วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Review: Gri Gri - Ukiyo-E


Gri Gri - Ukiyo-E

Gri Gri ถือเป็นแบรนด์น้ำหอมสัญชาติฝรั่งเศสจากฝีมือของสุคนธกรอย่าง Anaïs Biguine (ที่เป็นเจ้าของแบรนด์เองด้วยโดยดูแลเองถึง 4 แบรนด์ Niche Perfume อย่าง Jardins d'Écrivains, Les Cocottes de Paris, Chapel Factory และ Gri Gri) ซึ่งตัวแบรนด์ Gri Gri เองมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นมาจากศิลปะการสักเรือนร่างที่เป็นหัวใจทางวัฒนธรรมต่างๆ จากทุกมุมโลกไม่ว่าจะเป็น การสักของชนเผ่าเมารี การสักภาษาสันสกฤตของชาวอินเดีย การสักสไตล์ Sideshows ของอเมริกา และการสักแบบคาบุกิบนเรือนร่างของญี่ปุ่น ที่ตอนนี้มีเพียง 4 รุ่นที่ออกมาวางจำหน่าย

ซึ่งครั้งแรกที่มีโอกาสได้รู้จักแบรนด์นี้ ก็มาจากการที่ได้รับคำแนะนำว่ามีน้ำหอมสาย Niche Perfume อยู่แบรนด์หนึ่งที่ทำน้ำหอมกลิ่นเกนมัยฉะหรือชาข้าวคั่ว (ซึ่งเป็นหนึ่งในกลิ่นที่ชอบในชีวิตจริงอยู่เป็นทุนเดิมเวลาดื่มไม่ว่าจะเป็นทั้งแบบเย็นพร้อมดื่มหรือแบบชาร้อนตามร้านอาหารญี่ปุ่น) เลยทำให้สงสัยใคร่รู้ไม่น้อยว่า แบรนด์นี้มาจากไหนอย่างไร และค้นคว้าสุดฤทธิ์เลยทีเดียว ก็ทำให้ได้รู้จักกับแบรนด์ Gri Gri กับรุ่น Ukiyo-E ที่มีแรงบันดาลใจแบบการสักบนเรือนร่างคาบุกิแบบญี่ปุ่น ผนวกกับเอากลิ่นอายความเป็นชาเกนมัยฉะมานำเสนอ เช่นนั้น แม้จะยากขนาดไหนก็ต้องหามาให้ได้ ซึ่งเมื่อความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น จนได้สัมผัสเนื้อกลิ่นแล้วตกผลึกได้ที่ ก็มาถ่ายทอดต่อได้แบบนี้เลย

เปิดตัวกันด้วยกลิ่นโทนชาข้าวคั่วมาเลยกลิ่นจะมาแบบอบอุ่นแกมหอมกึ่งเขียวอวลกึ่งข้าวคั่วพองในน้ำส่งกลิ่นหอมแกม Smoky อ่อนๆ โดยมีกลิ่นติดขมปนหวานของส้มยูซุที่ได้ความสดชื่นเนียนๆ แทรกอยู่ตลอดแบบไม่ได้แย่งซีนหรือมาตัดทอนกันจนขัดแย้ง แต่ได้อารมณ์กึ่งหยินหยางส่งเสริมกันในกลิ่นเสียมากกว่า ซึ่งจะได้ความรู้สึกแบบกลิ่นอายบรรยากาศที่มีชาเกนมัยฉะกรุ่นหอมออกมาจากถ้วยเคล้ากลิ่นบรรยากาศที่มีความขมเจือหวานอ่อนๆ สว่างๆ ทุกอย่างเป็นองค์ประกอบที่ทำให้นึกถึงความเป็นญี่ปุ่นชัดเจน และไม่น่าจะมีเพียงแค่นี้ เพราะ

การเข้าสู่ช่วงกลางจะมีโทนออกทางคล้ายไอน้ำร้อนที่ค่อยๆ แทรกตัวเข้ามามากขึ้น จนทำให้กลิ่นมีความอวลและอุ่น แต่ไม่หนักและไม่แน่นจนเกินไป อารมณ์แบบไออุ่นประมาณนั้น นี่แหละที่ทำให้ทึ่งไปเลย เพราะสร้างอารมณ์แบบไอบ่อน้ำร้อนแบบญี่ปุ่นให้รู้สึกได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีกลิ่นโทนน้ำฉ่ำๆ หรืออะไรที่มายัดเยียดความเป็นโทนแนว Aquatic หรือ Watery แต่มันรับรู้ได้เลยว่านี่แหละกลิ่นอายแบบไอน้ำร้อน จนประสบการณ์บอกต่อได้เลยว่านี่แหละกลิ่นอายไอบ่อน้ำร้อนสำหรับแช่ออนเซ็นแบบญี่ปุ่น ซึ่งพอมาผสมผสานกับกลิ่นชาข้าวคั่วและโทนยูซุที่ตามมาตั้งแต่ต้น กลิ่นเลยจะสร้างความรู้สึกรื่นรมย์และผ่อนคลายแบบอุ่นๆ ขึ้นมาทันที แต่ไม่ใช่แค่นี้ เพราะว่าจะสัมผัสได้ว่าเนื้อกลิ่นมีความติดโทนเขียวออกทางชาเขียวละมุนแตะโทนมัทฉะแกมหวานดอกไม้อ่อนๆ อะโรม่าที่เข้ามา สอดรับพอดีกับกลิ่นข้าวคั่วพองหอมที่มีโทน Smoky ที่ชัดขึ้นมาอีกสเต็ปพอดี กลิ่นเลยสร้างภาพในหัวอารมณ์แบบจิบชาเกนมัยฉะใกล้หรือข้างบ่อน้ำร้อน หรือจะไพล่นั่งแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเลยก็ได้ท่ามกลางบรรยากาศรื่นรมย์ที่มีความหวานเจือให้จับต้องได้ตามลม

