วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2565

Review: Shanghai Tang - Black Iris for Men

Shanghai Tang - Black Iris for Men

ยอมรับอย่างนึงเลยว่า ช่วงที่แบรนด์ Shanghai Tang ทำการตลาดระดับโลกในสายแฟชั่นกับการประยุกต์เอาความเป็น Chinese Traditional มา Mix & Match กับแฟชั่นสาย Modern และมีพ่วงในเรื่องการทำน้ำหอมเข้ามาร่วมด้วยนั้น ออกแนวจะผลัดวันประกันพรุ่งว่า “เดี๋ยวก่อน ไว้ค่อยว่ากัน” อยู่ตลอด จนเมื่อมารู้ภายหลังว่าแบรนด์หยุดทำการตลาดระดับโลก เปลี่ยนมาเจาะที่ตลาดเดิมคือภายในประเทศจีน ทำให้น้ำหอมเองก็หยุดไปด้วยโดยปริยาย กลายเป็นว่าตามเก็บไม่ทันและเป็นของ Rare Items ไปในทันที จากที่บอกว่าเดี๋ยวก่อนเลยกลายเป็น “อ้าว หาไม่ได้ล่ะสิทีนี้ รู้ตัวเมื่อสายไปเสียแล้ว”

แต่อย่างน้อยก็ยังพยายามต่อในการหาเข้ามาเพื่อเติมเต็มการเรียนรู้ทางกลิ่น จนได้น้ำหอมฝั่งผู้หญิงอย่าง Oriental Pearl ที่มีความหรูหราสไตล์เอเชียอินเตอร์กับการเล่นโทนพิมเสนและแอมเบอร์แบบไม่โฉ่งฉ่างแต่คมคายมาเป็นรุ่นแรกก่อน (ที่ได้ผ่านการเล่ากลิ่นไปแล้วก่อนหน้านี้) และก็ตามมาในไม่นานกับน้ำหอมผู้ชายที่ถือว่าเป็นรุ่นท้ายๆ ในการผลิตออกมาวางจำหน่ายในระดับโลกอย่าง Black Iris for Men (ส่วนที่เหลือที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัส ก็ว่ากันตามวาสนาว่าจะได้เจอกันหรือไม่) เช่นนั้นก็ต้องมาว่ากันในฝั่งน้ำหอมผู้ชายบ้างว่าการสื่อสารทางกลิ่นจะออกมาในรูปแบบใด และผลที่ได้ คือ 

Black Iris for Men เปิดต้นกลิ่นมาก็มีความเป็นสไตล์ Modern สูงมาก เพราะตัวหลักอย่างหนังและไอริสจะเป็นศูนย์กลางของกลิ่นตั้งแต่เริ่มต้นเลย แต่จะมีกลิ่นที่ให้โทนออกทางน่าค้นหาค่อนไปทาง Bad Boy นิ่งๆ อวลๆ หน่อยๆ มาเป็นตัวเรียกแขกก่อน ซึ่งจะมีความเป็นโทน Spicy หวานเย้าแนวเดียวกับเม็ดกระวานแท็คทีมกับโทน Citrus ที่ติดขม เสริมด้วยกลิ่นออกทางคล้ายแอมเบอร์ลึกๆ แบบไม่ได้หนักหน่วงมาก ซึ่ง 3 โทนนี้พอรวมกันจะได้โทนออกทางแมนแฮนซั่มเย้ายวนออกทางร้ายๆ อยู่แล้ว แต่สิ่งที่มาทำให้เนื้อกลิ่นไม่ได้ไปสาย Bad Boy เลยคือ เม็ดจันทน์เทศ ที่เรียกว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลเลย เพราะเป็นโทนหลักที่มาเกลากลิ่นทั้งหมดให้กลมมากถึงมากที่สุด ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นโทน Spicy ที่สมดุลย์มากปรับโทนให้กลายเป็นโทนออกทางสุภาพบุรุษในชุดสมาร์ทสีดำและมีลูกเล่นสไตล์แบบเอเชียที่ไม่ได้เน้นเล่นใหญ่แต่มาแบบหล่อนิ่ง ที่ทุกอย่างฉาบความเป็นหนังและไอริสที่เป็นเสมือนตัวรองพื้นในช่วงต้นให้มีความน่าค้นหาไปอีก มาแบบสไตล์ Issey Miyake กลุ่ม Nuit d’Issey แต่ไม่ได้เข้มเท่าและไพล่ไปทางเยือกเย็นเสียมากกว่า

