วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Police - To Be Camouflage

Police - To Be Camouflage 

หัวกระโหลกลายพรางที่เรียกว่าเห็นครั้งแรกก็สะดุดตากันเห็นๆ กับแบรนด์จากอิตาลีอย่าง Police ที่เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นของอิตาลีที่เน้นเครื่องประดับเช่น แว่นตา เข็มขัด นาฬิกา และจิลเวอรี่ต่างๆ ซึ่งก็เข้ามาสู่ตลาดน้ำหอมด้วยเช่นกันตั้งแต่ปี 1997 ที่ผ่านมา ในเมื่อได้มีโอกาสลองแบรนด์นี้ก็เลยเอาหัวกระโหลกลายพรางหนึ่งในไลน์ To Be มาจัดซะหน่อยซึ่งกลิ่นจะเป็นยังไงบ
้าง ก็ออกมาในรูปแบบนี้เลย 

To Be Camouflage เปิด Top Notes ได้น่าสนใจมากกับการผสมผสานความเป็นเครื่องเทศกับความเป็นโทน Citrus ที่เจอความเป็นผลไม้ติดหวานและมีสมุนไพรเจือแบบที่ให้ความรู้สึกแมนจัดชัดเจนกันตั้งแต่เริ่มต้นเลย โดยกลิ่นที่เด่นออกมาอย่างเม็ดกระวานที่ให้ความเผ็ดเย้าโปร่งจะเปิดตัวคู่กับกลิ่นของเลมอนมาในวูบแรก แล้วจะเริ่มมีพรรคพวกมาสมทบอย่างมินต์ที่ให้ความเป็นสมุนไพรปร่าโปร่งๆ ติดเขียวซึ่งในเนื้อกลิ่น และมีกลิ่นหวานผลไม้ของแอปเปิ้ลที่เข้ามาผสมผสาน กลิ่นจะมีความเป็นโทนแมนๆ นัวๆ ที่คมพอสมควร แต่จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายหวานเผ็ดและอบอุ่นที่แทรกเข้ามาค่อนข้างเร็วและนำเข้าสู่ Middle Notes ที่จะชัดเจนเลยว่ากลิ่นนี้จะไม่ได้มาสายสดชื่นแน่นอน แม้กลิ่นในช่วงต้นจะตามมาในช่วงนี้พอสมควร แต่ความเป็น Citrus และกระวานจะจางลงไป ให้กลิ่นอายเผ็ดอุ่นของอบเชยที่ผสมผสานกับลาเวนเดอร์จะมาให้ความนุ่มและเย้ายวนนัวกันเต็มๆ ซึ่งกลิ่นของมินต์และแอปเปิ้ลแดงยังคงตามมาเด่นในช่วงนี้ให้ความรู้สึกหวานแบบลงตัว และมีกลิ่นอายติดเปรี้ยวเจือๆ ให้ลูกมีความขี้เล่นผสมผสานจากผักรูบาร์ปที่ให้ความรู้สึกออกทางโทนติดเบอร์รี่หน่อยๆ โดยความอบอุ่นที่สัมผัสได้ในช่วงนี้จะมาจากกลิ่นสังเคราะห์ที่เรียกว่า Solar Notes ที่จะให้ความรู้สึกวันแดดสว่างและปลอดโปร่ง เลยทำให้กลิ่นไม่ได้ออกทางหวานอุ่นแน่นหนักหรือหวานเยิ้มจนเกินไป ทำให้อบอุ่นติดเซ็กซี่แบบแมนๆ ท่ามกลางอากาศแบบบ้านเราได้สบายมาก และผ่านไประยะหนึ่งความครีมมี่ติดไม้หอมจะเริ่มแทรกเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงช่วง Base Notes ที่จะชัดเจนกับการเป็นโทนไม้หอมอบอุ่นที่มีความเป็นวานิลลาติดครีมมี่เจือกลิ่นอบเชยกับไม้หอม เคล้ากับกลิ่นนุ่มๆ จากลาเวนเดอร์ที่ยังคงอยู่แบบจางๆ ทำให้กลิ่นมีความอุ่นนวลไม่ได้ออกทางขนม ให้โทนกลิ่นช่วงนี้คุมโทนความเป็นกลิ่นผู้ชายอบอุ่นที่อยู่กลางๆ จะไพล่ลงไปที่ความเป็นกลิ่นอายอบอุ่นแบดบอย หรือจะไปที่อบอุ่นสุขุมก็ได้นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไป กลิ่นมีความแมนชัดเจน จะออกแนวเท่ห์อบอุ่น หรือแบดบอยก็ได้อิงตามบุคลิกคนใส่ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณฺ์ยามกลางวันไม่ว่าจะออกงานทางการหรือว่าทั่วๆ ไปกวาดได้เกือบหมด ออกกลางแจ้งก็พอได้ แต่ข้ามการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางชัดเจน ส่วนยามค่ำคืนก็จัดได้หมดำม่ว่าจะออกงานหรือว่าท่องราตรี เพราะโทนอบอุ่นแมนๆ นัวๆ มันเรียกร้องความสนใจได้อยู่ 

ความทน - อยู่ระหว่าง 6 - 8 ชม. เป็นสำคัญ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลาง ค่อยๆ ลงมาเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายที่พอพ้นไปซัก 6 ชม. จะเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้เป็นโทนอบอุ่นที่แตะได้หลายลุคแบบแมนๆ เรียกว่าทำมากลางๆ ให้ครอบคลุมการใช้งานในหลายสถานการณ์ได้ดีเลยทีเดียว ที่สำคัญขวดเท่ห์ได้ใจมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://shop.r10s.jp/viporte/cabinet/fragrance12/pctbc.jpg



วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Strangers Parfumerie - Fume ma Peau

Strangers Parfumerie - Fume ma Peau

หลังจากได้อ่านแรงบันดาลใจของน้ำหอมรุ่นหนึ่งของแบรนด์ Strangers Parfumerie ว่าเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ฝรั่งเศสที่ฉายในปี 1967 กับเรื่อง Week-end ที่กำกับโดย Jean Luc Godard ความน่าสนใจพุ่งขึ้นมาทันที เพราะเคยอ่านผ่านๆ มาก่อนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในช่วงการเปลี่ยนแปลงวิธีการนำเสนอภาพยนตร์ของฝรั่งเศสมาสู่ยุคใหม่ โดยเนื้อหาจะเกี่ยวกับคู่สามีภรรยาที่ขับรถออกนอกเมืองเพื่อไปเยี่ยมบ้านของพ่อภรรยาด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ก็ต้องเจอกับสภาพความโกลาหลหรือความวุ่นวายเข้ามาขัดจังหวะ เช่นนั้นเมื่อมาเป็นกลิ่นน้ำหอมจะมาในลักษณะไหน ได้เวลาเล่ากลิ่นกันหน่อยแล้ว 

Fume ma Peau เปิดมาก็มากับกลิ่นแนวที่แปลกและเก๋ทันทีกับการเป็นโทนกลิ่นแบบน้ำมันเบนซินเด่นขึ้นมาเลย โดยจะผสมผสานกับกลิ่นควันไอเขม่าที่มีกลิ่นกาวติดแว็กซ์หน่อยๆ ผสมผสานอยู่ในนั้น เลยจะได้อารมณ์แบบเมืองใหญ่ๆ ที่มีมลภาวะกันในระดับหนึ่ง เรียกว่าเปิดมากลิ่นก็ Niche กันเลยทีเดียว ไม่เหมือนใคร และหาคนเหมือนได้ยาก ให้ความรู้สึกถึงสภาพแวดล้อมได้อย่างชัดเจนมาก แล้วกลิ่นโทนลักษณะนี้จะเริ่มลดทอนตัวเองลงมาเป็นสายสนับสนุนให้ความเป็นโทนลักษณะแบบสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวลอยมาให้พอรู้สึก เปิดทางให้กลิ่นอายของยาสูบเด่นขึ้นมาเคล้ากับความกลิ่นควันไอ Smoky และกลิ่นเขม่ากลายเป็นกลิ่นแบบควันบุหรี่ที่ติดตามตัว แต่ไม่ได้มากลิ่นยาสูบควันไอบุหรี่โขมงรุมทึ้งรอบตัวแบบสิงห์รมควันจัดๆ ขนาดนั้น มาแบบกลิ่นบุหรี่ที่ออกทางเท่ห์ๆ เคล้าสภาพและบรรยากาศของความเป็นเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นและมลภาวะแบบกำลังดี ซึ่งกลิ่นสร้างบรรยากาศได้อย่างชัดเจน โดยไม่ได้มีความเป็นควันไอหรือบุหรี่รุมล้อมแบบของจริงขนาดนั้น จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายกลิ่นอายของความความเป็นมลภาวะแปลกเก๋เริ่มหายไป โดยที่ยังทิ้งให้ควันบุหรี่ยังคงอยู่ และเป็นสายสนับสนุนที่ผสมผสานอยู่ข้างในเนื้อกลิ่นให้พอรับรู้ได้ ให้กับกลิ่นอายโทนไม้หอมแบบโปร่งๆ ติดเขียวจางๆ มีกลิ่นหนังนวลๆ และมีกลิ่นอายอบอุ่นบางๆ กำลังดี กลิ่นได้อารมณ์บรรยากาศที่โปร่งมากขึ้น และมีความสบายๆ ติดอบอุ่นเคล้า Smoky กำลังดีไปตลอด เรียกว่าภาพรวมถ้าอิงกับภาพยนตร์เรียกว่าไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจนและเป็นสเต็ป จากเมืองสู่นอกเมือง สื่อถึงสภาพแวดล้อมกันอย่างชัดเจน ตั้งแต่บรรยากาศในเขตเมือง ควันบุหรี่ แต่ถ้าอิงที่กลิ่นเพียงอย่างเดียวจะได้อารมณ์เท่ห์ๆ แบบหนุ่มลุคติด Dirty หน่อยๆ ขับรถสปอร์ตเปิดประทุนออกนอกเมืองที่มีกลิ่นมลภาวะในเมืองติดตัวพลางสูบบุหรี่ชั้นดีมากไม่ใช่ไก่กา ชัดเจน ของเขาเท่ห์และไม่เหมือนใครแบบนี้แล

