วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2565

Review: Parfums MDCI - La Belle Hélène

Parfums MDCI - La Belle Hélène

La Belle Hélène ถือเป็นน้ำหอมลำดับที่ 10 ของแบรนด์ Parfums MDCI ที่ออกมาวางจำหน่ายในปี 2011 โดยมี Concept ในการสร้างสรรค์จากกลิ่นอายสายขนมที่เอาความเป็น Poire belle Hélène หรือลูกแพร์ตุ๋นในน้ำเชื่อมราดชอคโกแลตกินกับไอศครีมวานิลลาและวิปครีม ซึ่งถือเป็นขนมสายคลาสสิคของฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ แต่มีการเอามาประยุกต์เพื่อให้เป็นกลิ่นอายสไตล์กึ่ง Gourmand ที่มีความเป็นของหวานแฝง โดยยังยืนพื้นที่กลิ่นอายสไตล์ Classic Chypre ที่แบรนด์นี้ไม่เป็นสองรองใครมาเสมอ

และเมื่อได้เห็นข้อมูลและความน่าสนใจต่างๆ ถึงที่มาที่ไปในการสร้างสรรค์กลิ่นแล้ว มีหรือที่จะไม่อยากลองว่าจะถอดเนื้อกลิ่นโทนของหวานมาผสมผสานกับความ Classic ที่มีระดับออกมาเป็นอย่างไร เช่นนั้น จัดไปอย่าได้เสีย ลองแล้วเล่าต่อได้แบบนี้เลย

La Belle Hélène จะไม่ได้เอาความเป็นโทนของหวานมาเป็นตัวหลักแต่อย่างใด แต่เอาความเป็นกลิ่นอายของโทนลูกแพร์มาเปิดตัว โดยมีความปร่าแกม Citrus ที่มีกลิ่นโทนส้มและสารหอมอย่าง Aldehydes มาเป็นตัวดัน และมีกลิ่นส้มประปรายให้จับต้องได้ ถือว่าเป็นหนึ่งในช่วงเปิดที่ให้ความเป็นลูกครึ่งระหว่างกลิ่นลูกแพร์ที่ติดหวานแต่ไม่ได้ฉ่ำมากมาเจอกับโทน Sparkling ได้ดีมาก แต่กลิ่นจะไม่ได้คมแต่อย่างใด เพราะเนื้อกลิ่นจะมีโทนกึ่งดอกไม้กึ่งแป้งที่มีลูกเอื้อนหอมกึ่งแอปริคอตของดอกหอมหมื่นลี้และความหวานกึ่งน้ำผึ้งเล็กๆ จากดอกลินเดน ที่มีความเป็นแป้งที่มีเลเยอร์และมิติที่น่าสนใจมากทั้งแบบหวานติดโปร่งหน่อยๆ ของไวโอเล็ตและแป้งฝุ่นของไอริสที่มีลูกติดทึบแบบหัวเหง้าออริส เลยทำให้ภาพรวมมีความเป็นโทน Fruity Powdery ที่มีความเป็นผู้หญิงชัดเจน และโทนกลิ่นไม่ได้มีความใสหรือดูลั่นล้าแต่อย่างใด กลับให้ความทีเสน่ห์รุ่มรวยทางกลิ่นที่สร้างออร่าความมีคลาสแบบร่วมสมัยในเนื้อกลิ่นได้สวยเลยตั้งแต่เริ่มต้น

ความชัดเจนในการเป็นโทนแป้งจะเริ่มมากขึ้นตามลำดับจนกลายเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่นของช่วงกลางเต็มตัวตีคู่ไปกับกลิ่นโทนดอกไม้ที่ติดโทนแอปริคอตเคล้าลูกแพร์ ซึ่งในช่วงนี้จะมีโทนดอกไม้ที่คลุกเคล้ากับความเป็นโทนแป้งที่สร้างมิติชัดเจนมากขึ้นในหลายๆ อารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นกุหลาบที่มาให้ความนวลระเรื่อ Hawthorns ที่มาสอดรับกับลินเดนในการให้ความหวานกึ่งดอกไม้กึ่งน้ำผึ้งที่ลุ่มลึกขึ้น และกระดังงาที่มาให้จริตเย้าลึก ซึ่งทำให้เนื้อกลิ่นสร้างออร่าความมีระดับขึ้นมาอีกสเต็ป โดยยังไม่ทิ้งความเป็นโทนสดชื่นประปรายจาก Citrus อย่างส้ม ซึ่งเนื้อกลิ่นอารมณ์จะเหมือนมีโทนหนังเบาๆ แฝงอยู่ซึ่งอาจจะเป็น Effect จากดอกหอมหมื่นลี้ที่ทำให้กลิ่นมีเลเยอร์ให้กับต้องได้หลายชั้นและมีเสน่ห์มากขึ้น เคล้ากับกลิ่นออกทางยางไม้อบอุ่นที่เข้าทางกึ่งแอมเบอร์ลึกๆ ด้วย เลยทำให้กลายเป็นโทนแป้งหอมหวานแบบกำลังดีมีความเป็นผลไม้หวานระเรื่อแกมกลิ่นดอกไม้ที่มีความ Feminine ที่มีความหรูหราในทีอยู่ตลอด และสร้างจริตออกมาได้มีความปาริเซียงฝรั่งเศสโดยแท้มากๆ อันนี้ต้องขอชมเลยว่าเป๊ะ! จริงๆ

