วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

Review: Victorinox Swiss Army - Forest

Victorinox Swiss Army - Forest

ได้เวลากลับมาหาน้ำหอมจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่สื่อสารถึงบรรยากาศและกลิ่นอายสดชื่นตามแบบฉบับของการเป็นดินแดนที่อากาศงามๆ อย่างแบรนด์ Victorinox Swiss Army กันอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้กลับมาเจอแบรนด์นี้เพราะมีความอยากรู้อยากเห็นและว่ากลิ่นอายที่เล่าถึงความเป็น ป่าของแบรนด์นี้จะเป็นอย่างไร และที่สำคัญกลิ่นนี้หาในละแวกแถวบ้านเราไม่ค่อยได้เสียด้วย เช่นนั
้น ก็จัดมาครอบครองสินั่นเพราะขวดสวยเป็นทุนเดิม ซึ่งกลิ่นจะเป็นอย่างไรต้องพิสูจน์ 

Forest ในความเป็นน้ำหอมตัวนี้ มันอาจจะไม่ได้ทำให้เรานึกถึงป่าในแบบที่เราคุ้นชิน เช่น ป่าในเขตร้อนชื้นในไทยแน่ๆ เพราะกลิ่นที่สื่อสารจะมาลักษณะกลิ่นอายป่าในแทบยุโรป ที่มีความชื้นบางๆ แห้งๆ เสียมาก ออกแนวป่าที่มีต้นสนกับต้นไม้สลับกันประมาณนั้น เพราะ Top Notes เปิดตัวออกมาด้วยกลิ่นอาย Citrus ของเลมอนกลั้วกับกลิ่นออกทางเขียวทึบๆ แปร่งๆ วูบคล้ายเหล้าจินที่มาจากจูนิเปอร์ และติดปร่านุ่มๆ ของโทนไม้หอมผสมเครื่องเทศนวลโปร่ง ได้อารมณ์แบบกลิ่นกึ่งแห้งกึ่งชื้นแบบติดสดชื่นปนเขียวติดทึบมีความรู้สึกเย็นๆ กำลังดีเลยทีเดียว เพียงไม่นานกลิ่นของโทนไม้หอมที่มีความสะอาดโปร่งสบายๆ จะเริ่มเข้ามาผสมผสานและดึงเข้าสู่ Middle Notes ที่กลิ่นจะมีความโปร่งมากขึ้น ความเขียวติดทึบจางๆ ในตอนแรกจะบางลงไปเป็นสายสนับสนุน เสริมโทนเขียวโปร่งเจือหวานจางๆ ที่ดันขึ้นมาของใบไวโอเล็ตที่ทำให้กลิ่นหอมติดเขียวสบายๆ เคล้ากับกลิ่นโทนไม้หอมสะอาดของซีดาร์ที่เริ่มเด่นขึ้นมาแบบสว่าง ซึ่งจะสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายไม้หอมแนวๆ ต้นสนที่ติดเผ็ดโปร่งจมูก เคล้าความเป็นกลิ่นอายแบบเหล้าจินจางๆ ของจูนิเปอร์กับสมุนไพรปร่าซ่าทำให้ได้อารมณ์กลิ่นอากาศสดชื่นสะอาดเย็นๆ แห้งๆ มากขึ้น โดยกลิ่นยางสนนี้จะเริ่มบอกชัดเจนว่าเป็นตัวเอกของกลิ่นและนำเข้าสู่ Base Notes ที่จะเป็นกลิ่นไม้หอมสะอาด สบาย เด่นที่ความเป็นสนไพน์นำอยู่ มีความเขียวเจืออมหวานจางๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย มีความขรึมกำลังดี กลิ่นจะยังคงความสดชื่นแบบอากาศของความเป็นป่าแห้งๆ อากาศเย็นๆ อยู่แบบเรื่อยๆ อ้อยอิ่งไปเรื่อยจนกว่าจะหายไปจากผิวนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้นขึ้นไป ก็สามารถใส่ตัวนี้ได้สบายๆ กลิ่นเข้าถึงได้ง่ายมาก และมีความเป็นโทนสะอาดติดเขียวแบบเดินเล่นในป่าสนแห้งๆเย็นๆ ตลอด คนได้กลิ่นมักไม่ยี้ มหาชนชอบได้ไม่ยาก ซึ่งจะกวาดหมดทุกสถานการณ์ยามกลางวันในเรื่องของการใช้งาน เพราะกลิ่นมาสายปลอดภัยสูงมาก และมีความธรรมชาติระดับหนึ่งเลยทีเดียว ส่วนยามค่ำคืนถ้าเน้นใส่สบายๆ หลังอาบน้ำเสร็จเสริมความสดชื่นและผ่อนคลาย หรือใส่ไปเดินเล่นเดินเที่ยวคืนที่อากาศร้อนๆ จะลงตัวมาก แต่ถ้าจะใส่ไปท่องราตรี ไม่แนะนำ เพราะโดนกลบไม่เหลือแน่นอน 

ความทน - กลิ่นทนกำลังดี และลงตัวที่ราวๆ 6 ชม. ซึ่งอาจจะบวกลบราวๆ 2 ชม อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวใส่แล้วอยู่ในห้องแอร์ประมาณ 7 สเปรย์กลิ่นลากยาวไปที่ 8 ชม. ได้สบายๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว แบบที่สร้างกลิ่นอายสะอาดหอมติดปร่าปนไม้หอมได้ดีมาก ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเป็น Skin Scent ชัดเจน 

ทิ้งท้าย - มาสาย Safe Scent ได้ดีมาก และเป็นกลิ่นสดชื่นที่มีความแตกต่างจากน้ำหอมโทนสดชื่นทั่วๆ ไป ได้อารมณ์แบบ Fresh Woody ได้ดีเลยทีเดียว สุดท้าย Swiss Army ก็ยังคงทำกลิ่นนี้แล้วได้อารมณ์แนวๆ อากาศดีๆ ที่เข้าถึงง่ายยังไงก็หอมอยู่เช่นเคย ดังนั้น เอาตำแหน่งนี้ไปเลยดีกว่า #ของดีเทคนิคไม่ต้อง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://cdn.shopify.com/s/files/1/0216/7720/products/7640131395588_3630659191214509821_1024x1024.png?v=1497999855



วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

Review: Penhaligon’s - Bayolea

Penhaligon’s - Bayolea 

ถ้าพูดถึงน้ำหอมที่แสดงความเป็นสุภาพบุรุษในสายน้ำหอมเรียบหรูมีระดับมักจะขาดแบรนด์ป้าเพ็ญอา ลีกรส์: Penhaligon’s ไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตามก็เก็บหมดใน Theme ของความเป็นผู้ดีอังกฤษชัดเจนมาเสมอ เรียกว่าลงลายเซ็นกันเต็มๆ ซึ่งเมื่อเล่ากลิ่นผ่านไปในหลายๆ รุ่นแล้ว ก็ได้เวลาของการมาแตะกลิ่นอายแบบสุภาพบุรุษอีกกลิ่นที่น่าสนใจกันหน่อย นั่นก็คือรุ่น Bayolea นั่นเอง 

Concept ชัดตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว กับการเป็นกลิ่นสุภาพบุรุษแบบอังกฤษที่มีความสดชื่นเคล้าความเรียบหรูไปในตัว โดยมีความเป็นธรรมชาติแบบที่เข้าถึงได้ไม่ยากเสียด้วย เพราะเปิดตัว Top Notes กับการเป็นโทน Spicy Herbal Citrus ที่ไม่ได้มาแบบสดชืิ่นจัดๆ เว่อร์ๆ เพราะกลิ่นอายที่เด่นจัดชัดเจนและยังเป็นกลิ่นหลักที่ตามติดไปจนถึงช่วงท้ายๆ อย่างตะไคร้ จะชัดและเด่นมาก แต่จะไม่ได้มาแบบตะไคร้หอมตามสปาหรือตามห้องน้ำโรงแรมที่เขาไว้ดับกลิ่นแต่ประการใด เพราะกลิ่นของส้มที่มาแบบสดชื่นอมหวานกลิ่นอยู่ค่อนไปทางสายแห้งมากกว่าจะฉ่ำหน่อยๆ และพริกไทยที่โปร่งๆ สะอาดๆ จะเป็นตัวเสริมให้กลิ่นมีความสดชื่นและอะโรม่าติดเขียวสมุนไพรแบบลงตัวกำลังดี ไม่ได้ไปสายคลาสสิคจัดๆ นัก มีความร่วมสมัยอยู่พอสมควร ที่สำคัญจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเย็นๆ ท่ามกลางความอะโรม่าที่ได้รับเสียด้วย ซึ่งเมื่อเข้า Middle Notes กลิ่นในช่วงต้นทั้งหมดจะยังตามมาในช่วงนี้ เพียงแต่จะลดระดับความเข้มลงมา เพราะกลิ่นอายดอกไม้กลั้วสมุนไพรสะอาดนวลจะเริ่มมาผสมผสานจากกลิ่นของลาเวนเดอร์ที่จะมาแบบเรียบๆ สบายๆ อมหวานติดเขียวหน่อยๆ และจะมีกลิ่นใสๆ คาบเกี่ยวโทนสดชื่นของดอกไม้ขาวเจือให้รู้สึกได้กลั้วกับกลิ่นไม้หอมขรึมๆ ของไม้ซีดาร์ที่มาแบบบางๆ กำลังดี ทำให้ได้กลิ่นสดชื่นจะมีความนุ่มกึ่งใสเจือๆ แต่จะยังไม่ทิ้งโทนกลิ่นหลักที่เป็นสายอะโรม่าและธรรมชาติจากโทน Citrus และสมุนไพรไป กลิ่นเลยได้ได้ความเรียบหรูและมีความสดชื่นร่วมสมัยแบบวางตัวดีไปตลอด จนเมื่อกลิ่นโทนไม้หอมจากซีดาร์เริ่มที่จะดันขึ้นมาเด่นและมีกลิ่นอายเขียวติดสากๆ มีมิติของ Oak Moss เข้ามาแจม นั่นคือการเข้าสู่ Base Notes กันอย่างชัดเจน กลิ่นจะเริ่มมีความแมนแบบสุภาพบุรุษสะอาดสะอ้านมากขึ้นจนรู้สึกได้ และมี Musk นวลๆ ให้รู้สึกอยู่บ้างแม้จะโดนกลบจากโทนเขียวสมุนไพรและไม้หอมไปพอสมควรอยู่บ้าง ความอะโรม่าของกลิ่นที่มีตะไคร้เด่นยังคงอยู่บางๆ มีพิมเสนอ้อยอิ่งให้รื่นจมูกนวลๆ สร้างความรู้สึกเรียบหรูไปตลอด ทุกอย่างลงตัวตามลายเซ็นและ Concept ของแบรนด์นี้ เป๊ะ! และชัดเจนอย่างมีเสน่ห์จริง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็สามารถใส่ได้แล้ว กลิ่นมีความอะโรม่าและธรรมชาติเป็นสำคัญ แม้อาจจะทำให้รู้สึกถึงความสะอาดแบบคลาสสิคไปบ้าง แต่เพราะความเรียบหรูตามที่ควรจะเป็นมันก็ทำให้หอมมีระดับอยู่ดี ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวัน เรียกว่ากวาดหมด แม้กระทั่งออกกำลังกายก็ใส่ได้ (ถ้าไม่กลัวเปลือง) มีเพียงยามค่ำคืนที่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เท่าไหร่ ถ้าเน้นใส่ช่วงอากาศร้อนๆ เน้นสบายๆ อยู่กับครอบครัวหรือพักผ่อนจะทำให้รื่นรมย์มากเลยทีเดียว ที่สำคัญใส่ออกงานกลางคืนก็ได้ กลิ่นสุภาพเลยล่ะ ส่วนเที่ยวกลางคืนน่ะเหรอ ตัดไปได้เลย โดนชาวบ้านกลบมิดแน่นอน