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไป กลิ่นมันมาสายเท่ห์ที่อิงสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่มาดันดาราให้คนใส่มีมาดและสไตล์ที่แตกต่าง โดยมาสาย Niche Perfume กันอย่างชัดเจน แต่ไม่ได้เข้าถึงยาก ยิ่งถ้าใครชอบกลิ่นบุหรี่ที่ติดตัวแล้วไม่ได้ออกทางบุหรี่มือสามอะไร เพราะมันไม่ใช่กลิ่นบุหรี่จริงซะหน่อย ออกทางมีลูกเล่นจากกลิ่นหญ้าแฝกมาตัดให้ดูมีความหอมติด Smoky น่าค้นหาในความเท่ห์กันอย่างเต็มๆ ซึ่งเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบที่ไม่ใช่งานทางการจัดๆ แบบรับแขกบ้านแขกเมืองอะไรแบบนั้น แต่ถ้าใส่ทำงานหรืออยู่ Office เรียกว่าสบายมาก อาจจะมีคนทักว่าสูบบุหรี่มาหรือเปล่าบ้างนิดหน่อยก็ตามแต่ประสบการณ์คนที่ได้กลิ่นแล้วกัน หรือใส่แบบทั่วๆ ไปก็เอาอยู่ ข้ามการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นนี้ถือว่าออกแนวเท่ห์มีเสน่ห์ และไม่เหมือนใครเรียกเรตติ้งได้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว 

ความทน - ราวๆ 6 - 8 ชม. อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ รวมถึงอิงเคมีบ้างบางส่วน 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ก่อนจะปิดท้ายด้วยกลิ่นติดผิว ซึ่งเป็นข้อดีของกลิ่นแบบนี้ที่ไม่ได้เน้นกระจายคนจนตกใจ ให้เสน่ห์แบบกำลังดีแบบไม่ปล่อยพลังดูงามกว่ามาก

ทิ้งท้าย - อีกหนึ่งในกลิ่นที่เรียกว่าเป็น Love at 1st Sniff ดมครั้งแรกก็ชอบเลย เพราะมันเก๋ มันแปลก มัน Unique และมัน Niche แบบมีชั้นเชิงมาก เลยกลายเป็นหนึ่งในรุ่นที่เข็มขัดสั้นปลื้มที่สุดของปี 2017 แบบมาแรงแซงทางโค้งเลยล่ะ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ Strangers Parfumerie นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by StrangersParfumerie
 https://www.facebook.com/strangersparfumerie/photos/a.127354841263041.1073741827.124616551536870/136816706983521/?type=3

วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Strangers Parfumerie - La Malila

Strangers Parfumerie - La Malila

กลิ่นดอกไม้แบบไทยๆ ที่เป็๋นโซนดอกไม้ขาวต่างๆ ไม่ว่าจะมะลิ ราตรี ชมนาด ดอกพุดหรือซ่อนกลิ่น ต่างก็เรียกว่าสร้างความรู้สึกที่อะโรม่าและยามได้กลิ่นจะได้ความรู้สึกที่ชัดเจนเลยว่ามีความเป็นสไตล์แบบไทยๆ ที่จะแว้บขึ้นมาในหัวได้เลย ซึ่งน้ำหอมแนวดอกไม้ขาวแบบไทยๆ นี้ หลายๆ ครั้งที่เราได้กลิ่นมักจะทำให้รู้สึกถึงความเป็นเชิงวัฒนธรรมหรือประเพณีแบบไทยๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งพอได้เห็นว่า Strangers Parfumerie มีกลิ่นอายที่มาสายนี้ ก็ได้เวลาจัดมาลองกันหน่อยและผลที่ออกมา คือ 

ขอเรียก La Malila ว่า สตรีไทยแท้ๆ สูงศักดิ์ในชุดไทยสีขาวติดครีมหรือชุดไทยประยุกต์เข้ากับสมัยใหม่สีขาวนวล เพราะกลิ่นสื่อสารอารมณ์ได้ชัดเจนมากถึงบุคคลในลักษณะนี้ และมีความอ่อนโยนในเนื้อกลิ่นได้ดีมาก ซึ่งเปิดต้นกลิ่นความเป็น Aldehydes จะมาผสมผสานกับกลิ่นอายของดอกไม้ขาว ที่ให้ความหอมนวลกึ่งสดชื่นแบบข้นๆ กันก่อนอย่างมะลิและดอกส้ม ที่สำคัญจับได้ถึงกลิ่นอายของดอกชมนาดที่ให้ความเป็นกลิ่นคล้ายข้าวหุงสุกปนดอกไม้ขาวที่กำจายออกมาด้วย ซึ่งกลิ่นมีความแน่นในระดับหนึ่ง จนเมื่อได้เวลารวมดาวกลิ่นอายดอกไม้ขาวจะเริ่มมารวมตัวกันในช่วงกลางที่จะมีกลิ่นอายติดครีมมี่ขาวติดเย้ายวนของซ่อนกลิ่น ครีมมี่ติดหวานปนเขียวบางๆ ปนอะโรม่าของดอกพุด กลิ่นอายหอมเย็นๆ ของลีลาวดี และจับได้ถึงกลิ่นออกทางขาวข้นรัญจวนหน่อยๆ จากดอกราตรี รวมถึงกลิ่นหอมแบบเย้ายวนบางๆ ของกระดังงา มีกุหลาบบางๆ ให้พอรู้สึก มาผสมผสานกับกลิ่นอายช่วงตอนต้น เลยจะได้อารมณ์แบบสีขาวติดครีมสว่างนวล ปนความหอมดอกไม้ที่มีหลากหลายความรู้สึกทั้งหอมหวาน อ่อนโยน และมีระดับ ซึ่งแม้กลิ่นจะมีความเย้ายวนอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้โจ่งแจ้งมาก เพราะความครีมมี่นวลๆ เด่นกว่าเป็นหลัก จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายความเป็นดอกไม้ขาวยังคงชัดเจน และตัวรองพื้นที่คุมโทนอยู่อย่าง White Musk ที่ให้ความนุ่มสะอาดจะทำให้กลิ่นดอกไม้ขาวเบาลงมาระดับหนึ่ง ให้ความรู้สึกแบบกลิ่นรวมดอกไม้ขาวติดผิวกายนวลๆ มะลิกับซ่อนกลิ่นและดอกพุดยังคงให้จับต้องได้ชัดเจนและติดโทนแป้งบางๆ ความครีมมี่ยังคงอยู่เพราะมีกลิ่นไม้หอมครีมมี่มาเสริมทัพอย่างไม้จันทน์หอม ที่ให้ความรู้สึกคิดหรูหราและมีความสูงศักดิ์ในทีไปตลอด คาแรคเตอร์กลิ่นเลยเป็นไปตามที่กล่าวไว้ข้างต้นเลยว่า นี่คือ สตรีไทยผู้สูงศักดิ์ชัดเจน

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงวัยทำงานขึ้นไป อาจจะอายุราวๆ 25 ปีอัพ ที่คุ้นเคยกับโทนกลิ่นน้่ำหอมลักษณะดอกไม้ขาวไทยๆ หรือถ้าน้อยกว่านั้นก็พอใส่ได้แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม ก็ดูเป็นกลิ่นอายที่อ่อนโยนได้อยู่ ซึ่งกลิ่นนี้ใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม กลิ่นจะให้ความหอมแบบมีระดับและชั้นเชิงกำลังดี มีความสูงศักดิ์ในเนื้อกลิ่นสร้างออร่าท่านหญิงได้เลย ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้เหมาะกับการใส่แบบทั่วๆ ไป หรือออกงานมากกว่าที่จะใส่ไปท่องราตรีแน่นอน ขืนลองใส่ไปท่องราตรีสิ คนจะตกใจเอาได้นะเออ เพราะกลิ่นดอกไม้แบบนี้มันอาจจะทำให้หลอนเวลาได้กลิ่นดึกๆ เอาได้ ส่วนผู้ชาย ถ้าลองซักไม่เกิน 3 สเปรย์ ก็เรียกว่าพอไปได้อยู่ 

ความทน - กราบบบบบ กลิ่นทนมากราวๆ 10 ชม. กลิ่นยังอยู่ ซึ่งส่วนตัวจัดไป 3 สเปรย์ กลิ่นยังคงความดีงามยาวเหยียดได้ถึง 15 ชม. เลย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมาก จำนวนสเปรย์จึงต้องเหมาะสมกับสภาพอากาศด้วย ไม่งั้นจะกลายเป็นแน่นเอาได้ ก่อนที่จะลดลงมากระจายปานกลาง แล้วปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไป 

ทิ้งท้าย - ใช้ครั้งแรกกลิ่นนี้นึกถึงแม่นกยูงในเรื่องเรือนมยุราเลย คือมีความงาม อ่อนโยน สตรอง และสูงศักดิ์แบบผู้หญิงไทย แต่พอใช้มากครั้งเข้า กลิ่นไม่ได้ไปสายโบราณจ๋าๆ ขนาดนั้น มีความ Modern แบบประยุกต์ความเป็นไทยเข้ามากับยุคสมัยใหม่ได้อย่างไม่ขัดเขิน ถ้าใส่แบบพอเหมาะพอเจาะ เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ Strangers Parfumerie นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by Facebook Page -StrangersParfumerie
 https://www.facebook.com/strangersparfumerie/photos/a.127354841263041.1073741827.124616551536870/127633381235187/?type=3&theater

