วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2567

Review: 4711 - Acqua Colonia Myrrh & Kumquat

4711 - Acqua Colonia Myrrh & Kumquat

ก่อนที่จะใช้ Cologne ของ 4711 ถ้าไม่ใช่สาย Intense ก็มักจะทำใจก่อนเสมอว่าเราเน้นแค่ Refreshing ไม่ได้เน้นว่าความทนจะต้องจัดจ้านในย่านไหน และเน้นสบายๆ ในวันอากาศร้อนๆ อยากเติมเมื่อไหร่ก็เติม แต่ถ้ากลิ่นนั้นดันทนขึ้นมาเกินคาดนั่นคือ ผลพลอยได้ ที่จะเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีมากขึ้นในการซื้อหากลิ่นที่ว่ามาใช้งาน

และในครั้งนี้ก็ได้เวลาของการที่มาเจอกับกลิ่นที่ส่วนตัวมองว่าความทนเกินคาดในการเป็น 4711 สายปกติอีกหนึ่งกลิ่น ที่เรียกว่าไม่ธรรมดา ซึ่งนั่นก็คือ Acqua Colonia Myrrh & Kumquat และเนื้อกลิ่นจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นก็ว่ากันได้ตามนี้

จุดเปิดคือการเป็นโทน Citrus ที่มีวูบติดเปรี้ยวหอมที่ใสนิดๆ ชื้นหน่อยๆ ที่พุ่งมาพร้อมกับกลิ่นที่คาบเกี่ยวโทนกึ่งแป้งกึ่งยางไม้ที่มีอารมณ์ติดฝุ่นทึบปร่าหน่อยๆ แต่มีความหวานลึกในเนื้อกลิ่นทีเรียกว่ามาครบกันตั้งแต่แรกในการเป็น Myrrh & Kumquat (ส้มจี๊ด) ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ได้เป็นกลิ่นที่ใสกิ๊งกระจ่าง เพราะเป็นยางไม้ที่เป็นพื้นกลิ่น แต่ก็ยังมีความเป็นสไตล์ Cologne อยู่ เพราะความเป็น Citrus ที่ทำหน้าที่ในการเป็น Part ของตัวเองได้ดี ให้ความสดชื่นแบบที่ Cologne ควรจะเป็นได้ลงตัว

แต่ความเป็น Citrus ของส้มจี๊ดไม่ได้อยู่นานนัก เพราะกลิ่นในช่วงกลางจะกลายเป็นกลิ่นอายแบบที่มีความคุ้นแคยในลักษณะที่มีความเป็นลูกผสมคาบเกี่ยวระหว่างการเป็น Dior Homme รุ่นปี 2011 ที่เด่นด่วยโทนแป้งกึ่งลิปสติกกับกลิ่นของ Dior Homme Eau ที่เป็น Citrus Iris เข้ามาให้จับต้องได้ โดยไม่ได้หมายว่าเป็นการถอดกลิ่นมาแบบทั้งดุ้น อารมณ์โทนกลิ่นใกล้เคียง แต่จะมีตัวเสริมชั้นดีเป็นกลิ่นของยางไม้ที่ให้ความปร่าแกมหวานทึบของ Myrrh เป็นตัวเสริม ทำให้กลิ่นตอนนี้จะเป็นกลิ่นโทน Cologne ที่มีความเป็นโทนแป้งแกมยางไม้กึ่งแอมเบอร์ที่มีความกำลังดี ไม่หนักเกินไป ไม่เบาเกินไป โดยมีลักษณะกลิ่นที่อารมณ์เป็นสไตล์ยางไม้รองพื้นที่ชัดเจน

ช่วงท้ายโทนแป้งจะเป้าลงไปเหลือเพียงเบาบางจนแทบจับต้องไม่ได้ แต่จะให้ลักษณะความเป็นโทนกึ่งยางไม้กึ่งแอมเบอร์ที่ติดผิวอวลอ่อนๆ เบาๆ มีความเป็นโทนไม้หอมหน่อยๆ ที่ยังมีความหวานอวลๆ แกมปร่าบางๆ เป็นตัวปิดท้ายไปเรื่อยๆ แบบไม่ซับซ้อนแต่ให้ความอบอุ่นแบบมีเสน่ห์กำลังดีจนจางไปในที่สุด 

