วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

Review: Roberto Cavalli UOMO

Roberto Cavalli UOMO

จากคำชื่นชมจากบรรดากูรูน้ำหอมเมืองนอกต่างๆ กับการเป็นหนึ่งในน้ำหอมชายเรือธงใหม่ของแบรนด์ Roberto Cavalli ที่วางจำหน่ายในปี 2016 ที่นอกจากจะต่อยอดในการเป็นน้ำหอมชายที่ได้รับความนิยมของแบรนด์แล้ว เนื้อกลิ่นก็ไม่ธรรมดาในการให้ความเป็นน้ำหอมชายที่มีคุณภาพสูง จนทุกวันนี้ได้มีการต่อยอดลูกหลานออกมาอย่างต่อเนื่อง และนั่นก็คือ Roberto Cavalli UOMO

ที่มาที่ไปในการเป็นน้ำหอมชายทิศทางใหม่ของแบรนด์ ก็เป็นการเอากลิ่นอายน่าค้นหา มั่นใจ และมีความดึงดูดเย้ายวนตามธรรมชาติที่เสริมคาแรคเตอร์ผู้ใช้มาเป็นตัวตั้ง ซึ่งถ้ารับรู้แค่นี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับน้ำหอมสาย Designer Brand ต่างๆ ที่เอา Concept แนวๆ นี้มาเป็นตัวตั้งอยู่แล้ว และเผลอๆ อาจจะทำให้คิดไปได้ด้วยเลยว่า น่าจะเหมือนน้ำหอมชายสายอวลปล่อยของแบบที่เป็นความนิยม แต่พอได้ลองจริงๆ สิ่งที่ได้คือ

Roberto Cavalli UOMO เปิดตัวด้วยกลิ่นอายคิดแป้งหวานที่มีความกึ่งชื่นอ่อนๆ กึ่งเขียวอมหวานโปร่งๆ ที่เป็นพื้นฐานของโทนกลิ่นดอกไวโอเล็ต แต่ก็มีความทึบแป้งค่อนไปทางดาร์กที่ชัดเจน และที่สำคัญตัวช่วยอย่างหญ้าฝรั่น ที่เข้ามาสร้างความเย้าที่มีวูบกลิ่นแบบเมทัลลิคหน่อยๆ ที่ให้ความรู้สึกเย็นๆ เป็นมิติแรก ก่อนจะเป็นกลิ่นหวานแกมขมที่มีลูกเอื้อนแบบโทนหนังติดอบอุ่นแกมหวานแปร่งมีเสน่ห์กันตั้งแต่เริ่มแรก แล้วเพียงไม่นานกลิ่นหวานของน้ำผึ้งที่ให้อารมณ์กึ่งใสกึ่งอวลติดอุ่นหน่อยๆ แบบที่ตัดเอาความเป็นกลิ่นแนว Animalic หรือกลิ่นกึ่งยูรีนดิบๆ ออกไป เลยทำให้กลิ่นช่วงต้นเปิดมาก็ให้ความหวานที่มีพื้นฐานในการเป็นโทนแป้งแกมน้ำผึ้งที่มีความดาร์กแมนได้อย่างลงตัวมาก

ช่วงกลางของน้ำหอมจะชัดเจนในการเล่นโทนระหว่างการเป็นโทนหวานและโทนแป้งที่ตอนนี้นอกจากไวโอเล็ตแบบดาร์กๆ หน่อยในช่วงต้นเคล้ากับกลิ่นหญ้าฝรั่นที่มีความหวานปนขมมีโทนลูกเอื้อนแบบหนังที่ยังตามมา ก็จะเสริมด้วยลาเวนเดอร์ที่ให้ความนวลๆ เข้ามารอบพื้นร่วมด้วย โดยที่ความหวานของไวโอเล็ต หญ้าฝรั่น และน้ำผึ้งจะยังเป็นโทนเด่นอยู่แบบให้ความอวลๆ แกมแมนๆ ที่หรูหราและมีระดับ ไม่ได้ตะบี้ตะบันอัดความหวานหรืออัดความเย้ายวนจัดจ้าน แต่ให้ความอวลๆ หวานมีเสน่ห์และเย้ายวนแบบไม่ดูพยายาม ให้อารมณ์แบบผู้ชายสายสมาร์ทที่ใส่ชุดทางการหรือออกแนว Smart Casual โทนสีดำล้วนที่สร้างความน่าค้นหา เรียกว่ากลิ่นมีความหรูหรามีระดับ โดยยังคงพื้นฐานความแมนของเนื้อกลิ่นได้ชัดเจนทุกสโตรก

