Chanel - Les Exclusifs de Chanel: Boy
ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนยกเครื่องใหม่ของ Le Exclusifs de Chanel ที่ปรับจากการเป็น Eau de Toilette มาเป็น Eau de Parfum ทั้งหมดในปี 2016 กลิ่นล่าสุดใน Collection นี้ในช่วงเวลานั้นก็ได้เปิดตัวออกมาในการเป็น EDP ก่อนเลยโดยไม่ต้องรอมาปรับเปลี่ยนภายหลัง ซึ่งนั่นก็คือ Boy ที่ออกมาสนับสนุน Collection กระเป๋า Boy Bag ที่ออกมาในปี 2011 ร่วมด้วย และนั่นก็กลายเป็นอีกหนึ่ง Moment ที่ทำให้กลิ่นอายสาย High-end Exclusive ของแบรนด์กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นด้วยนั่นเอง
ที่มาที่ไปของการเป็น Boy กับกลิ่นอายน้ำหอม มาจากการนำเอา Moment ในการได้พบกันระหว่างตัว Chanel กับ Boy Capel ที่เป็นทั้งนายทุนผู้สนับสนุนให้ Chanel ในการเข้าสู่วงการแฟชั่น และรวมถึงการเป็นรักแท้และรักเดียวของ Chanel ซึ่งการถอดความการเป็น Boy ออกมาสู่น้ำหอม จะเป็นการ Twist ในการ Mix & Match ที่เอากลิ่นอายสไตล์สุภาพบุรุษ มาปรับเป็น Unisex ที่ให้ผู้หญิงเองสามารถใช้งานได้อย่างไม่เคอะเขิน รวมถึงสร้างลุค Boy ให้กับผู้หญิงได้อย่างเท่ห์ๆ แกมเก๋อย่างมีระดับได้อีกด้วย ในเมื่อน่าสนใจขนาดนี้ ต้องมาพิสูจน์กันหน่อยว่าเนื้อกลิ่นจะออกมาเป็นเช่นไร
สิ่งแรกที่มาทักทายก่อนเลยนั่นคือโทนสดชื่นที่แฝงความเป็นเอกลักษณ์ของ Chanel มากมาย นั่นคือ โทนแป้งที่มีลูกเอื้อนสไตล์ Classic แฝง แบบที่คนที่ผ่านการใช้ Chanel มาพอสมควร ดมแล้วจะบอกได้เลยว่า เออ นี่แหละ Chanel แต่สิ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือ การสร้างโทนกลิ่นแบบ Modern Barbershop (ที่ไม่ใช่ในไทย) โดยจะเอาลักษณะกลิ่นอายสไตล์ผู้ชายสะอาดสะอ้านแบบสุภาพบุรุษในสาย Classic มาปรับใหม่กลายเป็นกลิ่นอายที่ไม่ต้องคม ไม่ต้องฟุ้ง แต่ให้ความเรียบหรูดูสุภาพ และมีความเป็น Nice Guy ที่มีระดับชัดเจน ซึ่งต้องยกให้ลาเวนเดอร์ที่มาแบบกลางๆ พอดีอย่างสมดุลย์ ให้ทั้งความเป็นโทน Herbal ที่มีเสน่ห์แบบ Classic ก็ได้ และให้ความเป็นโทนสะอาดนวลกึ่งแป้งลาเวนเดอร์ที่มีความสะอาดแบบ Modern ในเวลาเดียวกัน โดยจะมีกลิ่นโทนสดชื่นของสาย Citrus ที่ให้ความสดชื่นแบบนิ่งๆ ไม่ได้เปรี้ยวปริ๊ดโฉ่งฉ่าง ส่งเสริมให้เนื้อกลิ่นมีความเรียบหรูดูสุภาพบุรุษร่วมสมัยแบบครบถ้วน
เพราะช่วงเปิดอาจจะทำให้ดู เอ๊ะ! นี่มัน Unisex ตรงไหน ออกจะน้ำหอมผู้ชาย แต่ในช่วงกลางนี่แหละที่จะมีความ Unisex ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับและจะโชว์ความเป็น Signature Style ของ Chanel ชัดเจนเลยนั่นคือโทนแป้ง ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีลักษณะที่เป็นกลิ่นแป้งลาเวนเดอร์ที่ชัดเจนกึ่งอบอุ่นอ่อนๆ ซึ่งมาจากดอกเฮลิโอโทรเป้ที่เข้ามาเสริม เคล้าด้วยกลิ่นออกทางติดเขียวแบบกลิ่นน้ำในแจกันกุหลาบของเจอราเนียม และมีความเป็นกุหลาบเบาๆ สร้างอารมณ์ที่เป็น Unisex มากขึ้น โดยที่ฐานของกลิ่นจะชัดเจนว่าเป็น Musk แกมกลิ่นดอกส้มที่เป็น Orange Blossom ที่ให้ความสะอาดในเนื้อกลิ่นและเสริมโทนแป้งได้เป็นอย่างดี ทำให้ช่วงนี้ความเป็น Unisex ที่ค่อนไปทางผู้หญิงหน่อยๆ เลยเป็นตัว Twist ในเนื้อกลิ่น รวมถึงให้อารมณ์ผู้หญิงแบบติดลุคเท่ห์ๆ บอยๆ แต่มีความ Classic เข้ามาร่วมด้วย และภาพในหัวออกมาชัดเจนเหมือนเห็นผู้หญิงใส่ทักซิโด้แบบผู้ชายเท่ห์ๆ ที่มีความ Classic ก็ได้ ร่วมสมัยก็ดี มากันในทรงนี้เลย