เหมาะสำหรับ - Unisex แบบเต็มขั้น ไม่ว่าจะเพศไหนก็ใช้กลิ่นนี้ได้สบายมากและไม่หนักเกินไปเพราะเป็น Eau de Cologne อาจจะมีวูบแน่นๆ แค่ช่วงฉีดแรกๆ บ้าง แต่เดี๋ยวก็ลดลงเป็นกลิ่นกลางๆ เรื่อยๆ ไม่พีค ซึ่งเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วไป แต่ถ้าจะใส่เพื่อออกกำลังกายแนะนำรอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบชิลล์ๆ หรือโรแมนติคก็ได้ แต่ไม่เหมาะกับการใส่เพื่อเน้นปล่อยเสน่ห์ร้อยแรงม้านัก เพราะก็ Cologne น่ะ มันไม่ได้มาสายซูเปอร์ไซย่ารอบทิศอยู่แล้ว

ความทน - 8 ชม. มีบวกลบราว 2 ชม. ขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และประเภทผิวกายผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่ส่วนตัวยอมรับเลยว่าทนเกินคาดมากจริง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาเป็นปานกลางซักพักราว 30 นาที ที่เหลือก็ออร่ารอบๆ ตัวยาวไป พอเข้าชั่วโมงที่ 5 ก็เริ่มเป็น Skin Scent

สรุป - ไม่ธรรมดา กับการสร้างกลิ่นอาย Cologne ที่มีระดับและทันสมัยในเวลาเดียวกัน โดยเอาความเมโทรในเนื้อกลิ่นมาเสริมให้มีน้ำหนักในกลิ่นของโซนยางไม้อย่าง Myrrh และใส่ความเป็น Citrus เปรี้ยวหอมที่ลงตัวในช่วงต้น และที่สำคัญเด่นในเรื่องความทนที่เกินกว่าการเป็น EDC โดยทั่วไป 

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.worten.es/productos/perfume-4711-acqua-colonia-eau-de-cologne-mirrakumquat-170-ml-mrkean-4011700747443

 

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2567

Review: Zara - Lush Vetiver

Zara - Lush Vetiver

เพราะ Zara ปล่อยน้ำหอมบ่อยมากจนแทบไม่อยากรู้แล้วว่าที่มาที่ไปในการกำหนด Collection นี้ออกมาอย่างไร เพราะน้ำหอมเยอะไปหมด เช่นนั้นเลยแบบง่ายๆ แล้วกันว่าไม่ท้าวความให้มากเรื่อง ขอมีบ้างเพื่อแตะๆ แล้วกัน

Lush Vetiver เป็นหนึ่งใน Men’s Collection 2023 ที่ปล่อยน้ำหอมผู้ชายในรูปแบบ EDP ทั้งหมด 11 กลิ่น ซึ่งต่อให้จะเขียนคำโปรยสวยๆ มาอย่างไงก็ตาม เอาตรงๆ ก็คือ มาสไตล์เอาสภาพแวดล้อม สีสัน และชูโรง Note กลิ่นมาสื่อสารเป็นน้ำหอมรวมๆ กันอยู่ใน Collection และกลิ่นนี้ก็มาในสายชูโรง Note กลิ่นนั่นเอง ส่วนกลิ่นเป็นอย่างไรนั้น ก็ตามนี้

Fresh Wood คือ จุดเริ่มต้น เพราะโทนไม้หอมจะเด่นชัดมาก่อนเลย และชัดเจนมากๆ ว่าจะเป็นแกนหลักของกลิ่นตั้งแต่ต้นยันจบ แต่จะมีโทน Citrus มากล่อมให้กลิ่นมีความสดชื่น แต่ไม่ได้มีโทนเปรี้ยวคมใดๆ มาแย่งซีน ออกแนวเป็นโทนขมที่มีความเปรี้ยวบางๆ และมีความปร่าติดฝาดหน่อยๆ เสริมให้กลิ่นมีโทนแบบบรรยากาศ เนื้อกลิ่นจะมีความเขียวเจือๆ ให้สัมผัสที่พอทำให้รู้สึกได้ตามชื่อกลิ่น Lush Vetiver (หญ้าแฝากเขียวชะอุ่ม) อยู่บ้าง ซึ่งถือว่าเป็นโทนเปิดที่ลงตัวและเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่คิด