ความทน - เป็นรุ่นที่คาดไม่ถึงพอสมควรเลย เพราะความทนดีงามมากกับราวๆ 8 ชม. ขึ้นไป ทั้งๆ ที่โทนกลิ่นมาสาย Citrus Aromatic ที่กลิ่นดีสดชื่นเป็นธรรมชาติแต่ความทนมักจะด้อย ซึ่งตรงนี้ต้องปรบมือให้เลยป้าเพ็ญทำตัวนี้ในเรื่องนี้ได้ดีจริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายแบบออร่ารอบๆ ตัว แล้วเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - นี่คือหนึ่งในน้ำหอมของ Penhaligon’s ที่ส่วนตัวผมชอบมากที่สุด เพราะใส่ยังไงก็รอด และมีความอะโรม่าที่ทำให้รื่นรมย์ท่ามกลางการเป็นกลิ่นสุภาพบุรุษที่เรียบหรูได้ลงตัว แค่นี้ก็เพียงพอให้ดูแลรักษาไว้อย่างดีต่อไปแล้วล่ะ 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by https://www.penhaligons.com/images/categories/BAYOLEA.jpg

วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2560

Review: Rasasi - Al Wisam Day for Men

Rasasi - Al Wisam Day for Men 

ได้ยินมาหนาหูว่ามีน้ำหอมแบรนด์ตะวันออกกลางอย่าง Rasasi อยู่หนึ่งรุ่นที่มีกลิ่นอายเทียบเคียงความเป็น Creed Silver Mountain Water เล็งมาซะนานจนวันยึงได้มาอย่างไม่คาดฝันจากการเป็นของขวัญปีใหม่ เช่นนั้นก็ได้เวลาที่จะต้องมาพิสูจน์ว่ากลิ่นอายเป็นอย่างไรกับรุ่นนี้เลย Al Wisam Day for Men
 

เปิด Top Notes ก็ทำให้ถึงบางอ้อกันเลยทีเดียว เพราะมีความคล้ายตัวเด่นของ Creed จริงๆ ซึ่งจะมีความพุ่งของกลิ่นอยู่บ้าง เพราะความเป็นโทน Citrus ที่เด่นกับการเป็น Bergamot หริือมะกรูดฝรั่งที่เป็นโทนสดชื่นติดขมอมเปรี้ยว และจะมีกลิ่นอายของโทนฟรุตตี้แนวๆ แบล็คเคอแรนท์ที่ให้ความติดเขียวเปรี้ยวแบบเบอร์รี่จางๆ เมทัลลิคหน่อยๆ ให้จับต้องได้ แต่จะโดนเกลาด้วยความเป็นดอกเจอราเนียมที่จะให้ความเป็นกุหลาบผสมผสานกับกลิ่นโทนเลมอนและตัดทอนด้วยความนวลจากลาเวนเดอร์ ทำให้เป็นโทนสดชื่นติดนุ่มนวลแต่ยังมีความคมอยู่ เพียงแว้บเดียวกุหลาบจะดันขึ้นมาตีคู่กับโทน Citrus นำเข้าสู่ Middel Notes ที่กลิ่นจะมีความนุ่มนวลมากขึ้นเพราะกุหลาบ เจอราเนียม และลาเวนเดอร์จะทำให้เข้าสู่ความเป็นโทนนุ่มนวล Aromatic โดยจะสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายไม้จันทน์หอมที่เกลากลิ่นมาในระดับหนึ่งไม่ได้ออกทางดิบแปร่งแขกตะวันออกกลางเกินไป เสริมด้วยความนวลของ Musk ที่เริ่มจับต้องได้ตั้งแต่ช่วงนี้ ที่สำคัญรู้สึกได้ถึงชาเขียวจางๆ ที่อ้อยอิ่งเนียนๆ อยู่ ถือเป็นช่วงที่บอกชัดเจนว่า Tribute การเป็น Silver Mountain Water กันได้เลย แต่กลิ่นจะเริ่มมีความต่างตรงทีี่ Oud หรือกฤษณาที่มาแบบค่อยเป็นค่อยไปในการนำเข้าสู่ Base Notes ซึ่งจะเจือความแขกพอเป็นพิธี เพราะกลิ่นไม่ได้มาหนักมาก ออกแนวสายสนับสนุนแต่จับต้องได้แบบกลิ่นอวลเบาๆ เสริมความเย้ายวนดึงดูดกำลังดี ตีคู่กับไม้จันทน์หอมที่สร้างโทนไม้หอมเจือความนุ่มของ Musk ที่เป็นตัวเอกในช่วงท้ายชัดเจน แต่แน่นอนยังมีความเป็นกุหลาบและกลิ่น Citrus ให้จับต้องได้แบบเนียบไปกับความนุ่มของ Musk ไปแล้ว กลิ่นในช่วงนี้เลยจะมาแบบสมาร์ท หอมนวลมีระดับ มีความภูมิฐานในเนื้อกลิ่นที่นุ่มนวลแบบผู้ชายมาดเท่ห์และวางตัวดี แตะความเป็นตะวันตกได้เต็ม โดยแฝงความเป็นตะวันออกกลางได้แบบเนียนๆ นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ได้แล้ว เพราะกลิ่นไม่ได้มาแบบนวลเนียนจัดๆ ยังมีความเป็น Citrus กับกุหลาบแบบสะอาดๆ ให้เข้าถึงได้ง่าย อย่างน้อยกลิ่นก็หล่อเลยล่ะ แต่มันจะสร้างความภูมิฐานและความสมาร์ทให้แบบไม่ได้ออกทางการจ๋านัก เช่นนั้นจึงสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ยิ่งใส่แบบทางการยิ่งเข้าที นอกนั้นจัดไป มีแค่กิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายที่รอช่วงท้ายๆ ให้กลิ่นเบาลงก่อนก่อนจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนถือว่าจัดได้สบายมาก เพราะเนื่อกลิ่นมีความเย้ายวนกำลังดีเสริมเข้ามา เลยถือว่าเรียกแขกได้ในระดับที่ดีเลยทีเดียว 

ความทน - กลิ่นทนมากเลยทีเดียวกับ 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ อาจจะมีบวกลบบ้างราวๆ 1 - 2 ชม. อิงตามสภาพผิว จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. สบายๆ แบบกลิ่นยังอยู่ให้รับรู้ได้

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่าพุ่งกันพอสมควร ก่อนจะลดระดับลงมากระจายดีในช่วงกลาง แล้วค่อยๆ ลงมาเรื่อยๆ เป็นปานกลาง ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พอพ้นซัก 8 ชม. ไปแล้วเริ่มจะเป็นสายติดผิวตีขึ้นยามร่างกายทำความร้อน 

ทิ้งท้าย - Creed Silver Mountain Water ยังคงความนวลเนียนมีระดับและหรูหราในเนื้อกลิ่นชัดเจนจัดเต็ม ใส่ยังไงก็หล่อและดูรวยมากแม้จะมีแค่ 2 บาทในกระเป๋ากางเกง แต่ Al Wisam Day ใส่ความเย้ายวนลงไปแบบเนียนๆ โดยที่ไม่ได้แต่ความเป็นลักษณะแบบคุณชายมาก ให้บุคลิกอื่นๆ มาจับต้องได้ และมาดดีพอกัน

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by http://i.ebayimg.com/images/i/271525299211-0-1/s-l1000.jpg



Review: Nest Fragrances – Dahlia & Vines

Nest Fragrances – Dahlia & Vines

แรกเริ่มเดิมทีได้ยินชื่อแบรนด์ Nest นี้ในด้านของน้ำหอมในบ้านแนว Luxury เสียมาก พึ่งมาเห็นเมื่อไม่นานมานี้เองว่ามีการทำ Fine Fragrance ที่เป็นน้ำหอมฉีดกายเมื่อปี2012 เป็นต้นมา เช่นนั้นสบโอกาสได้สอยมาเพราะอย่างรู้ความดีงามว่าแบรนด์นี้ทำน้ำหอมออกมาลักษณะไหนบ้าง เมื่อใช้จนหนำใจจึงมาเปิดศักราชการเล่ากลิ่นแรกของแบรนด์นี้ที่ได้ลองเลยอย่างรุ่น
 Dahlia & Vines