วันพุธที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Strangers Parfumerie - Cigar Rum

Strangers Parfumerie - Cigar Rum 

กลิ่นยาสูบที่เราได้รับจากน้ำหอมส่วนใหญ่มักจะมาสายเย้ายวน ดึงดูด หรือไม่ก็มาสายดาร์กเข้ม เน้นเท่ห์ๆ กันเสียส่วนใหญ่ ซึ่งนานๆ ทีจะได้เจอกลิ่นอายสไตล์ยาสูบแบบชิลล์ๆ หรือโรแมนติค ซึ่งหนึ่งในกลิ่นที่ได้มีโอกาสพบเจอแล้วต้องยกให้เป็นหนึ่งในกลิ่นอายยาสูบสายชิลล์ที่มีมิติและโทนกลิ่นที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวกับหนึ่งใน Strangers Pafumerie กับรุ่นนี้เลย Cigar
 Rum 

เปิดช่วงต้นกันด้วยความเป็นกลิ่นอายผลไม้ที่ออกทางเปรี้ยวอมหวานติดออกทางโทนผลไม้แห้งกันก่อนเลย แล้วกลิ่นของเหล้ารัมเข้มๆ แต่ไม่ได้ออกทางแอลกอฮอล์จัดๆ แบบกลิ่นเหล้าเพียวๆ ขนาดนั้น เพราะในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบยาสูบหวานโปร่งปน Smoky อ่อนๆ แทรกอยู่ในเนื้อกลิ่นด้วย และแอบมีไม้หอมแห้งๆ จางๆ ให้รู้สึกได้เสียด้วย จนเมื่อเข้าช่วงกลาง จะเริ่มจับกันได้ชัดเจนถึงกลิ่นอายที่เป็นเหมือนหัวใจหลักตามชื่อรุ่นของแบรนด์เลยคือ กลิ่นยาสูบและเหล้ารัม กลิ่น 2 กลิ่นนี้จะตีคู่ปล่อยของกันไปได้อย่างน่าดูชมและดมกลิ่นมาก เพราะกลิ่นของรัมที่ผสมผสานกับความเป็นผลไม้แห้งในตอนแรกจะให้ความกรุ้มกริ่มกำลังดีไม่ได้ดูโจ่งแจ้งแบบเมาเหล้าและไม่ถึงกับกรึ่ม ดูเจ้าชู้แบบนิ่งๆ เสียมาก กับกลิ่นอายยาสูบโปร่งหวาน แต่เริ่มมีความ Smoky มากขึ้น กลิ่นออกทางควันหน่อยๆ แต่ไม่ได้เป็นลักษณะแบบควันบุหรี่ชวนรำคาญมาแบบนุ่มๆ น่าค้นหาแทน ซึ่ง 2 โทนหลักนี้จะคลอเคลียคู่กันไปตลอดและผสมผสานปล่อยเสน่ห์ที่ควรจะเป็นของกลิ่นโดยไม่แย่งซีนกันเลย ต่างสนับสนุนกันเป็นอย่างดีมาก ที่สำคัญในเนื้อกลิ่นจะได้ความรู้สึกติดทะเลจางๆ ผสมผสานอยู่ด้วย และมีกลิ่นอายไม้แห้งๆ อุ่นๆ เป็นพื้นหลังให้อยู่ตลอด เลยทำให้กลิ่นอายมันมีบรรยากาศแบบชิลล์ๆ อบอุ่นแบบทะเลๆ สบายๆ ผสมผสานกลิ่นรัมกับกลิ่นยาสูบติดควันนุ่มๆ ไปตลอดและมีความแมนพอสมควรในเนื้อกลิ่นเลย และเมื่อกลิ่นอายของรัมเริ่มจางลงไปเหลือแบบบางๆ พอให้จับได้ จะเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่กลิ่นยาสูบติด Smoky ยังคงอยู่ แต่กลิ่นของโทนไม้หอมแนวๆ หญ้าแฝกที่ออกทางไม้แห้งๆ กับไม้ Oak จะชัดเจนขึ้นมา ให้ได้อารมณ์แบบเก้าอี้ไม้แห้งๆ หรือถังไม้ Oak และยาสูบแบบติดควันนวลๆ และมีกลิ่นคล้ายโทนหนังหน่อยๆ เสริมเข้ามาให้รู้สึกกลิ่นเลยได้ความเท่ห์เข้ามาด้วย โดยยังมีกลิ่นอายอบอุ่นกำลังดีเคล้าความชิลล์ในช่วงกลางที่ตามมาเบาๆ ลอยเป็นเหมือนบรรยากาศเสริมความเป็นยาสูบและไม้หอมได้ลงตัวมากเลย 

ภาพรวมอารมณ์มันเลยค่อนข้างชัดเจนมากกับการเป็นกลิ่นแนวยาสูบสายชิลล์ที่มีกลิ่นเหล้ารัมให้ความรู้สึกกรุ้มกริ่ม และมีความแมนพอสมควร เหมือนเห็นผู้ชายคนหนึ่งลุคสบายๆ คูลๆ นั่งชิลล์ไปสูบแนวๆ Cigar ที่ใช้ยาสูบดีๆ ไม่ใช่ก๊องแก๊ง และกึ่งนั่งกึ่งนอนจิบเหล้ารัมพักผ่อนสบายๆ กับบรรยากาศริมทะเลเบาๆ ประมาณนั้นเลย 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นจะเป็นยาสูบเท่ห์ๆ คูลๆ ชิลล์ๆ ลงตัวเลย และเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ซึ่งงานทางการจัดๆ แบบรับแขกบ้านแขกเมืองต้องการความน่าเชื่อถือสูงๆ อาจจะต้องข้าม แต่ถ้าแบบใส่ทำงาน Office หรือทั่วๆ ไป รวมถึงออกกลางแจ้งก็จัดได้ตามสะดวกกลิ่นไม่ได้แน่นแต่ประการใด มีออกกำลังกายอาจจะต้องรอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนจัดได้เลยสบายมาก อัดสเปรย์หน่อยก็เรียกว่าพอชิลล์แบบกรุ้มกริ่มมีเสน่ห์ได้สบายเลย 

ความทน - เรียกว่าลงตัวที่ราว 8 ชม. กำลังดี อาจจะมีบวกลบบ้าง อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็น รวมถึงสภาพผิวผู้ใช้ด้วยเป็นสำคัญ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลาง ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - ส่วนตัวถือว่ามีความปลาบปลื้มกลิ่นนี้มากตรงที่ได้ความเป็นยาสูบแบบชิลล์ๆ และมีกลิ่น Smoky ที่แม้จะมาแบบควันบุหรี่แต่เพราะเหล้ารัมที่ช่วยให้กลิ่นไม่ออกทางบุหรี่จ๋าเกินไป มันเลยมีเสน่ห์มากและที่แน่ๆ ไม่เหมือนใครง่ายๆ เสียด้วย มันเด็ดตรงนี้ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ Strangers Parfumerie นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by Facebook Page -StrangersParfumerie
 https://www.facebook.com/strangersparfumerie/photos/a.127354841263041.1073741827.124616551536870/127633571235168/?type=3&theater


วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Strangers Parfumerie - Ember

Strangers Parfumerie - Ember

ผ่านการเป็นดอกไม้ขาวสดใสกับน้ำผึ้งหอมละมุนในรุ่น MAIA มาแล้วก่อนหน้านี้ ก็ได้เวลามาต่อเนื่องกับแบรนด์ไทยที่จัดเต็มเรื่องคุณภาพของกลิ่น ซึ่งคราวนี้ได้เวลาของสายแอมเบอร์หรือกลิ่นโทนอบอุ่นติดยางไม้และเครื่องเทศกันบ้างแล้ว ซึ่งกลิ่้นจะเป็นยังไงบ้างก็มาตามนี้เลย 

