วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2564

Review: Strangers Parfumerie - Kira Kira きらきら

Strangers Parfumerie - Kira Kira きら きら

จากที่ผ่านการใช้งานน้ำหอมมาเวลาที่เจอว่าน้ำหอมกลิ่นนั้นๆ สื่อสารถึงความเป็นญี่ปุ่นทีไร มันมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาดเสมอ ทำให้อยากลอง อยากรู้ อยากซึมซับในความเป็นญี่ปุ่นในแง่มุมต่างๆ ผ่านกลิ่น เพราะเราก็อยู่กับความเป็นญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งก็ได้ความเป็นญี่ปุ่นที่แตกต่างกันไปตามแต่การนำเสนอที่ทั้งทันสมัย ร่วมสมัยแบบอินเตอร์ในสาย Designer กลิ่นอายล้ำๆ กลิ่นอายสายมินิมัล วัฒนธรรม วิถีชีวิต และสภาพแวดล้อมต่างๆ รวมถึงการตีความญี่ปุ่นตามความต้องการของสุคนธรกรนั้นๆ แบบที่เราต้องคิดตาม จนเรียกว่าเป็นการเที่ยวญี่ปุ่นผ่านกลิ่นที่สนุกในประสบการณ์มากเลยทีเดียว

และคราวนี้ก็ได้มาเจอกับความเป็นญี่ปุ่นอีกครั้ง ในกลิ่นอายที่สื่อสารถึงฤดูร้อน แสงพระทิตย์ที่พาดผ่านขอบฟ้า ประกายแสงตามธรรมชาติ และทิวทัศน์ Landscape จากการมองออกมาจากหน้าต่างที่มีความสวยงามเรียบง่ายตามวิถีของญี่ปุ่น กับหนึ่งในการสร้างสรรค์ของแบรนด์ Strangers Parfumerie ที่เอาคำว่า Kira Kira อารมณ์เป็นประกายแสงวิบวับสะท้อนเหมือน Gliter ตามธรรมชาติมานำเสนอเป็นชื่อรุ่น เช่นนั้นได้เวลามาซึมซับกันหน่อยแล้วว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง

เปิดตัวกลิ่นออกมาก็มาสายรื่นรมย์กันอย่างชัดเจน เพราะเนื้อกลิ่นจะมีความปร่าเขียวของมินต์วูบขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นของแอปเปิ้ลเขียวที่เนื้อกลิ่นมีความเป็นธรรมชาติพอสมควร (ไม่ได้มาแบบไซรัปแอปเปิ้ลเขียวแต่อย่างใด) ทำให้ได้ความสดชื่นแบบกำลังดี มีความเปรี้ยวเจือปร่าหอม แต่ไม่ได้จบแค่นี้เพราะวูบถัดมาเนื้อกลิ่นจะมีความหวานสดชื่นมีความกึ่งแห้งกึ่งฉ่ำหน่อยๆ ของลูกแพร์เข้ามาเสริม และมีกลิ่นออกทางดอกไม้บางๆ ระเรื่อๆ ลอยมาให้จับต้องได้เบาๆ เลยทำให้ช่วงต้นจะมาแบบกลิ่นอายหอมสดชื่นที่มีความอมหวานกึ่งใสกึ่งแห้งกำลังดี เข้าทางสไตล์มินิมัลที่สร้างความรื่นรมย์ทางกลิ่นแบบที่ไม่ว่าใครๆ ได้กลิ่นก็เป็น 1st Impression ได้เลยและโดนตกได้อย่างเต็มๆ 

การเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงกลางจะค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่ทิ้งเอาความดีงามในช่วงต้นไปแม้แต่นิดเดียว เสมือนเป็นการเสริมโทนในช่วงต้นให้มีมิติกลิ่นอื่ๆ เข้ามาร่วมด้วย นั่นก็คิอกลิ่นออกทางดอกไม้ขาวใสๆ ที่เป็นโซนดอกไม้ขาวแบบกึ่งมะลิ ที่มีลิลลี่หน่อยๆ รวมถึงมีโทนไม้หอมที่อวลกำลังดี มีความโปร่งกึ่งอบอุ่นที่ได้ความรู้สึกแบบผิวกายต้องแดดอบอุ่นหน่อยๆ เข้าทางลักษณะสารหอมอย่าง Ambroxan ที่มาเสริมให้เกิดโทนลักษณะนี้ คลอกับกลิ่นในช่วงต้นที่เป็นโทนผลไม้ใสๆ หอมหวานรื่นรมย์ปลอดโปร่ง เรียกว่ามิติกลิ่นจะไล่เรียงค่อนข้างชัดเจนจากกลิ่นผลไม้หวานใสโปร่ง กลิ่นปร่ามินต์กึ่งเขียวอ่อนๆ กลิ่นดอกไม้นวลๆ กึ่งใสกึ่งนวลหวานเบาๆ และกลิ่นไม้หอมเจือผืวกายอวลๆ ที่มีความอบอุ่น ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ครบถ้วนพอสมควรแบบถอดจากพื้นฐานความเป็นจริงของสภาพแวดล้อมที่เป็นโทนสว่างและมีมิติกลิ่นเรื่อๆ ตามธรรมชาติทุกอย่างมาคลอเคลียรวมผสมผสานเข้าด้วยกัน

