Carolina
Herrera – CH Men Grand Tour
เป็นหนึ่งใน
Flanker
ลำดับที่ 3 ของรุ่น CH Men ที่เรียกว่าเป็นตัวยอดนิยมของแบรนด์ Carolina Herrera ที่ตามติดโซน 212 มาเลยทีเดียว
ส่วนตัวนั้นเดิมทีไม่เคยได้มีโอกาสลอง CH Men ต้นตำรับมาก่อนเลยว่ามาในลักษณะเช่นใด
เรียกว่าเป็นการข้ามช็อตมาเลย ดังนั้นมารู้จักกันกับรุ่นนี้เลยดีกว่า CH
Men Grand Tour
แน่นอนว่าจะไม่มีการบอกเล่าถึงความเชื่อมโยงใดๆ
กับต้นตระกูล จะมุ่งตรงมาที่กลิ่นอายที่รุ่นนี้ทำออกมาเลย
ซึ่งก็เปิดตัวกันด้วยความนัวกันก่อนเลยกับ Top Notes ที่เป็นกลิ่นของสมุนไพรแห้งกลั้วเครื่องเทศติดเผ็ดเคล้ากับกลิ่นอายของ
Incense หรือโทนธูปจะมาแบบนัวๆ ติดหวานก่อนเลย
ซึ่งจะจับได้เลยว่ามีโทนนุ่มรองพื้นอยู่ตั้งแต่ช่วงนี้ กลิ่นอายจะนัวนุ่มติด Smoky
กำลังดี
และเพียงไม่นานเครื่องเทศโทนอบอุ่นจะเด่นขึ้นมาดึงเข้าสู่ช่วง Middle Notes
ที่กลิ่นอายจะมีความหวานเคล้าอบอุ่นของอบเชย
และมีกลิ่นอายเผ็ดนุ่มของเม็ดจันทน์เทศมาตัดทอน โดยที่กลิ่นอายโทนธูปยังคงอยู่แต่ลดความ
Smoky ลงมา ซึ่งกลิ่นอายนุ่มๆ
ที่รู้สึกได้ตั้งแต่ช่วงต้นจะจับได้ชัดเจนในช่วงกลางนี้ด้วยเช่นกันกับกลิ่นหนังกลับที่มาสายนุ่มจมูกมากกว่าจะมีความเป็นสาปปลุกเร้า
Animalic กลิ่นอายจะนุ่มนวลจมูกอวลๆ กำลังดีไปตลอด
จนเมื่อเข้า Base Notes กลิ่นหนังกลับจะเด่นเคล้ากับกลิ่นไม้หอมอบอุ่นแบบแบ่งภาคกันได้อย่างลงตัวและจะสัมผัสได้ไม่ยากทั้งคู่
เพียงแต่จะมีกลิ่นอายเครื่องเทศที่ยังตามมาจากช่วงกลางมาผสมผสานไปด้วย
ซึ่งในช่วงนี้จะได้ความรู้สึกแบบหนังนุ่มสะอาดที่มีความนวลอวลกำลังดีไปตลอดจนกว่ากลิ่นจะเริ่มจางและหายไปจากผิว
เหมาะสำหรับ
– ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว
เพียงแต่ว่าอาจจะต้องผ่านน้ำหอมกลิ่นอายหนังกับโทนธูป Incense มาบ้างจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน
ไม่ว่าจะทางการ แบบออกงานแต่งตัวสมาร์ทเท่ห์ๆ หรือใส่ทำงาน ไปเรียนอะไรก็ได้
แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม ส่วนทั่วๆ ไปก็สามารถจัดได้
ยกเว้นการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกาย เพราะกลิ่นมาสายแน่นไม่น้อยเดี๋ยวจะจุกคอหอยตายเสียก่อน
ส่วนยามค่ำคืนเรียกได้เลยว่าจัดไปได้เลย เพราะกลิ่นดึงดูดและนัวๆ
ชวนให้เข้าใกล้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ความทน
– 8 ชม. เป็นพื้นฐาน
ซึ่งจะมากกว่าหรือน้อยกว่านี้อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ
การกระจาย
– กลิ่นกระจายดีอวลนัวกันเลยทีเดียวในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางอวลๆ
นัวๆ ในช่วงกลาง และปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายแบบยาวไป
ทิ้งท้าย
– ถือว่าเป็นกลิ่นหนังกลับผสมผสานกับเครื่องเทศและโทนธูปได้หอมนุ่มนวลอวลแบบกำลังดีมาก
ไม่ได้มาแบบติดสาป Animalic หรือมาสายเผ็ดหวานกระจายแต่ประการใด
ซึ่งถ้าอิงตามแรงบันดาลใจของรุ่นนี้หรือกระเป๋าหนังแบบ Vintage Suitcase สำหรับท่องเที่ยวก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ชัดเจนและกลิ่นลงตัวมากเลยล่ะครับ
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ม่เช่นนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้แบบไม่ได้ขอกันก่อนดีๆ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