และเมื่อกลิ่นโทนไออุ่นของน้ำร้อนค่อยๆ เบาลง กลิ่นจะขยับเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่จะเริ่มเป็นกลิ่นอบอุ่นอ่อนๆ กำลังดี มีความนวลอวลแบบร่างกายคนอบอุ่นแกม Musk แต่จะมีกลิ่นโทนหวานอ่อนๆ ติดน้ำผึ้งบางๆ เคล้ากับกลิ่นออกทางหวานโปร่งได้โทนออกทางสีค่อนไปทางชมพูนิดๆ แกมหวานกึ่งเชอร์รี่ใสๆ ค่อนไปทางดอกไม้ ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดนั่นคือซากุระ ทำให้เมื่อรวมกับกลิ่นเกนมัยฉะและชาเขียว รวมถึงไออุ่นอ่อนๆ จากกลิ่นไอน้ำร้อนในช่วงกลาง  แน่นอนเพราะพื้นกลิ่นมีโทนออกทางนวลสะอาดอยู่ เลยจะเสริมองค์ประกอบแห่งความรื่นรมย์ที่ชัดเจนมากทางกลิ่น เหมือนเห็นภาพคนชิลล์ข้างบ่อน้ำร้อนหรือแช่น้ำร้อน ชมวิวธรรมชาติ ที่มีกลิ่นอายดอกไม้ จิบชาเกนมัยฉะ ทุกอย่างคือความเป็นญี่ปุ่นสุดๆ ได้ทั้งความอบอุ่น ความรื่นรมย์ ความหอมหวานโปร่ง รวมกันเป็นความเรียบง่ายแต่แฝงความสุขในเนื้อกลิ่นที่ลงตัวคลอผิวกายเราไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจางไปตามเวลา

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจนมาก ไม่ว่าจะเพศไหนใช้ได้หมด กลิ่นมีความอะโรม่าและสร้างกลิ่นอายแบบสภาพแวดล้อมเป็นพื้นฐาน และให้ความเป็นสไตล์ญี่ปุ่นที่ลงตัวมาก จึงเข้ากับแทบทุกช่วงยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ส่วนถ้าจะออกกำลังกายรอช่วงกลางค่อนท้ายจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วไป หรือชิลล์ๆ จะดีที่สุด เพราะกลิ่นไม่ได้เป็นสายปล่อยของแต่อย่างใด

ความทน - อยู่ที่ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ เพราะกลิ่นไม่ได้หนัก เลยจะให้ความทนที่กำลังดีเสียมาก สูงสุดที่เคยเจอคือ 10 ชม. เพราะฉีดเสื้อที่สวมร่วมด้วย ความทนเลยยืดไปได้อีกหน่อย ซึ่งบนเสื้อผ้ากลิ่นทนกว่าบนผิว   

การกระจาย - ต้องบอกเลยว่ากลิ่นนี้เป็นสาย Skin Scent ที่จะกระจายแบบเป็นออร่ารอบๆ ตัวเสียมากตั้งแต่ต้น ให้ความมุ้งมิ้งผ่อนคลายกับตัวคนฉีดเองเสียมากกว่า รวมถ้าใครมาอยู่ใกล้ๆ จะได้กลิ่นอวลอ่อนๆ กำลังดี ซึ่งพอผ่านไปซัก 4 ชม. ก็เป็น Skin Scent ที่ตีขึ้นอ่อนๆ ยามร่างกายขยับเนื้อตัวแล้ว

สรุป - กลิ่นอาจจะไม่ได้ทำให้รู้สึกได้ถึงลายสักแนว Ukiyo-E ที่มีความเป็นศิลปะ ลุ่มลึก ดุดัน แข็งแกร่ง เรื่องเล่าภาพรอยสัก หรือจะแนวยากูซ่า แต่ให้อารมณ์กลิ่นที่มีความเป็นสไตล์ญี่ปุ่นลุ่มลึกและรื่นรมย์ในความน้อยแต่มากแทน โดยการสื่อสารโทนกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นที่เด่นกับเกนมัยฉะ + มีอารมณ์แบบกลิ่นอายแบบไอน้ำร้อนสตรีมเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งทำให้เห็นภาพได้ในระดับหนึ่งแบบที่เรานั่งคูลจิบชาร้อนอบอุ่นในเรียวกังหรือออนเซ็นที่มีไอจากบ่อน้ำร้อนลอยมาสัมผัสตัว หรือถ้าจะอนุมานต่อเหมือนเห็นภาพผู้ชายมีรอยสัก Ukiyo-E แช่บ่อน้ำร้อนจิบชาเกนมัยฉะท่ามกลางบรรยากาศรื่นรมย์ อันนี้ก็พอไปได้อยู่เช่นกัน ซึ่งทุกอย่างมีความเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาและอะโรม่าโดยแท้เลย ซึ่งยกนิ้วให้สุคนธกรจริงๆ ที่ไม่ได้เป็นคนญี่ปุ่น แต่ถอดกลิ่นออกมาได้หมดจดมากๆ สุดยอด

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.fragrantica.com/perfume/Gri-Gri-Parfums/Ukiyo-E-35555.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น