Ember เปิดต้นกลิ่นด้วยความเป็นเครื่องเทศกันก่อนเลย ซึ่งจะมีทั้งความเผ็ดปร่าติดแปร่งๆ ผสมกับความหวาน เพียงแต่จะสัมผัสได้ว่ามีความเป็นโทนนวลๆ แห้งๆ สมุนไพรเจือการบูรบางๆ อยู่ ลักษณะคล้ายลาเวนเดอร์ ที่จะเป็นวูบแรกที่เข้ามาทักทายกันก่อนเลย และจะเป็นกลิ่นอายที่เด่นที่สุดในช่วงนี้ แล้วถัดมากลิ่นโทนยางไม้เคล้าไม้ติด Smoky ดิบหน่อยๆ ติดอบอุ่นจะเข้ามาผสมผสานและพัฒนาเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นอายของยางไม้ติดโทนธูปจะเป็นตัวเอกหลัก โดยที่มีโทนแอมเบอร์ที่ให้ความอบอุ่นเสริมเข้ามาในเนื้อกลิ่น และมีความ Smoky กำลังดีเคล้ากับกลิ่นดอกไม้แห้งๆ ที่มีความเป็นมะลิกลั้วกุหลาบให้พอรับรู้ได้และกลิ่นอายแบบสมุนไพรนวลๆ ที่ตามมาตั้งแต่ตอนต้นจะเป็นตัวสนับสนุนบางๆ ทำให้ได้อารมณ์แบบโทนธูปดอกไม้หอมกำลังดีฟุ้งกระจายออกมาเด่นชัด คนที่ชอบกลิ่นลักษณะนี้จะมีความฟินขึ้นมาทันทีเลย เพราะกลิ่นจะให้ความอะโรม่าติด Incense ที่ Smoky ได้ลงตัวจริงๆ ซึ่งยังไม่พอในเนื้อกลิ่นจะมีความอวลๆ อุ่นๆ ปนหวานหอมร้อนที่ทำให้นึกถึงอบเชยเข้ามาด้วย ทำให้กลิ่นมีโทนดึงดูดกำลังดีเสริมเข้ามาให้มีมิติที่น่าสนใจมากขึ้นท่ามกลางความขรึมขลังแบบที่ควรจะเป็นของโทนธูป Incense ที่มีความอุ่นกำลังดี จนเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายกลิ่นโทนธูปจะเริ่มเบาลงไป แต่จะเริ่มชัดเจนถึงความเป็นโทนยางไม้อบอุ่นอย่างแอมเบอร์ที่ไพล่ไปทางไม้หอมมากกว่าวานิลลา ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีความนวลๆ ติดสาปปลุกเร้าแนวๆ กลิ่นหนังกับโทน Animalic พอสมควรเคล้าไปกับกลิ่นไม้นวลๆ กลิ่นจะมีความเป็นโทน Smoky ติดไหม้เจืออยู่ข้างใน และกลิ่นมีโทนเครื่องเทศเบาๆ ที่ตามมาผสมผสานทำให้มีความเผ็ดบางๆ หวานนิดๆ มีความอ้อยอิ่งเจือพิมเสนให้รู้สึกได้ ทั้งหมดทั้งมวลความรู้สึกดิบอุ่นนวลดึงดูดท่ามกลางความมีภูมิขรึมๆ น่าค้นหา ยืนพื้นที่ความเป็นแอมเบอร์ได้ลงตัวมากเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นมาทางสายกลางแบบแตะได้ทุกเพศ และมาแบบ Niche Perfume เสียด้วย เพราะกลิ่นอายแบบนี้ไม่ได้เจอง่ายๆ ในน้ำหอมแบรนด์ Designer ทั่วไปแน่นอน ยิ่งถ้าใครมาสายแอมเบอร์กับเครื่องเทศจะฟินเอาได้เลยทันที โดยสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นมีความขรึมสุขุม อบอุ่นและมีระดับเสริมบุคลิกได้ชัดเจน แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกลางแจ้งหรือออกกำลังกายไปได้เลยกลิ่นไม่ได้เข้าทาง ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่มาสายดึงดูดได้อยู่ เพราะความเป็นแอมเบอร์ที่อบอุ่นติดไหม้ๆ เคล้าโทนสาปปลุกเร้าในเนื้อกลิ่น แต่ถ้าใส่แบบทั่วๆ ไป หรือออกงานกลางคืนจะลงตัวกว่าหน่อยก็เท่านั้นเอง 

ความทน - อันนี้เรียกว่ายกนิ้วให้เลย 8 ชม. เป็นสำคัญ และลากยาวไปที่ 12 ชม. ได้อย่างน่าดูชม อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาที่ปานกลาง แล้วจึงค่อยลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว เมื่อผ่านไปประมาณ 8 ชม. กลิ่นจะเริ่มเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นอาย Niche Perfume แต่เข้าถึงได้ง่ายและเนื้อกลิ่นมีคุณภาพมาก ใครชอบสายอบอุ่นสไตล์แอมเบอร์ตัวนี้เป็นอีกตัวที่น่าลองมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ Strangers Parfumerie นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by Facebook Page - StrangersParfumerie 


วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Thierry Mugler - A*Men Pure Malt Creation

Thierry Mugler - A*Men Pure Malt Creation

Rare กันอย่างแท้ทรู เพราะว่ารุ่นนี้ปล่อยออกมาสมกับชื่อว่า Limited Edition กับการเอาหนึ่งใน A*Men อย่าง Pure Malt ไปอยู่ในไลน์ Les Liqueurs de Parfums แล้วสร้างสรรค์กลิ่นขึ้นมาให้ผสมผสานกัน เพราะของเดิมตัว A*Men กับ Pure Malt มีความเชื่อมโยงกันระดับหนึ่งจากโทน Fruity และโทน Oriental ที่มาแบบบางๆ ไม่ได้โจ่งแจ้ง พอมาผสมผสานกันแล้วกลิ่นจะเป็นยังไง จะแย่งซีนกันระหว่างเจ้าชู้โจ่งแจ้งกับเจ้าชู้มีระดับขนาดไหน ผลออกมาคือ 

A*Men Pure Malt Creation เปิดตัวด้วยกลิ่นอายโทนผลไม้รวมกันก่อนเลย โดยที่จะมีกลิ่นอายของวิสกี้คลอไปตลอด ซึ่งวิสกี้นี่แหละ จะเป็นกลิ่นหลักยาวไปจนถึงช่วงท้ายๆ เลย สไตล์ลักษณะแบบ Pure Malt ที่เคยเป็นแต่สิ่งที่จับได้ต่อเนื่องคือกลิ่นมินต์ที่ให้ความเขียวสดชื่นติดสมุนไพร ปนกับความปร่าซ่าของเม็ดผักชี โดยมีลาเวนเดอร์ที่รองพื้นอยู่ มีความ Spicy ติดนัวสากกำลังดีเคล้ากลิ่นอายแบบกลิ่นเปิดแบบ A*Men ตัวพ่อเสริมเข้ามาด้วย เรียกว่าช่วงนี้คือการมาเจอกันตั้งแต่เริ่มเลยของตัวพ่อและตัวลูก แต่กลิ่นกลับไม่ตีกัน เพราะกลิ่นของวิสกี้กลั้วผลไม้จะเด่นกว่า ให้โทนสากเย้าจัดเต็มกลายเป็นตัวรองพื้นไป จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลาง ความเป็นวิสกี้เริ่มชัดเจนมากขึ้น พร้อมกับกลิ่นพิมเสนที่เป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของ A*Men เด่นมาด้วย ซึ่งในเนืิ้อกลิ่นจะเริ่มสัมผัสความหวานแบบคาราเมลเคล้าน้ำผึ้งและมีไม้หอมเจืออยู่ กลิ่นจะผสมผสานกันเป็นอย่างดีจนน่าแปลกใจที่ไม่ได้มีอะไรมาแย่งซีนกัน ความเป็นพ่อของ A*Men จะเป็นเหมือนสายสนับสนุนที่ดันดาราให้ความเป็นโทนหวานเซ็กซี่ติดนวลอวลกำลังดีเสียมาก ส่งให้กลิ่นวิสกี้มอลต์เคล้าผลไม้เด่นลอยฟุ้งหอมออกมาเคล้าความเป็นพิมเสนที่ชวนกัดปากเจือความหวานเย้ายวนคาราเมลมีระดับ เซ็กซี่แบบโจ่งแจ้งแต่ก็มีชั้นเชิง กลิ่นช่วงนี้บอกชัดเจนว่าลูกเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับพ่ออย่างมาก ทำหน้าที่เด่นและสนับสนุนกันได้อย่างลงตัว จนถึงช่วงเวลาเปลี่ยนถ่ายเป็นช่วงท้ายสุดของน้ำหอม ความเป็นกลิ่นวิสกี้มอลต์ติดผลไม้จางๆ มีความ Smoky กำลังดีจะยังอยู่แต่จะเบาลงไป ให้ความเป็นตัวพ่อเริ่มมาปล่อยของในช่วงนี้กับกลิ่นอายกาแฟผสมผสานกับพิมเสน และมีคาราเมลติดวานิลลาอบอุ่นกำลังดีเป็นตัวคุม กลิ่นเลยจะได้ความรู้สึกหวานเซ็กซี่กันแบบเต็มๆ ในสไตล์ A*Men เลย แต่เพราะความเป็น Pure Malt ไม่ได้หายไป กลิ่นเลยยังความมีชั้นเชิงและมีระดับแบบที่ยังรู้ตัวว่าเล่นใหญ่กำลังดี หวานเซ็กซี่กำลังเหมาะ และดูมีลูกเล่นที่ติดกรุ้มกริ่มเบาๆ มันง่ายกว่าที่จะได้อะไรดีๆ กลับไป 

เรียกว่าภาพรวมของตัวนี้ มาแบบลงตัวมาก แบ่งซีนและสนับสนุนกันเป็นอย่างดีระหว่างความเป็นลูกอย่าง Pure Malt และตัวพ่อออริจิอย่าง A*Men และเข้ากันได้ดีสร้างออร่ามีเสน่ห์เซ็กซี่พร้อมรบแต่มีชั้นเชิงได้ดีมาก ยอมมมมม

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้แล้ว ยิ่งถ้าใครจะเน้นปลดปล่อยความเซ็กซี่ทางด้านกลิ่นและชอบกลิ่นอายแบบ A*Men ตัวออริจิกับ Pure Malt อยู่ทุนเดิม จะฟินได้เลยทีเดียว ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ตัดการใส่เพื่องานทางการและรับแขกบ้านแขกเมือง กับการใส่ออกกลางแจ้งและการออกกำลังกายไปได้เลยเพราะไม่เข้าทาง นอกนั้นจัดไปแบบจำกัดจำนวนสเปรย์จะลงตัวมาก ส่วนยามค่ำคืนท่องราตรีหรืออกงานแบบไม่ใช่ทางการจ๋าๆ จัดไปกลิ่นมีเสน่ห์และยั่วยวนชัดเจนจริงๆ 

ความทน - ไม่ต้องพูดถึง 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นอยู่ ยกนิ้วให้เลย 

การกระจาย - มาเต็มมากในช่วงแรกแล้วจะลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ พอเข้าช่วงท้ายถึงลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วเมื่อผ่านไปซักประมาณ
12 ชม. กลิ่นจะเริ่มเป็น Skin Scent


