วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

Review: Dior Homme Intense (2011)

Dior Homme Intense (2011)

เมื่อ Dior ประกาศเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายสาย Dior Homme ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เพื่อเข้าสู่การเป็น Generation ใหม่ ในปี 2020 (หลังจากปรับตัว Sport ไปก่อนหน้านี้ในปี 2017) อย่างแรกก็เรียกว่า อึ้งไปพอสมควร เพราะของเดิมก็ยังมีดีอยู่ในการเป็นกลิ่นอายคล้ายโทนเมโทรแบบมีรอยลิปสติกติดที่แผงอกหรือต้นคอ แล้วกลิ่นตีขึ้นชวนให้รู้สึกเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก และจงใจแบบคูลๆ และอย่างที่ 2 ไม่เพียงแต่ปรับรุ่นปกติ ยังลามมารุ่น Intense ที่เป็นขั้นกว่าของโทนกลิ่นสายนี้อีกด้วย เอาล่ะสิ ยังไม่ได้ใช้รุ่น Intense ในการเล่ากลิ่นมาก่อนเลยไม่ว่าจะเป็นทั้งรุ่น 2007 และรุ่นปี 2011

เช่นนั้น เพื่อให้มีความชัดเจนและไล่เรียงกลิ่นสายนี้ให้ครบถ้วน จึงต้องใช้งานให้ชัด จัดให้รู้ แล้วมาบอกต่อกันก่อนที่จะไปเรียนรู้ Generation ใหม่ รวมถึงจะดูสิว่าจะเสียดายหรือไม่ที่มีการปรับสูตรไป มาเจอกันหน่อยแล้วกันกับ Dior Homme Intense ของปี 2011 (ที่ต้องขอข้ามปี 2007 เพราะว่าหาไม่ได้แล้ว) 

เปิดตัวมาเรียกว่าลาเวนเดอร์ยังคงอยู่ แต่ความเข้มข้นของกลิ่นไอริสที่ให้ลักษณะแบบแป้งเครื่องสำอางค์กึ่ง Buttery แนวกลิ่นลิปสติกจะชัดกว่าเดิมมาก ความเข้มข้นของโทนแป้งมาเต็มโดยมีความหนักประมาณหนึ่ง แบบที่ถ้าคนไม่ชอบโทนแป้ง ก็อาจจะมีความอึนๆ กันอยู่บ้าง แต่ถ้าปรับตัวได้ มันคือกลิ่นอายโทนแป้งออกทางคล้ายกระเป๋าเครื่องสำอางค์ผู้หญิงแกมกลิ่นลิสติกที่มีลาเวนเดอร์มาเสริมให้เกิดความแมนเข้มกำลังดีตัดทอนกันสร้างกลิ่นอายลักษณะแบบ Metrosexual ที่ชัดเจน มีความกรุ้งกริ่มที่มีความ Cool เต็มๆ ถ่ายทอดความดีงามของกลิ่นสไตล์ Dior Homme ได้ครบถ้วน โดยเพิ่มเติมความเข้มข้นเข้ามา ซึ่งก็ตรงกับคำว่า Intense ชัดเจนกันตั้งแต่แรกเลย

การปรับเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลาง ถือว่ายังคุมโทนได้ดีโดยยังมีกลิ่นแป้งของไอริสติดเนื้อ Buttery ที่น่าจะมาจากหัวเหง้าออริส (หัวเหง้าของต้นไอริส) เลยทำให้ได้อารมณ์กลิ่นแนวลิปติกยังคงอยู่ แต่พระเอกอีกหนึ่งอย่างโกโก้จะปรากฎออกมาในช่วงนี้พร้อมกับกลิ่นออกทางหวานเบาๆ ติดกลิ่นเขียงใบผักอ่อนๆ เจือความเป็น Musky ซึ่งน่าจะมาจาก Ambrette ที่เป็นตัวที่ให้โทน Musky หน่อยๆ ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้คือเป็นกลิ่นโทนแป้งกึ่งโกโก้บัตเตอร์ที่อบอวลและมีเสน่ห์มาก ซึ่งจะมีโทนนวลลาเวนเดอร์กึ่งไวโอเล็ตเนียนๆ อยู่ด้วย มันเลยจะได้โทนแป้งที่มีหลายมิติให้จับต้อง ทั้งหวานติดโปร่งหน่อยๆ ทั้งนวลละมุนสะอาด ทั้งแป้งติดอับทึบแต่เย้าจมูก และแป้งกึ่งเนื้อเนยมันๆ แนวลิปสติกที่มีโกโก้เป็นตัวเสริมพร้อมกับกลิ่นโทนไม้หอมแห้งๆ หน่อยๆ สร้างลักษณะแบบสีน้ำตาลเย้าน่าค้นหา ทำให้ได้อารมณ์เมโทรแนวๆ เจ้าเสน่ห์สายนิ่ง ที่มีความเย้ายวนและรัญจวนใจแบบที่เข้มข้นที่ลงตัวมาก ยิ่งถ้ากลิ่นแบบนี้อยู่กับอากาศเย็นๆ ถือว่าจะสร้างเสน่ห์ชวนคลุกวงในได้มากจริงๆ

จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมความเป็นไม้หอมจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นตามลำดับควบคู่ไปกับกลิ่นโทนอบอุ่นค่อนไปทางวานิลลาที่จะเปิดตัวออกมาแบบเนียนๆ เสริมขึ้นมาเรื่อยๆ กับโทนแป้งที่ยังคงตัวอยู่ แต่เพราะการเข้ามาเสริม ทำให้กลิ่นออกทางลิปสติกจะเบาลงไป เหลือเป็นแป้งไม้หอมเจือโกโก้วานิลลา ที่จะเบลนด์กลิ่นออกมาได้เนียนและมีลูกเล่นโทนกลิ่นที่ส่งเสริมไล่เลเยอร์ที่สมูธมากเลยทีเดียว เนื้อกลิ่นจะมีมีลูกเย้าของกลิ่นไม้หอมแห้งๆ ของหญ้าแฝกแกมติดโปร่งหน่อยของไม้ซีดาร์ที่ให้ความแมนเท่ห์ คลุกเคล้ากับโทนแป้งที่ยังให้ความเย้ายวน และมีกลิ่นออกทางอบอุ่นวานิลลาเจือโกโก้แกมกลิ่นออกทางแอมเบอร์หน่อยๆ เป็นตัวคุมเกมในภาพรวมที่ให้ความอบอุ่นและมีเสน่ห์แบบนิ่งอวล ซึ่งดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกินเอาได้เลย แบบที่ทุกอย่างคุมโทนความ Cool มีระดับแบบหนุ่มเจ้าเสน่ห์มาดนิ่ง ที่มี Sex Appeal สูงมากจริงๆ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถจัดตัวนี้ได้แล้ว เพราะเป็นกลิ่นมาสายหนุ่มเจ้าเสน่ห์มาดนิ่งที่ไม่ธรรมดา และมีความเจ้าชู้เงียบเนียนๆ ชัดเจน เพียงแต่ว่ารุ่น Intense กลิ่นจะค่อนข้างเข้ม ข้น และหนัก ขึ้นมาอีกสเต็ป ทำให้การใช้ควรจะเบามือลงมาหน่อยเพราะถ้ามาดไปอึดอัดและตีขึ้นจนมึนเสียก่อนจะเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์มาดนิ่งได้ ซึ่งเข้าได้กับหลายสถานการณ์ยามกลางวันแบบที่ยางทางการก็พอได้ แต่ต้องเลือกหน่อย แต่ถ้าใส่ทั่วไป ไม่ว่าจะทำงาน Office หรือว่าทั่วไปแบบเน้นสายเท่ห์ขรึมดูแลตัวเอง บอกเลยว่าเข้ากันมาก ไม่ใช่สไตล์สบายๆ ชิลล์ๆ หรือสาย Activities ลุยๆ ออกกำลังทั้งหลายที่เห็นควรตัดออกจากการใช้งานแบบนี้ไปดีกว่าเดี๋ยวจะชัดกับลุค ที่สำคัญยามค่ำคืนที่ไม่ว่าจะใส่ออกงาน ท่องราตรี หรือว่าโรแมนติค มันเข้าได้หมด มีเสน่ห์และมีความเร้าใจแบบหน้านิ่งๆ สูงมาก

ความทน - ดีงาม 8 ชม. ถือเป็นพื้นฐาน และไปต่อได้ถึง 15 ชม. ก็เป็นเรื่องปกติได้ไม่ยากถ้าผิวกายเอื้อมากพอ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น เรียกว่าอาจจะตึ้บไปเลยถ้าอัดสเปรย์เยอะ แล้วจะผ่อนลงมากระจายดียาวไปราวๆ 2 ชม. ก่อนจะลงมาปานกลาง ตามด้วยออร่ารอบๆ ตัวที่ให้ความรุมๆ อวลๆ ไปตลอดยาวไปถึงราวๆ 12 ชม. ถึงจะค่อยๆ ผ่อนลงเป็นติดผิว

สรุป - ถ้าเรียกง่ายๆ Dior Homme รุ่น 2005 เดิม เป็นสไตล์ Daily Scent ที่ครอบจักรวาลโดยการเอากลิ่นสไตล์เมโทรแนวกลิ่นกระเป๋าเครื่องสำอางค์ผู้หญิงและลิปสติกมาเรียกแขก โดยเอาไปใช้กับยามกลางคืนได้ แต่สำหรับ Intense จะเป็นการอัพเกรดจากของเดิม เพิ่มความดีงามในความเข้มข้นที่ชัดเจน จัดเต็ม และใส่ Sex Appeal ที่มีความแน่ในเนื้อกลิ่นสูงมาก ซึ่งจะตีเป็น Night Scent เองก็ยังได้ แต่ก็มาใช้เป็น Daily Scent ได้อยู่ โดยที่ความดีงามในการปล่อยเสน่ห์หน้านิ่งแต่กรุ้มกริ่นเนียนๆ ยังครบถ้วน ซึ่งบอกตรงๆ ว่า เสียดายมากที่มีการปรับสูตรและเปลี่ยน Generation เพราะของเดิมดีงามอยู่มากจริงๆ แต่ก็ยังปรามาสไม่ได้ว่ารุ่น 2020 จะออกมาในรูปแบบไหน ไว้ถ้าได้ลองก็จะว่ามากันอีกที 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.brandfield.com/christian-dior-homme-intense-eau-de-parfum-spray-150-ml-p-3g-303-b6

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น