Thierry Mugler - A*Men Les Parfums de Cuir (Pure Leather)
เป็นหนึ่งใน Flanker ในไลน์ที่แสนจะเป็นตำนานและโด่งดังอย่างแรงของแบรนด์ Thierry Mugler ซึ่งแน่นอนว่าต้นตระกูลของไลน์นี้อย่าง A*Men มันมาเต็มสุดๆ ในเรื่องความเย้ายวน จนบางคนอาจจะเรียกได้เลยว่ามันคือ “Sex in the Bottle” ซึ่งพอออกลูกออกหลานกันมาจนถึงรุ่นนี้ มีหรือที่ผมจะพลาด เช่นนั้น มาทำความรู้จักกันหน่อยกับ A*Men Les Parfums de Cuir หรือเรียกสั้นๆ ว่า A*Men Pure Leather กันครับ
ถ้า A*Men คือ Sex in the Bottle สำหรับ Pure Leather ขอเรียกมันว่า “Sex in the Leather Tent of Red Indians” เพราะกลิ่นเปิดแบบว่าขนกันมาเลยดีกว่ากับหนังทั้งโรงฟอก กลิ่นจะมาแบบ Animalic ที่ติดสาปหนังกันเต็มๆ มาแบบไม่มีกั๊ก โดยจะมีกลิ่นของช่วงต้นแบบ A*Men ปกติที่จะมีโทนผลไม้ ลาเวนเดอร์ และเครื่องเทศติดเขียวสดชื่นเป็นตัวรองพื้นดันให้กลิ่นหนังจัดเต็มเลยทีเดียว ถ้าเปรียบจริงๆ ก็จะเหมือนกันหนุ่มอินเดียนแดงร่างล่ำกำยำและทุกอย่างแน่นมากนั่งอยู่ในกระโจมหนังที่พึ่งสร้างใหม่แบบทั้งหลัง สวมคลุมผืนหนัง นุ่งแผ่นหนังตัวสั้น (อะไรจะโผล่แล่บไหม อันนี้ไม่รู้) รวมถึงรองเท้าหนัง นั่งรอเจ้าสาวที่พึ่งแต่งงานด้วยเข้ามาในกระโจมเพื่อปรนนิบัติ แบบใช่เลย กลิ่นจะแมนหนังสาปเร้าทุกอย่างมาหมดจริงๆ
จนเมื่อเข้าช่วงกลาง แน่นอน Pure Leather นี่จ้ะ หนังคงอยู่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่จะลดระดับจากกลิ่นสาปที่มาเต็มแบบตอนแรกลงมาเป็นกลางๆ ไม่หนักหน่วง เพราะจะมีโทนเอกและเด่นแบบ A*Men ปกติแทรกขึ้นมาจนเด่นตีคู่ไปด้วยนั่นคือ คาราเมลและน้ำผึ้ง กลิ่นจะผสานกันแบบมีชั้นเชิงที่ยังคงความเป็นสาปปลุกเร้าแบบ Animalic ติดหวานอยู่ โดยจะมีกลิ่นนมนุ่มๆ เข้ามากลั้ว และมีพิมเสนลอยอ้อยอิ่งยั่วเย้าไปตลอด ซึ่งเปรียบออกมาเหมือนเจ้าสาวเดินเข้ากระโจมมาพร้อมของกินที่เตรียมปรนนิบัติที่มีทั้งน้ำผึ้ง น้ำตาลคาราเมล ผลไม้ และนมสด ผสานกลิ่นหอมกรุ่นจากตัวเจ้าสาวที่เป็นกลิ่นนุ่มเย้าปลุกใจเสือป่าให้อยากทะนุถนอม ตัดกับกลิ่นหนังและสาปผู้ชายแมนแน่นๆ ผสมผสานในช่วงปรนนิบัติพัดวีก่อนจัดเต็มนั่นเอง
