วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2565

Review: Jacques Fath - Les Frivolites

 

Jacques Fath - Les Frivolites

ถ้าบอกว่าแบรนด์ไหนที่เป็นแบรนด์แฟชั่นของฝรั่งเศสได้รับความนิยมและได้รับคำชื่นชมอย่างมากในช่วงยุค 40 - 50 หนึ่งในนั้นจะต้องมี Jacques Fath รวมอยู่ด้วยแน่นอน เพราะถือว่าได้รับฉายาในการเป็น “เจ้าชายน้อยแห่งวงการแฟชั่น Haute Couture” กันเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายเพราะ Designer เจ้าของแบรนด์นั้นเสียชีวิตเพราะลูคิเมียในปี 1953 และยังคงไปต่อในเรื่องแฟชั่นเครื่องแต่งกายจนถึงปี 1957 ก่อนที่จะมีการหยุดมามุ่งเน้นที่น้ำหอม ถุงมือ ชุดชั้นใน และเครื่องประทับแทน

ซึ่งกว่าจะถึงทุกวันนี้ แบรนด์เองก็เปลี่ยนมือมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันเหลือเพียงน้ำหอมที่ยังได้ไปต่อ เพราะสิ่งเดิมที่ได้สร้างสรรค์มาตั้งแต่ช่วงยุค 40 นั้นถือว่าเป็นระดับตำนานทางด้านกลิ่นในหลายๆ รุ่น สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในการสร้างสรรค์น้ำหอมก็ได้มีการยกระดับจากเดิมที่เป็น Designer Brand ขยับขึ้นสู่การเป็น Niche Brand เต็มตัวในปี 2015 โดยเน้น Collection ที่สื่อถึงความเป็นจิตวิญญาณของ Jacques Fath ที่ยังคงเหนือกาลเวลาอยู่เสมอ โดยการสร้างสรรค์ออกมาเป็น Fath Essentials Parfums โดยแยกเป็นผลงานตามแต่ละสุคนธกรที่รับไม้ต่อในการสร้างความหอมอย่าง Cécile Zarokian (Vol.1) และ Luca Maffei (Vol.2) รวมถึงการ Collaboration ร่วมกันของทั้ง 2 สุคนธกร (Vol.3) ที่ทั้งมีการ Tribute ความงดงามทางกลิ่นแบบเดิม และการสร้างสรรค์กลิ่นใหม่ๆ ของแบรนด์ออกมา

และในเมื่อได้มาเจอกับแบรนด์นี้แบบข้ามช็อต เพราะมาเจอที่การเป็น Niche Perfume เลย (อนาคตถ้าได้เจอของเดิมในตอนที่เป็น Designer Perfume ค่อยมาว่ากันอีกที) ดังนั้นจึงมาว่ากันที่กลิ่นอายสายหวานกันซักหน่อยอย่าง Les Frivolites ที่อยู่ใน Vol.2 ซึ่งเนื้อกลิ่นจะออกมาเป็นอย่างไรว่ากันได้แบบนี้

แค่กลิ่นเปิดก็บอกชัดเจนเลยว่านี่คือน้ำหอมผู้หญิงที่ให้ลุกโทนกลิ่นแบบ Floral Fruity เด่นขึ้นมาเลย ซึ่งกลิ่นเด่นจะมีโทนออกทางราสเบอร์รี่กึ่งแยมที่ออกทางโปร่งๆ เคล้าผลไม้รวมแนวๆ ลูกฝรั่งกึ่งเกรปฟรุต ที่จะเด่นออกมาทักทายก่อนเพื่อนให้อารมณ์หวานอมเปรี้ยวหอมออกมาแบบที่ไม่ได้หนักเกินไปนัก แต่กลิ่นไม่ได้มีแค่นี้ เพราะว่ามีโทนที่เป็นลูกผสมระหว่างแอปริคอตกับดอกไม้หวานระเรื่อของหอมหมื่นลี้มาทำให้กลิ่นมีลูกเล่นที่หวานอมเปรี้ยวเข้าทางดอกไม้มากขึ้น รวมถึงมีกุหลาบมาเสริมเป็นฉากหลังแบบกุหลาบแห้งเคล้าความปร่าฝาดหน่อยๆ ของพริกไทยสีชมพู เลยทำให้ช่วงต้น เนื้อกลิ่นไพล่ไปทางสีชมพูกึ่งบานเย็นที่ให้ความสดชื่นและความหวานหอมในเวลาเดียวกัน โดยที่มีความ Feminine มาแบบเต็มตัวตั้งแต่แรกเริ่มเลย