ทิ้งท้าย - เสียดายมากกกก ที่รุ่นนี้มาแพร๊พเดียวก็จบปิ้ง ไม่ได้ผลิตต่อ ทั้งๆ ที่ทำกลิ่นได้ดีมีมิติมาแบบแพ็คคู่ยั่วยวนแบบเซ็กซี่ตัวพ่อแต่มีชั้นเชิงมากขึ้นเยอะเลย โอยยยย เสียดายจริงจัง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by https://i.pinimg.com/originals/c8/1c/61/c81c6170b323d13a6c269496a9870470.jpg

วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Yves Saint Laurent - L'Homme Parfum Intense

Yves Saint Laurent - L'Homme Parfum Intense

เมื่อเห็น Yves Saint Laurent ต่อยอดและปล่อยหนึ่งในตัวลูกในไลน์ L’Homme ออกมากับรุ่น L’Homme Parfum Intense แบบว่าถึงกับตะลึงว่าคงได้กระจายสะใจขาดดิ้นและปล่อยพลังกันแบบไม่สนสี่สนแปดใดๆ เป็นแน่แท้ เลยข้ามมาเป็นระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว แล้ววันนึงได้รับการแบ่งปันมาจากมิตรในแวดวงน้ำหอมพร้อมกับกำกับว่า ต้องลอง มันไม่หนักอย่างที่คิดเช่นนั้น
เมื่อซึมซับจนได้ที่ ก็เลยมาเล่ากลิ่นกันหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง 

เปิดมา Top Notes ความรู้สึกสไตล์แบบน้ำหอมโทนปล่อยพลังก็มากันก่อนเลย กับโทน Citrus แต่ไม่ได้มาสายสดชื่น เพราะความเป็นโทน Spicy ของพริกไทยจะทำให้กลิ่นมีความแน่นนัวก่อนในสเต็ปแรก แล้วในเนื้อกลิ่นจะเริ่มสัมผัสได้ชัดเจนถึงดอกส้มแบบนวลๆ ที่ดันขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมกับกลิ่นออกทางอุ่นนัวของไม้หอมและโทนติดสาปปลุกเร้าติดเค็มบางๆ แต่เกลาจนนุ่มไปแล้วพอสมควรดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนเข้าสู่ Middle Notes ไวในระดับหนึ่งเลย โดยที่กลิ่นอายของดอกส้มสไตล์ Orange Blossom ที่กลิ่นจะออกทางดอกส้มขาวนวลจะเป็นตัวนำหลัก และจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเขียวๆ ออกทางทึบติดขมของจิงจูฉ่าย(Artemisia) ปนเขียวโปร่งหวานอยู่ของใบไวโอเล็ตที่เสริมเข้ามา แต่กลิ่นไม่ได้ไปสายแบบใสๆ ธรรมชาติเลย เพราะความอุ่นนัวมันเริ่มตีคู่เข้ามาชัดเจน กลิ่นไม้หอมจะมาเสริมโทนให้กลิ่นมีความหนาขึ้น เพราะมีกลิ่นอายแบบยางไม้นัวๆ เจือวานิลลาจางๆ ตามด้วยกลิ่นสาปปลุกเร้าที่จับได้บางส่วนในช่วงต้นก็แน่นขึ้นมาด้วยซึ่งจะเริ่มชัดขึ้นมากกับลักษณะแบบผิวกายติดเค็มนวลๆ ที่อาจจะเป็นสารหอม Ambroxan ที่ให้โทนเดียวกับกลิ่นแนวอำพันปลาวาฬ (Ambregris) พอมาเจอกับไม้หอมกลิ่นเลยจะมีมิติที่หอมนวลไม้เคล้าโทนสาปปลุกเร้าจากผิวกายนัวๆ แบบยาวไปจนเข้าสู่ Base Notes ซึ่งจะเป็นช่วงที่เรียกว่าให้เสน่ห์กันเต็มๆ เพราะจะเป็นช่วงที่โทน Animalic หรือสาปปลุกเร้าต่างๆ อย่างกลิ่นโทนผิวกายนวลๆ ติดเค็มและกลิ่นหนังที่พึ่งชัดเจนในช่วงท้ายนี้จะเป็นตัวเดินเรื่องซึ่งจะผสมผสานด้วยกลิ่นอายแบบยางไม้อบอุ่นติดวานิลลาและไม้หอมแห้งๆ ที่กลิ่นไม่ได้โปร่งสว่างเกินไป มีความดาร์กหน่อยๆ ในกลิ่น ซึ่งดมติดผิวจะได้ความรู้สึกนัวๆ ของกลิ่นหนังเคล้าผิวกายนวลๆ เจือไม้หอมกับวานิลลาบางๆ เย้ายวนแบบมีระดับและมีความภูมิฐานแบบที่แฝงความเซ็กซี่ที่ลงตัวเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปเรียกว่าเข้าทางหมด จริงๆ น้องๆ มหาลัยก็ใช้ได้อยู่ แต่กลิ่นมีมีมิติอบอุ่นอยู่พอสมควรไม่ได้ออกแนวสดชื่นสดใสนัก แต่ถ้าไม่มายด์ก็จัดไป ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดสเปรย์ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะเดี๋ยวกลิ่นจะแน่นรุมๆ หนักหน่วงและคนอื่นที่ได้กลิ่นอาจจะอึดอัด และแน่นอนกลิ่นนี้เหมาะกับอากาศเย็นๆ มาก แต่ไม่เหมาะกับการใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายทุกประการ เดี๋ยวจุกคอหอยตายเอา ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นมีเสน่ห์และดึงดูดมากเน้นโทนคลุกวงในกันอย่างชัดเจน 

ความทน - อันนี้ยกให้เลย 10 ชม. อย่างสวยงาม และมากกว่านั้นด้วยซ้ำ กับจำนวนสเปรย์ 4 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แต่ที่เหลือจะมาสายแบบไม่ได้เน้นกระจายหนักหน่วงมาก แต่กลิ่นเข้มข้นซึ่งจะลดลงมาเป็นกึ่งปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไปจนถึงช่วงท้ายๆ เลย ซึ่งพอผ่านซัก 8 ชม. แล้ว กลิ่นจะเริ่มเบาลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวอ่อนๆ 

ทิ้งท้าย - เอาตรงๆ กลิ่นนี้ ใส่แล้วเหมือนบอกแบบหน้านิ่งๆ ว่า ขอเรียนเชิญมาคลุกวงในเถิดแล้วจะเกิดผลอะไรดีๆ ตามมา ที่แน่ๆ ถือว่าฝีมือน้ำหอมชายของไลน์นี้ที่เน้นนำเสนอเสน่ห์และความเซ็กซี่แบบเท่ห์ๆ ยังคงมาตรฐานได้ดีมาเสมอจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by http://images.ulta.com/is/image/Ulta/2289401



วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Valentino UOMO Intense

Valentino UOMO Intense

ผ่าน Valentino UOMO มาก็แล้ว รุ่นพิเศษเฉพาะกาลอย่าง Valentino UOMO Edition Noire ก็แล้ว ก็ได้เวลาของรุ่น Intense กันบ้าง ที่ปล่อยออกมาในปี 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งคราวนี้จะมาเพื่อชิงตลาดฝั่ง Dior Homme อีกหรือไม่ในโทนลักษณะที่ใกล้เคียงกันและหลายๆ คน มักเปรียบเทียบ 2 ไลน์นี้กันใหญ่ เช่นนั้นมาจาระไนเลยดีกว่าว่าจะออกมาในรูปแบบไหน
 

เปิดตัวกลิ่นมาก็เรียกว่าถึงกับสตันไปนิดนึง เพราะว่ากลิ่นอายแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้ Dior Homme Intense มากครับ เพราะความเป็นโทนแป้งแนวๆ กระเป๋าเครื่องสำอางหรือลิปสติกมันชัดเจนเลยจากไอริสที่จะโดดออกมาแบบสัมผัสได้เลย แม้จะมีกลิ่นอายโทนคล้ายลาเวนเดอร์ติดสมุนไพรออกอุ่นหน่อยๆ จาก Clary Sage และมีวูบบางๆ แบบกลิ่นเปลือกส้มวูบเดียวก็หายแซ่บหายสอยก็จริง แต่กลิ่นก็ยังทำให้นึกถึงฝั่งคู่แข่งอยู่ดี เพราะนอกจากไอริสแล้วยังจับได้ถึงความเป็นโกโก้ที่เสริมมาด้วยนั่นเอง แต่หลังจากนี้จะไม่ใช่แล้ว เพราะ