ในส่วนท้ายจะเป็นการเข้าสู่โทนกลิ่นที่มีความน่าค้นหาเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งสเต็ป และชัดเจนในการเป็นโทนแนวกึ่ง Classic Chypre มากขึ้น เพราะว่าจะมีกลิ่นติดเข้ม Earthy ติดเขียวของ Oak Moss ที่มีกลิ่นไม้จันทน์หอมและโทนแป้งในช่วงกลางมาเกลาให้มีความสมูธแกมครีมมี่หน่อยๆ แต่กลิ่นก็ยังไม่ทิ้งโทนหวาน เพียงแต่ปรับโทนให้เข้าทางการเป็นไม้หอมมากขึ้นโดยเอาชะเอมมาเจอกับหญ้าแฝกให้มีความเป็นลูกผสมกึ่งไม้หอมติดหวานเครื่องเทศ โดยที่จะมีกลิ่นโทน Musk รองพื้นเคล้ากับกลิ่นยางไม้อบอุ่นที่มาในลักษณะแบบแอมเบอร์แต่จะไม่ได้ค่อนไปทางวานิลลา แต่จะให้ความเป็นยางไม้ติดหวานหน่อยๆ แกมกลิ่นออกทางปร่าหน่อยๆ ซึ่งน่าจะเป็น Myrrh ที่มาเสริมในช่วงนี้ โดยที่ปลายกลิ่นจะมีตัวคุมโทนให้ความระเรื่ออย่างพิมเสนที่สร้างความดึงดูดแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลมีลูกเล่นความมีเสน่ห์ของกลิ่นอายสไตล์ Chypre ที่ไม่ได้จงใจให้ดูกรุยกรายหรูหราเว่อร์วัง แต่จับมาเจอกับความเป็นโทนผลไม้ที่พอเหมาะสร้างออร่าความมีระดับและมีจริตแบบสวยงามมีคลาสได้อย่างมีชั้นเชิงมาก

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป เพราะเนื่องกลิ่นมีลักษณะที่มาในตระกูลกลิ่นหรูหรายกระดับให้มีความเป็นสไตล์คุณนายปาริเซียงอยู่พอสมควร เลยจะเสริมคาแรคเตอร์ผู้ใช้ให้มีคลาสเสียมากกว่า เลยเข้าได้กับทั้งยามทางการและทั่วๆ ไปแบบวางตัวดีๆ หน่อย ในยามกลางวัน แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือโรแมนติคจะดีที่สุด เพราะสร้างออร่ามีพลังสายสว่างแกมหวานได้ดีมากจริงๆ

ความทน - อันนี้ยกให้เลยที่ 8 - 10 ชม. เป็นสำคัญ และสามารถไปต่อได้อีกอิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวที่เจอก็ 12 ชม. กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะคงตัวยาวไปราวๆ 30 นาทีแรก ก่อนที่จะลดลงมาปานกลางไปยาวๆ แล้วค่อนมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อแตะราวชั่วโมงที่ 6 เป็นต้นไป ก่อนเป็น Skin Scent เมื่อผ่านไปราวๆ 8 - 10 ชม. ไปแล้ว

สรุป - เนื้อกลิ่นมีความเป็นสไตล์ฝรั่งเศสที่เน้นโทนดอกไม้ และมีผลไม้มาเป็นตัวชูโรงแบบโทนหวานระเรื่อโดยเฉพาะลูกแพร์ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ยกเอาความเป็นขนม Poire belle Hélène มาทั้งดุ้น แต่การประยุกต์กลิ่นแบบนี้ถือว่าสร้างความแตกต่างและความหอมที่มีเสน่ห์แบบมีจริตงามๆ ได้ลงตัวมาก เช่นนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ไม่ธรรมดาของ Parfums MDCI เลยล่ะ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://parfumsmdci.com/womens-perfumes/

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น