วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Review: Rogue Perfumery - Le Canotier

Rogue Perfumery - Le Canotier

ต้องยอมรับเลยว่าหลังจากที่แบรนด์นี้แจ้งเกิดในโลกน้ำหอมโดยนำเสนอ Concept ในการ Tribute กลิ่นอายต่างๆ ในอดีตแล้วมาต่อยอดสร้างสรรค์กลิ่นที่งดงามสไตล์งานศิลปะ Timeless เหนือกาลเวลาที่ยังคงชื่นชมความงามของเดิมและเพิ่มเติมความสดใหม่ได้อย่างมีชั้นเชิง และไม่พอยังไม่สนกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่มาจำกัดในเรื่องการสร้างสรรค์ผลงานที่เข้าทางอินดี้ชัดเจน จนทุกวันนี้แบรนด์ Rogue Perfumery ก็กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ดาวรุ่งในสาย Indie และ Niche Perfume ไปเป็นที่เรียบร้อย และมีน้ำหอมต่างๆ สร้างสรรค์ออกมาให้คนรักกลิ่นได้สัมผัสก็เริ่มมากขึ้นตามลำดับ

แต่ในการสร้างสรรค์กลิ่น มันก็ต้องมีกิมมิคในการนำเสนออะไรที่เป็นกลิ่นอาย Limited Edition กับเขาด้วย ซึ่งก็ได้มีอยู่ 1 รุ่นที่มาในลักษณะนี้ และปัจจุบันก็ไม่ได้มีผลิตแล้ว เช่นนั้นคว้ามาได้ทันก็ต้องเอามาเล่ากันหน่อย เผื่อในอนาคตกลับมาอีกครั้งอย่างน้อยก็มีสารบัญกลิ่นรองรับไว้อยู่ ซึ่งนั่นก็คือรุ่น Le Canotier

เปิดตัวกันด้วยโทน Citrus ที่มีความนวลปนหวานดอกไม้รองพื้นที่แอบมีโทนติดทาง Ozonic แกมชื้นๆ เนียนอยู่ประปรายซึ่งวูบแรกกลิ่นออกทางส้มใสๆ ซ้อนกับกลิ่นออกทางดอกไม้หวานนวลกึ่งจะค่อนไปทางดอกไม้ขาวที่ติดนวลหวานแกมยาสูบที่มีโทนเขียวคล้ายหญ้าแห้งอ่อนๆ เจืออยู่ด้วย แต่ที่สัมผัสได้คือกลิ่นออกทางชื้นๆ อารมณ์แบบเขียวกึ่งแตงกวาติดหวานที่เป็นลักษณะของใบไวโอเล็ตที่แทรกซึมคลอกลิ่นอยู่ตลอด และเมื่อดมลึกลงไปใกล้ผิวจะแอบจับได้ว่ามีโทนแนวๆ กึ่งไม้หอมแห้งๆ รองพื้นตรึงกลิ่นไว้อยู่ ซึ่งใช่เลยกลิ่นเปิดแนวนี้มันเป็นกลิ่นอายแนวน้ำหอมชายแนวๆ จะยุค 70 ก็ได้ จะต้น 90 ก็ดี ได้เลยแบบที่ให้อารมณ์สุภาพบุรุษสมาร์ทกึ่ง Casual ใส่หมวก Flat Cap หรือหมวกวินเทจแนวหมวก Fedora แต่มันไม่ได้มาสายฟุ้งบาด เพราะมีความนุ่มนวลเจอหวานเย้าที่มีเสน่ห์ขับความสมาร์ทออกมาได้ดีมาก เรียกว่าเปิดมาก็สร้างภาพให้เห็นถึงคาแรคเตอร์แบบที่เข้ากับน้ำหอมกลิ่นนี้กันตั้งแต่แรกเริ่มได้เลย

ในการเปลี่ยนสถานะเข้าสู่ช่วงกลางสิ่งที่โดดเด่นออกมาเลยต้องยกให้การผสมผสานระหว่างโทนออกทางดอกไม้ขาวที่คราวนี้เริ่มชัดมากขึ้นเพราะกลิ่นอายดอกไม้ขาวที่มีลูกผสมความหอมแบบยาสูบแกมหวานเย้า นั่นก็คือ ดอกยาสูบ ที่จะกลายเป็นตัวเดินกลิ่นเสริมด้วยโทนดอกไม้หอมนวลสว่างอย่างมะลิเข้ามาร่วมด้วย แต่กลิ่นที่มาเสริมให้เนื้อกลิ่นมีน้ำหนักมากขึ้นนั่นคือหญ้าแฝกและโทนไม้หอมติดโปร่งต่างๆ ที่ทำให้เนื้อกลิ่นจะมีโทนออกทางดอกไม้แกวหวานนวลตัดด้วยไม้หอมที่มีเสน่ห์สไตล์สุภาพบุรุษ โดยยังมีความชื้นแนวใบไวโอเล็ตกับโทน Citrus ที่แทรกเนียนๆ ปลายกลิ่นอยู่ เลยทำให้มิติกลิ่นได้ความสุภาพนุ่มนวลและสมาร์ทอวลๆ ในเวลาเดียวกัน โดยที่มีลูกเอื้อนเป็นกลิ่นโทนสดชื่นประปรายสร้างเสน่ห์ดึงดูดที่ยังให้ภาพสุภาพบุรุษแนวสมาร์ทสวมหมวก Vintage เท่ห์ๆ อยู่เช่นเดิม เพิ่มเติมตรงเสน่ห์กลิ่นโทนดอกไม้ขาวที่ปรับโทนเข้ากับไม้หอมสร้างเสน่ห์ให้เข้ากับผู้ชายชัดเจน

ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงท้าย จะเริ่มจับต้องได้ก่อนเลยคือเนื้อกลิ่นมีโทนออกทางคล้ายผิวกายสะอาดติดเค็มอ่อนๆ ที่สร้างความอวลทีละหน่อยเสริมขึ้นมาเรื่อยๆ และมีโทนออกทางเขียวเข้มแกมดาร์กนิดๆ ของ Oak Moss ค่อยๆ เสริมเข้ามาทีละนิดๆ แล้วเริ่มลดบทบาทความเป็นโทนดอกไม้ขาวลงเป็นสายสนับสนุนที่ให้ความหวานแกมนวลในเนื้อกลิ่นแทน ซึ่งแน่นอนว่าโทน Citrus แกมชื้นๆ หายไปหมดแล้ว ก็เป็นการเข้าช่วงท้ายที่เนื้อกลิ่นจะมีความอวลอ่อนๆ แบบผิวกายติดเค็มสะอาดเจือดาร์กเขียวแกมแมนๆ แกล้มฉาบหน้าด้วยโทนไม้หอมแห้งๆ ของหญ้าแฝก โดยมีโทนหวานนวลติดโปร่งเล็กๆ ของโทนดอกยาสูบตามมาจากช่วงกลางแบบกำลังดี ให้ความเย้าหน่อยๆ เสริมความเป็นกลิ่นอายสุภาพบุรุษที่คุมโทนแนวสมาร์ทกึ่ง Casual ที่มีอารมณ์ Classic แกม Modern เนียนๆ ไปเรื่อยๆ มีความเรียบหรูแกมเรียบง่ายและเข้าถึงง่ายแบบที่มีชั้นเชิงปิดท้ายในเสน่ห์ของการเป็น Le Canotier กันไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำหอมจะพอใจ    

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้งานได้สบายมาก กลิ่นมีอารมณ์สไตล์ดอกไม้นวลแต่ไม่สาวให้อารมณ์สุภาพบุรุษสไตล์ Vintage แนว 90 ได้ดีเลย ซึ่งกลิ่นนี้เข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป จะมีก็แค่ออกกำลังกายที่ไม่โดนเท่าไหร่ แต่ถ้ารอช่วงท้ายๆ ก็ได้อยู่ ส่วนยามกลางคืนเน้นใส่ออกงานหรือว่ากิจกรรมโรแมนติคจะเข้าทางมากที่สุดเลยล่ะ

ความทน - ดีงามเชียวเพราะสิ่งที่เจอส่วนตัวคือราวๆ 12 - 15 ชม. แทบทุกครั้งที่ใช้งาน เรียกว่าประทับใจในเรื่องความทนเลยล่ะ โดยถ้าตีค่าเฉลี่ยก็ยังไงแตะ 8 ชม. ได้สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะคงตัวกันยาวๆ เลยแถมกลิ่นจะมีความอวลชัดขึ้นมาอีกสเต็ปในช่วงกลางอีกด้วยกันยาวๆ จนถึงราวๆ 5 ชม. กลิ่นจะเริ่มผ่อนลงมาเป็นปานกลางอยู่ซักพัก ก็จะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปเรื่อยๆ จนติดผิวเมื่อผ่านซัก 10 ชม. ไปแล้ว แต่กลิ่นจะตีขึ้นยามขยับเนื้อตัวอยู่ให้รับรู้ได้เรื่อยๆ อยู่

สรุป - มันได้ Feel แนวน้ำหอมยุค 90 ที่ได้ความรู้สึกหล่อๆ มาดสุขุมนุ่มลึก แต่มีความนวลเย้าเร้าเสน่ห์สไตล์ผู้ชายสายสุภาพบุรุษมาดสมาร์ทและมีความ Nice สูงมาก เรียกว่าสร้างกลิ่นอายสาย Classic บรรจบกับความ Modern ได้อย่างลงตัว ซึ่งตอบโจทย์คนชอบความรู้สึกสไตล์ร่วมสมัยที่ทั้งเคยหรือไม่เคยผ่านช่วงวัยในยุค 90 มาก่อนชัดเจน ซึ่งเสียดายจริงๆ ที่ตอนนี้ปิดจ็อบไปแล้ว รอดูในอนาคตอีกทีว่าจะเอากลับมาทำอีกไหม ส่วนขวดที่มีตอนนี้บอกเลยว่าเก็บแน่นแน่นอน

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - เข็มขัดสั้น

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น