กลิ่นของ Tonka Bean จะเริ่มแทรกขึ้นมาในช่วงกลางทำให้กลิ่นแนวโทนแป้งลิปสติกเครื่องสำอางจะเริ่มกลมกล่อมมากขึ้น มีความครีมมี่เข้ามาผสมผสาน ความเป็นโกโก้มาแบบผลุบๆ โผล่ๆ และฟันธงได้เลยว่าเป็นสายสนับสนุนแน่นอน แต่จะให้กลิ่นโทนถั่วฮาเซลนัทที่เป็นเหมือนลายเซ็นของไลน์นี้ขึ้นมาตีคู่กับกลิ่นนวลๆ ของ Tonka Bean ที่ผสมผสานกับไอริสอย่างลงตัวอยู่นั้่นให้มีความหวานจางๆ เจือ เคล้าไม้หอมนิดๆ ที่สำคัญในความนวลเครื่องแป้งนั้นยังมีกลิ่นอายของโทนหนังที่อวลๆ นุ่มๆ เข้ามารองพื้นให้กลิ่นมีความเซ็กซี่ดึงดูดแบบเมโทรกันอย่างชัดเจนเลยทำให้กลิ่นมีความเข้มข้นอยู่ให้รู้สึกได้ เพียงแต่ไม่มาแบบพลังทำลายล้างมากนัก ซึ่งกลิ่นหนังนี่แหละก็จะเป็นตัวที่กลายเป็นตัวเด่นและนำเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอม ที่จะสัมผัสได้ถึงความนุ่มอบอุ่นดึงดูดที่มากกว่าเดิม เพราะตัวสำคัญอย่างวานิลลาก็มากับเขาด้วย กลิ่นเลยจะได้ความนวลอบอุ่นเคล้าโทนแป้งเครื่องสำอางที่ยังมีอยู่บางๆ ทำให้เป็นวานิลลาติดไอริสรองพื้นด้วยกลิ่นอายหนังนุ่มๆ ครีมมี่กำลังดี และเจือกลิ่นอายติดไม้หอมปนหวานบางๆ ซึ่งอารมณ์ของกลิ่นมาสายเมโทร ดึงดูด เซ็กซี่ และเย้ายวนแบบที่มีมาดของผู้ชายเนี้ยบและรู้ว่าตัวเองมีดีพอให้ปล่อยเสน่ห์ยังไงยังงั้นเลย 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป เพราะกลิ่นมีความเป็นเมโทรที่นำเสนอความเป็นผู้ชายดูแลตัวเองและ Modern เต็มๆ เอาจริงๆ น้องมหาลัยก็ใส่ได้ แต่เน้นเวลาออกงานดีกว่าจะเนี้ยบเท่ห์ทางด้านกลิ่นได้เลย ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป เสริมบุคลิกทางด้านกลิ่นเท่ห์และมีเสน่ห์อย่างชัดเจน ยิ่งวันอากาศเย็นๆ หรืออยู่ในห้องแอร์เหมาะมากมาย แต่ไม่เหมาะเลยกับการใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายเดี๋ยวตีขึ้นจนขาดออกซิเจนก่อน เพราะมัน Intense นะ ส่วนยามค่ำคืนไม่ว่าจะออกงานหรือท่องราตรีจัดไป กลิ่นมีเสน่ห์ดึงดูดมากเลยทีเดียว 

ความทน - เรียกว่าดีงาม เกิน 8 ชม. ขึ้นไปแน่ๆ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุกที่ฉีด ส่วนตัวเจอที่ไป 15 ชม. กับ 6 สเปรย์ ยกนิ้วให้เลยว่าทำได้ดีมากในเรื่องนี้ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางมีเสน่ห์ไปเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปเรื่อย

ทิ้งท้าย - รู้สึกได้ถึงการมีรุ่นนี้เพื่อแบ่งส่วนตลาดของ Dior Homme อย่างบอกไม่ถูก แต่แม้จะมีความใกล้เคียงทางกลิ่นอยู่บ้าง แต่ก็มีความแตกต่างให้รู้สึกได้และมีเสน่ห์ได้น่าสนใจเลยทีเดียว

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by https://cdn.shopify.com/s/files/1/0259/7733/products/valentino_uomo_intense_1024x1024.jpg?v=1484695475



วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Carolina Herrera - 212 VIP Men Wild Party

Carolina Herrera - 212 VIP Men Wild Party

เมื่อต้นตระกูลอย่าง 212 VIP Men กวาดความนิยมกับกลิ่นอายเจ้าชู้ประตูดินสายปาร์ตี้ที่กรุ้มกริ่มพร้อมปล่อยของ จนทำให้เริ่มมี Flanker ที่น่าสนใจตามมาเป็นลูกหลานกันอยู่หลายรุ่น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ 212 VIP Men Wild Party ที่มาสายขวดแก้วสีดำลวดลายเกล็ดสวยงาม ซึ่ง Carolina Herrera จะนำเสนอในลักษณะไหน ผลออกมาคือ 

กลิ่นยังคงมาสายความเจ้าชู้กรุ้มกริ่มอยู่ เพียงแต่อาจจะไม่ได้มาสายแนParty แบบติดหรูกรุ้มกริ่มมากขนาดนั้นแล้ว แต่มาแบบที่เชิญชวนกันโต้งๆ เสียมากกว่า Party นี้ต้องมีเฮหลังจบงาน เพราะกลิ่่นเปิดมาก็เอากลิ่นโทนเผ็ดโปร่งของพริกไทยเป็นตัวเด่นนำกันเลย โดนมีความเป็น Citrus ผสมผสานดันให้กลิ่นมีความสดชื่น แต่ไม่ได้สดชื่นมันเข้าไปอย่างที่คิด เพราะจะมีความเป็นโทนผลไม้แนวๆ แอปเปิ้ล ผสมผสานกับกลิ่นออกทางเค็มๆ นัวๆ และมีกลิ่นออกทางเมทัลลิคติดเขียวนวลที่ดึงดูดชัดเจน เลยทำให้กลิ่นเปิดตัวมาก็ออกสายนัวและเรียกแขกแบบเย้ายวนนวลนัวพุ่งกันตั้งแต่ทีแรกเลย จนเมื่อเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางความเป็นโทนออกทางเขียวนวลติดเมทัลลิคอมหวานโปร่งๆ จะชัดขึ้นมากจนจับได้ว่าเป็นกลิ่นของใบไวโอเล็ต ที่จะให้ความรู้สึกดึงดูดเย้านแบบเขียวอมหวานนัวๆ เป็นตัวนำ เคล้าด้วยกลิ่นอายของพริกไทย และกลิ่่นที่ออกเค็มๆ หอมๆ หน่อยๆ (ซึ่งพอไปดูจาก Notes ภายหลังเลยรู้ว่าเป็นกลิ่นของไข่ปลาคาเวียร์) กลิ่นเลยจะมีเลเยอร์ความความเขียวนวลติดเผ็ดโปร่ง โดยที่มีความเค็มนัวหน่อยๆ ซึ่งช่วงนี้เรียกว่าเป็นสายปล่อยของกันเต็มๆ เพราะกลิ่นอายจะเย้ายวนนวลๆ ให้ชวนนัวใกล้ๆ แล้วไม่นานจะเริื่มมีกลิ่นไม้หอมดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนนำเข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นอายของไวโอเล็ตจะยังอยู่แต่ให้ความเซ็กซี่ติดเขียวนวลดึงดูดแบบเบาๆ มีกลิ่นอายเค็มๆ นิดๆ แต่ปูทางให้กลิ่นไม้หอมติดอบอุ่นเป็นตัวเด่น ซึ่งกลิ่นจะยังคุมโทนความนวลติดนัวและมีความละมุนอุ่นๆ ของไม้หอมที่น่าซุกอยู่ลงตัว ภาพรวมจึงเป็นน้ำหอมที่ชัดเจนเรื่องการเรียกแขก และเป็นสายพร้อมเปิดให้คลุกวงในตลอดตั้งแต่ต้นยันจบไม่น้อย รวมถึงสื่อสารถึงคำว่า Wild Party โดยเอากลิ่นของใบไวโอเล็ต กับกลิ่นไม้หอมเป็นตัวบอกอารมณ์แบบ Wild ได้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดีย 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายวัยขบเผาะทุกเพศ หรืิอเรียนมหาลัยขึ้นไปก็จัดได้สบายมาก กลิ่นมันเป็นโทน Modern ชัดเจน และเป็นสายปล่อยของ เช่นนั้น จึงอาจจะเข้ากับสถานการณ์ยามกลางวันได้อยู่บ้างแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ ซึ่งสามารถใส่ได้ในยามทั่วๆ ไป แต่งานทางการพบปะผู้คนหรือผู้ใหญ่ ข้ามตัวนี้ไปจะดีกว่า กลิ่นมันพุ่งเชิญชวนไปนิด ยกเว้นแยากหาผู้ใหญ่เปย์นั่นอีกเรื่อง ส่วนยามค่ำคืน เรียกว่าพร้อมรบกันเห็นๆ เลย จัดไป สู้ชาวบ้านได้สบายๆ และเผลอๆ เรียกแขกมาคลุกวงในได้ไม่ยากด้วยนะ (อิงบุคลิกด้วยนะ ไม่ใช่ซกม๊กแล้วคิดว่าใส่ตัวนี้จะดึงดูดคงไม่น่าจะใช่) 

ความทน - กลิ่นทนดีงาม และเกินคาดกับราวๆ 8 - 10 ชม. ซึ่งส่วนตัวเจอมากกว่านั้นถึง 12 ชม. กลิ่นก็ยังติดผิวติดเสื้ออยู่ ถือว่าน่าพึงพอใจ 

การกระจาย - กลิิ่งพุ่งเลยทีเดียวในตอนแรก มาสายกระจายดีชัดเจน แล้วจึงลดลงมากระจายปานกลาง กับเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย พอพ้นซัก 8 ชม. ไปแล้วจะเริ่มเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - เรียกว่า เป็นการต่อยอดจากความเป็น 212 VIP Men เดิมหรือรุ่นก่อนหน้าอย่าง Club Edition ได้ดี ฉีกความเป็นกลิ่นอายเจ้าสำราญมาเป็นชวนนัวกันอย่างชัดเจนมากขึ้น ใครชอบกลิ่นอายเซ็กซี่เย้ายวนเปิดตัวกันชัดเจน ถือว่าตัวนี้ตอบโจทย์ไม่น้อย

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 

Photo Credit by https://i5.walmartimages.com/asr/5afc0f61-b55e-4746-833f-452272b76a70_1.347699763e9b74167a92d17907fde7b9.jpeg

วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Maison Martin Margiela - Replica: Tea Escape