Lite Sensual Wood คือ ช่วงกลางของน้ำหอม ที่แน่นอนว่าเนื้อกลิ่นจะมีความเป็นโทนไม้แห้งๆ แต่มีความเย้าของกลิ่นติดขมกึ่งหนังของหญ้าฝรั่น ที่มาแบบกำลังดี ไม่ได้ดูเครื่องเทศจัดจ้านจ๋าไปและก็ไม่ได้หนังเข้มเกินไป ออกแนวมาแบบเย้าๆ เสริมให้โทนไม้แห้งๆ ที่โปร่งๆ ลูกผสมระหว่างหญ้าแฝกและไม้โอ๊คที่ค่อนข้างมีความเป็นกลิ่นไม้หอมแห้งแต่มีน้ำหนักที่ให้อะโรม่ากำลังดี เนื้อกลิ่นจะมีโทนออกทางแป้งอยู่หน่อยๆ ด้วย อารมณ์แบบแป้งกลิ่นไม้แห้งๆ นั่นเลย ทำให้ออร่าของกลิ่นจะมีพลังออกมากำลังดี เหมาะสม และมีเสน่ห์แบบโทนไม้หอมให้รับรู้ได้ตลอด 

Dry Aromatic Wood เป็นช่วงท้ายที่ให้ความเป็นออร่าล้อมกายแบบกลาง ที่เหมาะสม มีเสน่ห์แบบมินิมัล ซึ่งเนื่อกลิ่นจะเป็นไม้แห้งๆ ของหญ้าแฝกและไม้โอ๊คที่ผสมผสานกันจนตรงๆ ว่ากลิ่นไม้แห้งๆ ที่สว่างๆ และผ่อนคลาย เสริมด้วยกลิ่นพิมเสนที่มาแบบสะอาดๆ โปร่งๆ เสริมให้กลิ่นไม้มีความเรื่อๆ Earthy แบบแห้งๆ สบายๆ ติดดิน แต่สะอาดและมีความเป็นสีเอิร์ธโทนให้สัมผัสได้ตลอด และปลายๆ กลิ่นก็จะสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นเขียวบางๆ แทรกอยู่ด้วย ทำให้เนื้อกลิ่นมีความเป็นสไตล์ Gentlemen ที่เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นด้วย เป็นการปิดท้ายที่ไม่เยอะสิ่ง ไม่เล่นใหญ่มากจนดูพยายาม แต่มีความลงตัวกำลังดีในการเป็นโทนไม้หอมที่เหมาะสมกับการใช้งานแบบครอบจักรวาลได้เลย

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศ วัยเรียน ม.ปลายขึ้นไปก็สามารถใช้กลิ่นนี้ได้สบายมาก เพียงแต่สำหรับน้องๆ ม.ปลาย กลิ่นอาจจะดูสุขุมไปหน่อย ถ้าไม่ติดก็จัดไป ซึ่งกลิ่นมีความครอบจักรวาลในการใช้งานทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แต่อาจจะไม่เข้าทางการใส่เพื่อออกกำลังกายตรงๆ หรือว่าใส่ไปปล่อยเสน่ห์ล้านแปดนัก เพราะกลิ่นมาสายสว่างๆ สบายๆ สุขุมเสียมากกว่า

ความทน - อยู่ที่ 8 ชม. เป็นสำคัญ แต่ว่าจะมีบวกลบอยู่บ้างราวๆ 2 ชม. ขึ้นอยู่กับสภาพผิวผู้ใช้เป็นสำคัญ ส่วนตัวเจอไปที่ 10 ชม. เป็นเรื่องปกติ กับการใช้ที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาเป็นปานกลางไปราวๆ 3 ชม. ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปจนถึงราวๆ ชั่วโมงที่ 5 ถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วเริ่มติดผิวเอาราวๆ ชั่วโมงที่ 7 โดยประมาณ 

