วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

Review: Sucreabeille - Venom

Sucreabeille - Venom

Sucreabeille แจ้งเกิดในนามน้ำหอมสาย Indy Perfume ในปี 2012 โดยก็เป็นที่รู้จักแบบเน้นความเรื่อยๆ มาเรียงๆ เน้นเสน่ห์ในการสร้างกลิ่นอายที่มาจากแรงบันดาลใจต่างๆ รอบตัว แต่เมื่อดำเนินการมาในระดับหนึ่งมันก็ไม่ได้สวยงาม และไฟในการทำแบรนด์เล็กๆ แบบนี้ก็เริ่มจะหมดไป ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยการมีเจ้าของแบรนด์ใหม่อย่าง Andrea Fender เข้ามารับช่วงแทนให้แบรนด์นี้ไปต่อในปี 2018 ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของแบรนด์คนใหม่เองก็เป็นสุคนธกรเองไปด้วยในตัว และก็ต่อยอดความสร้างสรรค์กลิ่นอายต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องและมีความเก๋ไก๋มาอยู่เสมอจนทุกวันนี้

เมื่อได้มาเจอกับแบรนด์นี้แน่นอนว่าต้องเอาตัวที่น่าสนใจมากเล่ากลิ่นกันหน่อย ซึ่งพอได้เห็นคำโปรยอยู่รุ่นหนึ่งที่บอกว่า บางสิ่งบางอย่างเป็นยาพิษได้ อีกมุมก็เป็นยารักษาได้เช่นกัน อารมณ์เดียวกับตัวละครใน Marvel Comic อย่าง Venom ที่จริงๆ ควรจะต้องเป็นตัวร้าย แต่ก็กลายเป็น Hero ในอีกรูปแบบหนึ่งได้ (หรือเรียกว่า Anti-Hero) และพอเจอแบบนี้ก็อยากรู้แล้วว่ายาพิษที่ว่าจะออกมาในลักษณะไหน ก็จัดไปอย่าได้เสียเอามาเรียนรู้กลิ่นกันหน่อย และบทสรุปของความเป็น Venom ของ Sucreabeille ก็ออกมาแบบนี้เลย

เปิดต้นกลิ่นมาก็จะพบกับกลิ่นอายดาร์กเข้มติดเขียวแบบปลายๆ สีดำที่จะให้ความรู้สึกเย็นๆ บางวูบได้อารมณ์กลิ่นคล้ายยางไม้เขียวๆ เข้มๆ บางวูบได้กลิ่นคล้ายหมึกดำ แต่จะพอจับต้องได้ว่ามีกลิ่นออกทางไม้หอมเข้มๆ ดาร์กๆ รองพื้นอยู่ ซึ่งเปิดพอช่วงต้นออร่าความเป็นสีดำดาร์กแบบติดโปร่งเย็นๆ ไม่ได้เข้มหนักเปิดตัวออกมาได้ชัดเจนมาก ซึ่งอารมณ์กลิ่นมีความเป็นพิษต่อการได้กลิ่นไหม? ตอบเลยว่าไม่ แต่ให้อารมณ์แบบกลิ่นเย็นๆ ดาร์กๆ มีความชื้นๆ หน่อยๆ ถ้าเป็นการสื่อสารถือว่าสื่อสารกลิ่นสไตล์ความเป็นพิษที่เย็นๆ มากกว่าจะเป็นกลิ่นพิษแสบร้อนฉุนอะไรประมาณนั้น

เพียงไม่กี่อึดใจการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นจะลดโทนกลิ่นอายเย็นๆ ลงมาระดับหนึ่ง แต่ยังมีความประปรายแบบปลายกลิ่นอยู่ ซึ่งกลิ่นที่จะเปิดตัวออกมาเลยคือกลิ่นออกทางไม้โปร่งๆสีดำปนกลิ่นอายติด Smoky เนียนๆ ให้จับต้องได้ ซึ่งทำให้นึกถึงกลิ่นถ่านที่มีความเย็นๆ มีความดำกึ่งทึบในเนื้อกลิ่น และมีกลิ่นติดเนื้อไม้สีดำเป็นเสมือนฐานกลิ่นให้คุมโทนดาร์กที่ยังชัดเจนอยู่ ซึ่งนี่คือเลเยอร์กลิ่นแรกที่จับต้องได้ แล้วเลเยอร์ที่ 2 อย่างโทนออกทางยางไม้เขียวเข้มๆ ที่มีอารมณ์กลิ่นใบไม้หน่อยๆ แต่ค่อนไปทางสมุนไพรดาร์กเข้มติดชื้นๆ แกมกลิ่นไม้หอมติดโปร่งๆ ซึ่งน่าจะมาจากไม้ซีดาร์ ซึ่งทำให้กลิ่นยังคุมโทนดำและเขียวเข้มเกือบดำได้เป็นอย่างดีไปการตีคู่กันไป โดยที่กลิ่นไม่ได้หนักข้น แต่เป็นซีทรูที่ติดโปร่งปลายกลิ่นเย็นๆ อยู่เช่นเดิม