การเข้าสู่ช่วงท้ายสิ่งที่จะจับต้องได้เต็มๆ เลยคือ กลิ่นโทนลูกผสมระหว่างอัลมอนด์ที่มีหวานคล้านยาสูบแกมไม้หอมที่มีความครีมมี่อบอุ่นของถั่วตองก้าจะแทรกตัวออกมากลายเป็นตัวเด่น โดนจะสอดรับกับโทนแป้งในช่วงกลางที่ตามมาจากทั้งลาเวนเดอร์ที่ยังมีลูกเอื้อนความหวานไวโอเล็ตหน่อยๆ และยังมีน้ำผึ้งอ่อนๆ ให้รับรู้ได้ รวมถึงจะมีกลิ่นไม้หอมแกมพิมเสนที่ให้ความปร่าโปร่งๆ ซึ่งน่าจะเป็นไม้ซีดาร์ที่ให้ความเป็นไม้หอมมาตัดทอนพอดีกับกลิ่นแป้งไม่ได้ออกไปทางนวลข้นมากเกินไป ทำให้ได้ความหอมนวลอวลๆ ที่มีเสน่ห์ และมีความหวานแกมแป้งติดกลิ่นเย้าๆ มีเสน่ห์แบบกำลังดี เป็นกลิ่นปิดท้ายที่สร้างออร่ารอบๆ ตัวที่ได้ความอบอุ่นเย้ายวนแบบน่าค้นหากำลังดี ไม่ต้องเล่นท่ายาก ท่าเยอะแต่เอาอยู่ในแง่ความหอมในการเป็นกลิ่นอายที่มีเสน่ห์นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้กลิ่นี้ได้สบายมาก แน่นอนว่ากลิ่นมีความแมนๆ แต่ฉีดออกมาด้วยโทนแป้งเย้ายวนมีเสน่ห์ที่สมดุลย์และหรูหรามีระดับ ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป จะใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งก็ได้ แต่คุมจำนวนสเปรย์หน่อยก็ดีเพราะมันจะอวลๆ อาจจะหนักไปถ้าอยู่กลางแดด ซึ่งแน่นอนตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนใส่ท่องราตรี ใส่ออกงาน หรือใส่ทั่วไป ได้หมด ให้ความมีระดับแกมหวานได้ลงตัวมาก 

ความทน - 8 ชม. คือพื้นฐาน ที่สามารถไปต่อได้อีกจนถึง 15 ชม. ก็เจอมาแล้ว เช่นนั้นเรื่องนี้หายห่วง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ก่อนที่จะลดลงมากระจายดีไปราวๆ 30 นาที แล้วถึงคงตัวที่ปานกลางไปยาวๆ จนถึงชั่วโมงที่ 6 เลย จึงค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปราวๆ 10 ชม. ขึ้นไป ถึงค่อยๆ เป็น Skin Scent