สรุป - เป็นกลิ่นไม้หอมที่มีครบถ้วนในการใช้งาน และไล่เรียงความหอมจากสดชื่นสู่โทนแห้งได้อย่างลงตัว และที่สำคัญเนื้อกลิ่นมาสายมินิมัลแบบไม่เยอะสิ่งแต่ให้ความมีเสน่ห์แบบเหมาะสม สุดท้ายความเห็นส่วนตัวเลยว่า “กลิ่นนี้คือ Daily Scent ที่ไม่ไก่กาเลย เรียกว่ามีเสน่ห์และแตกต่างเนียนๆ กำลังดีท่ามกลางน้ำหอมสาย Mass ทั้งหลายจริงๆ”

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.zara.com/pl/en/lush-vetiver-edp-100ml---3-38%C2%A0oz-p20220255.html

 

วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2567

Review: Yves Rocher - Voile Doré

Yves Rocher - Voile Doré

ต้อนรับวัน Christmas ของทุกปี Yves Rocher เองก็จะมีน้ำหอมมารอพร้อมรองรับเทศกาล ที่นอกจากจะเป็นหนึ่งในของขวัญที่น่าสนใจในช่วงปีใหม่แล้ว ยังเป็น Limited Edition สำหรับปีนั้นๆ อีกด้วย ซึ่ง Concept จะมีสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งเป็นแกนหลักของกลิ่นเสมอนั่นคือ วานิลลา ซึ่งเหมาะเจาะกับกลิ่นอายที่เพิ่มความอบอุ่นรื่นรมย์ในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ (ของแถวเขตหนาว) อย่างมากจริงๆ

และในปี 2023 กลิ่นที่เป็น Christmas Limited Edition ก็คือ Voile Doré ซึ่งแน่นอนว่าเข้ามาจำหน่ายที่ไทย เช่นนั้นจะสื่อถึงความเป็นวานิลลากัย Christmas อย่างไร ต้องลองซักหน่อย และสิ่งที่ได้ คือ 

วานิลลาเต็มๆ แต่ จะมีลูกผสมโทนไม้หอม ที่ทำให้เนื้อกลิ่นมีอารมณ์ของกลิ่นแนวคุกกี้วานิลลาอบที่มีกลิ่นติดเครื่องเทศแกมไม้ที่มีความความอบอุ่น แนวๆ อบเสร็จใหม่ๆ รวมอยู่ด้วย ซึ่งนี่คือแกนหลักของกลิ่นที่รับรู้ได้ตลอด

แต่ถ้ามาจำแนกเป็นแต่ละช่วง กลิ่นจะให้ความเป็น Spicy Vanilla อวลๆ มาก่อนเลยตั้งแต่แรก เนื้อกลิ่นจะมีความหนาในระดับที่กำลังดีค่อนไปทางแน่น แต่ไม่ได้แน่นมาก ซึ่งกลิ่นเครื่องเทศต่างๆ ที่คาดว่าน่าจะเป็นอบเชย กระวาน ขิงหน่อยๆ และน่าจะมีเม็ดจันทน์เทศจะเข้ามาผนวกกับวานิลลา ทำให้เนื้อกลิ่นจะไม่ได้มีสีครีมนวล แต่จะให้ความเป็นโทนสีออกน้ำตาลจนได้อารมณ์สีวานิลลาเข้มค่อนไปทางน้ำตาล เนื้อกลิ่นจะพอจับต้องโทนออกทาง Citrus ติดขมที่ให้ความปร่าอ่อนๆ ได้อยู่ สร้างมิติที่ยังมีวูบปร่าบางๆ รวมอยู่ด้วย แต่พื้นฐานกลิ่นคือชัดเจนมากว่าเป็นโทนกลิ่นอบอุ่นหวานอวลนวลเย้าเครื่องเทศที่ชัดเจนมาก และที่สำคัญมีวูบของการเป็นกลิ่นแนวขนมอบเข้ามารวมอยู่ด้วย แนวๆ ชินนามอนบัน หรือคุกกี้วานิลลาอบเชยได้เลย

