วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Review: Lush – Death and Decay

Lush – Death and Decay

ต้องเรียกว่าขอบคุณผู้เปิดโลกทัศน์เลยก็ว่าได้ เพราะเดิมทีรู้จัก Lush นี้เพียงผ่านๆ แบบไม่ได้สนใจหรือใส่ใจอะไรนักจากการเป็นแบรนด์เครื่องสำอางจาก UK พอได้รู้ว่าแบรนด์นี้เขาน้ำหอมที่เรียกว่าขนความแนวมาประชันกันอย่างสุดๆ จากการบอกเล่าและได้มีโอกาสได้ลองเท่านั้นแหละ ต้องมาบอกเล่ากันเลยถึงหนึ่งในรุ่นที่มีความแนวเฉพาะแบบที่คาดไม่ถึงเลยนั่นคือ Death and Decay

เพียงแค่ความหมายของชื่อรุ่น ก็เรียกว่าให้เตรียมพร้อมกันเลยว่าเราต้องเจอกลิ่นอายในรูปแบบที่ต้องเสื่อสารถึงคำว่า Death and Decay เป็นแน่แท้ และก็ใช่เลย เพราะเปิดต้นกลิ่นมาด้วยความเป็นลิลลี่ที่บ่งบอกถึงความเป็นงานศพแบบคริสต์อย่างชัดเจน ขนมาเต็มมากแบบลิลลี่สีขาวทั้งช่อดอกไม้ที่รายล้อมและที่วางข้างในโลงศพเต็มไปหมดเคียงข้างคนที่นอนทอดกายอยู่ กลิ่นจะมีโทนติดเครื่องเทศโทนหวานติดสดชื่นจางๆ รองพื้นอยู่ก็จริง แต่มีความหม่นหมองชัดเจน ราวกับเรานั่งอยู่ด้านหน้าโลงศพของคนที่เป็นที่รักกับกลิ่นเต็มตื้นไปหมดด้วยกลิ่นอายของดอกไม้ขาวหม่นที่จะกระตุ้นความรู้สึกเศร้าสร้อยจนฟูมฟายได้ไม่ยาก และกลิ่นแบบนี้จะอยู่ตั้งแต่ต้นยันจบเป็นศูนย์กลางของกลิ่นเลยทีเดียว โดยเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นอายของดอกไม้โทนขาวอื่นๆ จะเสริมเข้ามาพร้อมกับกลิ่นโทนเครื่องเทศจางๆ มีกลิ่นของดอกกระดังงานวลๆ เสริมเข้ามาด้วย ซึ่งยังคงชูความเป็นกลิ่นอายที่หวานหม่นเศร้าไปตลอด และมีความครีมมี่ติดสบู่นุ่มจมูกมากขึ้นด้วยโดยไม่ได้แน่นลิลลี่จัดเต็มแบบตอนแรก จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายกลิ่นจะเริ่มผันเป็นโทนแป้งหอมลิลลี่ที่ยังคุมโทนความหม่นหมองโดยยังมีกลิ่นอายหวานนวลจากเครื่องเทศเบาๆ กลิ่นยังคงเป็นแป้งหอมครีมมี่ดอกไม้นวลๆ หม่นเศร้าไปตลอดเช่นเดิม ภาพรวมเลยกลายเป็นลักษณะเหมือนไล่เรียงความรู้สึกเต็มแน่นด้วยความเศร้าและฟูมฟายกับกลิ่นที่บอกถึงคำว่า Death อย่างเต็มตื้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเริ่มยอมรับถึงความเป็นไปกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้กับคำว่า Decay ที่จะเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาเมื่อคืนสู่พื้นแผ่นดินตามกลิ่นที่ค่อยๆ ผันแปรไป จนปิดท้ายด้วยความหม่นเศร้านวลๆ บางๆ ของความอาลัยที่ยังคงเหลืออยู่ประทับไว้ในความทรงจำยามที่นึกถึง

เหมาะสำหรับ กลิ่นนี้ลงเอาไว้ว่า Unisex แต่เอาเข้าจริงกลิ่นลิลลี่มันจะบอกถึงความเป็นผู้หญิงมากกว่าประมาณ 70% ได้ แต่ผู้ชายก็ใช้ได้ไม่ขัดเขิน ซึ่งกลิ่นนี้ค่อนข้างเหมาะกับบางสถานการณ์ยามกลางวัน แน่นอนเหมาะกับงานศพชัดเจนมาก ซึ่งถ้าคนที่ไม่คุ้นเคยกับงานศพแบบคริสต์อาจจะไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าคิดลิลลี่แน่นๆ ติดสบู่และโทนแป้งหอมหม่นๆ ซึ่งจะทำให้ใส่ในยามทางการได้บ้างแบบจำกัดสเปรย์ เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกหม่นหมองจนเกินไป และใส่ยามทั่วๆ ไปให้เกิดความรู้สึกนิ่งสงบและปลงได้อยู่ งดใส่ออกกำลังกายเพราะไม่เข้าทาง รวมถึงใส่เพื่อไปเที่ยวหาเหยื่อ เพราะกลิ่นมันมาทางหม่น เกรงว่าจะทำให้ไม่มีอารมณ์ร่วมกับสถานการณ์ยามท่องราตรีเสียเปล่าๆ

ความทน กลิ่นทนน่าดูชมเลยทีเดียวที่ประมาณ 8 ชม. และมากกว่านั้นได้ถ้าจำนวนสเปรย์ลงตัว ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. กลิ่นยังเศร้าสร้อยอ้อยอิ่งให้รับรู้อยู่

การกระจาย กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น มาเต็มเลยกับลิลลี่หม่นๆ แน่นๆ ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลาง และผันไปเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายก่อนจะจางไปตามกาลเวลา

ทิ้งท้าย ถ้า L’Artisan Parfumeur - Passage d’Enfer บอกถึงการที่เราเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานศพที่ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกเศร้าสร้อยและปลงตก Death and Decay จะบอกถึงเราคือหนึ่งในผู้ใกล้ชิดของคนที่จากไปและสะเทือนใจในอารมณ์กว่ากับทุกๆ ช่วงก่อนที่จะส่งให้ผู้ล่วงลับสู่ผืนดิน ชัดเจนกันตรงนี่ ซึ่งกลิ่นแบบนี้ทำให้คน Alert อย่างผม เย็นลงและนิ่งงันลงได้มากเลยทีเดียว  

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ถ้าผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ รบกวนติดต่อเพื่อขอเป็นลายลักษณ์อักษรและผมต้องอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น