วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Review: Sonoma Scent Studio - Amber Incense

Sonoma Scent Studio - Amber Incense

หลังจากที่มีผู้มารับช่วงต่อหลังจากที่แบรนด์ไปปิดตัวลงไปซักระยะ สู่เปิดตัวแบรนด์กลับมาอีกครั้งของ Sonoma Scent Studio ที่คุณภาพกลิ่นอันยอดเยี่ยมก็ไม่ได้จางหายไปไหน แม้ว่าจะมีหลายๆ รุ่นที่ไม่ได้ไปต่อในยุคใหม่ของแบรนด์ แต่รุ่นเด่นต่างๆ ก็ยังกลับมาอย่างครบครัน โดยเฉพาะ Collection ที่เรียกว่าเอาความเป็นธรรมชาติมานำเสนออย่างเต็มๆ คุ้มค่าเกินราคาในสาย Sonoma Naturals Collection ที่เอาความแท้ทรูของโทนกลิ่นต่างๆ ที่ไม่ได้สังเคราะห์มานำเสนอ ซึ่งก็กลับมาอย่างสวยงามกันถึง 4 รุ่นในปัจจุบันนี้

และแน่นอนเมื่อผ่านหลายๆ กลิ่นของแบรนด์นี้มา ก็เริ่มจับทางได้ว่าสุคนธกรเก่งในเรื่องโทน Incense มากเหลือเกิน เช่นนั้นเมื่อมือดีด้านนี้เราก็ต้องหารุ่นที่เป็นโทน Incense ดีๆ ของแบรนด์มาลองเพิ่มเติมหน่อยเพื่อได้เรียนรู้กลิ่น เช่นนั้นจึงได้เจอกับหนึ่งใน Sonoma Naturals Collection อย่าง Amber Incense แน่นอนต้องมาลองกันหน่อยแล้วว่าจะออกมาเป็นยังไง

เปิดตัวกันอย่างชัดเจนกับการเป็นโทนกลิ่นสไตล์แอมเบอร์ตั้งแต่เริ่มแรก แต่ไม่ได้แสดงความเป็นแอมเบอร์โต้งๆ อย่างเดียว เพราะจะเป็นการผสมผสาน Notes กลิ่นเข้าด้วยกันของวานิลลา อบเชย กำยาน Benzoin (โทนวานิลลาติดหวานแหลม) โกโก้ ยางไม้ของ Labdanum ที่ให้โทนแอมเบอร์เจือหนังลึกๆ แกมกลิ่นออกทางหวานอุ่นเจือไม้หอมของ Myrrh และมีโทนออกทางผลไม้สร้างความเย้าของแอปริคอตเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งเมื่อมาเจอกับสายโมเลกุลหนักเหล่านี้และโทนยางไม้เหล่านี้ ก็แอบได้กลิ่นแนวคล้ายลูกพลัมเข้ามาให้รู้สึกได้ด้วยเช่นกัน เสริมด้วยโทนพริกไทยหมาล่ามาให้ความปร่าเบาๆ อย่างมีมิติ ซึ่งทำให้ช่วงต้นเป็นลักษณะโทนแอมเบอร์ที่มีความโดดเด่นของแต่ละกลิ่นมารวมกัน มีมิติกลิ่นที่ชัดเจนในการจับต้องเริ่มจากโทนผลไม้หวานลึกที่กึ่งแอปริคอตกึ่งพลัมตีคู่กับอบเชยที่ให้ความหวานเย้าเร้าอุ่นอวลอย่างเป็นธรรมชาติของเปลือกอบเชยที่เสริมด้วยกำยาน Benzoin  ตามด้วยกลิ่นยางไม้อุ่นเจือหนังแกมวานิลลาที่เสริมเข้ามาแกมความดาร์กเล็กๆ ของโกโก้ รองพื้นด้วยกลิ่นโทนยางไม้เจือไม้หอมกึ่งธูปนิดๆ ที่ยังมาแบบเนียนๆ อยู่ แล้วพอถอนจมูกออกมาห่างๆ จะได้ความปร่าซ่าเผ็ดอ่อนๆ ที่ให้ความรู้สึกตื่นเต้นปิดท้าย นี่แค่ช่วงต้นเองนะที่ทุกอย่างรวมกันอย่างมีชั้นเชิงมากและไม่ธรรมดากับการเล่นกลิ่นที่ผสมผสานเป็นแอมเบอร์ที่มีความซับซ้อนได้ลงตัวจริงๆ