เมื่อกลิ่นไอริสเริ่มที่จะเป็นตัวเทคโอเวอร์ ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ช่วงกลาง ที่จะเริ่มชัดเจนมากขึ้นว่าเนื้อกลิ่นจะมีโทนแป้งที่ติดแป้งฝุ่นสไตล์ไอริสและมีความอับทึบแบบกึ่งแป้งเนื้อเนยหน่อยๆ ที่เป็นลักษณะของหัวเหง้าออริสที่มาเสริมให้ความเป็นโทนแป้งทึบให้ครบถ้วนมากขึ้น โดยมีโทนหนังที่ติดเข้มหน่อย แต่ไม่ได้ไปสาย Animalic ที่มีโทนสาบมาเสริม อารมณ์แผ่นหนังสีดำหรือสีเข้มมาทำให้เนื้อกลิ่นมีความเป็น Black Iris สมชื่อมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะว่าโทนกลิ่นในช่วงต้นความ Spicy กลมๆ กับการเป็นเม็ดจันทน์เทศยังคงตามมาให้ความเผ็ดติดปร่าเจือค่อนไปทางไม้หอมขรึมๆ แกมกลิ่นอบอุ่นเย้าหน่อยๆ ของเครื่องเทศหวานเย้าเล็กๆ ผสมกับแอมเบอร์เข้ามาด้วย เลยทำให้ช่วงกลางกลายเป็นโทนนิ่งที่มีเสน่ห์แบบติดดาร์กแบบกำลังดี ไม่หนัก คุมโทนการเป็นสุภาพบุรุษในชุดดำแบบสายสมาร์ทได้ดีและมีเสน่ห์ในความมาดแมนแบบลงตัว

ช่วงท้ายจะมีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อไอริสเริ่มลดทอนบทบาทลงให้หนังเด่นขึ้นมาและมีความ Animalic หน่อยๆ เข้ามาแทนที่ แต่เนื้อกลิ่นจะมีความอบอุ่นของโทนแอมเบอร์ที่ติดแปร่งยางไม้แกมหวานเข้ามาเสริม + โทนแป้งยังมีอยู่เย้าๆ ให้มีเสน่ห์ดึงดูดและมีความลึกลับมากขึ้น ง่ายๆ คือเสริมความร้ายน่าค้นหาให้กลิ่นเข้ามาเพิ่มประมาณนั้น แต่ก็ไม่ได้จงใจและโฉ่งฉ่าง เพราะว่ากลิ่นโทนไม้ซีดาร์ที่ให้ความขรึมโปร่งๆ มาเกลาให้กลิ่นมีความนิ่งและสมาร์ทอยู่ อารมณ์ยังคงคุมโทนแบบที่เราเห็นพระเอกหนังจีนยุคใหม่สายเท่ห์ต่างๆ ในชุดสมาร์ทสวมสูทสีดำที่มีทั้งความหล่อน่าค้นหาและแอบขบถร้ายเนียนๆ ในตัวก็ได้ด้วย ถือเป็นการปิดท้ายในการสร้างเสน่ห์ทางกลิ่นที่ได้ความเป็นอินเตอร์แฝงความเป็นโทนสไตล์เอเชียเบาๆ ได้อย่างน่าสนใจมาก

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้สบาย เนื้อกลิ่นจะมาสายแมนๆ หน่อย ไม่ได้แบบมินิมัลจ๋าๆ นัก แบบใส่แล้วใช่เลยแมนน่าค้นหาจริงๆ โดยไม่ได้เล่นใหญ่ปล่อยพลังมากจนดูพยายาม ซึ่งเข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป แต่จะไม่เข้าทางกับการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายแน่ๆ ข้ามไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงาน ยามโรแมนติค หรือท่องราตรีแบบคูลๆ น่าจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายจัดเต็มเผื่อแผ่ชาวบ้านแบบชัดเจนมากนัก

ความทน - 8 ชม. อันนี้เป็นพื้นฐานเลย แต่สามารถไปต่อได้อีกว่ากันที่จำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ ซึ่งส่วนตัวเจอสูงสุดที่ 15 ชม. ได้เลย กับการใช้ที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณชั่วโมงที่ 4 แล้วจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent เมื่อผ่านไปแล้วราวๆ 8 - 10 ชม.

สรุป - เนื้อกลิ่นมีการผสมผสานที่ดีและสมดุลย์เลยกับการนำเสนอความ Modern แฝงสไตล์ผู้ชายเอเชียสายสมาร์ท และมีความหล่อร้ายกลายๆ ได้อย่างดี เรียกว่าเนื้อกลิ่นสร้างความรู้สึกยกระดับได้อีกขั้นในการใช้งานว่าไม่จำเป็นต้องแผ่ไพศาลจนกลบคาแรคเตอร์ผู้ใช้ แต่ให้ความเป็นสุภาพบุรุษที่น่าค้นหาโดยที่กลิ่นเสริมลุคเราให้ครบถ้วนในการมีเสน่ห์ดึงดูดแทน นี่แหละที่ถือว่าไม่ธรรมดา

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/perfume/Shanghai-Tang/Black-Iris-Men-65408.html

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น