วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560

Review: Diptyque - L'Eau

Diptyque - L'Eau 

กลับมาสู่ความอะโรม่ากันอีกครั้งกับแบรนด์ Diptyque กับการมาเจอกลิ่นอายแบบถุงหอมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 16 ซึ่งจะเป็นการผสมผสานระหว่างดอกไม้แห้งกับเครื่องเทศเข้าด้วยกัน ซึ่งแบรนด์ได้รับแรงบันดาลใจในการจัดเต็มน้ำหอมรุ่นนี้มาตั้งแต่ปี 1968 แต่ก็ยังเหนือกาลเวลาได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันนี้ เช่นนั้นมีโอกาสต้องได้ลองว่าจะออกมาเป็นยังไงบ้างกับรุ่นนี้เลย L'Eau 

เปิดตัว Top Notes กันเต็มๆ ด้วยกลิ่นอายแบบเผ็ดปร่าและมีความโปร่งของกานพลูที่เปรียบเสมือนเป็นกลิ่นใจกลางหลักของน้ำหอมตัวนี้อยู่อย่างยาวนานไปจนถึงช่วงท้ายให้ความอะโรม่าโปร่งจมูกมาเลย เพราะไม่หนักหน่วงเกินไป โดยที่จะดึงเอาความหอมแบบเครื่องเทศโทนอบอุ่นอย่างอบเชยมาแจมด้วย ตามด้วยมีความเป็นกุหลาบที่มาแบบแห้งแต่มาเบาๆ ให้กลิ่นมีมิติความเป็นถุงหอมได้ชัดเจนผสมผสานที่ลงตัวทั้งปร่าสดชื่นและอบอุ่นนำตามด้วยนวลดอกไม้เจือ ซึ่งพอเข้า Middle Notes ความเป็นถุงหอมที่ดอกไม้จะตีคู่มากับความเป็นเครื่องเทศจะเริ่มเด่นมาตีคู่มาเท่าเทียมกัน โดยที่กลิ่นกุหลาบจะยังคงอยู่แต่มีความสดชื่นจากความเป็นดอกเจอราเนียมที่เป็นกลิ่นนวลกุหลาบแบบติดเลมอนมาเข้ามาเสริมทำให้ความเป็นดอกไม้แห้งๆ ชัดขึ้นท่ามกลางความเป็นเครื่องเทศสดชื่นติดอบอุ่น กลิ่นจะมีความผ่อนคลาย ความสบายแต่มีความเรียบหรูอยู่ในทีและมีความอะโรม่าเจือตลอด ผ่านไปซักระยะกลิ่นจะมีความเป็นไม้หอมอ่อนๆ เข้ามาเจือแทรกไปเรื่อยๆ จนเมื่อถึง Base Notes จะจับได้ถึงกลิ่นไม้จันทน์หอมที่จะมาแบบอ่อนๆ เจือเข้ากับกลิ่นถุงดอกไม้เครื่องเทศแห้งให้นวลสะอาดสบายจมูกมากขึ้น โดยยังคงความผ่อนคลาย สบาย สะอาด และอะโรม่าโปร่งจมูกไปเรื่อยๆ แบบที่ทำให้รู้สึกได้ว่ากลิ่นนี้แม้จะผลิตมานานแล้วและอิงความเป็นถุงหอมดอกไม้เครื่องเทศแบบย้อนยุค แต่กลิ่นไม่ได้มีความ Old School แต่อย่างใด เพราะความอะโรม่ามันแตะได้ทุกยุคทุกสมัยนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศเลย กลิ่นมาสายกลาง Unisex ชัดเจน กลิ่นเข้าถึงได้ง่าย แต่มีมิติและความอะโรม่าเป็นที่ตั้งเลยไม่ได้มาแบบ Mainstream เหมือนน้ำหอมที่จะได้กลิ่นจากผู้อื่นเป็นประจำมากนัก โดยสามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเรียกว่ากวาดได้หมด เพียงแต่ถ้าจะออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนก็สามารถใส่ได้แบบเน้นผ่อนคลายสบายใจ อยู่กับครอบครัวหรือคนรักชิลล์ๆ เดินเล่นอะไรก็ว่าไป แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีคงต้องอัดสเปรย์กันหน่อยเพราะกลิ่นไม่ได้มาสายหวานเย้าอะไร การสู้คนอื่นอาจจะยากนิดนึง 

ความทน - ประมาณ 6 - 8 ชม. อาจจะมากกว่านั้นอิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แล้วลดลงมากระจายปานกลางลากไปเรื่อยให้ความอะโรม่า ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - เอาจริงๆ ตอนแรกนึกว่าน้ำหอมรุ่นนี้จะมาโทนสดชื่น เพราะคำว่า L'Eau แปลว่า "น้ำ" ในความเข้าใจแบบตามตัวอักษร แต่สิ่งที่ได้จากน้ำหอมรุ่นนี้ดันมีมากกว่านั้นกลายเป็นกลิ่นถุงหอมเครื่องเทศเจือดอกไม้ชื่นใจซะงั้น เพียงแต่ต้องยอมใจให้เขาไป เพราะกลิ่นนี้ไม่แก่ ไม่หนักหน่วง และมีเสน่ห์แบบเครื่องหอมได้ดี สมกับที่ได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Credit ภาพ -
http://www.diptyqueparis.com/media/catalog/product/cache/1/image/523x768/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/e/a/eau100v1.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น