เมื่อกลิ่นเริ่มลดทอนความปร่าประปรายในช่วงต้นลงไป แต่เพิ่มความอบอุ่นเข้ามาในเนื้อกลิ่นชัดขึ้น โดยไม่ได้มาแบบหนักหน่วง เพราะกลิ่นลดทอนความหนักและกระจายลงมา แต่จะให้อารมณ์และความรู้สึกได้ว่ากลิ่นมีความอบอุ่นอวลๆ อยู่ ซึ่งแก่นหลักของกลิ่นยังเป็นวานิลลาอยู่เช่นเคย แต่ตัวแชร์โทนกลิ่นจะเริ่มแบ่งเบาภาระจากเครื่องเทศต่างๆ มาเป็นกลิ่นโทนไม้หอมแกมอบอุ่นเข้าโทนแอมเบอร์เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งพอรวมกันทั้งหมดแล้ว นี่แหละกลิ่นขนมแนวคุกกี้วานิลลาที่ผสมเครื่องเทศต่างๆ อบจนหอมกรุ่นออกมา แล้วมีไอความอบอุ่นกึ่งไม้หอมให้จับต้องได้ ซึ่งช่วงนี้ขอยกให้เป็นโทน Gourmand ที่ไม่ได้หนักหน่วง แต่ให้ความรู้สึกพึงใจและอบอุ่นหอมหวานอวลได้กำลังดี

การปรับโทนเข้าสู่ช่วงท้ายทำให้นึกถึงกลิ่นหนึ่งของแบรนด์นี้นั่นคือ Volie d’Orcre ที่เด่นกับการเป็นโทนไม้จันทน์หอมอบอุ่นและมีเสน่ห์มาก ซึ่งอารมณ์เหมือนดึงเอาความเป็น Volie d’Ocre มาผสมผสานกับโทนวานิลลากึ่งเครื่องเทศเข้าทางคุกกี้อบ ทำได้ให้อารมณ์ที่แตกต่างแบบไล่โทนมีในเนื้อกลิ่น โดยมีสีครีมนวลของไม้จันทน์หอมเป็นแกนหลัก สนับสนุนด้วยสีวานิลลาเข้มกึ่งสีน้ำตาลแดงเครื่องเทศ และสุดท้ายคือสีน้ำตาลแกมทองอบอุ่น ทำให้กลิ่นมีลูกเล่นที่ต่อเนื่องและทอเป็นผืนเดียวกันได้ดีเข้าทางกลิ่นอายที่ทำให้ช่วงเทศกาล Christmas หรือปีใหม่ที่อากาศหนาวๆ (แบบเขตหนาว) มีความหอมอบอุ่นรื่นรมย์และสร้างความพึงใจมาตัดทอนให้รู้สึกถึงความสุข ซึ่งถือว่าเป็นการปิดท้ายกลิ่นได้ลงตัวมาก

เหมาะสำหรับ - Unisex ก็จริง แต่เนื้อกลิ่นแนวนี้จะตอบโจทย์ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายแน่ๆ เพราะเนื้อกลิ่นมีความเป็นวานิลลาขนมแนวๆ นั้น แต่ยังไงผู้ชายก็ใช้ได้สบายมาก เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลัง เน้นอวลๆ รุมๆ รอบตัวเป็นหลัก ซึ่งใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน โดยเฉพาะใส่แบบทั่วๆ ไป อยู่ในห้องแอร์ รวมถึงวันอากาศร้อนๆ ก็พอได้แต่ไม่ควรสเปรย์เยอะเพราะเดี๋ยวจะตึ้บเสียก่อน แต่ให้ตัดไปได้เลยคือ ใส่ออกกำลังกาย ส่วนยามค่ำคืน ใส่ออกงานหรือว่าใส่แนวโรแมนติค จัดไป รวมถึงจริงๆ จะใส่ไปท่องราตรีก็พอได้ แต่กลิ่นจะไม่ได้กระจายเท่าไหร่ ซึ่งถ้าไม่ได้เน้นไปเรียกแขก ก็ใส่ได้ตามสะดวก

ความทน - กลิ่นทนลงตัวที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบราวๆ 2 ชม. ขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวเจอที่ราวๆ 8 - 10 ชม. เป็นประจำ

การกระจาย - ช่วงแรกกลิ่นจะอวลชัดมากและกระจายดี แต่พอเข้าช่วงกลางราวๆ ผ่านไปซัก 15 นาทีแรกแล้ว กลิ่นจะลดลงมาเป็นปานกลางไปจนถึงราวๆ ชั่วโมงที่ 4 แล้วจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปถึงชั่วโมงที่ 6 - 7 แล้วะเริ่มติดผิว