Maison Martin Margiela - Replica: Tea Escape

เพราะชอบกลิ่นของชามากมาย ไม่ว่าจะเป็นชาร้อน ชาเย็น ชาต้ม ใบชาสดหรืออบแห้ง รวมถึงชาอะไรก็ตาม เพราะในความเป็นชา มันจะได้ทั้งความรู้สึกผ่อนคลาย อะโรม่า รื่นรมย์ ดึงดูด ดาร์ก เขียว สดชื่น และอื่นๆ ซึ่งมาได้หลายมิติมาก และเมื่อได้เจอกับแบรนด์ Maison Martin Margiela ที่เป็นแบรนด์ Fashion จากฝรั่งเศสที่มีไลน์น้ำหอมในคอนเซปท์ Replica ซึ่งหมายถึงการถอดแบบเอาสภาพแวดล้อมหรือช่วงเวลาที่น่าประทับใจต่างๆ มาจับใส่ในขวดและเป็นน้ำหอมด้วยแล้ว เมื่อมาจับต้องแบรนด์นี้เป็นครั้งแรก ก็ขอนำเสนอกลิ่นอายของชาที่แบรนด์นี้นำเสนอกันก่อนเลย เพราะอยากรู้ว่าจะทำออกมาในลักษณะไหนกับรุ่นนี้ Tea Escape 

ชาเกนมัยฉะ - ชาเขียวข้าวคั่วหอมละมุนที่แสนจะผ่อนคลายเปิดตัวกันเต็มๆ เลย กลิ่นอายจะมาแบบอารมณ์กลิ่นชาเขียวเคล้ากลิ่นข้าวคั่วหอมๆ ฟุ้งกระจายออกมา โดยในเนื้อกลิ่นจะมีมิติของความเป็นโทนอากาศสดชื่นดีๆ รายล้อมอยู่โดยจะมีกลิ่นมินต์กับโทน Citrus บางๆ และกลิ่นโทนหวานติดเครื่องเทศเบาๆ เจือลงไปให้กลิ่นไม่ได้เป็นแค่การนำเสนอแค่ความเป็นชาข้าวคั่วเกนมัยฉะเพียงอย่างเดียว เพียงแค่เปิดต้นกลิ่นก็นำเสนอความเป็น Tea Escape หรือเวลายามหลบลี้หนีความวุ่นวายไปพักผ่อนและเคล้ากลิ่นชาร้อนผ่อนคลายสไตล์ญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว 

ชาเขียวมะลิ - ถัดจากการเป็นชาเขียวข้าวคั่วหอมรื่นรมย์แล้ว ก็จะเริ่มมีกลิ่นอายดอกไม้แบบที่คุ้นเคยเข้ามาในช่วงกลางนั่นคือ มะลิ ทำให้กลายเป็นกลิ่นชาเขียวมะลิรื่นจมูกได้ความอะโรม่าอย่างต่อเนื่อง โดยที่ยังมีกลิ่นอายของชาข้าวคั่วผสมผสานอยู่กำลังดี ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้บางๆ ถึงความเป็นโทนหวานอมเปรี้ยวแบบแอปริคอตเจือๆ และมีความครีมมี่กำลังดีอยู่หน่อยๆ เคล้ากับโทนดอกไม้บางเบา ที่สื่อสารถึงบรรยากาศแบบกลิ่นดอกไม้หอมเคล้ากับเวลาจิบชากลิ่นสร้างบรรยากาศได้ลงตัวมากได้ความผ่อนคลายในความเป็นชาได้ชัดเจน และความครีมมี่นุ่มนมจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็น 

ชาเขียวนมมัทฉะ - กลิ่นในช่วงนี้จะชัดเจนถึงกลิ่นอายชาเขียวมัทฉะที่มีกลิ่นอายข้าวคั่วจางๆ กลิ่นดอกไม้หอมหวานใสเคล้ากลิ่นอายเขียวปนขมสมุนไพรจางๆ ที่มาจากชามาเต ความอะโรม่ายังชัดเจนแต่สิ่งที่งดงามคือกลิ่นอายนมที่มาผสมผสานกับชาทำให้กลิ่นมีความนุ่มละมุน ซึ่งเนื้อกลิ่นมีความอบอุ่นกำลังดีแบบชาเขียวร้อนใส่นมที่มีความหวานเจือลงตัวพอเหมาะพอเจาะกำลังดีมากได้ความรู้สึกสบายผ่อนคลายและรู้สึกมีความสุขรื่นรมย์เต็มไปหมดจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปสามารถใช้น้ำหอมตัวนี้ได้สบายๆ กลิ่นมีความเป็นชาเขียวที่ผ่อนคลายในลักษณะต่างๆ ไล่เรียงกันได้อย่างลงตัวและงดงามมาก ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ออกกลางแจ้งก็พอได้ เพราะกลิ่นให้ความรื่นรมย์ได้ดีอยู่ แต่ไม่เหมาะกับการใส่เพื่อออกกำลังกายแน่นอน ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่เพื่อความผ่อนคลายอะโรม่าจะเข้าทางมากกว่าใส่ไปท่องราตรีที่คนเขาจะนึกว่าจะชวนไปชงชาที่ไหนมากกว่ามาเที่ยว ส่วนคุณผู้ชายเอาจริงๆ กลิ่นนี้แม้ว่าจะออกสาวไปบ้างเพราะช่วงกลางความเป็น Floral มันมาเต็ม แต่ถ้าชอบกลิ่นชาแล้วล่ะก็ อย่าได้แคร์ มันงามมาก เผลอๆ กวาดคำชมได้เสียด้วยซ้ำไป

ความทน - ดีงามกับราวๆ 8 ชม. อาจจะมีบวกลบไปบ้างราว 1-2 ชม. แต่ถ้าจำนวนสเปรย์พอเหมาะพอเจาะ กลิ่นทนลากยาวไปได้เลย 

การกระจาย - ตัวนีชัดเจนคือ กลิ่นไม่เน้นปล่อยพลัง มาสายอะโรม่า การกระจายเลยจะเปิดตัวที่ปานกลางไม่หนักหน่วง แล้วคงตัวไปจนถึงปลายช่วงกลางที่จะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว จนเข้าช่วงท้ายที่จะเป็น Skin Scent มาสายปลอดภัยกันอย่างชัดเจน 

ทิ้งท้าย - บอกเลยว่าแบรนด์ใช้คอนเซปท์ Replica ถอดความเป็นชาเขียวในลักษณะต่างๆ สไตล์ญี่ปุ่นได้ชัดเจนจริงๆ ดึงเอาความรู้สึกและสภาพแวดล้อมรวมถึงช่วงเวลาแห่งความรื่นรมย์ได้ดีจนฟินจัดชัดเจนมากมาย โอยย ยกดาวให้ทั้งฟ้าเลย 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ 


วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Diesel - Plus Plus Masculine

Diesel - Plus Plus Masculine

ขวดนมขวดนี้เห็นครั้งแรกแบบว่า Diesel ทำของกลิ่นด้วยเหรอ มีนมพลาสเจอร์ไรส์ด้วย แต่ที่ไหนได้มันคือความเก๋ของการทำ Package ที่เอาขวดนมแบบนี้มาเป็นน้ำหอม แถมมีทั้งรุ่นผู้หญิงและผู้ชายเสียด้วย ซึ่งแน่นอนไม่ได้เห็นในบ้านเราแล้ว เพราะผู้นำเข้าเอารุ่นอื่นมานำเสนอแทนเสียมาก เช่นนั้น จึงขอมาเล่ากลิ่นกันหน่อยดีกว่าว่าขวดนมขวดนี้ในรุ่นของผู้ชายในชื่อรุ่นว่า Plus
 Plus Masculine กลิ่นจะมาในลักษณะไหน 

Top Notes เปิดมาก็ได้อารมณ์ของความเป็นส้มเคล้าความเป็น Citrus แบบไม่ได้ส้มจ๋าๆ มีความเป็นโทนสังเคราะห์เคล้าความเป็นโทนครีมๆ นวลๆ ซ่าๆ ที่มาจากเม็ดผักชีในเนื้อกลิ่น ได้อารมณ์สไตล์ครีมส้มติดซ่าวูบขึ้นมากึ่งสดชื่นกึ่งครีมนวล เพียงชั่วขณะถัดมาความชัดเจนของโทนครีมมี่จะมากขึ้น ได้ความเป็นกลิ่นอายแบบนมเปรี้ยวรสส้มวูบขึ้นมาเลย และจะยืนพื้นที่กลิ่นนี้อย่างชัดเจนใน Middle Notes กับการเป็นกลิ่นสไตล์นมเปรี้ยวรสส้มแต่ไม่ได้ออกทางนมเปรี้ยวจ๋าๆ จนแบบว่าเอานมเปรี้ยวสาดตัวขนาดนั้น เพราะกลิ่นโทนเครื่องเทศเย้ายวนจะตีคู่เด่นขึ้นมาให้ความดึงดูดชัดเจนด้วยกับกลิ่นอายของอบเชยติดครีม มีความเแ็นกระวานให้ความหวานเซ็กซี่กำลังดี รวมถึงมีความหวานนวลออกทางโทนแป้งซึ่งน่าจะมาจากไวโอเล็ตเชื่อมต่อระหว่างโทนครีมมี่นมเปรี้ยวกับเครื่องเทศให้กลายเป็นกลิ่นนุ่มอบอุ่นติดสดชื่น กลิ่นจะกลางๆ คงความเป็นโทนกลิ่นนมรองพื้นได้ลงตัวจนเมื่อมีกลิ่นไม้หอมนวลๆ ติด Spicy อบอุ่นเสริมเข้ามาเรื่อยๆ จนเริ่มจับได้ชัดเจนว่ามีกลิ่นของไม้จันทน์หอมที่มีความเผ็ดนวลกำลังดีจากโทนเครื่องเทศเผ็ดปร่าติดไม้หอมอย่างเม็ดจันทน์เทศเคล้ากับกลิ่นครีมมี่ของถั่วตองก้าที่ให้ความรู้สึกแบบนมรองพื้นบางๆ ครีมๆ และมีความเย้ายวนชวนคลุกวงในของอบเชยที่ยังตามมาเด่นอยู่ในช่วงนี้ด้วย กลิ่นจะผสมผสานกันเป็นกลิ่นไม้หอมติดนมที่มีความอบอุ่นเย้ายวนและดูไม่หนักหน่วง มีความหวานจางๆ ให้จับได้ให้ความน่ารักและวัยรุ่นได้กำลังดีแบบผู้ชายน่ากอดได้น่าสนใจเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย ขึ้นไปก็สามารถ กลิ่นมีความเป็นวัยรุ่นระดับหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ได้ทั้งใส่ทำงานใน Office ใส่เรียน หรือทั่วๆ ไป แต่ถ้างานทางการจัดๆ หรือต้องพบปะผู้คนสำคัญ เว้นตัวนี้ไปจะดีกว่า นอกนั้นไม่ว่าจะเป็นใส่ออกกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายให้รอช่วงท้ายๆ จะพอได้อยู่ ส่วนยามคำคืน อัดสเปรย์หน่อยออกไปปล่อยของได้ เพราะกลิ่นถือว่าเข้าทางกับกลางแจ้งได้ในระดับหนึ่งเลย 