สรุป - ในการเป็นน้ำหอมเรือธงใหม่ ถ้าเนื้อกลิ่นมาในแนวตามท้องตลาดก็คงไม่ได้น่าสนใจ เพราะมันก็จะเหมือนๆ กันไปหมด แต่สิ่งที่ UOMO สร้างสรรค์ กลับกลายเป็นการสร้างความแตกต่างได้อย่างลงตัวในการนำเสนอกลิ่นอายสายแป้งแมนเข้มหวานและอบอุ่น ยืนพื้นที่ความเป็นดอกไวโอเล็ต น้ำผึ้ง และถั่วตองก้า โดยที่ไม่ได้ทิ้งลักษณะกลิ่นที่เป็นสาย Mass Market ที่เป็นเสน่ห์แบบเข้าถึงได้ง่าย เรียกว่าใส่แล้วมีความหล่อดึงดูดขึ้นมาได้เลย ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงได้รับคำชมมากมายสำหรับกลิ่นนี้

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.perfumeclearancecentre.com.au/products/roberto-cavalli-uomo-eau-de-toilette-100ml

 

วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

Review: Calvin Klein - CK One Reflections

Calvin Klein - CK One Reflections

เป็นอีกหนึ่งไลน์ของน้ำหอมที่อยู่ยงคงกระพันออกลูกออกหลานแตกสายไปโน่นนี่ แต่ต้นตระกูลก็ยังคงที่ในความนิยมมาอย่างยาวนานและถือเป็นตำนานที่เป็น Iconic ของน้ำหอมมาตั้งแต่ปี 1994 จนถึงปัจจุบัน และไปต่อไม่รอแล้วนะอีกยาวๆ แน่นอน ซึ่งนี่ก็คือ CK One ของ Calvin Klein

และในปี 2023 ก็ได้เวลาของลูกสายตรงอีกหนึ่งที่เปิดตัวออกมาอีกหนึ่งอย่าง CK One Reflections กับ Concept การสร้างสรรค์กลิ่นที่ง่ายๆ กับอารมณ์ไปเที่ยวกับเพื่อน ลั่นล้าแฮปปี้กลางแจ้งสายน้ำแสงแดด ที่มาตอกย้ำความสำเร็จว่ายังไงน้ำหอมกลิ่นสดชื่น ไม่ว่าจะเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัยไปแค่ไหนก็ยังเอาอยู่เสมอ และสามารถที่จะใส่ความนิยมจากองค์ประกอบกลิ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคนั้นๆ ได้ด้วย เช่นนั้น กลิ่นนี้จะผนวกโทนออกมาแบบไหน ว่ากันได้ตามนี้

เปิดมาก็สดชื่นกันเลยกับโทนกลิ่นที่มีอารมณ์กลิ่นอายไอเย็นๆ วูบขึ้นมาพร้อมกับความเป็นกลิ่นขิงผสมเลมอน อารมณ์สดชื่นมีความใสๆ และมีความเป็นโทนกึ่งๆ Watery น้ำหน่อยๆ แฝง เพียงแต่ในความสดชื่นที่จับต้องได้มันจะมีโทนเขียวใสๆ สบายๆ ของชาเขียวแทรกอยู่ และก็มีกลิ่นออกทางอวลๆ กึ่งแอมเบอร์กึ่งไม้หอมอบอุ่นเนียนๆ ที่เป็นเสมือนพื้นกลิ่นทำให้กลิ่นมีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งช่วงนี้เรียกว่าปล่อยความสดชื่นแหล่ะ แต่ก็มีภาพรวมกลิ่นที่มีความทันสมัยในสไตล์อวลๆ ตามยุค 2020 แฝงเข้ามาให้รู้สึกได้ด้วย

