุ่นสะอาดเจือความละมุนนวลที่มีกลิ่นพีชบางเบา เรียกว่าเนื้อกลิ่นไล่เรียงความหอมแบบสร้างสภาพแวดล้อมในจินตนาการได้เป็นอย่างดีเลย 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์เตราเอาไว้ว่าเป็นน้ำหอม Unisex แต่เนื้อกลิ่นสไตล์นี้ไพล่ไปทางผู้หญิงถึง 70% ได้เลย แต่ผู้ชายก็ใส่ได้ เพราะกลิ่นมาสายอะโรม่า ไม่ได้มาสายปล่อยพลังมากนัก ใส่แล้วอาจจะฟินมากก็ได้ ซึ่งกลิ่นนี้เข้าได้กับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน อาจจะยกเว้นงานทางการจัดๆ แบบรับแขกบ้านแขกเมือง เพราะกลิ่นมันดูผ่อนคลายสบายๆ ไปนิด นอกนั้นใส่ทำงาน ใส่ทั่วไป หรือใส่ชิลล์ๆ ได้หมด รวมถึงการใส่ออกกลางแจ้งก็พอได้ แต่ไม่ควรใส่เพื่อออกกำลังกาย กลิ่นไม่เข้ากับเหงื่อ และคงไม่มีใครมาผ่อนคลายอะโรม่าตอนบึ้ดจ้ำบึ้ดแน่นอน ที่สำคัญมันแพง เปลือง ส่วนยามคำคืนเน้นใส่แบบสบายๆ ผ่อนคลาย ให้มีความเป็นกลิ่นอายธรรมชาติเรียบหรู แบบกินย้างหรือเดินช้อปปิ้งแทนจะดีกว่า แต่อย่าใส่ไปแดนซ์ยามราตรีเลย เพราะกลิ่นเบาไป โดนชาวบ้านกลบแน่นอน 

ความทน - ตัวนี้ความทนเรียกว่ามีความแกว่ง แม้กลิ่นจะดีมาก เพราะถ้าอยู่ในที่อากาศร้อน4 ชม. ก็เรียกว่ากลิ่นจะเทกันซึ่งๆ เอาได้ แต่ถ้าอยู่ในห้องแอร์ก็สามารถลากไปที่ 6 ชม. ได้ไม่ยาก ทุกอย่างอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด รวมถึงสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นเรียกว่าหอมมากและฟินมากเลยทีเดียว ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แบบแป้งหอมกลิ่นดอกพีช แล้วค่อยเป็น Skin Scent ในช่วงท้ายจนกว่าจะหายไปจากผิว 

ทิ้งท้าย - กลิ่นบอกวิธีลักษณะแบบเอเซียได้ดีมาก ซึ่งทำให้รู้สึกได้ถึงสภาพแวดล้อมที่ต้นพีชเต็มไปหมด อากาศดีๆ และความหอมหวานที่รื่นรมย์ไปตลอด แม้ความทนอาจจะไม่ค่อยคงที่ แต่กลิ่นดีจริงๆ อันนี้ยอมรับและยอมใจ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit by http://www.osmoz.fr/Public/Files/perfume/flower_of_immortality_kilian_cbceaa230a.jpg