ช่วงท้ายเนื้อกลิ่นจะมาสาย Timeless กันแบบชัดเจนมาก เพราะลาเวนเดอร์จะเริ่มเบาลง ปล่อยให้ Musk เป็นตัวเด่นขึ้นมาก็จริง แต่จะเป็นพื้นกลิ่นมากกว่าที่เมื่อดมใกล้ๆ ผิวก็จะจับได้ แต่เพราะความเป็น Musk เลยทำให้เป็นตัวตรึงกลิ่นโทนแป้งที่เริ่มมีความอบอุ่นชัดขึ้นจากวานิลลาที่มาในสายแป้ง เสริมด้วยโทนไม้หอมอย่างไม้จันทน์หอมที่มาให้ความหรูหราแกมละเอียดในความเป็นโทนจิดหอมกึ่งนวลแกมหวาน กับ Oak Moss ที่มาให้โทนเขียวเข้มมีความกรุยกรายและน่าค้นหาในโทน Classic แต่ไม่ได้หนักหน่วงเกินไปจนดูย้อนยุคมากนัก ทำให้ช่วงท้ายยังคุมโทนการเป็น Unisex ?ี่ให้ความสง่าและ Classic ในเนื้อกลิ่นอย่างมีชั้นเชิง สร้างอารมณ์ร่วมสมัยที่แตะได้ทั้งความ Timeless และความเก๋ๆ ที่ให้ลุคแนวเท่ห์ๆ สมาร์ทและมีเสน่ห์แบบเหมาะสมกำลังดี ปิดท้ายการเป็น Boy ที่ไม่ธรรมดาและน่าสนใจในการใช้งานสูงมาก
เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน ซึ่งใช้งานได้หมดไม่ว่าจะเพศไหนก็ตามในวัยทำงานถึงไป เพราะเนื้อกลิ่นค่อนข้างมีความร่วมสมัยที่แตะแบบ Classic ก็ได้ หรือ Modern ก็ดี เลยจะสร้างภาพลักษณ์ทางกลิ่นที่ดูน่าเชื่อถือและมีความเป็น Gentleman/Gentlewoman เป็นสำคัญ ซึ่งใช้งานได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย แต่ถ้าจะเอาไปใช้งานเพื่อออกกำลังกายรอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนเข้าทางการใส่ออกงานชัดเจนมาก นอกนั้นก็ใส่แบบทั่วๆ ไป หรือโรแมนติคก็ลงตัวอยู่ไม่น้อย
ความทน - อยู่ที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีบวกลบบ้างราวๆ 2 ชม. ซึ่งช่วงตัวก็เจอที่ 8 - 10 ชม. อยู่เสมอในการใช้งาน
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนที่จะลดลงมาปานกลางไปราวๆ 2 ชม. ก่อนที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวๆ ไป ซึ่งต้องบอกเลยว่ากลิ่นนี้ไม่ได้มาสายปล่อยพลัง และต้องเข้าใจนิดนึงด้วยว่า Chanel ที่เป็นน้ำหอมสาย Exclusive เองก็ไม่ได้ เอะอะก็ทรงพลัง ออกแนวเรียบหรูอย่างมีระดับและไฮคลาสมากกว่าประมาณนั้นเลย
สรุป - ถ้าผู้ชายใส่กลิ่นนี้ก็ให้ความเป็นสุภาพบุรุษที่มีเสน่ห์และ Nice น่าเข้าหาในสไตล์ร่วมสมัย แต่ถ้าเป็นผู้หญิงใส่จะได้ความเท่ห์ลุคบอยๆ เข้ามาชัดเจนมากขึ้น เรียกว่าประยุกต์กลิ่นมาได้อย่างลงตัวมากๆ จากเรื่องราวของเจ้าของแบรนด์อย่าง Chanel
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit -
https://www.chanel.com/us/fragrance/p/122350/boy-chanel-les-exclusifs-de-chanel-eau-de-parfum/