เปิดตัวช่วงแรกกับการเป็นกลิ่นอายโทนดอกไม้สดชื่นได้ชัดเจนมาก ความสาวมาเต็มแน่นอนกับกลิ่นอายของกุหลาบแบบใสๆ สว่างโทนชมพูเข้าข่ายการเป็นกลิ่นอายแบบดอกโบตั๋นจะฟุ้งกระจายออกมา แต่ในเนื้อกลิ่นมีความติดเขียวใสปนหวานจากดอกนาร์ซิซัสเจือไปตลอด (ที่เรารู้จักกันในนามของดอกแดโฟดิลหรือดอกดารารัตน์) โดยจะมีความเป็นกลิ่นอายฟรุตตี้ติด Citrus ล้อมกลิ่นให้มีความสดชื่นและสดใสลงตัว โดยจะมีกลิ่นที่คล้ายความเป็นลิ้นจี่ผสมผสานกับโทนหวานหอมของกลิ่นแนวๆ ราสเบอร์รี่วูบนึง ก่อนที่จะเป็นอายแบบไวน์องุ่นที่เข้ามาแบบชัดเจนให้จับต้องได้ แล้วกลิ่นอายของโทนกุหลาบที่สดชื่นจะเริ่มแทรกขึ้นมาทำให้กลิ่นมีความเป็น Floral ที่ชัดเจนและเต็มที่ดึงเข้าสู่ช่วงกลาง ซึ่งกลิ่นจะมีทั้งความเป็นโทนกุหลาบที่มีความสดชื่นและมีความเย้ายวนกำลังดีรองพื้น โดยที่ให้ความสะอาดและนวลโรแมนติคเย้าๆ แบบไม่เข้มจัดโดยที่จะจับได้ถึงกลิ่นอายของ Musk กำลังดีผสมผสานอยู่ แต่กลิ่นที่ลอย On top จะเป็นกลิ่นอายของดอกโบตั๋นที่จะให้ความเป็นดอกไม้ที่สดชื่น หวานใส และปลอดโปร่งและโทนสีชมพูชัดเจน ซึ่งท่ามกลางความหวานใสและนุ่มหอมกำลังดีนั้น จะจับได้ถึงกลิ่นอายติดเครื่องเทศโทนโปร่งเผ็ดปร่าแต่มีความหวานกึ่งเบอร์รี่นิดๆ คล้ายๆ โทนพริกไทยสีชมพู แบบเบาๆ กำลังดี ซึ่งทำให้กลิ่นโทนดอกไม้มีความโปร่งติดหวานชัดเจนมากขึ้น กลิ่นจะดำเนินไปซักพักใหญ่แล้วจะเริ่มมีความนุ่มหวานในความใสแทรกเข้ามาเรื่อยๆ จนนำเข้าสู่ช่วงท้ายกับการเป็นโทน Musky ที่มีความสะอาดนุ่มรองพื้นเป็นที่ตั้ง และจะมีความอบอุ่นเบาๆ ติดวานิลลาแบบไลท์เวอร์ชั่นที่บางมากมาเสริมให้กลิ่น Musk มีมิติที่อบอุ่นเคล้าความสะอาดกำลังดี โดยที่กลิ่นกุหลาบจะมาทำให้หวานนวล และโบตั๋นที่ยังคง Strong อยู่คุมโทนการเป็นดอกไม้หวานใส มีความสดชื่นคุมโทนสีชมพูที่มีความน่ารักและอ่อนหวานตั้งแต่ต้นยันจบได้ดีเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลายก็ใช้ได้แล้ว เพราะกลิ่นมาสายใสๆ ชัดเจน แม้ว่าเนื้อกลิ่นเหมือนจะออกแนวไวน์ในช่วงแรก แต่ก็ไม่ได้อยู่นานนัก โดยเนื้อกลิ่นจะไม่ได้ไก่กาแบบสาวลั่นล้ากี๊ซก๊าซวี้ดว้ายผู้ชายนั่นชั้นอยากกินนัก เพราะกลิ่นบ่งบอกลักษณะลูกคุณหนูที่มีระดับเสียมากคุมโทนชมพูอ่อนได้ลงตัว จึงเหมาะกับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นบ่งบอกความเป็นผู้หญิงที่มีความนุ่มนวล สดใส และอ่อนหวานในเวลาเดียวกัน เพียงแต่จะไม่เหมาะกับการใส่ไปออกกำลังกายเท่าไหร่ เดี๋ยวกลิ่นดอกไม้ตีขึ้นให้ชาวบ้านมองหน้าเอาได้ ยกเว้นว่ารอช่วงท้ายๆ ของกลิ่นอันนี้พอไหว ส่วนยามค่ำคืนใส่ตอนอยู่กับแฟน หรือสบายๆ ดีกว่า เพราะกลิ่นมันอ่อนโยนน่ารัก

ความทน ทำได้ดีเลยทีเดียว เพราะ อยู่ราวๆ 8 ชม. เป็นพื้นฐาน แต่มีบวกลบราวๆ 1-2 ชม. ตามแต่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ซึ่งเมื่อทดลองไป 6 สเปรย์ รวมฉีดเสื้อที่สวมกลิ่นยาวไปถึง 10 ชม. ได้เลย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่าได้ความเป็นโทนดอกไม้สดชื่นกันเต็มๆ ก่อนที่จะลดลงมาเป็นกระจายปานกลาง แล้วเมื่อเข้าช่วงท้ายจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบให้กลิ่นดอกไม้สดชื่นติดหวานนวลที่คนใส่ยังรับรู้ได้ 

ทิ้งท้าย - คนรักกลิ่นกุหลาบและโบตั๋นที่มาสายสดชืิ่นเรียกว่าใช้ตัวนี้แล้วเตรียมฟินได้เลย ที่แน่ๆ กลิ่นสาวมาก ผมใส่ไปทำธุระนอกบ้านคนหันมามองด้วยสีหน้าแบบสงสัยกันตรึมๆ เลยว่าราวกับถามว่า กลิ่นดอกไม้สีชมพูแบบนี้มาจากตัวแกใช่ไหม” 55555555555

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by Nest Fragrance - https://www.nestfragrances.com/media/catalog/product/cache/1/image/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/s/e/sephora_edp_dahliavines_wbox_onwhite_72dpi.jpg



วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560

Review: Perry Ellis - 360° Red for Men

Perry Ellis - 360° Red for Men 

ส่วนตัวต้องบอกว่า Perry Ellis เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ทำน้ำหอมได้ดีมาก แต่คนมักมองข้าม ซึ่งแบรนด์นี้มักจะมีโทนน้ำหอมสไตล์ที่ใกล้เคียงตัวยอดนิยมแบรนด์ดังๆ พอสมควร เพียงแต่จะปรับโทนหรือจุดอ่อนของรุ่นดังๆ เหล่านั้นให้มีอัตลักษณ์ที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นโทนกลิ่น
 ความทน และการกระจาย ให้น่าสนใจมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นจะมีรุ่น 360° Red for Men ที่ทำกลิ่นออกมาได้ทั้งคล้ายและเนียนน้ำหอมแบรนด์ดังแบบมีความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญให้รู้สึกได้เสียด้วย ซึ่งจะเหมือนแบรนด์ไหนกันหนอ ต้องพิสูจน์

Top Notes เปิดมาด้วยกลิ่นอาย Citrus เด่นโดยที่จะมีลักษณะแบบความเป็นส้มและมะนาวที่หอมสดชื่นเจือหวานปลายๆ ฟุ้งออกมา แต่เพราะกลิ่นจะมีการตัดทนกันแบบเป็นทอดๆ เลยทำให้กลิ่นที่ได้ไม่คม เพราะมีกลิ่นของเครื่องเทศโทนอบอุ่นอย่างอบเชยเป็นตัวมาทำให้กลิ่นเจือหวานนุ่ม แต่แทนที่กลิ่นจะไปสายอบอุ่นเย้ายวน ก็ดันโดนความสดชื่นของเครื่องเทศโทนเผ็ดปร่าซ่าๆ อย่างกานพลูมาลดความอุ่นลงไปให้ยังอยู่ในโทนสดชื่น แต่กลิ่นจะก็โดนเกลาให้นุ่มอีกตัวด้วยเครื่องเทศโดนเผ็ดนุ่มมีเจือไม้หอมหน่อยๆ อย่างเม็ดจันทน์เทศ ทำให้กลิ่นในช่วงต้นมีความชัดแบบ Citrus ที่ติดนุ่มนวลหอมสดชื่นลงตัว และจะยกพลไปช่วง Middle Notes ไปผสมผสานกับกลิ่นลาเวนเดอร์ และจะมีครื่องเทศโทนเผ็ดโปร่งแนวๆ เม็ดผักชีเข้ามา ซึ่งจะมีโทน Aquatic แทรกเข้ามาแบบเบาๆ กับกลิ่นน้ำทะเลที่ไม่คาวแต่มันจะออกสดชื่นติดเขียวจางๆ และมีความซ่าๆ เสียมากเคล้ากลิ่นสดชิื่นที่ตามมาตั้งแต่ตอนต้น กลิ่นเลยจะได้ความนุ่มแกล้มความสดชื่นเจอความเป็นโทนทะเลบางๆ กำลังดี โดยมีโทนเครื่องเทศที่กึ่งอบอุ่นกึ่งสดชื่นนุ่มๆ จะรองพื้นอยู่ เพียงไม่นานกลิ่นอายของความเป็นโทนสะอาดนุ่มๆ จะแทรกเข้ามาเรื่อยๆ ดึงเข้าสู่ Base Notes ซึ่งจะจับได้เต็มๆ ถึงกลิ่น Musk ที่เป็นตัวทำให้กลิ่นมีความสะอาดเป็นฐาน โดยมีกลิ่นของโทนไม้หอมมติดครีมสะอาดนิดๆ ของไม้จันทน์หอมและไม้แห้งๆ ให้รู้สึก กลิ่นโทน สดชื่นตั้งแต่ตอนต้นผสมผสานกันลงมาเรื่อยๆ ยังคงไม่หมดฤทธิ์คงกระพันชาตรีอยู่ เลยทำให้ได้ความสดชื่นเคล้าความเป็นสะอาดติดอบอุ่นกำลังดีจากโทนไม้หอมและอบเชยที่เหมือนจะได้มาออกฤทธิ์เอาชัดขึ้นมาหน่อยก็ช่วงนี้ และมีไอรื่นจมูกสบายๆ ของพิมเสนเจืออย่างลงตัว กลิ่นเลยจะมีความสดชื่นปนเย้ายวนติดอบอุ่นแบบสบายๆ ยาวไปนั่นเอง 