เพียงไม่นานก็ได้เวลาของชาเขียวที่คราวนี้กลายเป็นตัวเด่นนำทีมในช่วงกลาง โดยจะมีกลิ่นของขิงและเลมอนที่เสริมอยู่ เพียงแต่โทนออกทางไอเย็นๆ แกมน้ำ Watery จะเด่นขับความเปฺ็นชาเขียวใสๆ ให้ชัดขึ้น ซึ่งนี่คือ Part ของความสดชื่นที่กระจายตัวออกมา แต่มีสิ่งหนึ่งที่จับต้องได้คือความหานกึ่งแป้งติดเขียวหน่อยๆ ของไวโอเล็ตที่ทำให้เมื่อดมใกล้ๆ จะขับต้องได้ถึงโทนแป้งที่เนียนอยู่ และมีความเป็นโทนหัวเหง้าออริสที่ให้อารมณ์แป้งติดทีบอ่อนๆ แนวๆ แป้งเครื่องสำอางค์ที่แทรกตัวเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งช่วงนี้อารมณ์กลิ่นจะคล้ายกับเอาความเป็น CK Everyone EDT มาเจอกับ CK One ปกติ แต่ใส่โทนเย็นๆ เข้ามา และมีความเป็นโทนแป้งแกมเขียวมีความหวานใสฉาบหน้ามาเนียนๆ ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการปรับทิศทางของเนื้อกลิ่นพอสมควร 

เมื่อกลิ่นโทนไม้หอมติดอบอุ่นกึ่งแอมเบอร์ที่เป็น Trendy มากๆ ในปัจจุบันเริ่มเข้ามาเทคโอเวอร์ เนื้อกลิ่นช่วงท้ายจะลดทอนความสดชื่นลงไปจนเหลือเพียงอ่อนๆ ฉาบหน้า โดยที่ยังมีกลิ่นโทนเขียวใสอยู่ให้จับต้องได้อยู่บ้าง แต่หลักๆ เลยคือ กลิ่นโทน Musky Woody ที่มีความเป็นโทนแป้งแฝงเนียนๆ อยู่ตลอด กลิ่นจะมีความอวลกึ่งอบอุ่นแบบกำลังดี ไม่ได้อุ่นจนดูฮอตฉ่าเกินไป แต่ให้ความอบอุ่นเรื่อยๆ กลางๆ กำลังดี มีความ Mass เข้าถึงง่าย มีเสน่ห์แบบไม่ต้องอัดหนักและทันสมัย ใครๆ ก็ใช้ได้นั่นแล

เหมาะสำหรับ - Unisex ก็ Concept ของ CK One มาแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่หนี Concept ใช้ได้ทุกเพศตั้งแต่วัยเรียน ม.ปลาย เป็นต้นไป จริงๆ น้อง ม.ต้น ก็ใช้ได้ แต่เพราะกลิ่นช่วงท้ายมันอวลๆ อาจจะเน้นใช้ตอนไปเที่ยวชิลล์ๆ น่าจะดีกว่าใส่ไปเรียนตามที่มาที่ไปในการสร้างสรรค์น้ำหอม ซึ่งได้หมดทั้งกลางวันและกลางคืนในการใช้งาน เพราะช่วงท้ายมันเป็นโทนอวลๆ มีเสน่ห์ตามสไตล์น้ำหอมในกระแสอยู่แล้ว 

ความทน - แตะที่ 6 - 8 ชั่วโมง และสามารถไปต่อได้อีกถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม ส่วนตัวเจอไปที่ 8 - 12 ชม. กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ เรียกว่าเรื่องนี้ทำได้ดีเกินคาดในการเป็นหนึ่งในเครือ CK One

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางกันยาวๆ พอถึงช่วงท้ายก็จะเป็นออร่าอวลๆ รอบตัว ไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะเริ่มติดผิวจากผ่าน 6 ชั่วโมงไปแล้ว

สรุป - ใช้ง่าย สดชื่น รื่นจมูก อวลอุ่น และทันสมัย คือตรงตามการเป็นน้ำหอมที่เข้าถึงได้ง่ายมากตามสไตล์ CK One ที่อยู่ในกระแสความหอม ณ ปัจจุบัน + ผนวกความเขียวใสของ CK Everyone EDT มาเป็น Ref หน่อยๆ ซึ่งแม้ว่าอาจจะไม่ได้ดูแปลกใหม่ หวือหวา หรือว่าแสดงความเก๋และนำสมัยทางกลิ่นมากนัก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ยังไงก็รอดในการใช้งานได้ไม่ยาก

