วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: Phaedon - Tabac Rouge

Phaedon - Tabac Rouge

เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่บอกว่า นอกจาก Tobacco Vanille ของ Tom Ford ถือเป็นหนึ่งในกลิ่นยาสูบที่เซ็กซี่และมีความสมาร์ทมาก แต่ก็ยังมีอีก 1 กลิ่นที่เรียกว่ามาสายเดียวกันและพื้นฐานเนื้อกลิ่นใกล้เคียงในความเป็นยาสูบเหมือนกัน แต่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองที่ฉีกออกมาแบบที่เรียกว่าสูสีกันเลย โดยที่ราคาสมเหตุสมผลเสียด้วย นั่นก็คือ Tabac Rouge ของแบรนด์ Phaedon ที่เป็น Niche Perfume ในการดูแลของสุคนธกรที่หน้าตาหล่อเหลามากๆ อย่าง Pierre Guillaume

ในเมื่อเสียงเข้ามาอย่างหนาหูนัก ว่ากลิ่นมีความดีงามอร่ามแท้ เช่นนั้น ต้องมีได้เสียกันหน่อยแล้วว่าเนื้อกลิ่นจะสร้างสรรค์ออกมาอย่างไร และมีความโดดเด่นออกมาในลักษณะไหน จัดไปได้เรื่องกันตามนี้

Tabac Rouge เปิดตัวมาก็จับต้องกันได้เต็มๆ ถึง 3 โทนกลิ่นที่จะเป็นแก่นหลักของน้ำหอมเลยนั่นคือ ยาสูบ น้ำผึ้ง และธูป Incense ซึ่งทั้ง 3 โทนนี้จะมีอยู่ในทุกๆ ช่วงของน้ำหอมเลย ซึ่งช่วงต้นจะมีโทนออกทางสายเครื่องเทศที่มีความอบอุ่นเป็นตัวหลักในการเสริมโทนยาสูบและเชื่อมไปยังฝั่งธูป Incense นั่นก็คือ อบเชย ที่จะมาให้โทนหวานเผ็ดอุ่นอวล เสริมด้วยขิงที่มาให้ความปร่าฟุ้งเสริมกำลังดี ทำให้เนื้อกลิ่นจะชูโรงความเป็นยาสูบน้ำผึ้งหวานที่มีความเย้าอุ่น ซึ่งจะมีความเป็นโทนกึ่งไซรัปหน่อยๆ แต่ไม่ได้หวานจัด + ความเป็นโทน Animalic แบบสไตล์น้ำผึ้งจริงๆ ที่มีความเอียนลึกเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้มาแบบหนักหน่วงหรือจงใจให้จับต้องได้ โดยที่พื้นกลิ่นมีลักษณะของโทน Incense ที่ค่อนไปทางยางไม้ติดปร่าหน่อยๆ คาดว่าน่าจะเป็น Frankincense อยู่แบบเนียนๆ ที่เสริมโทนดึงดูดอยู่ด้วย ซึ่งถือว่าเปิดมาก็สร้างเสน่ห์ดึงดูดกันตั้งแต่แรกแบบที่ไม่ต้องมาอารัมภบทให้เสียเวลาแต่อย่างใดเลย

ช่วงกลางความเป็นยาสูบและน้ำผึ้งจะยังคงเด่นเป็นสง่าอยู่ แต่เนื้อกลิ่นจะเริ่มลดทอนความเป็นโทนคล้ายไซรัปลงไป จนกลายเป็นโทนที่แห้งมากขึ้น สอดรับกับโทนที่ค่อนไปทางวานิลลาแต่ออกไปทางยางไม้ติดหวานแหลมที่เป็นเสน่ห์ ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าเป็นยางไม้กำยาน Benzoin ที่มาให้โทนลักษณะนี้ แต่ที่กลิ่นไม่ได้หวานแหลมแต่ค่อนไปทางยางไม้มากกว่า ต้องยกให้ตัวตัดทอนอย่างโทนแป้งที่เข้ามาเกลา แถมโทน Incense ที่เป็นพื้นกลิ่นเองก็มาแบ่งเบาภาระในการตัดโทนหวานฉ่ำออกไป เลยกลายเป็นโทนหวานที่มีความเย้ามีเสน่ห์แบบไม่ต้องมาก แต่สร้างออร่าดึงดูดทั้งยาสูบที่ให้โทนแบบยาสูบบ่ม + น้ำผึ้งแห้งที่มีโทน Animalic เนียนๆ แกมอบเชยที่เป็นตัวเสริมสร้างความร้อนแรงแฝง ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ปล่อยของที่สุดจริงๆ ในการสร้างเสน่ห์ทางกลิ่นในการดึงดูดโดยที่ไม่ได้ถึงกับลึกมาก แต่มีความสมดุลย์กำลังดีที่ได้ทั้งความลุ่มลึกและความโปร่งเย้าในเวลาเดียวกัน

การเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงท้ายตอนนี้โทนต่างๆ ที่เป็นแกนหลักจะเริ่มเบาลงเรื่อยๆ ทั้งหมด รวมถึงตัวกำยาน Benzoin เองก็ด้วย เพราะ Musk และโทนแป้งจะเป็นตัวที่เด่นขึ้นมาเป็นสายเกลาให้เนื้อกลิ่นเริ่มมีความนุ่มนวลมากขึ้น โดยโทน Incense เองก็เหลือเพียงเบาๆ ที่เคล้ากับ Musk และแป้งไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนยาสูบและน้ำผึ้งจะเหลือเป็นความอะโรม่าติดหวานแห้งแบบกลางๆ ที่ให้กลิ่นแบบ On Top ก่อนที่จะมาเจอความนุ่มนวลแกมอบอุ่นละมุนกำลังดีของแป้งกึ่งวานิลลากึ่งยางไม้ที่มีความนวลสะอาด ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่มีความ Smooth ทางกลิ่นที่ให้ความนุ่มลึกแบบไม่ได้ลงสายดาร์กเกินไป ปิดท้ายด้วยความรู้สึกนุ่มนวลแกมเอิร์ธโทนที่หวานเย้าก็ได้ นุ่มนวลน่าเข้าหาก็ดี โดยที่เสน่ห์ยังมาชัดเจนไม่ล้มหายตายจากไปไหนแต่อย่างใด 

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ค่อนไปทางผู้ชายมากกว่าราวๆ 70% เพราะมีลักษณะแบบยาสูบ โทนค่อนไปทางวานิลลา และ Incense แต่เพราะว่ามีน้ำผึ้งมาเป็นอีกหนึ่งตัวหลัก เลยทำให้มีความ Unisex ที่เข้ากับผู้หญิงด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แบบให้ความมีเสน่ห์แบบไม่ดาร์กหรือลึกเกินไป เข้าถึงได้ง่ายในความหวานหอมแกมน่าค้นหาเนียนๆ รวมถึงยามค่ำคืนก็สามารถใช้งานได้สบายมาก ไม่ว่าจะโรแมนติค ท่องราตรี หรือว่าออกงาน แต่ที่ให้ข้ามไปได้เลยเพราะไม่เหมาะนักนั่นคือ ออกกำลังกายหรือว่ากิจกรรมลุยๆ กลางแจ้ง เดี๋ยวกลิ่นตีขึ้นจนมึนเอาได้

ความทน - ยังไงก็ 8 ชม. ขึ้นไปสบายมาก และไปต่อได้อีกถึง 15 ชม. ก็เจอมาแล้วกับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ เช่นนั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวผู้ใช้ด้วยว่าจะอยู่ที่พื้นฐานหรือไปต่อกันยาวๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น พอผ่านไปซัก 1 ชม. ถึงผ่อนลงมากระจายดี แล้วลดลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อแตะราวๆ ชั่วโมงที่ 5 ก็เริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวที่เสถียรกันไปเรื่อยๆ จะมีแตะ Skin Scent ก็เมื่อเลยไปซัก 10 ชม. ไปแล้ว

สรุป - สิ่งที่แตกต่างเลยจาก Tobacco Vanille นั่นคือ เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนสว่างกว่า ไม่ได้มีความดาร์กหรือลึกจนเซ็กซี่และความหวานก็ไม่ได้มากเท่า แต่ยังคงให้เสน่ห์ในเรื่องความเย้ายวนและดึงดูดที่เข้าลักษณะกลิ่นอายที่มักลงท้ายด้วยคำว่า Rouge ได้อย่างชัดเจนไม่หนีไปไหน ที่สำคัญคือ น้ำผึ้ง มีโดดเด่นจริงๆ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่มีเสน่ห์มากและไม่ธรรมดาในการสร้างออร่าน่าค้นหาและเซ็กซี่แบบไม่ต้องถอดเสื้อผ้าได้ครบเครื่อง แถมยังมีระดับในเนื้อกลิ่นอย่างงามๆ อีกด้วย

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://phaedonparis.com/en/shop/tabac-rouge/

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น