วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Review: Cartier - L’Envol de Cartier Eau de Parfum

Cartier - L’Envol de Cartier Eau de Parfum

โดยส่วนใหญ่มักจะเห็น Cartier ปล่อยน้ำหอมผู้ชายแบบไม่ได้ถี่มาก ถ้าเทียบกับน้ำหอมผู้หญิงของแบรนด์ที่ออกมาเรื่อยๆ แต่ยอดความนิยมกันยาวๆ ซึ่งนานๆ ทีจะเห็นแบรนด์เปิดตัวน้ำหอมชายที่เป็นรุ่นใหม่ โดยไม่ใช่เป็นการต่อยอดจาก Collection เดิมที่เคยมี ซึ่งถ้าเอาไลน์ใหม่ล่าสุดเลยก็ต้องเป็น L’Envol de Cartier ที่เปิดตัวมาเมื่อปี 2016 กับการสร้างทิศทางใหม่ๆ ในการเป็นน้ำหอมชายของแบรนด์มาจนถึงปัจจุบันในปี 2021 นี้ (ย้ำว่าไม่ได้นับการต่อยอดสร้างรุ่นใหม่ๆ จาก Collection ที่มีอยู่เดิมนะ)

และกว่าจะได้ฤกษ์มาเจอกันในการพินิจพิเคราะห์ต่อการนำมาเล่ากลิ่น ก็เรียกว่าล่วงเลยกันมาถึง 5 ปีเลยทีเดียว เช่นนั้น ก็มาขอสัมผัสและบอกต่อหน่อยเถอะว่าความเป็นน้ำหอมชายของ Cartier ในทิศทางกลิ่นใหม่ๆ ของแบรนด์จะเป็นอย่างไร ก็ถ่ายทอดออกมาได้แบบนี้เลย

L’Envol de Cartier EDP ในช่วงเปิดอารมณ์กลิ่นจะเหมือนเป็นช่วงที่ค่อนข้างแปร่งและกลิ่นอาจจะไม่ได้ทำให้รู้สึกอินเท่าไหร่ เพราะเป็นช่วงเซทตัวสำหรับน้ำหอมเสียมากกว่า ซึ่งเปิดตัวมาก็จับต้องได้เลยว่ามีน้ำผึ้งเป็น Center Note หลักที่จะมาทักทายกันตั้งแต่ต้นเลย เพียงแต่จะมีโทนลาเวนเดอร์ที่ออกทางกึ่งสมุนไพรเข้ามาเสริม มีโทนออกทางกึ่งสมุนไพรแปร่งเขียวขมอึนๆ มีความเป็นโทนคล้าย Stem เมือกเขียวที่เวลาเราขยี้พวกสมุนไพรที่มีกลิ่นติดเขียวปนปร่าจะฟุ้งออกมา และมีโทนติดเขียวขมที่ควรจะเป็นกลิ่นออกทางเขียวฉุน แต่เหมือนโดนเกลาให้กลิ่นมีโทนแปร่งเขียวขมจากโทนหวานน้ำผึ้งที่มาตัดทอน เลยทำให้ช่วงต้นกลิ่นจะมีความแปร่งหน่อย อารมณ์แบบได้กลิ่นน้ำผึ้งติดเขียวแปร่งแกมเขียวกึ่งเมือกๆ อึนๆ กันก่อน แถมบางวูบจะได้โทนออกทางคล้ายกึ่งยูรีนกึ่ง Animalic ที่เป็น Effect ของน้ำผึ้งอยู่บ้างเสียด้วย แต่ช่วงนี้มีแค่แพร๊พเดียวเท่านั้น เลยยังตัดสินกันไม่ได้ว่ากลิ่นจะเป็นอย่างไง

และเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางความชัดเจนจะเริ่มมาตั้งแต่ช่วงรอยต่อเลยว่าเนื้อกลิ่นจะมีโทนแป้งติดทึบกึ่งเข้ามาร่วมด้วยและกลิ่นจะมีความอวลมากขึ้นมาอีกสเต็ป ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นติดแปร่งเมือกแกมเขียวในช่วงต้นจะจางไปหมด เปิดตัวให้กลิ่นกลายในช่วงกลายแสดงความงามทางกลิ่นออกมาได้ชัดเจนมากขึ้น เพราะเนื้อกลิ่นจะมีโทนแป้ง + น้ำผึ้ง เป็นตัวเดินกลิ่นหลัก แต่เสริมด้วยกลิ่นโทนพริกไทยทำให้มีความปร่านวลและอวลขึ้นมาอีกสเต็ป แต่ในเนื้อกลิ่นมีกิมมิคเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือ โทนกลิ่นออกทางติดเขียวเจือความชื้นแนวกลิ่นแบบแตงกวากึ่งหญ้าที่โดนตัดซึ่งเป็นลักษณะของใบไวโอเล็ต เลยทำให้จะมีโทนติดชื้นๆ เขียวอยู่ในโทนแป้งให้รู้สึกได้ และที่สำคัญเพราะใบไวโอเล็ตนี่แหละที่ทำให้ความเป็นน้ำผึ้งไม่ได้หวานจ๋าและทำให้โทนสาบเร้า Animalic มันหายไป จนได้โทนน้ำผึ้งติดแป้งทีมีความเขียวอวลปร่าที่ได้อารมณ์กลิ่นน้ำหอมสไตล์สุภาพบุรุษที่ซ่อนความหวานเย้ามีเสน่ห์ขึ้นมาเลย