สรุป - เป็นไปตามข้างต้นก่อนจำแนกกลิ่นในแต่ละช่วงเลย และเพิ่มเติมด้วยว่า เป็น Limited Edition ด้วย เช่นนั้นการมีไว้ใช้ในช่วงอากาศเย็นๆ ถือว่าไม่เสียหายและยังหอมอบอุ่นหวานอวลได้ดีมากอีกด้วย

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.yves-rocher.com.mx/pws/homeoffice/store/AM/catalog/Home/fragancia-de-tocador-voile-dore

 

วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2567

Review: ICONOfly - Attache-Moi ICI & LA

ICONOfly - Attache-Moi ICI & LA

Niche แน่นอน และ Niche แท้ๆ ที่เป็นหนึ่งในแบรนด์สื่อสิ่งพิมพ์ของฝรั่งเศสที่ขยายมาแตะในเรื่องสินค้า Lifestyle และน้ำหอม ที่เอาความเป็น Paris มาผนวกรวมกับความเป็น New York (บวกกับความเป็นสไตล์ USA ต่างๆ ด้วย) ซึ่งเรียกว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาเรื่อยๆ และได้รับความนิยมในความเป็นอายผสมผสานที่มีเสน่ห์และมีความเก๋เฉพาะตัวไม่น้อยมาเสมอ

และในคราวนี้เมื่อได้มีโอกาสมาเจอกับหนึ่งในกลิ่นที่น่าสนใจของแบรนด์นี้ ก็ต้องเอามาเล่ากันหน่อยว่าเนื้อกลิ่นจะเป็นลักษณะใดกับ Attache-Moi ICI & LA

ก่อนจะเข้าเรื่องกลิ่นได้ไปอ่านคำจำกัดความของน้ำหอมกลิ่นนี้มาก่อน ซึ่งก็ต้องบอกว่าก็คือพรรณาโวหารที่เป็นเชิงอุปมาอุปมัยจนรู้สึกเข้าใจยากไปนิดนึง ก็เลยข้ามช็อตมาเรื่องกลิ่นเลยกับการเปิดตัวกลิ่นที่มีความน่าสนใจมากในการผสมผสานความเป็น 3 โทนหลักๆ คือ โทนแป้ง โทนหวานโปร่ง และโทนปร่า Spicy ที่จับต้องได้ทั้งหมดทั้งแต่แรกรับรู้กลิ่น แต่ตัวเปิดจริงๆ ต้องให้โทนปร่า Spicy ก่อนเลยกับการผสมผสานโทนพริกไทยที่มีความเผ็ดนวลกับพริกไทยสีชมพูที่มีความปร่าฝาดกึ่งกุหลาบบางๆ โดยเสริมด้วยความขมปนสดชื่นบางๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่จะฟุ้งออกมาอย่างสมดุลย์ ไม่ได้คมบาด เพราะมีโทนหวานแกมดอกไม้ซึ่งจับได้ว่ามีกลิ่นมะลิแกมกลิ่นหวานปร่าของ Angelica หรือโสมตังกุยแทรกตัวเข้ามาเป็นตัวเสริมชั้นดีให้กลิ่นมีความหวานโปร่งแกมสมุนไพร แถมพื้นกลิ่นยังมีความเป็นแป้งกึ่งวานิลลากึ่งน้ำผึ้งอ่อนๆ อยู่ด้วยเลยทำให้ช่วงต้นเป็นช่วงที่มีความหอมปร่าสมุนไพรติดหวานโปร่งที่ลงตัวมาก (ซึ่งแอบทำให้นึกถึงกลิ่นแนวยาดมสมุนไพรติดหวานโปร่งจมูกด้วยอย่างบอกไม่ถูก)