ความทน - ราวๆ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ โดยส่วนตัวเจอที่ราวๆ 8 ชม. จำนวนสเปรย์ที่ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลาง ก่อนจะกลายเป็น Skin Scent ให้ความรู้สึกติดนมๆ ในตอนท้าย 

ทิ้งท้าย - ยกนิ้วให้ขวดที่มีความเก๋เป็นของตนเองแบบขวดนมเลย Diesel จับตรงนี้มาเป็นจุดขายได้ยอดมาก และเสียดายที่หายไปจากไทยแล้ว 

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit by https://images-na.ssl-images-amazon.com/images/I/61%2Bblj0MAvL._SL1000_.jpg



วันเสาร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2561

Review: Lalique - Encre Noire a l’Extreme

Lalique - Encre Noire a l’Extreme 

จากความนิยมมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานกับรุ่น Encre Noire ที่เป็นหนึ่งในกลิ่นหญ้าแฝกที่ยอดเยี่ยมติดอันดับต้นๆ ของโลก จากฝีมือของแบรนด์เครื่องแก้วอย่าง Lalique ตามด้วยเพิ่มทางฝั่งสาวๆ อย่าง Pour Elle เอามาเป็นคู่กับรุ่นปกติ และต่อยอดความสำเร็จในรุ่น Sport ที่เพิ่มความสดชื่นมากขึ้นในเวลต่อมา และตอนนี้ก็ได้เวลาของรุ่นที่ 3 ที่มาพร้อมกับความเข้มข้นจัดเต็มกันบ
้างอย่าง Encre Noire a l’Extreme ที่ได้เปิดตัวมาเมื่อปี 2015 ซึ่งคราวนี้กลิ่นจะมาในลักษณะไหน จัดเต็มแล้วจึงมาเล่าตามนี้ว่า 

มาเต็มจริงๆ เรียกว่าเอาความเป็น Encre Noire เดิมที่เน้นความดาร์กอย่างมีชั้นเชิงราวกับหมึกดำบนกระดาษขาวที่พลิ้วไหวตามข้อความที่มาจากลายมือ มาใส่ความขรึมขลังลงไปมากขึ้น โดยเปิด Top Notes กับโทนไม้หอมที่จะมีความสดชื่นมาก่อนวูบนึงสั้นๆ จากมะกรูดฝรั่งหรือ Bergamot แล้วจะเป็นกลิ่นอายไม้หอมติดเขียวเจือหน่อยๆ ของสนไซเปรสที่จะแอบมีความเป็นกลิ่นคล้ายกระดาษนิดๆ แต่เพราะมีกลิ่นยางไม้ที่ออกทางพริกไทยมีความเป็น Citrus หน่อยๆ เลยจะเป็นกลิ่นอายแบบไม้หอมสดชื่นแต่มีความแน่นดาร์กออกทางขรึมแบบเหมือนเดินเล่นในดงไม้แห้งๆ ที่อากาศถ่ายเท แล้วจะเริ่มจับกลิ่นได้ถึงความเป็นหญ้าแฝกกับกลิ่นขรึมขลังแนว Incense หรือธูปหอมที่ดันขึ้นมาค่อนข้างไว ถือเป็นการเข้าสู่ Middle Notes กันอย่างชัดเจน ซึ่งกลิ่นอายของหญ้าแฝกจะไม่มีความฉ่ำนัก แต่ก็ไม่ได้ดู Dirty ติดยั่วเย้าอะไร ยังคงความเป็นโทนสุภาพบุรุษที่สุขุม นิ่ง ลึกลับ และน่าค้นหา อบอุ่น และที่สำคัญดาร์กกันอย่างชัดเจนในโทนแห้งๆ มีความ Smoky และติดขมหน่อยๆ สอดรับกับกลิ่น Incense ที่มาสายธูปไม้หอมที่กลิ่นจะมีความเป็นไม้หอมออกทางซีดาร์ที่ขรึมขลังติดควันไอ ในเนื้อ กลิ่นจะมีลักษณะของโทน Earthy ที่จะมีกลิ่นออกโทนแป้งติดอับอวลของหัวเหง้าออริส (เหง้าของต้นไอริส) เสริมเข้ามามาสายรองพื้นดันให้กลิ่นมีความอบอวลกันเต็มๆ ในช่วงนี้ เรียกว่าคนรักหญ้าแฝกน่าจะรับกลิ่นโทนนี้กันเต็มที่และอบอวลกันเลย จนเมื่อผ่านไปและเข้าสู่ Base Notes ความเป็นลักษณะแบบต้นตระกูลจะมีความชัดเจนมากขึ้น แต่กลิ่นจะเปลี่ยนโทนจากที่จะมีลักษณะคล้าย Musk เป็นตัวสนับสนุน กลายเป็นเน้นที่ความเป็นไม้หอมติดอบอุ่นนิ่งขรึมเป็นตัวที่ให้ทั้งความเป็นสายสนับสนุนและสายแย่งซีนเด่นกันได้เลย ซึ่งกลิ่นหญ้าแฝกจะเริ่มมีความเป็นกลิ่นอายแบบไม้แห้งจัดๆ มากขึ้น และกลิ่นของโทน Incense จะเริ่มชัดมาขึ้นจนเป็นตัวเอกกันเต็มๆ โดยมีกลิ่นอายติดไม้หอมครีมจางๆ จากไม้จันทน์หอม ซึ่งกลิ่นโทนอบอุ่นที่สัมผัสได้คือกำยานที่จะมีวานิลลาจางๆ แบบไม่มีโทนหวานผสมกับไม้หอมที่กึ่งโทนแอมเบอร์กันในระดับหนึ่ง กลิ่นเลยจะได้ความรู้สึกนิ่งขรึมและขลังจากโทนหญ้าแฝกกับ Incense แล้วให้ความอบอุ่นติดนวลหอมเนื้อไม้จากโทนไม้หอมและกำยาน ซึ่งจะได้อารมณ์ชัดเจนถึงความมีระดับ ขรึมแต่มีพลัง ขลังแบบที่มีออร่าออกมาอย่างชัดเจน ไม่ดาร์กจัดเกินไปโดยที่ความเข้มข้นก็ยังมาเต็ม นี่แหละรุ่น Extreme ของ Encre Noire 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นสร้างออร่าความขรึมขลังชัดเจนมาก จึงเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม โดยเฉพาะยามทางการที่สร้างมาดความนิ่งขรึมและภูมิฐานได้ดีมาก ส่วนยามทั่วๆ ไปก็สามารถใส่ได้ แต่อย่ามากไปเดี๋ยวจะอึดอัดเอาเสียเปล่าๆ เพราะกลิ่นมันเข้มแน่นจริงๆ งดใส่เพื่อการออกกำลังกายจะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคึืน ถ้าอยากปล่อยความขรึมเท่ห์ อันนี้จัดไป เพราะกลิ่นแตกต่างจากโทนหวานยั่วทั้งหลายแบบมีชั้นเชิงกว่ามากไม่พอ ยังมีความหรูเท่ห์แบบที่มีระดับมากจริงๆ 

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 8 - 10 ชม. ตามสไตล์การเป็น EDP ซึ่งอาจจะมากกว่านั้น อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ เพราะจากที่ส่วนตัวได้ใช้จริง ล่อไป 12 ชม. กลิ่นยังอยู่กับจำนวนสเปรย์ที่ 4 สเปรย์ 

การกระจาย - กระจายดีมากและชัดเจนเต็มๆ ในช่วงต้น แล้วจะลดทอนลงมากระจายดีในช่วงกลาง เมื่อเข้าช่วงท้ายจะกระจายปานกลางแบบยาวไป พอพ้นซัก 8 ชม. กลิ่นจะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัว แบบยาวไป 

ทิ้งท้าย - เรียกว่าเป็นการต่อยอดได้ดีมากในการเป็น Encre Noire ฝ่ายชายที่แม้ลักษณะพื้นฐานกลิ่นจะคล้ายกันตามความเชื่อมโยงของโทนเท่ห์ๆ มีระดับจากหญ้าแฝกที่ควรจะเป็น แต่ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจอยู่ที่ว่าใครจะชอบแบบไหน หรือว่าชอบทั้งหมดเลยก็ตามสะดวก ดังนี้เลย 

Encre Noire - ดาร์ก
Encre Noire Sport - สดชื่น 
Encre Noire a l’Extreme - ขรึมขลัง 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit by Lalique - http://www.lalique.com/media/products/large/MA12201-encre-noire-a-l-extreme-eau-de-parfum.jpg