วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2565

Review: Chanel - Le Exclusifs de Chanel: Jersey (Eau de Toilette)

Chanel - Le Exclusifs de Chanel: Jersey (Eau de Toilette)

จากจุดเริ่มต้นของการเป็นผ้าที่ผลิตขึ้นมาเฉพาะที่บนเกาะเจอร์ซีย์ (ที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในดินแดนปกครองตนเองที่ขึ้นอยู่กับอังกฤษ) ด้วยการทอจากขนแกะที่มีลักษณะอ่อนนุ่มเก็บความอบอุ่นโดยมักเอามาทำชุดชั้นใน แต่ผ้าชนิดนี้ก็ได้แจ้งเกิดประจักษ์แก่สายตาชาวโลกด้วยฝีมือของ Coco Chanel ที่เอาผ้าประเภทนี้มาต่อยอดในการทำเสื้อสเวตเตอร์แบบกะลาสีให้ผู้หญิง รวมถึงต่อยอดในเรื่องของแฟชั่นเครื่องแต่งกายอื่นๆ ตามมาอีกมาก จนทำให้เป็นหนึ่งในความนิยมอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบัน โดยต่อยอดเป็นเทคโนโลยีทางสิ่งทอต่างๆ อีกมากมายอีกด้วย

และนี่แหละที่เป็นหนึ่งในความสำเร็จทางหน้าประวัติศาสต์ของ Coco Chanel ที่ได้กลายเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจกับการสร้างสรรค์กลิ่นน้ำหอมใน Collection - Le Exclusifs de Chanel ตั้งแต่ตอนเปิดตัวออกมาเป็น Eau de Toilette จนปัจจุบันอัพเกรดทั้งหมดมาเป็น Eau de Parfum เรียบร้อยแล้ว (ซึ่งก็เลิกผลิตแบบ EDT ไปทั้งหมดด้วย) + มีเป็นรุ่น Parfum เข้มข้นขวดขนาด 15 ml ด้วยที่ยังมีจำหน่ายอยู่ แต่การจะไปที่ EDP กับ Pure Parfum มันคงผ่านจุดเริ่มต้นไปไม่ได้ เช่นนั้น การเรียนรู้ทางกลิ่นและเล่าต่อว่าต้นทางอย่างรุ่น EDT เป็นอย่างไรจึงต้องมี เช่นนั้นว่ากันเรื่องกลิ่นต่อที่ย่อหน้าถัดไปได้เลย

Jersey จะยืนพื้นหลักเลยที่กลิ่นลาเวนเดอร์ ที่จะเนียนอยู่ในทุกช่วงกลิ่นแบบจากเด่นสู่การเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ขาดไปเสียไม่ได้เลย ซึ่งช่วงเปิดจะเป็นลาเวนเดอร์สดชื่นแบบแนวสมุนไพร ซึ่งอารมณ์กลิ่นจะได้ลาเวนเดอร์ที่มีความนวลละมุนชัดเจนแต่ไม่หนักออกแนวเรื่อยๆ มาเรียงๆ ที่มีความเรียบหรู เสริมด้วยความสดชื่นติดคมหน่อยๆ จากกลิ่นหญ้าเขียวๆ กลิ่นแนวสมุนไพรสดค่อนแห้งที่ให้อารมณ์กึ่งหญ้าแห้ง (Hay) ที่มีอารมณ์ติดขมแบบอัลมอนด์ดิบหน่อยๆ อยู่ด้วย (คิดว่าน่าจะมาจาก Coumarin ที่มาจากถั่วตองก้า) เลยทำให้อารมณ์กลิ่นค่อนข้างมีความมินิมัลแบบที่เรื่อยๆ มาเรียงๆ ได้ความผ่อนคลายและสดชื่นแกมสะอาดในเวลาเดียวกัน

เมื่อเนื้อกลิ่นโทนเขียวสดชื่นกึ่งสมุนไพรเริ่มเบาลง และโดนแทนที่ด้วยกลิ่นออกทางโทนแป้งที่น่าจะเป็นไวโอเล็ตกับไอริสมาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบให้เนื้อกลิ่นมีความเป็นกึ่งแป้งกึ่งทึบหน่อยๆ สอดรับกับลาเวนเดอร์เองที่มีลูกเอื้อนทางกลิ่นเป็นโทนแป้งหอมผ่อนคลายสะอาดๆ นวลอยู่ด้วย และไม่พอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นกึ่งแป้งนิดๆ ที่น่าจะมาจากวานิลลาเป็นหนึ่งในพื้นกลิ่น และมีความหวานนวลๆ มะลิอ่อนๆ มีความนวลกุหลาบบางๆ รวมอยู่ด้วย เลยทำให้ช่วงนี้จะมี 2 ความรู้สึกหลักๆ เลย คือ กลิ่นจะเป็นโทนแป้งลาเวนเดอร์ผ่อนคลายที่มีทั้งแป้งติดหวานดอกไม้ แป้งอบอุ่น และแป้งฝุ่นแบบแป้งเครื่องสำอางค์หน่อยๆ ก็ได้ หรือจะเป็นกลิ่นที่ออกทางกลิ่นผ้าสะอาดนวลที่มีกลิ่นลาเวนเดอร์กับดอกไม้อ่อนๆ แทรกอยู่ในนั้น ซึ่งอันนี้แหละที่เข้าทาง Concept ที่มาที่ไปของการสร้างสรรค์กลิ่นที่สุดแล้ว