เมื่อความปร่า Spicy  เริ่มลดทอนลง แต่ยังคงมีความนวลเผ็ดแกมฝาดของสายพริกไทย 2 สี (ดำกับชมพู) ที่คลอไปกับกลิ่นของโสมตังกุยอยู่เช่นเดิม แต่เพิ่มเติมคือ กลิ่นนวลหวานดอกไม้ที่กลมกล่อมมากๆ จากกลิ่นของมะลิและกระดังงาที่ให้ความหวานนวล รวมถึงมีความปร่ากลมๆ แฝงอยู่ตลอดของเม็ดจันทน์เทศ (ตัวเกลากลิ่นชั้นดี) จะเข้ามามีบทบาทชัดเจนขึ้น ตลอดจนค่อนไปทางโทนแป้งกำลังดีสอดรับกับพื้นกลิ่นที่เป็นโทนแป้งกึ่งลูกผสมของวานิลลา Musk และหัวเหง้า Orris และที่สำคัญมีกลิ่นของใบส้มที่มาให้ความเขียวติดสดชื่นแบบแฝงในเนื้อกลิ่นในดีมาก ทำให้ช่วงนี้อารมณ์แบบกลิ่นที่คาบเกี่ยวระหว่างความปร่าหวานโปร่งไล่เลเยอร์มาเป็นกลิ่นนวลหวานแกมแป้งอบอุ่นได้ชัดเจนมาก

ช่วงท้ายจะยิ่งชัดเจนมากขึ้นเลยกับการเป็นโทนแป้งที่มีเลเยอร์หลายมิติทั้งความเป็นแป้งกึ่งเนื้อเนยๆ ทึบๆ แกมแป้งฝุ่น ของหัวเหง้าออริส แป้งนวลๆ สะอาดๆ แกมหวานของ Musk และแป้งหวานอบอุ่นของวานิลลา ที่แม้กลิ่นจะชัดแต่ไม่หนักนัก เพราะนอกจากกลิ่นโปร่งๆ แกม Spicy ยังคงมีอยู่ให้รู้สึกได้ รวมถึงเนื้อกลิ่นจะมีเลเยอร์เชิงลึกเข้ามาเสริมด้วยอย่างกลิ่นติดเขียวเข้มแกมหมึกของ Oak Moss และกลิ่นไม้หอมโปร่งอ่อนๆ ที่มีความเป็นโทน Incense ทำให้กลิ่นไม่ได้เอะอะก็แป้งโต้งๆ เนื้อกลิ่นเลยจะได้ทั้งความละมุน หวานนวลติดโปร่งสายๆ และมีความน่าค้นหาเข้ามาให้จับต้องได้อยู่เสมอ

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ให้ความกลางๆ กำลังดีในการใช้งาน ซึ่งเข้ากับการใช้งานทั้งยามกลางวันแทบทุกสถานการณ์ยกเว้นการใส่เพื่อออกกำลังกายที่ไม่เข้าทางเท่าไหร่ ยิ่งถ้าใส้่แบบออกงานกลางวันหรือยามทางการเนื้อกลิ่นมีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างมาก ส่วนยามค่ำคืนเหมาะกับกับใส่แบบโรแมนติค หรือออกงานเป็นสำคัญ แต่ไม่ค่อยเหมาะกับการใส่ไปปล่อยของให้โลกรู้ว่ามาท่องราตรีเพื่อได้กลับบ้านขนาดนั้น เพราะกลิ่นไม่ได้หนักแน่นจัดจ้านในการปล่อยของเท่าไหร่

ความทน - อันนี้ยกให้เลย ยอดเยี่ยมมาก แม้กลิ่นจะโปร่งแกมนวลและไม่ได้หนักแน่นมาก ซึ่งเจอไปถึง 15 ชม. เป็นเรื่องปกติ ซึ่งถ้าเฉลี่ยตามสภาพผิวยังไงก็แตะ 8 ชม. ได้สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีตอนต้น แล้วจะลดลงมาปานกลางไปเรื่อยๆ ก่อนปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวแบบนวลแกมโปร่งหวานระเรื่อจมูกคงตัวกันยาวๆ ไป  

สรุป - ให้นึกภาพอารมณ์เปิดกลิ่นแบบแตะๆ แนวยาดมหงส์ไทย แต่มีความรู้สึกเรียบหรู แต่มีเสน่ห์ แล้วให้ความปร่าไล่โทนสู่นวลละมุน โดยยังมีความหวานโปร่งคลอเคลียตลอด ซึ่งให้ความประทับใจได้ดีมากและแตกต่างจากกลิ่นอื่นๆ ที่เคยใช้มาได้อย่างมีสไตล์จริงๆ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://iconofly.com/eshop/attache-moi-ici-la