การเข้าสู่ช่วงกลาง สิ่งที่ยังคงตัวและคงที่คือกลิ่นโทน Fruity ที่เด่นด้วยราสเบอร์รี่ที่ติดออกทางแยมโปร่งๆ เคล้ากลิ่นหามอมเปรี้ยวกึ่งแอปริคอตกึ่งดอกไม้ของหอมหมื่นลี้ แต่สิ่งที่จะเด่นขึ้นมาแบบตีคู่กันทำให้กลิ่นมีลักษณะเป็นสีชมพูกึ่งบานเย็นชัดขึ้นไปอีกคือ กุหลาบ ทำให้กลิ่นยังคุมโทนการเป็นโทน Fruity Floral อยู่เช่นเดิม โดยเนื้อกลิ่นจะมีความชัดเจน เพียงแต่จะไม่ได้หนักหน่วงหรือมาสายอวลแน่นเท่าไหร่นัก ซึ่งนอกจากการเป็นโทนกุหลาบแกมราสเบอร์รี่ที่มีลูกเอื้อนของหอมหมื่นลี้แล้ว ตัวสำคัญอีกหนึ่ง นั่นก็คือโทน Gourmand ที่จะมีกลิ่นออกทางกึ่งแป้งอัลมอนด์ที่มีกลิ่นคล้ายแยมกุหลาบหน่อยๆ เสริมเข้ามาด้วย ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นแนวขนมที่ทำจากแนวๆ อัลมอนด์บดผงและมีไส้แยมหอมแกมเปรี้ยวกลิ่นกุหลาบ ซึ่งเข้าเค้าการเป็นกลิ่นของ Macaron ค่อนข้างมาก เลยทำให้เนื้อกลิ่นจะมีเลเยอร์ที่ทั้งหวามอมเปรี้ยว นวลระเรื่อ ที่เป็นฉากหน้า + ตัวเชื่อม ก็จะมีฉากหลังที่เป็นโทนอวลหน่อยๆ กำลังดีสร้างความเย้ายวนเข้ามาร่วมด้วยและค่อนข้างชัดเจนไม่น้อยเลย

ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงท้ายจะเริ่มจับต้องได้ถึงโทนแป้งที่แฝงตัวอยู่กับกลิ่นออกทางขนมมาอยู่เดิม ได้เปิดตัวออกมามากขึ้นซึ่งเนื้อกลิ่นจะออกทางแป้งติดทึบหน่อยๆ เนื้อ Butter ที่เป็นลักษณะของกลิ่นหัวเหง้าออริส และมีโทนอบอุ่นที่มีความอวลๆ เสริมเข้ามาด้วยซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับกลิ่นของสารหอมอย่าง Ambroxan ที่มาให้ความเป็นลูกผสมของโทนแอมเบอร์กึ่งไม้หอมอวลๆ ที่ให้ความทันสมัยเข้ามาร่วมด้วย โดยทุกอย่างจะปูทางไปสู่ช่วงท้าย โดยที่จะมีปลายกลิ่นที่รู้สึกได้แบบแยมกุหลาบกึ่งราสเบอร์รี่บางๆ สู่กลิ่นกึ่งแป้งเครื่องสำอางค์ที่มีความอวลอบอุ่นกึ่งไม้หอมติดครีมมี่จืดกอมนวลๆ แต่สิ่งที่มีให้จับต้องได้อีกหนึ่งอย่างก็คือ มีกลิ่นออกทาง Musky กึ่งผิวกายที่ให้อารมณ์เดียวกับหนังกลับเข้ามาร่วมด้วย เลยทำให้เลเยอร์กลิ่นในช่วงท้ายค่อนข้างชัดเจนในการเป็นโทนออกทางเย้ายวนทันสมัยที่ให้ความเป็นแป้งกึ่ง Musky แกมอบอุ่นอวลๆ เป็นตัวเดินกลิ่นโดยมีโทนแยมราสเบอร์รี่กุหลาบเป็นตัวเรียกความสนใจเป็นโทนที่ปิดท้ายกันไปยาวๆ

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยตั้งแต่มหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้กลิ่นนี้ได้แล้ว เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทน Feminine ชัดเจน แม้จะมีลูก Unisex อยู่บ้าง แต่รอนานหน่อยกว่าจะเจอ ซึ่งถ้าผู้ชายอยากจะใช้ก็ได้อยู่แต่จะเป็นสายลั่นล้าแทน ซึ่งถ้าไม่มายด์ก็จัดไป โดยกลิ่นจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันที่เป็นแบบทั่วๆ ไปหรือใส่ไปเรียน หรือใส่ทำงาน Office เป็นหลัก แต่ถ้าจะใส่รับแขกบ้านแขกเมืองกลิ่นจะดูลั่นล้ายั่วเย้าวัยสะออนไปนิด ที่สำคัญตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกกรณี ส่วนยามค่ำคืนจัดได้ทั้งใส่ทั่วไป โรแมนติค หรือว่าท่องราตรีที่เพิ่มสเปรย์หน่อยก็ได้ เพราะกลิ่นชี้ทางไปลักษณะสนุกสนานและลั่นล้าทันสมัยเลยทีเดียว

ความทน - กลิ่นทนราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบบ้างราวๆ 1 - 2 ชม. ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น และค่อนข้างคุมโทนการกระจายดีไปราวๆ 1 - 2 ชม. ก่อนที่จะลดลงมาเป็นกระจายปานกลางไปจนถึงชั่วโมงที่ 4 แล้วจะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ ก่อนแตะที่ Skin Scent ปิดท้ายหลังผ่านไปแล้วประมาณ 6 - 8 ชม.    

สรุป - กลิ่นน่ารักและมีเสน่ห์แบบกึ่งวัยรุ่นกึ่งวัยทำงานได้ดีเลยในการใช้งานโดยเฉพาะฝั่งผู้หญิงที่ชอบเนื้อกลิ่นที่สร้างออร่าสีชมพูให้กับตัวเอง รวมถึงถ้าพื้นฐานชอบกลิ่นของกุหลาบแกมราสเบอร์รี่ยังไงก็เข้าทางและอาจจะถูกสเปกมากได้ไม่ยากเสียด้วย

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.jacques-fath-parfums.com/product/les-frivolites/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น