วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

Review: Jo Malone - Poppy & Barley

Jo Malone - Poppy & Barley

การออก Limited Collection ในแต่ละปีของ Jo Malone โดยอิงตาม Concept ต่างๆ แบบมากันเป็นหมู่คณะ เปรียบเสมือนเป็นใบเบิกทางชั้นดีมาเสมอในการดูว่ากลิ่นไหนใน Collection นั้นๆ จะได้รับความนิยมและสามารถนำมาต่อยอดอยู่การเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Collection หลักของแบรนด์ในระยะยาวได้ ซึ่งก็มีการได้รับการอวยยศกันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอย่างน้อยก็ 1 รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดใน Collection นั้นๆ ก็จะได้รับการอัพเกรด หรืออาจจะไม่มีก็ได้

และในปี 2018 กับการออก Limited Collection อย่าง English Fields ของ Jo Malone ที่บางจำหน่ายรวมกันเป็นแกงค์ 5 รุ่น ก็มีหนึ่งในนั้นที่เรียกว่าเป็นดาวเด่นสุดๆ แบบที่ยังไงก็ไม่น่าพลาดที่จะได้รับการดันขึ้นมาเป็นหนึ่งในกลิ่นหลักที่วางจำหน่ายระยะยาว ซึ่งนั่นก็คือ Poppy & Barley เช่นนั้นกลิ่นนี้มีดีอย่างไร ถอดกลิ่นแล้วได้เรื่องแบบนี้เลย

เปิดต้นมาก็จะมีกลิ่นติดทึบหวานกึ่งผลไม้ที่มีมิติได้น่าสนใจมากถึง 3 โทนที่มาผสมผสานกัน อย่างแรกก่อนเลยคือ มะเดื่อฝรั่ง (Fig) ที่จะให้ความขมทึบเจือหวาน โดยมีกลิ่นติดเขียวกึ่งเปรี้ยวหอมอ่อนๆ ที่น่าจะมาจากใบแบล็คเคอร์แรนท์หรือ Cassis ที่จะมีความเขียวติดเปรี้ยวและมีกลิ่นค่อนไปทางผลไม้เล็กๆ และเขียวโปร่งแกมหวานของใบไวโอเล็ตที่ให้โทนออกทางแป้งโปร่งๆ เข้ามาร่วมด้วย ทำให้เนื้อกลิ่นมีความเป็นโทนติดทึบแต่มีลูกเล่นความหวานที่ค่อนไปทางโปร่ง ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างเนื้อกลิ่นช่วงต้นมีความเป็น Cologne สไตล์แป้งติดทึบมีความหวานซ่อนเขียวเรียบหรูมีเสน่ห์ โดยสามารเรียกเรตติ้งได้เลยในแรกดม ซึงต้องยอมให้เขาเพราะแบรนด์ทำกลิ่น Top Note ได้ดีมากมาเสมอ

ในการเข้าสู่ช่วงกลางตอนนี้ต้อยกให้โทนแป้งเลยที่จะเด่นขึ้นมาชัดเจนมาก เพราะไวโอเล็ตเป็นตัวชงที่ดี เสริมเข้ากับโทนแป้งค่อนไปทางแป้งฝุ่นในเนื้อกลิ่นโดยมีความหวานหอมดอกไม้และมีติดเขียวซึ่งเป็นลักษณะของดอก Poppy ที่จะมีลูกผสมกึ่งแป้งกึ่งเขียวและออกทางถั่วหน่อยๆ รองพื้น ซึ่งเป็นลักษณะของข้าวสาลีมารวมอยู่ด้วย กลิ่นเลยได้อารมณ์แป้งหอมโปร่งหวานที่มีมิติโทนทึบรองพื้น และ On Top ด้วยความโปร่งหวาน แน่นอนว่ากลิ่นโทนผลไม้ในช่วงต้นยังตามมาทั้งหมดด้วย เลยทำให้ได้อารมณ์แป้งหอมที่มีกลิ่นติดหวานโปร่งดอกไม้กึ่งผลไม้ที่กำลังดี และเมื่อดมใกล้ผิวจะเริ่มรู้สึกได้ด้วยว่ามีโทนไม้หอมครีมมี่รองพื้นอยู่เนียนๆ ซึ่งช่วงนี้ถือว่าทำเลเยอร์กลิ่นได้ดีคุมโทนการเป็นสไตล์แป้งหอมเรื่อๆ ที่มีพื้นฐานกลิ่นในการเป็น Cologne ที่ลงตัวมากจริงๆ   