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.calvinklein.us/en/ck-one-reflections-eau-de-toilette/44013359.html

 

วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

Review: Maison Margiela - Replica: Bubble Bath

Maison Margiela - Replica: Bubble Bath

คงจะดีไม่น้อยถ้าเราให้ความสุขกับตัวเองด้วยการนอนแช่ในอ่างอาบน้ำแบบน้ำอุ่นที่ใส่ Bath Bomb กลิ่นสบู่นวลสะอาดแบบกลิ่นพื้นฐานตีฟองฟอดๆ แค่นี้ก็เรียกว่าความผ่อนคลายมาเต็มแบบที่ไม่ต้องพยายามอะไรมาก แต่อย่างหนึ่งคือไม่ใช่ทุกบ้านที่จะมีอ่างอาบน้ำและนอนแช่น้ำแบบนี้ได้เสมอไป

เช่นนั้น การถอดกลิ่นอายแห่งความสุขแบบนี้ออกมาลงสู่ขวดจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะในความมินิมัลเรียบง่ายผ่อนคลายแบบนี้มันมีความสุขให้จับต้องได้ผ่านกลิ่นจริงๆ ซึ่ง Maison Margiela ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เอา Concept กลิ่นแบบนี้มาถ่ายทอดสู่ขวดกับการเป็นหนึ่งใน Collection: Replica เช่นนั้นกลิ่นอายอาบน้ำอันแสนผ่อนคลายที่แบรนด์นี้นำเสนอนั้นจะเป็นอย่างไร ว่ากันได้ตามนี้

Bubble Bath เปิดตัวออกมาก็ให้ความเป็นสบู่ที่ชัดเจนมากตั้งแต่เริ่มต้นเลย ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีความรู้สึกอบอุ่นให้จับต้องได้ตั้งแต่แรก โดยที่กลิ่นอายของสบู่จะเป็นกลิ่นพื้นฐานที่ให้ความสะอาดนวลๆ อารมณ์แบบสบู่ก้อนสีขาวที่ไม่ได้กลิ่นแรงจัดจ้านมาก แต่จะมีความเป็นกลิ่นอายของมะพร้าวแบบกะทิอ่อนๆ แถมแฝงด้วยกลิ่นนวลๆ ของลาเวนเดอร์ที่เป็นสายดันให้กลิ่นมีความรื่นรมย์ด้วย ที่สำคัญกลิ่นไม่ได้เข้าทางอบอุ่นมากเกินไป เพราะมีโทน Citrus ติดขมสะอาดของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) เนียนๆ อยู่สร้างวูบของความรู้สึกสดชื่นแฝงให้จับต้องได้ เลยทำให้กลิ่นช่วงนี้เป็นโทนที่เป็นลักษณะสบู่อวลๆ ที่เป็นกลิ่นสะอาดนวลและสว่างที่ชัดเจนในระดับหนึ่งแบบอารมณ์กลิ่นแรกรับรู้เวลาเราลงแช่อ่างอาบน้ำฟองฟอดที่มีกลิ่นสบู่กลิ่นมะพร้าวนวลแนวๆ นั้นเลย

ในช่วงกลางอารมณ์กลิ่นเหมือนจะปรับตามจมูกเราเวลารับกลิ่นจากที่ชัดเจนในรอบแรกๆ ก็จะเริ่มชินมากขึ้นและเริ่มจับความรู้สึกในเนื้อกลิ่นอื่นๆ ได้แบบกำลังดี ซึ่งช่วงนี้ลาเวนเดอร์กับกุหลาบจะมาผสมผสานกันเสริมให้กลิ่นโทนสบู่ที่แน่นอนว่าเป็นเมนหลักกันยาวๆ ทำให้กลิ่นสบู่กึ่งมะพร้าวมีความหวานนวลอ่อนๆ แกล้มความสะอาดเข้ามาแทนที่ความอวลชัดๆ มากขึ้น เนื้อกลิ่นเริ่มมีความผ่อนคลายสบายอารมณ์และให้ความสะอาดนวลๆ อยู่ตลอด โดยที่ยังคงพื้นฐานกลิ่นในความเป็นสบู่กึ่งแป้งแกม Musky แฝงได้อย่างลงตัว

การเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงท้ายจะเป็นอารมณ์กลิ่นหลังอาบน้ำเสร็จเสียมากกว่า เพราะเนื้อกลิ่นจะเป็นอารมณ์แบบสบู่คลอผิวกายและมีความอบอุ่นกำลังดี ซึ่ง White Musk จะเป็นตัวเด่นให้โทน Musky แกม Milky อวลๆ หน่อยๆ ซึ่งอารมณ์จะมีความรู้สึกกึ่งนมๆ แกมมะพร้าวเบาๆ ให้สัมผัสได้ และน่าจะมีสารหอมอย่าง Cetalox หรือ Ambroxan หน่อยๆ ที่ทำให้กลิ่นมีความอวลอบอุ่นแบบผิวกายหอมสะอาดกำลังดีร่วมด้วย ให้ฟีลสะอาดๆ ที่มีกลิ่นสบู่หอมขาวนวลคลอแบบกำลังดีเรียบหรูมินิมัลไปเรื่อยๆ เป็นการปิดท้าย

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะพื้นฐานกลิ่นคือสบู่ที่ยังไงก็เข้าได้กับทุกเพศ ซึ่งสามารถใช้งานได้ตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่เลย (แต่สำหรับเด็กน้อยเน้นฉีดเสื้อที่สวมน่าจะดีกว่า) ซึ่งกลิ่นถือว่าครอบจักรวาลในการใช้งานทั้งทางการและทั่วไปเลย จะมีก็แต่การใส่ออกกำลังกายที่รอให้เข้าช่วงกลางไปก่อนจะดีกว่า ไม่งั้นกลิ่นจะอวลขึ้นจนตึ้บได้ ก็กลิ่นสบู่น่ะนะ ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ทั่วๆ ไปหรือใส่ก่อนนอนเบาๆ ให้ความรู้สึกสะอาดๆ สบายๆ จะลงตัวที่สุด แน่นอนว่าตัดการใส่ท่องราตรีไปได้เลย

ความทน - อยู่ที่ 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ ขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 8 ชม. เป็นประจำ แต่มีไปต่อได้อีกหน่อยแบบอารมณ์กลิ่นสะอาดๆ นวลๆ อ่อนๆ เสียมากกว่า

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีกึ่งดีมากในช่วงต้น ให้ความรู้สึกแบบกลิ่นชัดๆ แบบแรกรับกลิ่นอ่างที่เต็มไปด้วยสบู่ฟองฟอดกับไออุ่นๆ เลย ก่อนที่จะลดลงมาปานกลางไปซักราวๆ 3 ชม. ก็จะลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวที่ให้ความสะอาดๆ แล้ว ซึ่งเมื่อแตะชั่วโมงที่ 6 เป็นต้นไปก็จะเป็น Skin Scent แล้ว  

สรุป - เป็นกลิ่นแนวผ่อนคลายที่ให้ความรู้สึกแบบแช่อ่างอาบน้ำกับสบู่มะพร้าวขาวนวลบำรุงผิวที่ให้กลิ่นสบายๆ ได้เลย เอาจริงๆ ก็เป็น Safe Scent ได้เลย แถมมีระดับในสไตล์เรียบหรูมินิมัล ที่ไม่ต้องซับซ้อนหรือเยอะสิ่งได้ลงตัว ซึ่งถ้าใครที่ชอบกลิ่นสะอาดๆ หรือโทนสบู่แล้วล่ะก็ โดนตกได้ไม่ยากจริงๆ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.maisonmargiela-fragrances.eu/en_GB/fragrances/by-collection/replica/replica-bubble-bath/MM004.html