วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Review: Amouage – Fate Woman

Amouage – Fate Woman

Fate แปลว่าโชคชะตา ซึ่งก็ได้มาบรรจบเป็นตัวที่ 5 ของการรีวิวน้ำหอมแบบซีรีย์ของ Amouage ซึ่งเรียกว่าเป็นน้ำหอมที่เป็นตัวปล่อยของกันเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ขวด” ที่งามงดมากในการเล่นสีแบบหอยมุกที่เป็นเหลือบสีสวยงามมากมาย เช่นนั้น ก็ได้เวลาของการสื่อสารว่าโชคชะตาของฝ่ายหญิงจากแบรนด์นี้จะเป็นอย่างไร

Fate Woman ให้ความรู้สึกแบ่ง 3 โทนเด่นตามแต่ละช่วงชัดเจน แล้วจะสลับสับเปลี่ยนกันเป็นสายสนับสนุนและสายตัวเอกได้ลงตัวเลยทีเดียว โดยจะเริ่มจากความเป็น Oriental Spicy หรือมาในลักษณะเครื่องเทศโทนหวานอุ่นติดเผ็ดเด่นก่อนใน Top Notes กับกลิ่นของอบเชยนี่จะเด่นเป็นสง่าพุ่งขึ้นมาเลย แต่ช่วงนี้ไม่ได้มาสายอวลปนหวานเย้าอย่างเดียว เพราะจะมีพริกไทยกับพริกแดงมาให้ความเผ็ดโปร่งสว่าง และซิตรัสจางๆ ให้พอรู้สึกได้ว่ามีการแบ่งภาคระหว่างความสดชื่นกับความหวานอวล ที่แอบจับได้ว่ามีกลิ่นออกแนวควันไอ Smoky ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ ซึ่งกลิ่นอายในช่วงต้นจะกลายเป็นทิศทางหลักเลยที่จะอยู่แบบยาวไปสลับเป็นสายสนับสนุนที่ยังมีตัวตนให้จับต้องได้ จนเมื่อ Middle Notes มาเยือนกลิ่นจึงเริ่มมีความเป็นโทนดอกไม้เสริมเข้ามาให้มีความนวลในกลิ่นมากขึ้น ซึ่งจะตีคู่กับความเป็น Oriental ในตอนแรก กลิ่นของดอกนาร์ซิซัสที่ออกทางขื่นหน่วงปนหวานจะเริ่มเป็นตัวเอก โดยดึงกุหลาบมาด้วยทำให้เกิดความนวลติดโทนแป้งเสริมเข้ามาให้ความเด่นของกลิ่นเป็นลักษณะ Floral ที่มีความหรูหรา จนเมื่อเริ่มมีกลิ่นอายของโทนธูปหอมแทรกมาเรื่อยๆ ก็จะเสริมความเป็นโทน Smoky กันชัดเจนไม่มาแบบหลบๆ ซ่อนๆ แล้ว ทำให่วงนี้กลายเป็นการคาบเกี่ยวกันระหว่างดอกไม้ เครื่องเทศหวานอุ่น และ Smoky ซึ่งกลิ่นจะอยู่ระหว่างความอุ่นติดน่าค้นหามีระดับมากเลยทีเดียว จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้าย กลิ่นอายเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เพราะจะมีกลิ่นอายติด Old School เข้ามา จากกลิ่นโทนหนังเคล้า Musk ที่มาแบบติด Animalic เป็นตัวรองพื้น เคล้าความอบอุ่นของแอมเบอร์และวานิลลา ซึ่งจะมี Oak Moss กับพิมเสนมาเป็นตัวทำให้ความเป็น Chypre เด่นชัดจนเป็นตัวเอกในช่วงนี้ กลิ่นจะให้ความรู้สึกมีระดับเคล้ากับความเป็นเครื่องเทศและโทนดอกไม้ที่ลงมาเป็นสายเสริมแรงให้กลิ่นมีความหวานนวลออกโทนอบอุ่นแสงสีเหลืองทองนวลตาไปตลอด ได้อารมณ์แบบสาวสูงศักดิ์แต่งกายหรูหรามีระดับและมีออร่าความสง่างามที่ดึงดูดให้ต้องหันไปมองจนได้นั่นเอง

เหมาะสำหรับ ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นมีความหรูหราเป็นที่ตั้งก็จริง แต่ไม่ได้มีลักษณะที่เข้าถึงได้ง่ายมากนัก อย่างน้อยต้องผ่านน้ำหอมมาในระดับหนึ่ง ยิ่งถ้าผ่านกลิ่นอายแบบติด Classic มาบ้างจะเข้าถึงตัวนี้ได้ง่ายมากขึ้นเลย ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แบบที่เน้นความหรูหราติดภูมิฐานเป็นสำคัญ ให้งดการใส่เพื่อออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้งทุกประการไม่งั้นตีขึ้นจนแน่นตึ้บเวียนหัวเอาได้ ส่วนยามค่ำคืนเหมาะมากกับการใส่ออกงานหรูต่างๆ เพื่อเสริมสร้างออร่าความสง่าและภูมิฐาน แต่จะไม่เหมาะกับการไปเต้นกล้วยตานีปลายหวีเหี่ยวเด้งก้นนัก เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายลั่นล้าก๋ากั่นแต่ประการใด

ความทน เรียกตัวแม่เลยได้ไหม คือ ทนมาก อยู่ระหว่าง 12 - 15 ชม. ได้เลย ซึ่งอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น และลดลงมากระจายดีในช่วงกลางแบบยาวไป ก่อนจะกระจายปานกลางในช่วงท้าย เมื่อพ้นซักประมาณ 10 ชม. ไปแล้วจะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัว

ทิ้งท้าย กลิ่นจัดเต็มมากในความรู้สึกแบบหรูหรา สูงศักดิ์ และมีออร่าแผ่ออกมา ซึ่งตรงกับลักษณะของขวดมากที่มีแสงลักษณะแผ่เป็นเหลื่อมสีสวยงามออกมาจากโลโก้ของแบรนด์เลย ยกนิ้วให้จริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น