Lush
– Death and Decay
ต้องเรียกว่าขอบคุณผู้เปิดโลกทัศน์เลยก็ว่าได้
เพราะเดิมทีรู้จัก Lush
นี้เพียงผ่านๆ
แบบไม่ได้สนใจหรือใส่ใจอะไรนักจากการเป็นแบรนด์เครื่องสำอางจาก UK พอได้รู้ว่าแบรนด์นี้เขาน้ำหอมที่เรียกว่าขนความแนวมาประชันกันอย่างสุดๆ
จากการบอกเล่าและได้มีโอกาสได้ลองเท่านั้นแหละ
ต้องมาบอกเล่ากันเลยถึงหนึ่งในรุ่นที่มีความแนวเฉพาะแบบที่คาดไม่ถึงเลยนั่นคือ Death
and Decay
เพียงแค่ความหมายของชื่อรุ่น
ก็เรียกว่าให้เตรียมพร้อมกันเลยว่าเราต้องเจอกลิ่นอายในรูปแบบที่ต้องเสื่อสารถึงคำว่า
Death
and Decay เป็นแน่แท้ และก็ใช่เลย เพราะเปิดต้นกลิ่นมาด้วยความเป็นลิลลี่ที่บ่งบอกถึงความเป็นงานศพแบบคริสต์อย่างชัดเจน
ขนมาเต็มมากแบบลิลลี่สีขาวทั้งช่อดอกไม้ที่รายล้อมและที่วางข้างในโลงศพเต็มไปหมดเคียงข้างคนที่นอนทอดกายอยู่
กลิ่นจะมีโทนติดเครื่องเทศโทนหวานติดสดชื่นจางๆ รองพื้นอยู่ก็จริง
แต่มีความหม่นหมองชัดเจน
ราวกับเรานั่งอยู่ด้านหน้าโลงศพของคนที่เป็นที่รักกับกลิ่นเต็มตื้นไปหมดด้วยกลิ่นอายของดอกไม้ขาวหม่นที่จะกระตุ้นความรู้สึกเศร้าสร้อยจนฟูมฟายได้ไม่ยาก
และกลิ่นแบบนี้จะอยู่ตั้งแต่ต้นยันจบเป็นศูนย์กลางของกลิ่นเลยทีเดียว
โดยเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นอายของดอกไม้โทนขาวอื่นๆ
จะเสริมเข้ามาพร้อมกับกลิ่นโทนเครื่องเทศจางๆ มีกลิ่นของดอกกระดังงานวลๆ
เสริมเข้ามาด้วย ซึ่งยังคงชูความเป็นกลิ่นอายที่หวานหม่นเศร้าไปตลอด และมีความครีมมี่ติดสบู่นุ่มจมูกมากขึ้นด้วยโดยไม่ได้แน่นลิลลี่จัดเต็มแบบตอนแรก
จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายกลิ่นจะเริ่มผันเป็นโทนแป้งหอมลิลลี่ที่ยังคุมโทนความหม่นหมองโดยยังมีกลิ่นอายหวานนวลจากเครื่องเทศเบาๆ
กลิ่นยังคงเป็นแป้งหอมครีมมี่ดอกไม้นวลๆ หม่นเศร้าไปตลอดเช่นเดิม
ภาพรวมเลยกลายเป็นลักษณะเหมือนไล่เรียงความรู้สึกเต็มแน่นด้วยความเศร้าและฟูมฟายกับกลิ่นที่บอกถึงคำว่า
Death อย่างเต็มตื้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเริ่มยอมรับถึงความเป็นไปกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้กับคำว่า
Decay ที่จะเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาเมื่อคืนสู่พื้นแผ่นดินตามกลิ่นที่ค่อยๆ
ผันแปรไป จนปิดท้ายด้วยความหม่นเศร้านวลๆ บางๆ
ของความอาลัยที่ยังคงเหลืออยู่ประทับไว้ในความทรงจำยามที่นึกถึง
เหมาะสำหรับ
– กลิ่นนี้ลงเอาไว้ว่า Unisex แต่เอาเข้าจริงกลิ่นลิลลี่มันจะบอกถึงความเป็นผู้หญิงมากกว่าประมาณ
70% ได้ แต่ผู้ชายก็ใช้ได้ไม่ขัดเขิน
ซึ่งกลิ่นนี้ค่อนข้างเหมาะกับบางสถานการณ์ยามกลางวัน แน่นอนเหมาะกับงานศพชัดเจนมาก
ซึ่งถ้าคนที่ไม่คุ้นเคยกับงานศพแบบคริสต์อาจจะไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าคิดลิลลี่แน่นๆ
ติดสบู่และโทนแป้งหอมหม่นๆ ซึ่งจะทำให้ใส่ในยามทางการได้บ้างแบบจำกัดสเปรย์
เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกหม่นหมองจนเกินไป และใส่ยามทั่วๆ
ไปให้เกิดความรู้สึกนิ่งสงบและปลงได้อยู่ งดใส่ออกกำลังกายเพราะไม่เข้าทาง
รวมถึงใส่เพื่อไปเที่ยวหาเหยื่อ เพราะกลิ่นมันมาทางหม่น
เกรงว่าจะทำให้ไม่มีอารมณ์ร่วมกับสถานการณ์ยามท่องราตรีเสียเปล่าๆ
ความทน
– กลิ่นทนน่าดูชมเลยทีเดียวที่ประมาณ 8 ชม.
และมากกว่านั้นได้ถ้าจำนวนสเปรย์ลงตัว ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 12 ชม.
กลิ่นยังเศร้าสร้อยอ้อยอิ่งให้รับรู้อยู่
การกระจาย
– กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น มาเต็มเลยกับลิลลี่หม่นๆ แน่นๆ
ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลาง และผันไปเป็นออร่ารอบๆ
ตัวในช่วงท้ายก่อนจะจางไปตามกาลเวลา
ทิ้งท้าย
– ถ้า L’Artisan Parfumeur - Passage d’Enfer บอกถึงการที่เราเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานศพที่ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกเศร้าสร้อยและปลงตก
Death and Decay จะบอกถึงเราคือหนึ่งในผู้ใกล้ชิดของคนที่จากไปและสะเทือนใจในอารมณ์กว่ากับทุกๆ
ช่วงก่อนที่จะส่งให้ผู้ล่วงลับสู่ผืนดิน ชัดเจนกันตรงนี่ ซึ่งกลิ่นแบบนี้ทำให้คน Alert
อย่างผม เย็นลงและนิ่งงันลงได้มากเลยทีเดียว
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น