ในช่วงกลางจะเสมือนเป็นช่วงที่เรียกว่า “ตัวเชื่อมโทนและส่งต่อ” เสียมากกว่า เพราะความเป็นแอมเบอร์ที่ผสมผสานในตอนต้นจะลดทอนตัวเองลงมาหน่อย โดยที่โทนผลไม้หวานเย้าสีเข้มจะเริ่มจางไป เหลือยางไม้ วานิลลาติดไม้หอมกึ่งธูป โกโก้ กำยาน Benzoin และอบเชยที่คุมความเป็นแอมเบอร์ให้จับต้องได้ชัดเจนอยู่ แต่จะเริ่มมีโทนแนวยางไม้ Incense ที่ค่อยๆ ตีคู่ขึ้นมาอย่าง Myrrh ที่เชื่อมโทนหวานอบอุ่นเจือไม้หอมที่สอดรับได้ดีกับแอมเบอร์ กลิ่นโทนยางไม้ติดกลิ่นออกทางไม้สนไพน์แต่มีความเปรี้ยวอ่อนๆ แนวเลมอนของ Elemi และกลิ่น Frankincense ที่ให้โทนยางไม้ติดเปรี้ยวเจือพริกไทยแกมกลิ่นไม้หอมสดชื่นที่ได้อารมณ์แบบกลิ่นไอควันที่ติดเปรี้ยวเจือเผ็ดนวลปนไม้หอมอ่อนๆ แกมกลิ่นกานพลูเผ็ดซ่าสดชื่นเบาๆ ที่จะเริ่มเข้ามาเชื่อมโทนกับแอมเบอร์แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่โทนกลิ่นไม่มันไม่โต้งๆ ส่งต่อเหมือนวิ่งผลัดแบบนั้น จะมีโทนมากล่อมให้กลิ่นมีมิติกึ่งโทนแป้ง กึ่งโทนสร้างเสน่ห์หน่อยๆ ของสายดอกไม้ต่างๆ อย่างโทนติดแป้งกึ่งอัลมอนด์เบาๆ ของเฮลิโอโทรเป้และกลิ่นกุหลาบที่มาสร้างความนวลหอมโรแมนติคที่สร้างมิติความหวานที่รุ่มรวยห้อมล้อมกลิ่นแบบกำลังดี ไม่หนัก ไม่แย่งซีน แต่ให้ความรื่นรมย์ที่เข้ากันได้กับทั้งสายอบอุ่นแอมเบอร์และขรึมขลังแกมน่าค้นหาของสาย Incense แบบล้อมกลิ่นเลยได้มิติการส่งต่อกลิ่นกันที่มีตัวเชื่อมโทนสร้างความรื่นรมย์เข้ามาด้วยโดยที่จับต้องพื้นฐานโทนกลิ่นหลักทั้งคู่ได้อยู่อย่างชัดเจน

