วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565

Review: Monsillage - Pays Dogon

Monsillage - Pays Dogon

Pays Dogon หรือจะเรียกว่า Dogon Country ก็ได้ เป็นหนึ่งในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศมาลีที่มีชนเผ่า Dogon ที่เชื่อกันว่าสืบเชื้อสายมาจากอียิปต์โบราณ อาศัยอยู่ในแถบนั้น ซึ่งมีวัฒนธรรมและประเพณีเป็นของตนเอง รวมถึงการแต่งกายที่จะมีหน้ากากสวมไว้เวลามีเทศกาลอะไรต่างๆ ซึ่งชาว Dogon เองถือเป็นผู้รับสืบทอดความรู้ทางด้านจักรวาลวิทยาและดาราศาสตร์มาตั้งแต่สมัยโบราณ

แล้วที่เกริ่นมาเนี่ย เกี่ยวอะไรกับน้ำหอม?

เกี่ยวเต็มๆ ตรงที่ทุกอย่างในการเป็นบรรยากาศของ Pays Dogon นั้นได้ถูกจับลงมาสู่ขวดกับการสร้างสรรค์ทางกลิ่นจากแบรนด์ Niche Perfume จากแคนาดาที่ค่อนไปทาง Indie Perfume อย่าง Monsillage โดยมีแรงบันดาลใจในการไปท่องเที่ยวที่มาลีและเข้าไปสู่ในพื้นที่ที่ชาว Dogon อาศัยอยู่ ทั้งสภาพแวดล้อม วิธีชีวิต ความเป็นธรรมชาติในแบบแถบแอฟริกา เลยถูกจับขมวดรวมเข้ามาเพื่อเป็นหนึ่งในความทรงจำที่จะมีกลิ่นเป็นตัวสื่อสาร และที่สำคัญกลิ่นนี้เป็นหนึ่งเดียวที่ได้รางวัล The Art & Olfaction Awards ประจำปี 2018 ในฝั่งของ After Award for Handmade Perfume เสียด้วย เช่นนั้น เมื่อมีการันตีดีขนาดนี้ ก็ต้องจัดมาลองให้รู้ ซึ่งผลที่ได้จากการใช้งานจะเป็นอย่างไรว่ากันตามนี้เลย

แก่นหลักของกลิ่นจะอยู่ที่หญ้าแฝกที่เป็นตัวเด่นสำคัญในการอยู่ตั้งแต่ต้นสู่ท้ายอย่างชัดเจน โดยจะให้อารมณ์แบบไม้แห้งๆ แกม Earthy ดินนิดๆ โดยไม่มีความ Smoky จัดจ้านหรือดาร์กดำดิ่งมาแย่งซีนแต่อย่างใด โดยกลิ่นเปิดจะให้อารมณ์ปร่าติดเขียวที่มีความเป็นกลิ่นแบบพืชผักชื้นๆ ที่วูบขึ้นมาแบบตีคู่กับกลิ่นไม้หอมแห้งๆ ที่มีความปร่าแกมเผ็ดเจือฝาดที่มาในสาย Spicy แกมกลิ่นกุหลาบปลายกลิ่นซึ่งน่าจะเป็นพริกไทยสีชมพู และขิงที่ให้ความปร่าฟุ้งหวานเผ็ดแกมสดชื่น แบบที่มีความ Contrast กันก็จริง แต่ดันสื่อสารได้ดีถึงกลิ่นอายสภาพแวดล้อมที่ออกแนวเหมือนอยู่ในจุดที่มีพืชผักและเครื่องเทศท่ามกลางบรรยากาศแห้งๆ อารมณ์จะตลาดก็ย่อมได้ หรือจะเป็นจุดพื้นที่สีเขียวที่มีอากาศแห้งๆ รอบๆ พร้อมกลิ่นปร่าของสภาพอากาศแห้งๆ ก็สามารถ เรียกว่าช่วงเปิดคนที่ชอบกลิ่นอายโทน Woody Spicy จะรู้สึก Happy ได้เลย เพราะเนื้อกลิ่นมีความสมดุลย์และสร้างบรรยากาศที่มีเสน่ห์ได้เลย และที่สำคัญได้ความรู้สึกเปิดตัวที่ให้อารมณ์แบบบรรยากาศที่ควรจะเป็นในสไตล์แบบแอฟริกาอีกด้วย

การผันตัวเข้าช่วงกลางแน่นอนว่าโทนไม้หอมแกมเครื่องเทศเผ็ดปร่าจะยังคุมโทนความเป็น Woody Spicy เช่นเดิม เพิ่มเติมคือมีความลดทอนความเข้มข้นชัดๆ จากตอนแรกลงมาหน่อยเลยให้ความสมูธติดปร่ารื่นจมูกมากขึ้น เพราะตัวเสริมอย่างโทน Spicy ของพริกไทยจะมาให้ความเผ็ดนวลอวลในเนื้อกลิ่นชัดเจนและดันให้กลิ่นไม้หอมแห้งๆ ของหญ้าแฝกมีความชัดเจนอยู่ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามานั่นคือกลิ่นอายติด Smoky เนียนๆ ที่นุ่มๆ ที่เข้ามาทำให้หญ้าแฝกมีมิติทางกลิ่นที่ครบมากขึ้นด้วย แต่มิติของกลิ่นไม่ได้มีแค่ความโดดเด่นที่โทนไม้หอมและเครื่องเทศโทนโปร่ง แต่ยังมีกลิ่นที่ติดออกทางดอกไม้อ่อนๆ จืดแกมหวานเบาๆ และมีความเขียวหน่อยๆ เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งน่าจะเป็นดอกชบาและกลิ่นติดผักหน่อยๆ ที่อยู่ในช่วงต้นที่เข้ามาเสริมด้วย เลยได้ความหวานแกมนวลเขียวปลายกลิ่นเบาๆ ที่มีเสน่ห์เคล้าคลอจมูกตลอด ซึ่งภาพรวมเนื้อกลิ่นจะให้พลังแบบแห้งๆ มีความปลอดโปร่งและมีเสน่ห์แบบไม่ต้องมีโทนอุ่นร้อนมาจากไหน ก็สร้างออร่าความเป็นโทนแห้งของบรรยากาศเคล้ากลิ่นไม้หอมได้ดีจริงๆ

ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงท้าย ความเป็นไม้หอมจะไม่ได้จบแค่นี้เพราะจะเริ่มมีพลังมากขึ้นตามลำดับจนได้กลิ่นไม้หอมที่มีมิติหลากหลายพอสมควร และจะเริ่มมีกลิ่นออกทางคล้ายหิน หรือทราย หรือแนวๆ แร่ธาตุเข้ามาเสริมทีละหน่อยด้วย ซึ่งเมื่อทุกอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัวก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่เป็นกลิ่นไม้หอมแห้งๆ ติดปร่าระเรื่อและจะมีมิติไม้หอมหลากหลายรวมกันเริ่มจากหญ้าแฝกที่ให้ความเป็นไม้หอมแห้งๆ มีความดินๆ สะอาดๆ ค่อนไปทางไม้ซีดาร์ ไม้ Guaiac ที่ให้อารมณ์ Smoky ติดหนังที่โดนเกลาจนนุ่มกำลังดี ไม้จันทน์หอมที่ให้ความครีมมี่นวลๆ รองพื้นกลิ่น โดยมีตัวเสริมสำคัญอย่างตัว Cypriol (คล้ายๆ หัวแห้วหมู) ที่ให้อารมณ์กึ่งอับไม้กึ่งดินแห้งๆ ที่มาเสริมความเป็นโทนไม้กึ่ง Spicy อวลๆ ให้กลิ่นมีพลังมากขึ้น โดยที่จะมีกลิ่นออกทางแร่ธาตุหินทรายประปรายแฝงอยู่ในเนื้อกลิ่นให้รู้สึกถึงสภาพบรรยากาศ แต่สิ่งที่สร้างเสน่ห์ให้กลิ่นชัดเจนมากที่ทำให้เนื้อกลิ่นไม่ได้ทื่อๆ อยู่แค่ความเป็นไม้หอมอย่างเดียวต้องยกให้พิมเสนเลย ที่ให้ความปร่าระเรื่ออยู่ตลอดเวลาในช่วงนี้ และเมื่อดมใกลๆ้ ก็จะติดและคงค้างในจมูกสร้างความเพลินเสียอีกด้วย ซึ่งถือเป็นการปิดท้ายในการเป็นโทนสร้างบรรยากาศกับความเป็น Woody Spicy ที่สมูธและมีความโปร่งรื่นรมย์ในทุกสเต็ปแบบที่ทำให้ประทับใจในทุกๆ ครั้งที่ใช้ได้ไม่ยาก

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะว่าเป็นกลิ่นอายโทนบรรยากาศที่ไม่ว่าเพศไหนก็จับต้องและเสริมออร่าตัวเองด้านกลิ่นส่วนบุคคลได้ไม่ยาก ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไปได้หมด แต่จะไม่ค่อยเข้าทางกับการใส่เพื่อออกกำลังกายเท่าไหร่นัก เพราะกลิ่นแม้จะโปร่งแต่ก็มีพลังในตัวที่ถ้าร่างกายทำความร้อนก็จะปล่อยรอบทิศเอาจนทำใหคนที่ไม่ชินอึดอัดเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้ทั้งออกงานและทั่วๆ ไป แต่ไม่เข้ากับการท่องราตรีที่เน้นปล่อยเสน่ห์ทางเพศแน่ๆ เพราะกลิ่นมาสายท่องเที่ยวและบรรยากาศจากสถานที่เสียมาก ไม่ได้มีความรู้สึกเซ็กซี่เท่าไหร่

ความทน - อันนี้ต้องยกให้เลย เพราะตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะมากในการสร้างสรรค์กลิ่นที่เป็นแนวบรรยากาศ แต่เอาเข้าจริงเจอไปที่ 15 ชม. ทุกครั้งที่ใช้งาน เช่นนั้นพื้นฐานยังไงก็แตะ 8 ชม. ได้สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมากระจายดีไปราว 2 ชม. ถึงลดลงมาเป็นปานกลางกันยาวๆ ราว 4 ชม. ถึงค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวพอแตะชั่วโมงที่ 10 เป็นต้นไปถึงเริ่มจะเข้าสู่การเป็น Skin Scent

สรุป - สิ่งที่รางวัลการันตีนั้นต้องบอกว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมดเลย เพราะว่ากลิ่นนี้ทำออกมาได้ดีมาก ไม่ความเป็นกลิ่นอายบรรยากาศที่เป็นลักษณะแบบแอฟริกันจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับใช้งานยาก และไม่ได้หนักข้นจนเกินไป ทุกอย่างคุมโทนความสมูธในเนื้อกลิ่นได้อย่างเหนือชั้นจริงๆ เรียกว่าเป็น Masterpiece เลยก็ย่อมได้

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://monsillage.com/products/pays-dogon

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น