และเมื่อผ่านไปพอสมควรกลิ่นจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นถึงกลิ่นถ่านที่มีความชื้นบางๆ ที่แกมกลิ่นสะอาดตามธรรมชาติอยู่ ซึ่งจะมีกลิ่นปร่าระเรื่อสมุนไพรที่มีความดิบเขียวแห้งๆ เบาๆ กำลังดีซึ่งเป็นลักษณะของพิมเสนที่คลอกลิ่นสร้างบรรยากาศรุมๆ อ่อนๆ รวมอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อดมเข้าไปใกล้ผิว จะมีโทนออกทางน้ำมันดินติด Smoky นิดๆ เคล้าความเขียวแห้งๆ จนบางวูบรู้สึกได้ถึงกลิ่นออกยายาแคปซูลหรือยาเม็ดที่ติดเขียวแห้งปลายกลิ่น ซึ่งถือว่ากลิ่นสร้างอารมณ์ดาร์กติดสะอาดๆ ได้ดีเกินคาด และมีความคลอผิวแบบไม่ได้เน้นความทรงพลังแต่อย่างใด ซึ่งถ้าจะว่าไปช่วงนี้ถือเป็นการเล่ากลิ่นที่เป็นอีกด้านจากช่วงต้นและช่วงกลาง จากอารมณ์กลิ่นสไตล์ไม่น่าไว้วางใจ มาเป็นกลิ่นที่ค่อนไปทาง Aromatic กึ่งกลิ่น Medicine ออกทางยาเม็ดได้ดี เปรียบเปรยเหมือนเป็นยาพิษก็ได้ในช่วงต้น หรือเป็นยารักษาในอีกแง่มุมได้ในช่วงท้ายอย่างน่าสนใจจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน เพราะเป็นกลิ่นอายบรรยากาศเสียมาก และความเป็นพิษสายดาร์กมันไม่ได้เลือกเพศอยู่แล้ว ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบเน้นการสร้างออร่าขรึมนิ่งดาร์กเป็นสำคัญ และกลิ่นนี้เข้ากันอย่างมากกับเสื้อผ้าชุดโทนสีเข้มหรือโทนดำมันจะสร้างออร่าแบบน้ำนิ่งไหลลึกได้ดีเลย ซึ่งถ้าใส่แบบทางการจัดๆ อาจจะต้องดูความเหมาะสมนิดนึง ส่วนยามค่ำคืนจะเน้นใส่แบบทั่วไปหรือออกงานแบบที่ให้เห็นว่าไม่ธรรมดาน่าจะดีกว่า เพราะถ้าจะใส่เน้นไปปล่อยความร้าย บอกตามตรงว่าโทนสายหวานกลบมิดแน่นอน

ความทน - กลิ่นทนราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบราวๆ 2 ชม. ตามแต่สภาพอากาศและสภาพผิวกายผู้ใช้เป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวเจอระหว่าง 6 - 8 ชม. กับการใช้ราวๆ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แต่ไม่เกิน 3-5 นาที ก็จะดรอปลงมาปานกลางซักราวๆ 1 ชั่วโมงได้ ที่เหลือจะกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวเบาๆ คงตัวไปเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไป 5 ชม. ก็จะเป็น Skin Scent ชัดเจน 

สรุป - กลิ่นมาแบบมินิมัลและถอดลักษณะที่ให้อารมณ์แบบ 2 ด้าน ทั้งร้ายและดี ได้อย่างน่าสนใจมาก ที่สำคัญคุมความสมดุลย์ของกลิ่นในด้านการกระจายได้ดี เพราะว่ากลิ่นแบบนี้ถ้ากระจายมากไป มันจะแบบว่าดูออร่าดาร์กร้ายชัดเจนมาก กว่าจะมีออร่าดีๆ ก็ไม่เหลือให้มองแล้ว เช่นนั้น การคุมให้กลิ่นมีการกระจายแบบเบาๆ มันเลยสร้างอารมณ์น้ำนิ่งไหลลึกและดูสร้างความสับสนให้คนอื่นได้ดีว่าตกลงจริงๆ เราดีหรือร้ายกันแน่ ซึ่งแบบนี้สิเด็ดกว่า

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.pinterest.ca/pin/552957660502004540/

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น