ในช่วงท้ายจะเปลี่ยนแปลงจากช่วงกลางอยู่พอสมควรโดยจะลดทอนโทนแป้งติดทึบออกไป แต่จะมีความนุ่มนวลของ Musk เข้ามาสร้างความหอมติดหวานอ่อนๆ นุ่มๆ อารมณ์แบบกลิ่นติดผิวกายนวลๆ แกมความอบอุ่นของวานิลลาที่เข้าทางโทนแป้งที่จะมีกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อนๆ ประปราย และมีกลิ่นโทนไม้หอมครีมบางๆ ที่คิดว่าน่าจะต้องมีไม้จันทน์หอมอยู่ในนี้ด้วยล่ะ ซึ่งก็ถือว่าครบเครื่องในการสร้างสรรค์กลิ่นโทนนุ่มสะอาดที่เชื่อมโยงกับกลิ่นผ้านุ่มสะอาดแบบสไตล์ผ้าเจอร์ซีย์กลิ่นลาเวนเดอร์อ่อนๆ ได้อยู่ ถือเป็นการปิดท้ายที่ผ่อนคลายและรอดทางกลิ่นในการใช้งานสูง แถมมินิมัลมีระดับในการเป็นสไตล์แนว Chanel ที่เด่นเรื่องโทนแป้งได้อย่างลงตัว 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศ แต่ไพล่มาทาง Unisex อยู่บ้าง เลยทำให้ผู้ชายก็ใช้ได้ เพียงแต่ช่วงกลางจะออก Feminine มากหน่อยประมาณนั้น ซึ่งเข้าได้กับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป เรียกว่าใช้แล้วยังไงก็รอดสูงแถมมีระดับในเนื้อกลิ่นอีกด้วย แต่จะมีก็การใส่เพื่อออกกำลังกาย ซึ่งไม่ได้มาสายนี้ แต่ก็ฑอได้อยู่ถ้ารอช่วงท้ายๆ ไปแล้ว ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ผ่อนคลายสบายๆ หรือออกงานจะลงตัวที่สุด

ความทน - ลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งอาจจะน้อยกว่านี้หรือไปต่อได้มากกว่านี้ได้ทั้ง 2 อย่าง ตีไปที่ลบ 2 ชม. แต่บวกเกิน 2 ชม. ไปอีกแล้วแต่สภาพผิวผู้ใช้และจำนวนสเปรย์ โดยส่วนตัวเจอที่ 8 - 10 ชม. เป็นประจำในการใช้งาน  

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางกันไปซักราว 4 ชม. ถึงจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวและเป็น Skin Scent เมื่อผ่านไปซักราวๆ 6 ชม. ไปแล้ว

สรุป - หนึ่งในกลิ่นลาเวนเดอร์ที่มีความสมดุลย์กำลังดี ให้อารมณ์กลิ่นลาเวนเดอร์ติดผ้าเจอร์ซีย์สะอาดนุ่มนวลที่อ่อนโยนก็ได้ น่ารักก็ดี คุมโทนเนื้อกลิ่นที่มีเสน่ห์แบบน้ำหอม Chanel คือโทนแป้งได้ดีด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นกลิ่นที่ยังไงก็ตามคนชอบลาเวนเดอร์ดมแล้วโดนตกได้ไม่ยากเลยยามได้ดมครั้งแรก เช่นนั้นเนื้อกลิ่นเป็นแบบนี้ในการเป็น EDT เลยอยากรู้ต่อเลยว่ารุ่น EDP ที่อัพเกรดแล้วจะเป็นอย่างไรขึ้นมาเลย ไว้มีโอกาสคงต้องไปต่อที่รุ่นนั้นเพื่อเติมเต็มให้ครบถ้วนซะแล้ว

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ถือเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.amazon.ca/Chanel-Jersey-Toilette-Bottle-200ml/dp/B00A5MP9IQ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น