จนเมื่อโทนธูป Incense เริ่มกลายเป็นแกนนำหลัก ลดทอนความเป็นโทนอบอุ่นของแอมเบอร์ทั้งหมดไปเป็น Background ของกลิ่น ก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะจับต้องกลิ่นอายไม้หอมเข้ามาร่วมด้วยอย่างไม้จันทน์หอมและไม้ซีดาร์ที่เป็นตัว Base รองพื้นแบบติดโทนแอมเบอร์อบอุ่นหน่อยๆ ให้ความผ่อนคลายในโทนไม้หอมแบบเป็นสายสนับสนุนที่ดี แต่ไม่ใช่แค่นี้ เพราะมีกลิ่นโทนติดเขียวเข้มกึ่งหมึกอ่อนๆ ของ Oak Moss เข้ามารองรับด้วย เลยทำให้กลิ่นมีความน่าค้นหาเจอ Earthy เนียนๆ ร่วมด้วย ซ้อนกับกลิ่นโทนยางไม้ของ Myrrh ที่ติดกึ่งสนไพน์กึ่งหวาน เป็นตัวกลางโดยมีตัวเด่นอย่าง Elemi และ Frankincense ที่ติดควันหน่อยๆ กำลังดี เป็นตัวเด่นที่เรียกว่าดมแล้วนี่แหละใช่เลยโทน Incense ที่ไม่ใช่เป็นแค่กลิ่นธูป แต่เป็นกลิ่นออกทางธูปยางไม้ที่ปร่าสว่างเจือความลุ่มลึก ให้ความขรึมขลังเจืออ้อยอิ่งก็ได้ ให้เสน่ห์ที่น่าค้นหาและความดึงดูดแบบที่ไม่เหมือนใคร มิติกลิ่นจะรับรู้ได้แบบไล่จากธูปยางไม้ปร่าเจือควัน ตามด้วยโทนหวานเจือไม้หอม และไม้หอมเจือแอมเบอร์เบาๆ ต่อเนื่องตามกันอย่างสมดุลย์ปิดท้ายการอยู่บนผิวกันกันไปเรื่อยๆ สร้างความรื่นรมย์เฉพาะในโทนอบอุ่นและขรึมขลังได้อย่างงามมากเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะเป็นกลิ่นที่ชูโรง Note หลักที่มีความกลางๆ จับต้องได้ทุกเพศที่จะเอาไปเสริมคาแรคเตอร์ที่เป็นสไตล์อบอุ่น เย้ายวน และน่าค้นหาแบบมีชั้นเชิงและมีระดับ ซึ่งเข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะว่ากลิ่นไม่ได้เข้ากับอากาศร้อนๆ มากนัก มากไปเดี๋ยวจะอึดอัด ซึ่งเข้าได้กับยามทางการและทั่วๆ ไป แต่การใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกาย ควรพักไว้ก่อน เปลืองน้ำหอมเปล่าๆ และจะตึ้บเอาได้ถ้ากลิ่นตีขึ้นหนักๆ เวลาร่างการทำความร้อน ส่วนยามค่ำคืนทั้งออกงาน ทั้งใส่แบบกึ่งโรแมนติค หรือสร้างความน่าค้นหาแบบมีสไตล์บอกเลยว่าได้หมด แต่ไม่เข้าทางกับการใส่ไปท่องราตรีเต้นรากแตกเท่าไหร่ เพราะกลิ่นมันมีมาดและความขรึมขลังของมัน เลือกให้เหมาะสร้างเสน่ห์ได้มาก บอกกันเลยตรงนี้ 

ความทน - ทุกอย่างที่ส่งต่อกลิ่นออกมามีความเป็นธรรมชาติตามที่แบรนด์เคลมไว้ชัดเจนมาก ซึ่งตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะทน แต่เปล่าเลย เราดูถูกกลิ่นอายสายโมเลกุลใหญ่แบบนี้และคุณภาพกลิ่นไม่ได้นะ เพราะว่าก็ทำเรื่องนี้ได้ดีเช่นกัน กับ 15 ชม. ที่กลิ่นยังติดผิวอยู่และส่งกลิ่นเรื่อๆ อย่างมีเสน่ห์มาก ก็ Pure Parfum นี่นา ความเข้มข้นก็ต้องมาเต็มแบบนี้แหละ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น มาชัดเจน อบอวลแต่กลมกล่อม ก่อนที่จะลดลงมาเป็นปานกลางกันราวๆ 3 ชม. แล้วจะลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันไปเรื่อยๆ คงที่ยาวไปถึงราวๆ 10 ชม. ที่เหลือจะเป็นการติดผิวที่ขยับแล้วกลิ่นจะตีขึ้นเป็นโทน Incense อ่อนๆ มีเสน่ห์และงามเลยล่ะ

สรุป - ตรงตามชื่อรุ่นเป๊ะ ไม่มีผิดเพี้ยน เพราะเริ่มจาก Amber สู่การปิดท้ายด้วย Incense ได้อย่างงดงามมาก ทุกอย่างมีการผสมผสานกันได้อย่างมีชั้นเชิงและไม่ธรรมดา สร้างออร่าความเป็นกลิ่นอายตามธรรมชาติของกลิ่นที่มีมิติทั้งโทนอบอุ่นปนหวานเจือยางไม้ที่เป็นเสน่ห์ของแอมเบอร์ โทนเครื่องเทศหวานเย้าอบอวล และโทนไม้หอมกับกลิ่นยางไม้สายธูปต่างๆ เด่นที่ Frankincense เรียกว่าทุกอย่างงดงามตามที่ควรจะเป็น และคุ้มค่ามากจริงๆ กับการได้สัมผัสกับกลิ่นนี้

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ 

Photo Credit - https://sonomascentstudio.com/scent/amber-incense/

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น