วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Review: Geparlys - Yes I Am the King Legend


Geparlys - Yes I Am the King Legend

จากการเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่ให้ความน่าสนใจในการเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่สามารถใช้งานแทนรุ่นดังในการเป็น Yes I Am the King EDT ที่ถือว่าใช้งานแทนที่ Dior Sauvage ได้อย่างเนียนและสบายมาก สิ่งที่อยากรู้ต่อเนื่องเลยก็คือ แล้วรุ่นอื่นๆ ล่ะ จะมาแนวนี้กันต่อหรือไม่ เพราะแบรนด์ Geparlys เข็นน้ำหอมใน Collection นี้ออกมาถึง 5 รุ่นจนถึงในปี 2021 นี้ 

เช่นนั้น จัดไปอย่าได้เสีย ต้องมาลองต่อกันให้ชัดว่าตกลงจะออกมาเป็นอย่างไรบ้างกับรุ่นที่ 2 ที่จะมาเล่ากลิ่นในครั้งนี้ นั่นคือ Yes I Am the King Legend

กลิ่นเปิดเรียกว่าชัดเจนมาก ในการเป็นน้ำหอมกลิ่นอายสายผู้ชายทันสมัยที่ช่วงปี 2015 - ปัจจุบันนี้ (ปี 2021) ที่เป็นโทนยอดฮิตว่าต้องมีความสดชื่นก็ได้ ความเย้ายวนก็ดี ความอบอุ่นก็เนียน และความลั่นล้าเรียกเรตติ้งก็สามารถร่วมด้วย เพราะเปิดขึ้นมาจับเข้าพวกเดียวกันกับแนวเดียวอย่าง Azzaro Wanted, Montblanc Legend Night และ Armani Acqua di Gio Absolu ได้เลย ในพื้นฐานกลิ่นอายสไตล์ผู้ชายทันสมัยปล่อยเสน่ห์ที่มีโทนกลิ่นอายคล้ายคลึงกัน แต่ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว เพราะในเนื้อกลิ่นทีมีการชูโรงที่แตกต่างกันอยู่ให้รู้สึกได้

โดยในช่วงเปิด Yes I Am the King Legend จะมาในลักษณะ Citrus Fruity Spicy ที่เปิดมาก็มาสายลั่นล้าแกมสดชื่นซ้อนลงไปด้วยความเย้ายวนชัดเจน เพราะตัวเปิดหลักจะต้องยกให้เกรปฟรุตที่ให้ความสดชื่นติดโทนสว่างซ้อนด้วยโทนเปรี้ยวติดขมปร่าของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) แต่จะมีกลิ่นแอปเปิ้ลเขียวที่เสริมเข้ามาสร้างความหอมแนวลั่นล้าในสไตล์ผลไม้ แต่เพราะมีกลิ่นติดอวลเผ็ดเจือเย้าแบบไม่ข้นมากของกระวานเลยทำให้กลิ่นมีความยวนเย้าเปรี้ยวอมหวานหอมดึงดูดแบบเปิดตัวชัดเจนมาก และในเนื้อกลิ่นจะมีโทนเขียวเจือไม้หอมโปร่งๆ ซ่อนรวมอยู่ด้วย เลยมีมิติแบบชัดเจนมากกลิ่นแบบสมัยนิยมที่เป็นโทนสไตล์ปล่อยเสน่ห์ชัดเจนจริงๆ และแน่นอนทำให้นึกถึงช่วงเปิดของรุ่นดังๆ หลายๆ ตัวที่ระบุไว้ในย่อหน้าข้างต้น โดยเฉพาะ Azzaro Wanted แต่ไม่ได้พุ่งฟุ้งเท่า แต่ให้ความสมดุลย์ที่ดีระหว่างแอปเปิ้ล เครื่องเทศ และ Citrus สดชื่น ถือว่าเปิดมากลิ่นค่อนข้างเกลามาให้มีความกลมได้น่าสนใจ แอบมีอารมณ์แบบหมากฝรั่งผลไม้รวมหน่อยๆ อีกด้วย