สุดท้าย นี่มัน Armani - Acqua di Gio (หลังจากนี้จะเรียกสั้นๆ ว่า AdG) นี่นา เพราะกลิ่นมีความคล้ายมากเลยทีเดียว แต่มีความเข้มข้นมากกว่า กลิ่นโทนเครื่องเทศชัดกว่า อบอุ่นกว่านิดนึง และไม่ได้ออกกลิ่นอายแบบ Aquatic หรือทะเลชัดเจนนักนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนตั้งแต่ ม.ต้น ก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว เพราะกลิ่นใช้ง่ายมาก มหาชนชอบ มหาชนใช้ มาแบบเดียวกับรุ่นดังเป๊ะๆ ใช้ได้กวาดหมดทุกสถานการณ์ยามกลางวัน เข้ากับอากาศบ้านเรามากมาย ไม่ว่าจะออกงาน พบผู้คน ทำงาน เดินเล่น ลั่นล้า ออกกำลังกาย กิจกรรมกลางแจ้ง เที่ยวทะเล และบลาๆๆ ส่วนยามค่ำคืนแบบอากาศร้อนๆ จัดไปได้สบายมาก แถมตัวนี้ใส่ไปท่องราตรีได้ด้วยถ้าอัดสเปรย์ไปหน่อย ก็ยังสู้ชาวบ้านที่มาสายหวานยั่วได้อยู่ 

ความทน - นี่คือสิ่งที่ดีกว่า AdG เพราะกลิ่นทนอยู่ที่ 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ เหมือนเอามาปรับปรุงให้กลิ่นทนขึ้นยังไงยังงั้น ซึ่งส่วนตัวใช้กับวันที่อากาศร้อน เหงื่อไหลไคลย้อย กลิ่นยังทนได้ถึง 12 ชม. กับ 6 สเปรย์ (รวมฉีดเสื้อที่สวม) เรียกว่าคุ้มค่าได้เลยทีเดียว 

การกระจาย - มีความเป็น Sillage Scent ที่เน้นการกระจายเป็นสำคัญ และกลิ่นยังตีขึ้นให้คนใส่รับรู้ได้ดีมากเสียด้วย โดยจะกระจายดีแบบเสถียรและสม่ำเสมอไปจนถึงท้ายๆ ช่วงกลาง ก่อนจะลดลงเป็นเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - แม้ว่าจะคล้ายรุ่นดังหรือเอามาต่อยอดให้ดีขึ้น แต่อย่างน้อยกลิ่นยังมีความต่างให้รับรู้ได้ แม้ว่ากลิ่นจะมาสายกลิ่นสังเคราะห์มากกว่าจะธรรมชาติ แต่เอาเข้าจริงถ้ามันหอมซะอย่างสร้างเสน่ห์ให้คนใส่ ก็ไม่จำเป็นต้องคิดมากให้เยอะสิ่ง แถมประหยัดตังค์ลงมาได้มากอีกด้วย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://3.static.fragrancenet.com/images/photos/900x900/127999.jpg



วันพุธที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2560

Review: Jo Malone - English Oak & Redcurrant

Jo Malone - English Oak & Redcurrant 

เม่ื่อเห็นว่า Jo Malone เปิดตัวกลิ่นใหม่ล่าสุดในปี 2017 กับการชูโรงความเป็นไม้ Oak ถึง 2 รุ่น มีหรือที่จะพลาด เรียกว่าตามติดไปดมถึง Counter กันเลยทีเดียวด้วยความอยากรู้ ซึ่งก็ถือว่ามาในสไตล์ของแบรนด์นี้ไม่มีผิดเพี้ยนกับความเป็น Whispering Cologne ที่เน้นความเบาบางเรียบหรูดูธรรมชาติในครั้งแรกที่ดม พอสบโอกาสได้จัดมา 1 รุ่นกับเขาซักหน่อยอย่าง English Oak & Redcurrant เพราะอยากรู้มากกว่าที่ดมจากกระดาษว่ากลิ่นจะเป็นเช่นไร ผลออกมาก็เป็นแบบนี้เลย 

เปิดตัวกันด้วยความสดชื่นติดเขียวและมีความเปรี้ยวใสกันอย่างชัดเจนเลยกับกลิ่นอายของ Redcurrant ที่เป็นผลไม้แนวเบอร์รี่เปรี้ยวจัดๆ กลิ่นจะเป็นเปรี้ยวสดชื่นติดเขียวบางๆ กำลังดี กลิ่นจะออกโทนเย็นๆ สว่างๆ ไม่ฉ่ำเกินไป ไม่แห้งเกินไปก่อนในช่วงนี้ และจะจับได้ถึงโทน Citrus หน่อยๆ จากส้มแบบบางๆ ที่ทำให้กลิ่นมีความอมหวานเป็นธรรมชาติเลยทีเดียว เพียงไม่นานจะเริ่มสัมผัสได้ถึงโทนไม้หอมจาก Oak และมีกลิ่นติดไม้หอมโปร่งสว่างขาวหน่อยๆ จาก ISO E Super ที่ให้กลิ่นแบบไม้แห้งโปร่งสว่างที่ค่อยๆ ดันขึ้นมา แบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ชีวิตดูไม่รีบ ให้กลิ่นกุหลาบเบาบางอ้อยอิ่งรอบๆ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีความสะอาดแบบโทนเครื่องเทศโปร่งๆ ติดหวานนิดๆ ซึ่งพอสัมผัสได้ว่าอาจจะเป็นพริกไทยหรือพริกไทยสีชมพูที่มาแบบบางมาก เรียกว่ากลิ่นจะมีลักษณะโทนสะอาดติดเปรี้ยวอมหวานสดชื่นกันเต็มๆ โดยมีความหอมกึ่งนวลกึ่งใสของกุหลาบที่อ้อล้อเบาๆ ตีคู่ไปด้วย รวมถึงกลิ่นโทนไม้ Oak ที่จะเริ่มเดินทางมาทันกลิ่นโทนสดชื่นแล้ว โดยเอาความเป็นไม้แห้งติดขมเจือๆ เสริมเข้ามา กลายเป็นโทน Fresh Wood แบบแห้ง และคุมโทนสว่างได้ดี ลากยาวไปจนถึงช่วงท้ายที่กลิ่นไม้ Oak จะแซงหน้าชาวบ้าน เพราะเพราะโทนสดชื่นในตอนต้นจะแผ่วลงไปเหลือเบาบาง Airy กันแล้ว โดยกลิ่น ไม้แห้งๆ จะมีความติดเปรี้ยวนิดๆ มีความสะอาดให้รู้สึกได้ ที่แน่ๆ กลิ่นในช่วงนี้จะมี Musk มาสร้างสมดุลไม่ให้กลิ่นเป็นไม้แห้งตรงๆ เกินไป กลิ่นเลยจะได้อารมณ์แบบผิวกายสะอาดๆ เคล้ากลิ่นไม้แห้งๆ มีความนวลกำลังดีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายไปจากผิว 

เหมาะสำหรับ - Unisex สุดๆ เรียกว่ากลิ่นอายแบบธรรมชาติเรื่อยๆ สบายๆ เบาๆ ซึ่งยังไงก็รอดอยู่แล้วกับทุกเพศ สามารถใส่ได้แบบกวาดหมดทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือว่าทั่วๆ ไป กลางแจ้งในร่มได้หมด มีช่วงยามค่ำคืนที่อาจจะเหมาะแค่การใส่สบายๆ อยู่กับบ้าน หรือเดินเที่ยวห้าง ซึ่งถ้าจะเอาไปใส่เพื่อท่องราตรีหาเหยื่อ นกแน่ๆ บอกเลย 

ความทน - อยู่ระหว่าง 4 - 6 ชม. เป็นสำคัญ จะมากหรือน้อยกว่านี้ อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ส่วนตัวจัดไป 8 สเปรย์ (รวมฉีดเสื้อที่สวม) กลิ่นยาวที่ 6 - 7 ชม. ได้อยู่ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง แล้วเปลี่ยนเป็น Skin Scent ในเวลาต่อมา เข้าทางการเป็น Whispering Scent และ Safe Scent ที่ไม่รบกวนใคร 

ทิ้งท้าย - ใครชอบ Jo Malone และสายปลอดภัยไว้ก่อน กลิ่นนี้ถือเป็นอีกตัวที่สบายๆ ตามสไตล์ชัดเจน ไม่หวือหวา ไม่เยอะสิ่ง มีความธรรมชาติและเรียบง่าย ที่แน่ๆ น่าจะเป็นตัวที่เอาไป Layer ได้ดี แต่ถ้าคนที่ชอบการกระจายดีๆปล่อยของซักหน่อย ตัวนี้ไม่ได้ตอบโจทย์นักก็เท่านั้นเอง อยู่ที่การพิจารณาส่วนตัวกันเน้นๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by http://at-ph.s3.amazonaws.com/i/20170706180732-english-oak-redcurrant_resized_773x1031.jpg

วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560

Review: By Kilian - Good Girl Gone Bad Extreme

By Kilian - Good Girl Gone Bad Extreme

เป็นอีกหนึ่งรุ่นของ by Kilian ที่มีการเพิ่มความเข้มข้นให้เป็นสาย Extreme ตีคู่มากับรุ่น Straight to Heaven เลย ในความเป็นรุ่นฮิตติดตลาด ที่เอาเข้าจริงๆ ก็มีความก่งก๊งกันอยู่ไม่น้อยว่า “จะ Extreme ไปทำไมอี๊กกกกเพราะของเดิมมันดีงามมากอยู่แล้ว ในเมื่อออกมานักชิมิ ไม่เคยพลาดขอ Extreme กันให้สุดดูสิว่าจะออกมาแตกต่างจากรุ่นเดิมขนาดไหน 