จนเมื่อเริ่มสัมผัสได้ว่ามีโทนกลิ่นออกทางกึ่งไม้หอมกึ่งอบอุ่นคล้ายไม้หอมปนสารหอมอย่าง Amberwood ที่ค่อยๆ แทรกตัวและเข้ามาผสมผสานประปราย เนื้อกลิ่นก็เริ่มจะลดทอนความเป็นช่วงกลางลงมาอีกสเต็ปในการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่ตอนนี้จะเป็นลักษณะ Woody Honey ชัดเจนมาก เนื้อกลิ่นจะมีโทนออกทางสะอาดนวลรองพื้นของ Musk ที่สร้างความนุ่มนวลให้กลิ่นมากขึ้นและทำให้กลิ่นโทน Animalic ของน้ำผึ้งไม่แหลมออกมามากเกินไป สร้างอารมณ์กลิ่นเย้าน่าค้นหาแกม Dirty หน่อยๆ ขึ้นมาแทนในการเป็นพื้นกลิ่นเวลาดมใกล้ๆ ผิว แต่กลิ่นที่แผ่ออกมาจะเป็นโทนไม้หอมอวลๆ ที่เป็นลูกผสมระหว่าง Amberwood และไม้ที่มีความ Smoky ติดควันแบบกำลังดี มาสอดรับกับกลิ่นหวานน้อยๆ ของน้ำผึ้งทำให้ได้อารมณ์น้ำผึ้งติดควันซ้อนด้วยกลิ่นไม้อวลๆ อบอุ่น มีความนุ่มสะอาดกึ่งแป้งบางๆ แกม Dirty เย้าเนียนๆ รวมถึงมีปลายกลิ่นเป็นพิมเสนปร่าอ่อนๆ ระเรื่อๆ เย้าจมูก ซึ่งถือเป็นการปิดท้ายที่ชูโรงความเป็นน้ำผึ้งที่เข้ากับผู้ชายที่ได้ทั้งสมาร์ท หวานเย้าแบบมีระดับ และมีพลังทางเพศที่ดึงดูด รวมถึงสร้างโทนกลิ่นที่มีความทันสมัยแบบที่แตกต่างจากท้องตลาดได้ชัดเจน

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้เหมือนขนบความเป็น Mass Market ของน้ำหอมชายที่เน้นสายปล่อยพลัง แต่มาแบบแตกต่างโดยยังคุมโทนทันสมัยซ้อนความหวานและความ Dirty ที่ดึงดูดทางเพศได้ดี โดยไม่ทิ้งความเป็นสุภาพบุรุษไป และถ้าพื้นฐานชอบกลิ่นน้ำผึ้งติด Animalic จะอินได้ไม่ยาก จึงเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป ใส่ทำงานหรือเน้นความสมาร์ทแกมเย้า เอาจริงๆ ก็ใส่แบบทางการได้ แต่เน้นจำนวนสเปรย์เหมาะสมจะดีที่สุด เพราะมันมีโทน Animalic ด้วยเดี๋ยวจะดู Dirty ไปหน่อย ส่วนยามค่ำคืนกวาดหมดทั้งท่องราตรีก็ได้ ออกงานก็สามารถ เพราะเรียกร้องความสนใจแบบแตกต่างได้ดีเลย แต่ช่วงที่ให้ตัดออกไปได้เลยไม่เข้าพวกนั่นก็คือ ออกกำลังกายและกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้ง  

ความทน - ลงตัวที่ 8 ชม. เป็นพื้นฐาน และไปต่อได้อีกว่ากันตามจำนวนสเปรย์และความเข้ากันกับผิวผู้ใช้ ส่วนตัวเจออยู่ระหว่างที่ 8 - 12 ชม. เสมอ อยู่ที่ว่าวันนั้นร้อนมากแค่ไหน

การกระจาย - กลิ่นกระจายแบบปานกลางในตอนต้นจนทำให้คิดไปว่ากลิ่นมันจมไปกับผิวแหงๆ แต่ที่ไหนได้พลิกเกมมากระจายดีถึงดีมากในช่วงกลางที่เรียกว่าสร้างบาเรียหุ้มตัวผู้ใช้เลยก็ย่อมได้ พอพ้นไปซัก 4 ชม. ก็จะผ่อนลงมาเรื่อยๆ จนหยุดที่ออร่ารอบๆ ตัวกันยาวไปถึง 7 ชม. ก็จะเริ่มลดลงเป็น Skin Scent

สรุป - ให้คำจำกัดความได้ไม่ยากเลยว่า น้ำหอมกลิ่นน้ำผึ้งสำหรับผู้ชายเพราะเนื้อกลิ่นมีความแมนอย่างมีชั้นเชิงสอดแทรกอยู่ตลอดแบบเนียนๆ เสียด้วย แต่จะมีนิดนึงตรงที่มันมีโทน Animalic ติดยูรีนที่เป็น Effect โทน Dirty ของน้ำผึ้งอยู่เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่จับต้องได้ อย่างน้อยผู้ที่จะใช้กลิ่นนี้อาจจะต้องเรียนรู้กับมันนิดนึง หรือถ้าเคยผ่านมาแล้วแฮปปี้ บอกเลยว่าฟินแน่นอนกับ L’Envol de Cartier EDP ขวดนี้

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ

Photo Credit - https://www.en.cartier.com/collections/fragrances/men-s-fragrances/l-envol-de-cartier/fw100002-l%27envol-de-cartier-eau-de-parfum.html

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น