เมื่อถึงคราวปิดท้าย แน่นอนว่ากลิ่นหนังยังคงมีอยู่ ซึ่งจะลดระดับลงมากลายเป็นกลิ่นหนังนุ่มๆ มีกลิ่นสาปปลุกเร้าบางๆ ให้รู้สึกได้แทน เพราะกลิ่นโทนหลักของ A*Men จะขึ้นมาเด่นเต็มที่ กับกลิ่นโทนหวานเย้ายวนทุกช่วงตัว โดยมีกลิ่นโทนขมสะอาดของกาแฟเป็นตัวชูโรงตีคู่กับกลิ่นของพิมเสนเย้าอ้อยอิ่ง รองพื้นด้วยกลิ่นโทนหวานเซ็กซี่ของกำยาน ครีมมี่ของถั่วตองก้า อบอุ่นจัดเต็มของวานิลลา มีโทน Smoky แบบประปรายให้รู้สึกได้ มันคือ A*Men ที่กลั้วความเป็นหนังอย่างชัดเจนก็ในช่วงนี้แหละครับ ถ้าเปรียบสถานการณ์มันคือ ช่วงจัดเต็มจนเสร็จสิ้นภารกิจเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์มนุษยชาติ เพราะกลิ่นหนังที่นุ่มขึ้น คือ การปลดเปลื้องสิ่งที่คลุมตัวอยู่ อาหารที่กินเข้าไปซึมเข้ากระแสเลือดผสานเป็นกลิ่นกลายเคล้าเหงื่อแบบหวานยั่วสุดฤทธิ์ จัดเป็นจังหวะจะโคนนุ่มบ้างแรงบ้าง กลิ่นกายผสานคู่ เคล้ากลิ่นอายควันไฟกลั้วควันกำยานที่ลอยอ้อยอิ่งบางๆ เข้ามาในกระโจม กระตุ้นเย้ามันให้หนำใจไปข้าง จนจัดไม่หยุดหย่อนนั่นเอง
เอ๊ะ! ผมรู้สึกเหมือนเขียนนิยายอีโรติคมากกว่า Review น้ำหอมอย่างบอกไม่ถูกนะครับ 5555555
เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปครับ ซึ่งกลิ่นนี้บอกเลยว่าไม่ได้ใช้กันง่ายๆ เลยนะครับ กลิ่นไม่ได้เข้าถึงง่ายแต่อย่างใด ต้องผ่านน้ำหอมมาพอสมควรไม่พอ ยังต้องผ่านกลิ่นโทนหนังในน้ำหอมมาพอสมควรถึงจะรับกลิ่นนี้ได้ ถ้าใครใช้แต่โทนสดชื่นทั่วไปมาเจอตัวนี้ หงายเมื่อแรกฉีดกันได้เลยทีเดียว ซึ่งสามารถใช้ได้ในบางสถานการณ์ยามกลางวัน ถ้าเป็นทางการให้จัดจำนวนสเปรย์น้อยๆ หน่อยจะดีที่สุด เพราะจะไม่หนักหน่วงและให้โทนแมนอบอุ่นติดหวานกำลังดี แต่ถ้าไม่ทางการจะเพิ่มสเปรย์ก็ได้ แต่ไม่ควรมากกับอากาศบ้านเรา เพราะกลิ่นมันหนักและแรงพอสมควร ส่วนยามค่ำคืน จัดพอดีๆ กลิ่นจะเซ็กซี่เย้ายวนแบบแมนจัดปลุกเร้าให้ขมิบน้ำเดินกันได้ แต่ถ้าอัดเยอะ คาดว่าจะฆ่าทั้งผับก่อนจะได้กลับบ้านครับ
ความทน – มากกกกกกกกกที่สุด! คือ 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้น เช่นนั้น หายห่วงครับเรื่องนี้
การกระจาย – กลิ่นกระจายแรงมากในช่วงต้น ลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ จนกลางๆ ช่วงท้ายจะกระจายกลางๆ จนถึงการเป็นออร่ารอบตัวยั่วเข้าไปไม่เลิก
ทิ้งท้าย – ตอนผมใช้ตัวนี้ในช่วง Top และ Middle บอกเลยว่า Feedback จากคนรอบข้างทั้งคนในบ้านและนอกบ้านอาจจะไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ เพราะฮัดเช่ย! ทุกคนที่เดินผ่าน 555555 ที่สำคัญอากาศมันร้อนจัดด้วย จัดเพียง 3 สเปรย์ก็เอาตายรอบทิศแล้ว แต่พอ Base ถึงกลิ่นละมุนได้เซ็กซี่จริงๆ ซึ่งส่วนตัวชอบในช่วงนี้มากเลยครับ