มันมีความเข้มข้นมากขึ้นจริงๆ เพราะรุ่นเดิมให้ความรู้สึกเรียบร้อยหวานนวลติดใสๆ ไปสู่ความร้ายมั่นติดแมน และ Strong ชัดเจน แต่รุ่นนี้มีพัฒนาการ เพราะเปิดต้นกลิ่นก็มาในโทนเดียวกับรุ่นปกติ ที่จะเป็นดอกไม้ผสมผสานกับโทนผลไม้หวานนวลแนวๆ แอปริคอตหรือพีช ที่ให้ความรู้สึกเป็นกลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้ และมีกลิ่นอายติดเขียวหน่อยๆ แต่มันไม่ได้ใสให้รู้สึกได้แล้ว เพราะกลิ่นจะเข้มข้นและครีมมี่ให้ความหวานข้นมากขึ้นอย่างชัดเจน ได้อารมณ์สาวหวานนุ่มนวลจัดเต็มมาก เพราะกลิ่นของนมจะมาผสานกับกลิ่นของโทนดอกไม้หอมหวานข้นจนเป็นเหมือนกลิ่นนมรสหวานดอกไม้ติดผลไม้กันเลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นครีมมี่นุ่มนมนี้จะนำไปสู่ช่วงกลาง ที่ความครีมมี่จะนวลข้นมากขึ้นไปอีก เพราะจะมีกลิ่นของซ่อนกลิ่นมาเสริมทัพให้ความนวลหวานสไตล์ดอกไม้ขาวเข้มข้น ตีคู่กับกลิ่นหอมหวานติดผลไม้จากหอมหมื่นลี้ กลิ่นเลยจะยังคุมโทนความครีมมี่ด้วยกลิ่นโทน Milky ของนมอยู่อย่างไม่มีผิดเพี้ยน เรียกว่าเล่นใหญ่สายหวานกันได้เลย เนื้อกลิ่นจะยังได้อารมณ์ความเป็นสาวหวานเต็มที่ Extreme อบอวล มีความนุ่มนวลติดอบอุ่นกำลังดีให้พอรู้สึกไประยะนึงเลยทีเดียว 

จนเมื่อมีกลิ่นไม้หอมติดขรึมๆ อย่างไม้ซีดาร์ค่อยๆ ดันขึ้นมาพร้อมกับความอบอุ่นของกลิ่นที่ติดวานิลลาจางๆ กลิ่นจึงเริ่มเปลี่ยนโทนมาเป็นกลิ่นอายมาขรึมแบบค่อยเป็นค่อยไป และเข้าสู่ช่วงท้ายที่เกมเริ่มพลิกมาลักษณะสายหวานแต่มีความมั่นใจและ Strong กันมากขึ้น เพราะกลิ่นโทน Milky Creamy ของนมรสหวานกลิ่นดอกไม้ขาวอวลนวลติดผลไม้จางๆ จะยังคงตัวสูสีกับความเป็นโทนขรึมมั่นของโทนไม้หอมกลั้วอบอุ่นอย่างชัดเจน กลิ่นจะไม่ได้มีความแมนในแบบรุ่นปกติแล้ว เพราะความหวานยังล้อมไว้อยู่ ซึ่งในเนื้อกลิ่นที่อบอุ่นมันแอบเซ็กซี่แบบให้รู้สึกได้แบบหลบๆ ซ่อนๆ ดึงดูดแบบทีละนิดๆ ให้ความแซ่บมั่นซ่อนในความหวานแบบที่ต้องมาค้นหาแล้วจะรู้ว่าใครเป็นใครกันอย่างชัดเจน แหมมมมม ให้มันได้อย่างนี้สิ 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นนี้ยังคุมโทนความเป็นกลิ่นที่ไม่ผู้ใหญ้เกินไป มีความทันสมัย แต่จะขับโทนหวานครีมมี่ให้เด่นและเข้มข้นขึ้นมามากขึ้นนั่นเอง ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ เพราะกลิ่นหวานนวลข้นหนักและแน่น มากเกินไปเดี๋ยวจุกคอหอยรอบทิศรวมถึงคนใส่เองกันเอาได้ ซึ่งสามารถใส่ออกงานได้ กลิ่นเป็นสาวหวานนุ่มดูสมกับความเป็นผู้หญิงและแอบแซ่บแบบค่อยเป็นค่อยไปชัดเจน ใส่ทำงาน ใส่ทั่วๆ ไปได้หมด แต่งดใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกาย เพราะขาดอากาศหายใจเดี๋ยวช่วยเหลือไม่ทัน ส่วนยามค่ำคืน กลิ่นนี้มันหวานก็ได้ ล่อลวงก็สามารถเลยล่ะ จะใส่ไปโรแมนติคก็ดี หรือใส่ไปท่องราตรีจำนวนสเปรย์ดีๆ ไม่เยอะมาก ก็เรียกร้องความสนใจได้สบายมาก ออกแนวลูกคุณหนูที่มาเที่ยวกลางคืน ดูมีระดับหรูแต่มีความไม่ประสีประสา แต่จริงๆ หึหึ นางมีความเด็ดดวงและมาดมั่นกว่าที่เห็นจากฉากหน้าแน่นอ 

ความทน - กราบบบบบบ กลิ่นทนมากกกกก 15 ชม. กลิ่นครีมมี่หวานนวลยังตีขึ้นไม่หยุดไม่หย่อนเลย ยอมมมม 

การกระจาย - กราบบบบบบ กระจายจัดเต็มมาก สมกับคำว่า Extreme ซึ่งกลิ่นจะลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง และปานกลางในช่วงท้าย พอผ่านซัก 10 ชม. ไปแล้วกลิ่นจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป

ทิ้งท้าย - แอ๊บ กลิ่นนี้แอ๊บมากกกกก มันมีความหวานที่ซ่อนความแซ่บมั่นข้างในได้มิดชิดอย่างชัดเจน ซึ่งไม่ออกแนวโต้งๆ และชัดเจนแบบรุ่นปกติที่เปลี่ยนจนจับได้ แต่นี่กว่าจะจับได้ก็เสร็จความแซ่บของนางไปเรียบร้อยแล้วนี่แหละครับ Good Girl Gone Bad Extreme 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by https://fimgs.net/images/secundar/o.46480.jpg

วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2560

Review: By Kilian - Straight to Heaven Extreme

by Kilian - Straight to Heaven Extreme 

เดิมทีก็คิดว่ารุ่นปกติของ Straight to Heaven ของ by Kilian เป็นตัวที่งาม ปล่อยของทางด้านกลิ่นอายรัม
 ผลไม้แห้งติดหวาน พิมเสน และไม้ซีดาร์ที่ลงตัวมาก และกลิ่นใช้ง่ายเป็นตัวยอดฮิตของแบรนด์อยู่แล้ว พอได้มาเห็นว่าอยู่ดีๆ มีรุ่น Extreme ออกมาอีกนั่นแหละ ถึงกับอุทานว่า จะ Extreme อะไรอี๊กกกกกกซึ่งพอได้คิดอีกมุมคือ ตัวรุ่นปกติเองมันค่อนข้างอิงประเภทผิวและเคมีพอสมควรที่จะทำให้ติดทนหรือกระจายดี เช่นนั้นเลยพอเข้าใจถึงการออกมาของรุ่นนี้ และแน่นอนมีหรือที่จะพลาด จัดไป เราต้องพิสูจน์

Straight to Heaven Extreme เรียกว่ามาสายจัดเต็มสมกับการ Upgrade เพราะว่าเปิดมาก็พุ่งมาเต็มกันเลยทีเดียวของกลิ่นอายเหล้ารัมเคล้าผลไม้แห้งหวานมีความคมกันพอสมควร โดยที่จะสัมผัสได้ได้ถึงกลิ่นอายของไม้ซีดาร์ และมีกลิ่นอายนัวๆ ของวานิลลาให้รู้สึกได้ กลิ่นจะมาเต็ม แน่น เรียกว่าอาจจะผงะได้ถ้าไม่ยั้งมือ ซึ่งจะทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างจากรุ่นปกติได้ทันทีตั้งแต่ช่วงนี้เลย เพราะว่ามันเข้มข้นมากจริงๆ เพียงไม่นานจะเข้าสู่ช่วงกลาง ที่กลิ่นอายของไม้ซีดาร์กับรัมผลไม้ติดหวานจะเริ่มผสมผสานกันเป็นกลิ่นอายที่มีความเป็นกลิ่นกรุ้มกริ่มติดโปร่งไม้เปียกเหล้า โดยจะมีกลิ่นของเม็ดจันทน์หอมที่ทำให้กลิ่นมีความนุ่มนวลมากขึ้น และตัวเอกอีกตัวอย่างพิมเสนที่เริ่มแทรกมาฟุ้งกระจายติดสากหน่อยๆ แต่ไม่ดิบห่าม มีความนวลใสเคล้าคลอไปกับกลิ่นไม้ซีดาร์ รวมถึงโทนกลิ่นอบอุ่นรองพื้นของวานิลลาที่เริ่มชัดขึ้น มาลักษณะผู้ชักใยเบื้องหลังที่ทำให้กลิ่นนวลนัวเต็ม โดยกลิ่นในช่วงนี้จะยังคงชัดในพื้นฐานความเข้มข้นที่ไม่ลดราวาศอกใดๆ ปล่อยพลังเต็มๆ แล้ววานิลลานี่แหละจะเป็นตัวดึงเข้าสู่ช่วงสุดท้าย เปลี่ยนจากฉากหลังมาเป็นตัวเด่นที่ยังดึงเอากลิ่นไม้ซีดาร์เคล้ากับพิมเสนมาปล่อยของด้วยเพียงแต่จะลดทอนกลิ่นลงไป โดยยังมีมิติของความเป็นโทนไม้หอมที่ยังชัดเจนอยู่ ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีความอบอุ่นหอมนวลและมี Musk ที่มาเป็นลูกมือให้ความนุ่มกับวานิลลามากขึ้น โดยที่ตัวให้ความกรุ้มกริ่มอย่างกลิ่นรัมติดหวานผลไม้จะบางลงไปเหลือจางๆ โดยจะยังพอรู้สึกได้ถึงเสน่ห์ของความเป็น Straight to Heaven อยู่ไม่มีหลุดกรอบไปไหนเพียงแต่เข้มข้นหวานนุ่มอบอุ่นนวลนัวเย้ายวนมากขึ้นนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ตัวปกติคือเน้นสายโปร่งสว่างที่มีความมาดแมนเป็นสำคัญสไตล์น้ำหอมผู้ชาย พอมา Extreme กลิ่นจะมีความเป็น Unisex มากขึ้น เพราะความเป็นวานิลลาในนี้นั่นเอง ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ ไม่งั้นคนฉีดอาจจะเป็นลมจุกคอหอยไปเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป จัดได้หมด งดใส่ออกกลางแจ้งหรือออกกำลังกายได้เลย อันนี้ขาดออกซิเจนเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนจัดไปแบบที่คนฉีดรับได้แล้วกัน เพราะกลิ่นนี้เปลี่ยนโทนจากรุ่นปกติมาเรียกร้องความสนใจได้น่าดูชมและดมกลิ่นเลยทีเดียว ยิ่งถ้าใส่ไปท่องราตรีแบบมีระดับหรูๆ อันนี้จะเข้าทางมาก บ่งบอกความกรุ้มกริ่มและหรูหราของคนใช้ได้ดีจริงๆ แต่กรุณาหยุดใส่ไปเต้นเด้งริมลานรถบัมพ์หรือว่าเต้นเป็นปลาช่อนโดนทุบหน้าโซนมอเตอร์ไซต์ไต่ถัง เพราะเสียลุคหมด 