จนเมื่อโทนกลิ่นใช่วงต้นเริ่มเหลือเพียงอ่อนๆ ประปราย และเนื้อกลิ่นดอกไม้เริ่มเบาลงตามลำดับ เปิดทางให้โทนกลิ่น Musky หน่อยๆ ที่มีความเขียวบางๆ กึ่งผักเล็กๆ ของ Ambrette แกมกลิ่น Musky เจือไม้หอมอ่อนๆ ติดครีมมีจืดหอมเบาๆของไม้จันทน์หอมที่จะเริ่มชัดเจนขึ้นมา ที่ให้โทนสว่างออกทางสีแสงแดด แกมกลิ่นออกทางเหล้าหวานหมักผลไม้แกมกลิ่นไม้หอมที่ชัดเจนอารมณ์แบบเหล้าสาเกของ Juyondai เข้ามาผสมผสานให้จับต้องได้ เลยจะได้อารมณ์ที่ละเมียดละไมแกมรื่นรมย์ที่เป็นกลิ่นสาย Musky สะอาดๆ แกมอบอุ่นเบาๆ On Top ด้วยกลิ่นสาเกหอมเจือหวานระเรื่อที่สร้างความรู้สึกผ่อนคลายสไตล์ Happy Time ที่จะเป็นตัวปิดท้ายกลิ่นไปเรื่อยๆ ไม่หนักหน่วงแต่จับต้องได้แบบอ่อนๆ กันยาวๆ ไปจนกว่าจะจางไปในที่สุด

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่กลางๆ กับทุกเพศ กลิ่นให้ความรื่นรมย์และเป็นสาย Happy Time Scent ได้ไม่ยาก รวมถึงเข้าถึงได้ง่ายเกินคาดในการเป็นกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นที่เน้นโทนสว่าง ซึ่งเข้าได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางหรือหรือทั่วๆ ไป รวมถึงการออกกิจกรรมกลางแจ้งและลามไปออกกำลังกายก็ยังได้ (เพียงแต่กลิ่นมันจะออกแนวเรียบร้อยรื่นรมย์มากกว่าจะลุยๆ ถ้าจะใส่เพื่อออกกำลังกายก็รอช่วงท้ายๆ น่าจะดีกว่า) ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบผ่อนคลายสบายๆ ให้ความเพลิดเพลินจะดีกว่า หรือถ้าใส่ออกงานก็พอได้อยู่ จะมีก็แต่การใส่เพื่อท่องราตรีที่ข้ามไปจะดีที่สุด เพราะกลิ่นเบาไป

ความทน - ลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ แต่เพราะพื้นฐานกลิ่นมาแบบกลิ่นเบาๆ เรื่อยๆ มาเรียงๆ สำหรับบางสภาพผิวเช่น ผิวแห้ง อาจจะไม่ได้ทนถึง 8 ชม. ซึ่งก็ช่วยด้วยการเพิ่มสเปรย์ลงไปในเสื้อผ้าที่สวมก็จะพอช่วยได้ แต่สำหรับสภาพผิวชุ่มน้ำที่เอื้อมากพอกลิ่นนี้ลากยาวไปถึง 15 ชม. ได้เลย (ง่ายๆ คือพึ่งเคมีนั่นเอง)

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางราวๆ 10 นาทีหลังจากนั้นคงที่ไปพอสมควรราว 3 ชม. ถึงลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัว ก่อนจะเป็นติดผิวเมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. ไปแล้ว ที่กลิ่นจะตีขึ้นให้รู้สึกได้กับตัวคนใช้เองเบาๆ

สรุป - พื้นฐานกลิ่นมีความเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา เพราะดึงสื่อสารถึงกลิ่นอายไตลสภาพแวดล้อมแบบญี่ปุ่นในเขตที่ไม่ใช่เขตเมือง โดยให้มิติกลิ่นเรียบง่ายแต่มีความรื่นรมย์มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว แถมยังให้ความรู้สึกแบบกลิ่นอายแสงแดดที่อบอุ่นเคล้าอากาศดีๆ (แบบที่ไม่ใช่แบบแดดเมืองไทย) ได้อย่างน่าสนใจ ไล่โทนตั้งแต่แสดงยามเช้า ยามเที่ยง และยามเย็นได้ในแต่ละช่วงได้ลงตัว ซึ่งกลิ่นนี้มีลักษณะเป็นกลิ่นอายที่เป็นน้องคลานตามกันมาของ PRYN PARFUM - Hikari ที่เลิกผลิตไปแล้ว (สุครธกรคนเดียวกัน) เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้มีอารมณ์แบบแสงไฟนีออนในช่วงท้ายๆ มากเท่า เพราะออกแนวกลิ่นอายเชิงรื่นรมย์กับบรรยากาศแสงส่องประกายยามหน้าร้อนมากกว่า เรียกว่าถ้าหา Hikari ไม่ได้ ตัวนี้ใช้แทนได้ในลักษณะแบบ Lighter Version ได้เลยล่ะ  

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น