ในช่วงกลางคือชัดเจนในพื้นฐานกลิ่นที่มีโทน Citrus แล้ว มีกระวานแล้ว ก็ต้องมีลาเวนเดอร์ที่จะครอบคลุมการเป็นน้ำหอมผู้ชายสายปล่อยเสน่ห์ เพียงแต่ว่าจะไม่ได้จัดหนักจนได้อารมณ์กลิ่นสไตล์ Bad Boy นัก แต่ให้สมดุลย์เสียมากกว่า เพราะโทนผลไม้ของแอปเปิ้ลเขียวแกมผลไม้อื่นๆ จับได้ว่ามีลูกแพร์ด้วยหน่อยๆ ก็ยังมีอยู่ และเพิ่มโทนกลิ่นออกทางเขียวกึ่งกุหลาบเข้ามาจากเจอเรเนียมด้วย แต่กลิ่นไม่ได้ใสเพราะกระวานยังคงคุมโทนปล่อยความเย้ายวนอยู่และที่สำคัญจับต้องได้ชัดเจนเลยว่ามีกลิ่นอายโทนอบอุ่นกึ่งไม้หอมที่ค่อนไปทาง Amber ค่อยๆ เปิดตัวเสริมเข้ามาตามลำดับ ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดน่าจะชัดเจนเลยว่าเป็นโทนแนว Amberwood หรือ Ambroxan รวมถึงมีกลิ่นออกทางกึ่งอัลมอนด์กึ่งยาสูบแกมหญ้าแห้งอ่อนๆ ที่เป็นลักษณะของ Coumarin ที่มาจากถั่วตองก้าเนียนๆ เข้ามารวมด้วย เลยทำให้ช่วงนี้กลายเป็นน้ำหอมชายสายเย้ายวนที่ฉาบด้วยความลั่นล้า มีความฟุ้งกำลังดี สร้างเสน่ห์ได้อย่างน่าสนใจมาก

การปูทางเข้าช่วงท้ายนี่ชัดเจนมากเพราะว่ากลิ่นโทนอวลไม้หอมกึ่ง Amberwood และ Coumarin จะเป็นฐานกลิ่นที่ให้ความอบอวลแกมไม้หอมแบบพอเหมาะ เพราะว่าจะมีกลิ่นไม้หอมติดโปร่งๆแกมปร่าเล็กๆ ของไม้ซีดาร์และพิมเสนเรื่อๆ ที่คิดว่าน่าจะเป็นสารหอมอย่าง Clearwood ที่เป็นตัวทำให้เกิดกลิ่นไม้โปร่งๆ แกมพิมเสนระเรื่อเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งเนื้อกลิ่นที่เป็นโทน Citrus แกมเย้ายวนลั่นล้ายังมีตามมาถึงช่วงนี้เพียงแต่ว่าจะเนียนรวมไปกับกลิ่นอวลไม้หอมแล้ว ทำให้จะได้อารมณ์แบบไม้หอมอบอวลอุ่นที่กลิ่นโทนลั่นล้าเนียนๆ รวมอยู่ด้วย ซึ่งกลิ่นจะคงที่และคงตัวในการเป็นโทนที่ออกแนวชวนคลุกวงใน และเรียกเรตติ้งซึ่งพื้นฐานกลิ่นคือแนว Woody Spicy แกม Aromatic ที่ชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ดูคล้ายๆ ตัวดังๆ ที่ยกตัวอย่างไว้ เพียงแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเบลนด์กลิ่นได้ดีและมีความกลมกล่อมเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้งานตัวนี้ได้สบายมาก ซึ่งกลิ่นถือว่าเป็นตัวครอบจักรวาลในการใช้งานทั้งวันและคืนได้ เพียงแต่ว่าอาจจะต้องเลือกสถานการณ์นิดนึง เพราะกลิ่นจะไม่ได้เหมาะกับพวกกิจกรรมสายลุยกลางแจ้งหรือออกกำลังกายนัก แต่ถ้าใส่ทั่วไปอันนี้ลงตัว รวมถึงในยามทางการได้อยู่ในสไตล์ที่เน้นทันสมัย และลามไปถึงการใส่ออกงานและท่องราตรีด้วย ที่จัดได้เลย ไปสู้กับน้ำหอมตัวดังๆ ในกลิ่นสไตล์กลางคืนก็ได้ไม่ยากเช่นกัน 

ความทน - ลงตัวมากกับพื้นฐานที่ 8 ชม. ได้สบายมาก และไปต่อได้อีกถึง 12 - 15 ชม. ได้เลยตามสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ที่ใช้ ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. บ่อยครั้งมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ไม่ได้ถึงกับพุ่งจัดจ้านนัก แต่จะคงที่พอสมควรในการกระจายแบบนี้ไปจนถึงราวๆ 3 ชม. ก่อนจะลดลงมาเป็นปานกลางกันยาวๆ จนถึงราวๆ 7 ชม. ถึงจะผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไป

สรุป - ถ้าจะเอาความแตกต่างและความหวือหวา ต้องบอกว่าไม่ได้มีในตรงนั้น เพราะเนื้อกลิ่นเหมือนกันน้ำหอม Designer ผู้ชายสายทันสมัยที่ครอบคลุมการใช้งานได้หมดทั้งความสดชื่น ความลั่นล้า ความอวลเย้าเคล้าเสน่ห์ และปิดท้ายด้วยโทนอบอุ่น ที่มีตัวเลือกมากมายในท้องตลาด แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ อารมณ์แบบที่เอามาปรับให้กลิ่นมีความกลมกล่อม โดยคงสมดุลย์ทางกลิ่นแบบที่ไม่อายแบรนด์อื่นนี่แหละ ที่เรียกว่าถ้าได้ใช้งานเรื่องความหอมก็ไม่มีคำว่าผิดหวัง

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://geparlys.com/collections/king/products/yes-i-am-the-king-legend

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น