ความทน - มากกกกก เรียกว่าทนกว่ารุ่นปกติเยอะเลย เพราะ 8 ชม. เรียกว่าเบสิคกันเลยทีเดียว ส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. แบบชัดตลอดให้รู้สึกได้เลย กับการฉีดแค่ 3 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายแบบมาเต็มชัดเจนมาเต็มเลยทีเดียว ก่อนจะลดลงไปกระจายดีในช่วงกลาง แล้วจึงค่อยลดลงไปเรื่อยๆ ตามลำดับ สิ้นสุดที่ออร่ารอบๆ ตัว จนกว่าจะล้างตัวออก ซึ่งกลิ่นก็ยังติดอยู่แม้อาบน้ำล้างออกแล้ว 

ทิ้งท้าย - รุ่นปกติจะให้ความรู้สึกโปร่งสว่างขาวสมคำว่า White Cristal แต่รุ่นนี้จะมาสายสีเหลืองนวลแต่มีความนัวเย้ายวนแผ่กระจายจัดเต็ม โดยมีการเสริมโทนอบอุ่นเย้ายวนเข้มข้นมากขึ้น แตกต่างทางอารมณ์และความรู้สึกในการใช้งานอย่างชัดเจน เรียกว่าใครชอบแบบไหนจัดไป 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://fimgs.net/images/secundar/o.46481.jpg



วันเสาร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560

Review: Tom Ford - Private Blend: Cafe Rose

Tom Ford - Private Blend: Cafe Rose 

เมื่อเจอน้ำหอมที่เขาบอกเล่ากันมาว่า Tom Ford ไลน์ Private Blend มีกลิ่นกาแฟที่น่าสนใจมีหรือที่จะไม่ค้นหามาลองตามประสาคนชอบกลิ่นหอมและมีเสน่ห์ที่ดึงดูดของโทนนี้ ซึ่งเมื่อได้เห็นตอนแรกมีความอึ้งนิดๆ เพราะมากับกุหลาบ จนทำให้เดาไปสารพัดไม่น้อยว่างานนี้จะเหมือนกลิ่นไหนในหลายๆ แบรนด์ที่ทำกลิ่นโทนนี้มาก่อนและเคยได้ลองมาหรือไม่ จนเมื่อได้ลองจึงรู้ได้
ว่า 

Cafe Rose เป็นการชูโรงความเป็นกุหลาบที่รองพื้นด้วยการเป็นกาแฟได้น่าดูชมและดมกลิ่นเลยทีเดียว โดยเปิดตัว Top Notes กับกลิ่นอายกุหลาบที่มาแบบไม่ได้แห้งอวลจัดหรือฉ่ำจ๋าๆ สดชื่นแต่ประการใด ให้ความรู้สึกของกุหลาบที่มาแบบนวลๆ ติดใสจางๆ มีความธรรมชาติแบบที่ไม่ได้มาหนักหน่วง มีสไตล์คล้ายน้ำกลิ่นกุหลาบหน่อยๆ โดยจะมีกลิ่นเครื่องเทศที่ออกโทนหวานปนขมอย่างหญ้าฝรั่นเป็นตัวเสริมโทนให้กลิ่นมีความเย้ายวนติดอบอุ่นกำลังดีและมีกลิ่นอายติดสะอาดโทนพริกไทยจางๆ ให้พอรู้สึกได้ กลิ่นจะมีความหวานลึกๆ ตรึงเอาไว้อยู่ ซึ่งกลิ่นกุหลาบจะเริ่มชัดมากขึ้นเรื่อยๆ จนนำเข้าสู่ Middle Notes กับการเป็นกลิ่นกุหลาบนวลๆ อมหวานติดสะอาดโปร่งๆ ไม่แน่นไม่อวลจัดๆ โดยที่กลิ่นกาแฟจะเป็นตัวรองพื้นให้ความอะโรม่าติดขมไหม้เล็กๆ เหมือนอารมณ์หลังดื่มกาแฟไปแล้วกลิ่นยังค้างอยู่ ไม่ได้มาในแบบที่เป็นกลิ่นกาแฟขณะชงอะโรม่าขนาดนั้น ซึ่งจะเน้นขับให้กลิ่นกุหลาบมีความหอมนวลมีมิติแบบโปร่งๆ กึ่งดาร์ก ซึ่งกลิ่นยังคงมีความติดหวานกำลังดีจากหญ้าฝรั่นทำให้มีความเย้ายวนติดเซ็กซี่กำลังดีแบบไม่โจ่งแจ้ง เสริมให้กลิ่นกุหลาบที่มีระดับอยู่แล้วให้มีคลาสหรูหรามากขึ้น ซึ่งในช่วงกลางนี้จะเริ่มสัมผัสได้อย่างหนึ่งคือ กลิ่นจะเริ่มมีความอบอุ่นและมีความอ้อยอิ่งนวลๆ คล้ายพิมเสนเสริมเข้ามามากขึ้นตามลำดับ และจะเป็นตัวดึงเข้าสู่ Base Notes กันอย่างชัดเจน ซึ่งกุหลาบจะลดทอนลงไปเข้ากับกลิ่นโทนไม้หอมติดสะอาด มีความครีมมี่เล็กๆ มีความอ้อยอิ่งรื่นจมูกของพิมเสนให้รู้สึกได้ ในเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นโทนวานิลลาบางๆ ที่ออกทางแป้งหน่อยๆ ทำให้ได้ความอบอุ่นที่ติด Smoky จากโทนกาแฟในช่วงกลางที่ยังตามมาอยู่ กลิ่นเลยจะได้อารมณ์แบบแป้งหอมกุหลาบบางๆ ติดขมปนหวานอบอุ่นเย้ายวนแบบไม่หนัก กลิ่นจะออกทางดาร์กอยู่บ้างแต่มีความซีทรูที่ยังจับต้งและมองเห็นได้ เลยจะมีความดึงดูดแบบไม่ได้โจ่งแจ้งเข้ามารวมอยู่ด้วย ทุกอย่างลงตัวและสมดุล เรื่อยๆ มาเรียงๆ แบบที่ชูโรงความเป็นกุหลาบที่ไม่ได้ดูพยายาม Hard Sale จนเกินไป ได้อารมณ์เหมือนนั่งจิบกาแฟแล้วอ่านหนังสือใน Cafe หรูๆ สีออกทางเอิร์ธโทนที่ตกแต่งด้วยกุหลาบแบบกำลังดียังไงยังงั้นเลย 

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน กลิ่นนี้เป็นโทนกุหลาบที่เข้ากับทั้งผู้หญิงและผู้ชายเพราะพื้นฐานของกลิ่นคือความอบอุ่นและมีระดับนั่นเอง ซึ่งเข้ากับทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไป สามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นให้ความมีระดับแบบที่ทันสมัย แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายนี้ และน้ำหอมมันแพงนะตะเอง เปลืองตายชัก ส่วนยามค่ำคืนจัดไปกลิ่นเข้ากับทุกสถานการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นยามราตรีได้หมด ไม่ว่าจะอยู่บ้านเฉยๆ กับแฟน เดินเที่ยวห้าง กินข้าว ออกงานหรู และท่องราตรี กลิ่นทำให้ดูมีระดับและมีรสนิยมที่ดีมากได้เลยทีเดียว 

ความทน - กลิ่นทนดีงามอยู่จะเฉลี่ยที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งจะมากกว่านี้ได้หรือไม่ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ส่วนตัวเจอไปที่ 10 ชม. กำลังดีกับเทียบเฉลี่ยการใช้ราวๆ 4 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น และค่อนข้างคงตัว มีลดหลั่นลงไปกระจายปานกลางหลังจากผ่านราวๆ 4 ชม. ไปแล้ว แล้วจะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ ปิดท้ายที่ Skin Scent ยามเมื่อผ่าน 8 ชม. ที่เหลืออยู่ที่ว่าผิวใครจะเอื้อให้ยาวได้มากกว่านี้ก็ตามแต่ละคนกันไป 

ทิ้งท้าย - เรียกว่าเป็นกลิ่นกุหลาบอีกตัวที่ทำให้รู้สึกว่า เป็นกุหลาบไม่จำเป็นต้องดูพยายามเรียกร้องความสนใจแบบพยายามพรีเซนต์ตัวเองขนาดนั้น มันก็ทำให้รู้สึกน่าสนใจได้ไม่ยาก และแม้ว่ากลิ่นนี้อาจจะทำให้คอกลิ่นกาแฟรู้สึกว่าไม่สุด เพราะไม่ได้เด่นมาก แต่อย่างน้อยได้มาเจอกาแฟบางๆ กลั้วกุหลาบมันก็น่าสนใจอยู่นะนั่น แน่นอนไม่มีกลิ่น Oud ในตัวนี้ด้วยแหละ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://i1.adis.ws/i/tom_ford/T1-CAFE-ROSE_OC_50ML_A?%24pdp_hero_mob%24



วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560

Review: Tom Ford - Private Blend: Tuscan Leather

Tom Ford - Private Blend: Tuscan Leather

ถือเป็นหนึ่งในตัว Top จากไลน์ Private Blend แบรนด์ Tom Ford กันได้เลยทีเดียว กับรุ่น Tuscan Leather ที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลามในเรื่องความงามของกลิ่นของตัวนี้มาก คราวนี้ก็ได้เวลาที่จะมาเรียนรู้เรื่องกลิ่นจากตัวนี้กันเสียทีว่าจะออกมาในลักษณะไหน

เปิดต้นทางกลิ่นได้น่าสนใจมากกับการสัมผัสได้เลยถึงกลิ่นอายของราสเบอร์รี่ที่มาแบบติดว้าวมาก เพราะเป็นกลิ่นราสเบอรร์รี่ที่ไม่หวานแบบน้ำหอมโทน Fruity ที่เคยได้กลิ่นของผลไม้ตัวนี้มา แต่จะมีความหอมเฉพาะตัวของราสเบอร์รี่เคล้ากับกลิ่นของหญ้าฝรั่นที่จะมาแบบติดโทนหนังและมีกลิ่นขมปนหวานแบบลึกๆ เจือด้วยกลิ่นอายเขียวทึบอมหวานเหมือนแนวๆ ใบไวโอเล็ตเคล้ากับกลิ่นหนังแบบไม่ได้ติดสาปตามเข้ามา กลิ่นจะมีความเป็นสมุนไพรปร่าติดเขียวโปร่งและนุ่มอยู่ด้วย ซึ่งจะผสมผสานกันสร้างออร่าความเป็นกลิ่นโทนหนังติดสดชื่นติดเขียวปนหวานหอมแบบลงตัวก่อน แล้วกลิ่นจะปรับตัวในระยะเวลาไม่นานเป็นกลิ่นหนังที่มาแบบไม่ดิบคล้ายแผ่นหนังชั้นดีที่มีความสะอาดเคล้ากลิ่นหวานจางๆ แต่มีเสน่ห์ของราสเบอร์รี่และติดขมลึกๆ จากหญ้าฝรั่น ซึ่งกลิ่นจะมีความนวลและดึงดูปนเซ็กซี่ให้รับรู้ได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย แล้วกลิ่นโทน Smoky จะเริ่มเข้ามาผสมผสาน เป็นสัญญาณชัดเจนว่าเข้าสู่ช่วงกลางซึ่งกลิ่นโทนหนังจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นและมีความกึ่งดิบกึ่งนุ่มเคล้าโทนหวานหอมจากราสเบอร์รี่ยังคงอยู่ให้รู้สึกได้ท่ามกลางความดาร์กที่มาจากโทน Smoky ติดเปรี้ยวบางๆ และมีไม้หอมที่ติดเครื่องเทศอุ่นๆ เจือเข้ามา กลิ่นเขียวๆ ติดเย้ายวนได้จางลงไป ทำให้กลิ่นในช่วงนี้จะได้ความรู้สึกกึ่งดาร์กกึ่งสะอาดแห้งๆ มีควาทเท่ห์ปนหวานราสเบอร์รี่จางๆ ซึ่งกลิ่นจะมีความเซ็กซี่ที่มีคลาสมีระดับ ที่แม้จะมาสายสาปปลุกเร้าแต่ว่ามีความนุ่มนวลดึงดูดได้ชัดเจนเลยทีเดียว จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้าย กลิ่นหนังยังคงปล่อยของกึ่งดิบดาร์กและนุ่มสะอาดได้อยู่ มาลักษณะที่จะได้รับทั้งลิ่นหนังปกติและกลิ่นหนังกลับได้เลย มีความเป็น Rich โทนที่มีระดับจากกลิ่นที่มีความอบอุ่นเจือความเป็นไม้หอมเจือไปตลอด กลิ่นเลยจะมาสายกลิ่นหนังมีระดับและหรูหราในที อารมณ์จะได้ทั้งสะอาดนุ่มอุ่น หรือดิบแต่ไม่สาป มีความเซ็กซี่แบบปลุกเร้าแบบที่มีความนิ่งหรูฉาบหน้าอยู่ได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย ยิ่งถ้าใครมีพื้นฐานชอบกลิ่นหนังก็จะฟินกันได้เลย เพราะเนื้อกลิ่นทำมาได้ดีและเซ็กซี่และมีระดับติดหรูหราแกมดาร์กเย้ายวนน่าสนใจจริงๆ แต่กลิ่นนี้มีมุมที่ใส่แล้วทำให้ภูมิฐานได้ด้วย จึงเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ใส่เพื่อเพิ่มออร่าความภูมิฐานที่เซ็กซี่กำลังดี อบอุ่นน่าเข้าใกล้และทันสมัยสไตล์ TF ได้ไม่ยาก ส่วนกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายเอาจริงๆ ไม่เข้าทางนัก เพราะกลิ่นมีความอบอวลในระดับหนึ่ง แต่ถ้ารอช่วงท้าย ๆก็พอถูไถไปได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นบ่งบอกคลาสของคนใส่และดึงดูดมากจริงๆ ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม

ความทน - กราบบบบบ กลิ่นทนมากมาย ขั้นต่ำที่ 8 ชม. และมากกว่านั้นสบายมาก อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. ได้เลยเทียบกับการฉีดที่ 5 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ทำให้รู้ได้เลยว่ากลิ่นหนังตัวนี้มีดีจริงๆ แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางแบบลากยาวไปจนถึงช่วงท้าย พอพ้นซัก 8 - 10 ชม. ไปแล้วจะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป

ทิ้งท้าย - สมแล้วที่เป็นหนึ่งในตัว Top ของไลน์ Private Blend นี้ ทำออกมาได้ดีงามสมความเป็น Tom Ford จริงๆ

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit by https://londonprettyboy.files.wordpress.com/2011/10/tuscan-leather.jpg?w=610



วันจันทร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2560

Review: Etat Libre d’Orange - Rossy de Palma: Eau de Protection

Etat Libre d’Orange - Rossy de Palma: Eau de Protection

Rossy de Palma ถือเป็นหนึ่งในนักแสดงและนางแบบชาวสเปนที่หักปากกาเซียนด้านความสวยแบบที่เราๆ เคยมองกันไปเลย เน้นความมีคาแรคเตอร์ ความเก๋ และความแตกต่างในความงามตามที่ตนเองเป็น และถือเป็นหนึี่งในคนที่ถ่าย Photo Shoot ได้เก๋ลากมาก ร่วมงานกับทั้ง Jean Paul Gaultier และ Thierry Mugler มาแล้ว เป็น Fashion Icon มาตั้งแต่ปลายยุค 80 และทรงอิทธิพลมาจนถึงทุกวันนี้เลยก็ว่าได้

เช่นนั้นเมื่อมีความเก๋ลากขนาดนี้ Etat Libre d’Orange เลยเชิิญแม่มาร่วมทำน้ำหอมออกมา (เป็นโปรเจคร่วม Collaboration แรกเริ่มก่อนที่จะมี Tilda Swinton มาร่วมทำ Like This ราวๆ 1 ปี) เช่นนั้น Eau de Protection จะเป็นอย่างไร ต้องลอง

เปิดตัวด้วยความเป็นโทน Fresh Spicy กับเครื่องเทศโทนโปร่งเจือหวานจางๆ จากขิงที่จะเป็นตัวเอกกันเลยในช่วงนี้ แต่จะมีความโปร่งติดเผ็ดกำลังดีจากพริกไทย และมีความเป็น Citrus แทรกอยู่ในเนื้อกลิ่นให้มีมิติของความสดชื่นอยู่  กลิ่นจะสมดุลมากตั้งแต่ตอนแรก ไม่ได้มาหนักหน่วงเกินไป กลิ่นจะออกแนวเผ็ดเจือหวานโปร่งมีโทนสว่างพอให้รู้สึกได้ ซึ่งเพียงวูบเดียวของช่วงต้นจะเริ่มจับได้ว่ากุหลาบค่อยๆ เดินเฉิดฉายออกมาผสมผสานจนกลายเป็นกุหลาบกลั้วเครื่องเทศโทนโปร่งที่เริ่มเปลี่ยนจากความสว่างมาเป็นความดาร์กแบบไม่ได้ข้น มีความโปร่งอยู่ไม่หนีไปไหน ทั้งหมดจะยกทีมเข้าสู่ช่วงกลางโดยที่ความเป็นกุหลาบจะเริ่มมีกลิ่นอาย Metallic ติดเขียวเจือเครื่องเทศโทนโปร่ง มีอารมณ์แบบกลิ่นเลือดอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ได้ความรู้สึกแบบกุหลาบแดงที่มีหยดเลือดเปรอะบนดอกแบบไม่ได้ฉ่ำมาก อารมณ์เลยจะได้แบบดาร์ก ดุ และสวยงามในเนื้อกลิ่นที่ไม่ได้มาหนักหน่วง แอบทำให้รู้สึกถึงความดึงดูดกับกลิ่นได้ดีมาก  มีความเยือกเย็นในระดับหนึ่งเลยทีเดียว พอผ่านไปซักระยะกลิ่นของโทนอบอุ่นจะเริ่มแทรกขึ้นมาเรื่อยๆ ดึงเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะเริ่มเป็นโทนอบอุ่นที่มีความดาร์กน่าค้นหาแบบไม่ได้ข้นนวล ซึ่งกุหลาบจะลดทอนลงมาผสมผสานกับกลิ่นโทนธูปจะมาแบบอ้อยอิ่งเคล้ากับพิมเสนที่ให้ความดาร์กแต่ไม่ดิบมีความนวลระดับหนึ่ง กลิ่นอบอุ่นจะจับได้ที่ความเป็นกำยานที่มาแบบนวลๆ นัวๆ แบบกำลังดี แอบมีกลิ่นโทนโกโก้ที่ให้ความรู้สึกขมนวลเสริมความอบอุ่นได้อย่างลงตัว กลิ่นโทน Metallic ที่ให้อารมณ์คล้ายเลือดจะลดทอนลงเหลือจางๆ เป็นสายสนับสนุนให้ยังรู้สึกได้บางๆ กลิ่นช่วงนี้ถือว่าตอบโจทย์คำว่า Protection ได้ชัดเพราะกลิ่นโทนอบอุ่นมันสื่อสารถึงการปกป้องได้ดีด้วย