การเชื่อมโยงไปยังช่วงท้าย กลิ่นข้าวสาลีกับแป้งหอมจะไปจับกับกลิ่นธัญพืชอย่างข้าวบาร์เลย์ที่มีอารมณ์แบบซีเรียลกึ่งข้าวโพด และมีกลิ่นคล้ายๆ แป้งขนมปังที่ติดหวานรวมอยู่ด้วย รวมกันเป็นกลิ่นอายแบบธัญพืชที่ติดแป้งหอมดอกไม้อ่อนๆ ตามด้วยกลิ่นไม้หอมที่ติดครีมมี่จืดหอมที่ค่อนข้างชัดมากขึ้นจนคาดเดาได้ว่าน่าจะมีกลิ่นที่ให้โทนแบบไม้จันทน์หอมและ White Musk ที่ให้ความนุ่มสะอาดติดหวานเรื่อๆ กึ่งผลไม้ ซึ่งทำให้ช่วงนี้อารมณ์กลิ่นจะมีความผ่อนคลายและให้ความรื่นรมย์แบบลูกผสมทั้งความเป็นแป้ง ธัญพืช ไม้หอม และ Musk โดยมีความหวานระเรื่ออ่อนๆ สร้างความเพลิดเพลินในการดมกันยาวๆ โดยไม่ทิ้งความเรียบหรูในสไตล์มินิมัลที่คุมโทน Cologne ได้ดีเสมอต้นเสมอปลายได้ดีแต่อย่างใด

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อยราวๆ 70% แต่ก็ไม่ได้สาวจ๋าจนเด่นอะไรขนาดนั้น เลยทำให้ผู้ชายใช้ได้สบายมากๆ ซึ่งกลิ่นเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ให้เว้นการใส่เพื่อออกกำลังกายจะดีที่สุด เพราะเนื้อกลิ่นมีโทนทึบอยู่ ถ้าตีขึ้นมทากๆ อาจจะอึดอัดเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานหรือชิลล์ๆ ได้สบายมาก และใส่แบบยามโรแมนติคก็เข้าทีมากๆ ด้วยเช่นกัน

ความทน - ต้องบอกเลยว่านี่เป็น 1 ใน กลิ่นของ Jo Malone ที่ทนมากเกินคาด เพราะสิ่งที่เจอคือ 12 ชม. กลิ่นยังอยู่ เช่นนั้นถ้ามองที่ค่ากลาง อย่างน้อยก็แตะ 8 ชม. ได้สบายๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีและสร้างความประบทับได้เลยในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางค่อนข้างเสถียรราวๆ 2 - 3 ชม. ถึงลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไป จนเมื่อแตะชั่วโมงที่ 8 ก็จะเริ่มเป็น Skin Scent ที่ยังตีขึ้นเวลาร่างกายขยับเนื้อตัว

สรุป - ไม่แปลกใจที่ได้รับความนิยมสูงมาก และเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ใส่แล้วได้คำชมแบบถ้วนหน้าจริงๆ เพราะให้กลิ่นหอมโปร่งหวานติดแป้งที่มีมิติลูกเล่นซ่อนอยู่ในความเป็นมินิมัล แบบที่ยังไงก็ผ่อนคลายและรื่นรมย์ เรียกว่าไม่ต้องเดาให้มากความว่านอกจากได้รับการอวยยศให้เป็นหนึ่งใน Line ปกติที่จะอยู่ยาวๆ แล้ว กลิ่นนี้ก็จะกลายเป็นกลิ่นยอดนิยมกันยาวๆ ในอนาคตด้วยเช่นกัน 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.sephora.com/product/poppy-barley-cologne-P448108

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น