ภาพรวมของน้ำหอมรุ่นนี้เลยจะได้ความรู้สึกที่หลากหลายบนพื้นฐานของความเป็น “กุหลาบ” ที่เป็นหัวใจหลักของกลิ่น ล้อมไปด้วยความสว่าง ความดาร์กมืด ความดุ ความเฉียบ ความดึงดูด ความอบอุ่น และการปกป้องได้ชัดเจน กลิ่นนี้แบบนี่แหละ “คุณแม่” ที่ใครยากจะเลียนแบบได้เหมือนอย่าง Rossy de Palma

เหมาะสำหรับ - แม้ว่้ากลิ่นนี้จะตราเอาไว้ว่าเป็นน้ำหอมของผู้หญิง แต่เอาจริงๆ มัน Unisex มากกกกกกก เป็นกุหลาบที่กลางๆ พอในการใช้งานของทุกเพศเลย ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันเพราะกลิ่นไม่ได้หนักหน่วงมาก ปล่อยพลังแบบกำลังดี เลยจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ซึ่งจะใส่ออกงาน พบปะผู้คนก็ได้ จะให้อารมณ์ของความมั่นใจ วางตัวมีความเฉียบคมแบบที่น่าค้นหาได้เป็นอย่างดี หรือจะใส่ทำงาน ใส่แบบทั่วไปก็สามารถ แต่งดใส่ออกกำลังกายจะดีที่สุดเพราะกลิ่นไม่ได้เข้าทาง ส่วนยามค่ำคืนอันนี้เข้าทางได้อยู่ ใส่ออกงานก็ได้ ใส่แบบท่องราตรีก็สามารถให้อารมณ์มั่นๆ แบบมีคลาส ไม่ได้ไก่กา และไม่ได้กินดันได้ง่ายๆ แต่ยังมีโทนดึงดูดให้รู้สึกได้นั่นเอง

ความทน - กลิ่นทนดีงามมากกับ 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ ซึ่งจะมากกว่านั้นหรือไม่อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไป 12 ชม. กับวันอากาศร้อนๆ เหงื่อซึมตลอดวัน และ 15 ชม. กับการอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน เรียกว่า กราบบบบบแม่เลยทีเดียว

การกระจาย - กลิ่นไม่ได้กระจายหนักหน่วง ออกแนวกระจายปานกลางตั้งแต่ช่วงต้นลากยาวไปจนถึงช่วงท้าย ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อผ่านซัก 8 ชม. ไปแล้วแบบค่อยๆ ไม่ได้กระโตกกระตาก แล้วเป็น Skin Scent ตอนผ่านไปซัก 10 ชม.

ทิ้งท้าย - ผมเองใช้กลิ่นกุหลาบได้ เขียนบอกเล่าได้  แต่ไม่ได้ถึงกับรักเพราะมันไม่ใช่ทางสไตล์ผมเท่าไหร่ แต่แปลกตัวนี้ดันเข้ากับลุคของผมมากจนน่าตกใจ ยิ่งช่วงกลางนี่เป็นช่วงที่ทำเอาประทับใจในกลิ่นที่มีชั้นเชิง ไม่ได้โฉ่งฉ่าง ออกแนวร้ายแบบมีสติเมื่อจำเป็นได้ดีมาก แหมมมม โดนเต็มๆ กันเลยทีเดียว  

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”



วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2560

Review: Monotheme Fine Fragrances Venezia - Vetiver Bourbon

Monotheme Fine Fragrances Venezia - Vetiver Bourbon

ไม่รู้จัก Monotheme (ขอเรียกสั้นๆ) มาก่อนเลยด้วยซ้ำ จนมาวันหนึ่งได้มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์แนะนำมาว่า ตัวนี้ดีมากกก เลยทำให้รู้จักแบรนด์นี้กันเต็มๆ มากขึ้นว่ามาจากอิตาลี และอยู่ในเครือใหญ่ทางด้านน้ำหอมอย่าง Mavive Vanezia ที่มีแบรนด์น้ำหอมและบอดี้แคร์ในอยู่เครือมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Pino Silvestre, Police หรือ Zippo เลยถามไถ่ทั่วหล้าว่าใครไปอิตาลีรบกวนช่วยฝากดูกันเลยทีเดียว จนกัลยาณมิตรท่านหนึ่งได้สอยมาฝาก เช่นนั้นเมื่อได้มากับรุ่นที่รับรู้มาว่าดีมากอย่าง Vetiver Bourbon ก็ต้องมาบอกเล่ากันหน่อยว่ากลิ่นเป็นอย่างไรบ้าง 

Top Notes เล่นเอาสดชื่นกันเลยทีเดียว แต่ไม่ได้มาสายคมพุ่งปรี๊ดนัก แบ่งสมดุลกันได้อย่างลงตัวระหว่างความเป็นโทน Citrus ของเลมอน ความเป็นสมุนไพรของโกฐจุฬาลัมพา (Artemisia) ที่ให้ความเขียวติดขื่นตามธรรมชาติ และความเป็นโทน Spicy เผ็ดปร่าโปร่งสดชื่นของเม็ดผักชี กลิ่นจะผสมผสานกันอย่างลงตัว ให้ความเป็น Spicy Herbal Citrus ที่ฟุ้งกระจายออกมาในโทนสว่างและสะอาดมาก โดยที่จะจับได้ถึงกลิ่นอายสดชื่ื่นติดไม้หอมของหญ้าแฝกและกลิ่นติดเขียวสากจางๆ อยู่เป็นตัวรองพื้นที่จะเป็นตัวดึงเข้าสู่ Middle Notes กับการเป็นกลิ่นหญ้าแฝกที่สดชื่นมีความฉ่ำจากโทน Citrus ติดเขียวสมุนไพรที่ตามมาจากตอนต้น และจะมาเคล้ากับกลิ่นอายดอกส้มที่มาแบบใสๆ ให้กลิ่นมีมิติของความสดชื่นที่โปร่งสว่างที่ยังคงอยู่ สนับสนุนให้หญ้าแฝกที่เด่นขึ้นมาเป็นกลิ่นสะอาดเจือไม้หอม กลิ่นอยู่ระหว่างความแห้งและความฉ่ำได้เป็นอย่างดีมาก ยังเจือกลิ่นสากเขียวที่เริ่มจะชัดขึ้นมาอย่าง Oak Moss ที่ให้ความรู้สึกแบบแมนๆ ติดคลาสสิคกำลังดีลากยาวไปจนถึง Base Notes โดยคราวนี้จะเป็นกลิ่นหญ้าแฝกที่มาสายไม้หอมแห้งๆ กลั้วกลิ่นเขียวติดสากเท่ห์ๆ ของ Oak Moss ชัดเจน ซึ่งจะยังสัมผัสได้ถึงความสดชื่นที่ยังมีอยู่ในเนื้อกลิ่น ซึ่งคุมโทนความสว่างและสะอาดชัดเจนตั้งแต่ต้นยันจบ ได้ความรู้สึกเหมือนผู้ชายสบายๆ สะอาดสะอ้าน ลุคร่วมสมัยที่คาบเกี่ยวความเป็นแนว Modern เคล้าความคลาสสิคแบบหวีผมเรียบแปล้ ใส่เสื้อสีขาวนวลตา นั่งผ่อนคลายท่ามกลางอากาศดีที่ปลอดโปร่งตามนี้เลย

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถจัดตัวนี้ได้เแล้ว เพราะมันเป็นกลิ่นสะอาดที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ง่ายมาก แม้ว่าจะมีความคลาสสิคในเนื้อกลิ่นเจืออยู่ก็ตาม กลิ่นนี้เรียกว่ากวาดหมดทุกการใช้งานยามกลางวัน มีความครอบจักรวาลชัดเจน ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้ไว้ใส่ยามอากาศร้อนๆ ให้สดชื่นสะอาดผ่อนคลายสบายใจ ให้คนที่อยู่ใกล้ๆ สบายจมูกและรู้สึกดี หรือใส่ไปทานข้าวนอกบ้าน เดินเล่นห้างได้หมด แต่กลิ่นไม่เข้าทางกับการใส่ไปท่องราตรีนักเพราะโดนกลิ่นสายหวานอวลกลบแน่นอน 

ความทน - นี่คือสิ่งดีงามมมมมมม เพราะว่ากลิ่นทนมากถ้าวัดโดยเฉลี่ยก็ 8 ชม. สบายๆ ในหลายๆ สภาพผิว อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด โดยส่วนตัวเจอความทนไปที่ 12 ชม. สบายมากไม่ว่าจะเจอเหงื่อ เจอความชื้น เจอการโต้ลมจากการขี่มอเตอร์ไซต์กลิ่นยังอยู่ไม่หนีไปไหน กับจำนวน 6 สเปรย์ อันนี้ยกดาวให้ทั้งฟ้าจริงๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาปานกลางในช่วงกลาง แล้วจะเริ่มเป็นออร่าความสะอาดแมนๆ สบายๆ ในช่วงท้าย พอพ้นไปซัก 8 ชม. กลิ่นจะเริ่มเป็น Skin Scent ที่ตีขึ้นยามร่างกายขยับเนื้อตัว 

ทิ้งท้าย - นี่คือหนึ่งในกลิ่นหญ้าแฝกที่ดีที่สุดตัวนึงของผมเลยทีเดียว ที่ให้ความรู้สึกสะอาด สบาย โปร่ง และมีความดีงามในตัวสูงมาก คลาสสิคก็ได้ สบายๆ สไตล์ Modern แต่มินิิมัลก็ได้ ให้ตำแหน่ง #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ก็ยังไม่พอ ขอยกดาวให้ทั้งฟ้ากับคุณภาพที่เกินราคาไปมากโขจริงๆ ด้วยเลย

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by http://asset1.marksandspencer.com/is/image/mands/SD_07_T23_3909I_NC_X_EC_0?%24PDP_MAXI_ZOOM_NEW%24