Amouage - Bracken Man
ไม่ใช่เพียงกลิ่นอายโทนลุ่มลึกหนักแน่น และเสริมสง่าราศีผู้ใช้ให้มีพลังออกมาผ่านกลิ่นโดยใช้ความเป็นกลิ่นหรูหราที่ใส่ลายเซ็นความเป็นตะวันออกกลางได้อย่างแนบเนียนเท่านั้น ที่ Amouage ทำได้ดีในแง่น้ำหอมชาย เอาจริงๆ กลิ่นโทนอื่นก็ถือว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน อาทิเช่น กลิ่นอายแบบสุภาพบุรุษภูมิฐาน กลิ่นโทนสงบลุ่มลึกที่มีเสน่ห์ในตัวเอง รวมถึงกลิ่นอายโทนผ่อนคลายอย่างมีระดับ ก็ทำได้ดีมากและใส่ลายเซ็นแบบที่เข้าใจได้ว่ามาจากแบรนด์นี้มาเสมอ
ซึ่งหนึ่งในกลุ่มโทนผ่อนคลายมีระดับ ก็มี Collection - Midnight Flower กับการนำเสนอกลิ่นอายสาย Aromatic มารองรับเพื่อเป็นหนึ่งในตัวเลือกทางกลิ่นที่ให้ชีวิตไม่ต้องสร้างออร่ามีพลังและลุ่มลึกอยู่ร่ำไป โดยในปัจจุบันก็มี 3 รุ่น ที่ประจำการอยู่ในนี้ยังไม่ได้มีการเลิกผลิตแต่อย่างใด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี Bracken Man รวมอยู่ด้วยในการเป็นหนึ่งในกลิ่นอายสาย Aromatic Fougere หนึ่งเดียวในตอนนี้ ซึ่งจะมีดีแค่ไหนก็ว่ากันเรื่องกลิ่นกันดีกว่า
Bracken Man เปิดตัวด้วยความเป็นโทนปร่าเผ็ดกันก่อนเลย เพียงแต่จะไม่ได้มาแบบหนักหน่วงเพราะว่ามีโทนกลิ่นออกทาง Earthy ดินหน่อยๆ เจอสมุนไพรที่จับต้องได้ว่าต้องมีกลิ่นโทนปร่าแกมพิมเสนแน่ๆ แต่พิมเสนเป็นแค่ลูกเอื้อนเฉยๆ ยังไม่ได้เปิดออกมาเต็มตัว เพราะตัวจริงในช่วงนี้ต้องยกให้กานพลูกับลาเวนดิน (Lavandin - เป็นลาเวนเดอร์อีกสายพันธุ์หนึ่ง ให้กลิ่นโทนเดียวกับลาเวนเดอร์แต่จะมีความปร่าแบบการบูรแกมสมุนไพรเจืออยู่ ซึ่งส่วนใหญ่โทนลาเวนเดอร์ในน้ำหอมก็มาจากตัวนี้แหละ) ที่จะมาผสมผสานกันได้ความเผ็ดปร่าที่ไม่ฟุ้งคมจัดจ้านเพราะมีความเป็นลาเวนเดอร์แกมสมุนไพรติดการบูรระเรื่อมาเสริม และมีความเผ็ดแกมไม้หอมที่เป็นตัวเกลากลิ่นให้กลมกล่อมมากขึ้นอย่างเม็ดจันทน์เทศ ทำให้ช่วงต้นอารมณ์กลิ่นเลยจะหอมแบบติดปร่าซ่าๆ สมุนไพรที่แอบคมนิดนึง เสริมด้วยโทนออกทางเขียวๆ ที่ติดชื้นๆ อารมณ์แบบกลิ่นเฟิร์นที่แทรกด้วยโทนเย็นๆ เปรี้ยวอ่อนๆ แกมขมหน่อยๆ ของโทน Citrus เลยได้อารมณ์สดชื่นคลอๆ อยู่ตลอดเสียด้วย เรียกว่าเปิดตัวมาก็สร้างโทนสว่างและมีความเป็น Fougere หรือ fern-like ได้ชัดเจนไม่น้อย
การเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นจะเริ่มมีความเป็นโทนไม้หอมติดครีมมี่กึ่งไม้หอมแกมโปร่งที่เป็นเลเยอร์กลิ่นที่ค่อยๆ เสริมเข้ามา เนื้อกลิ่นจะมีโทนติดเขียวแกมปร่าไม้สนที่ให้ความสะอาดของสนไซเปรสเด่นขึ้นมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นตัวนำ โดยจะมีการแจกแจงตัวเสริมความเป็นโทนไซเปรสที่แยกแขนงออกไปในการสร้างมิติกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นโทนเขียวที่จะเป็นเฟิร์นและมีเจอราเนียมที่มีโทนแบบน้ำในแจกันดอกกุหลาบเป็นตัวสนับสนุน + โทนปร่าที่จะไปสอดรับกับกานพลูและเม็ดจันทน์เทศที่ตามมาจากช่วงต้นที่เริ่มเบาลงมาอีกสเต็ปแต่ก็ยังชัดอยู่ และมีความเป็นไม้หอมที่เชื่อมโทนกับไม้ซีดาร์ที่ให้ความโปร่งแกมความนวลครีมมี่ของโทนไม้จันทน์หอม ซึ่งจะมีลูกเอื้อนคล้าย Incense กึ่ง Smoky หน่อยๆ ให้พอจับต้องได้อยู่ด้วย แต่จะมีอีกฝั่งอย่างโทนติดอบอุ่นของอบเชยที่ให้ความหวานหอมอ่อนๆ แกมเปลือกไม้ ซ้อนด้วยกลิ่นคล้ายโทนวานิลลาเข้าทางโทนแป้งแกมกลิ่นลาเวนดินที่ให้โทนสมุนไพรแกมลาเวนเดอร์รวมอยู่ด้วย ทำให้เนื้อกลิ่นจะมีความเป็นลูกผสมที่ได้ความปร่าหอมที่มีแกนกลางคือไม้หอมล้อมด้วยกลิ่นต่างๆ ทำให้นึกถึงกลิ่นแนวคล้ายป่าที่มีความอบอุ่นจากไอแดดแล้วมีกลิ่นผสมผสานกันของพืชล้มลุกและต้นไม้ต่างๆ อยู่พอสมควร รวมถึงทำให้นึกถึงน้ำหอมของ Viktor&Rolf รุ่น Antidote ที่เลิกผลิตไปได้เลย ซึ่งกลิ่นอาจจะไม่ได้ถึงกับตรงๆ มาก แต่ช่วยให้หายคิดถึงได้อยู่ไม่น้อย
เมื่อโทนเขียวเฟิร์นเริ่มหายไป และบทบาทของฝั่งเผ็ดปร่าของกานพลูเริ่มเบาลงจนเหลือปลายกลิ่น คราวนี้พิมเสนที่เหมือนจะเป็นตัวผลุบๆ โผล่ๆ มาตั้งแต่ช่วงต้นก็ได้เปิดตัวออกมาชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ กลิ่นจะมีความปร่าแกมสมุนไพรหน่อยๆ มีความเป็นกลิ่นแนว Earthy ที่ไม่ได้ Dirty แต่อย่างใด เพราะว่าเนื้อกลิ่นเริ่มมีความนุ่มมากขึ้นเพราะมี Musk มาให้จับต้องได้และเป็นตัวเกลากลิ่นให้มีความนวลสะอาดแฝงอยู่ตลอด แต่อีกส่วนหนึ่งคือโทนไม้หอมก็จะเริ่มแข็งขันขึ้นมามากกว่าช่วงกลางด้วย โดยเฉพาะกลิ่นไม้ซีดาร์ที่ให้โทนโปร่งแห้งๆ แกม Smoky Incense ติดธูป ซ้อนด้วยความอบอุ่นแกมหวานของอบเชย และตามด้วยความครีมมี่ของไม้จันทน์หอมที่นวลเนียนรับต่อกับ Musk พอดี และน่าจะมีโทนแนวๆ กึ่งวานิลลากึ่งครีมมี่ถั่วตองก้าให้ความนวลๆ เข้ามาร่วมด้วย โทนกลิ่นเลยจะไล่เรียงจากปร่าพิมเสน → Smoky แกมไม้หอม → หวานอุ่นอ่อนๆ ที่เป็น Effect ของอบเชย → ครีมมี่ไม้จันทน์หอมเคล้ากับ Musk ที่มีความนวลผ่อนคลายกึ่งโทนแป้งอ่อนๆ มีลาเวนดินเนียนในกลิ่นเบาๆ ถือว่าเป็นการปิดท้ายที่ให้ความรื่นรมย์นุ่มนวลและสุภาพบุรุษแบบที่ให้โทนสว่างครีมมี่กำลังดีและมีลายเซ็นความซับซ้อนของแบรนด์เนียนๆ อีกด้วย
เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป เนื้อกลิ่นถือว่ามีสไตล์แบบ Amouage ที่เสริมความภูมิฐานแบบสุภาพบุรุษที่แตะได้ทั้งความคลาสสิคก็ได้และร่วมสมัยก็ดี และไม่ได้หนักเกินไป ซึ่งเข้ากับยามทางการและทั่วๆ ไปแบบวางตัวดีหน่อย หรือจะชิลล์ๆ อย่างมีระดับก็ได้ แต่ข้ามการใส่เพื่อกิจกรรมลุยๆ หรือว่าออกกำลังกายจะดีกว่า เพราะเนื้อกลิ่นไม่ได้มาสายนี้นัก ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานหรือโรแมนติคจะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลังจัดจ้านเท่าไหร่ในการไปปล่อยเสน่ห์ที่ไหนนัก
ความทน - เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเพราะส่วนตัวเจอเป็นประจำที่ 15 ชม. ซึ่งถ้าพื้นฐานสภาพผิวอาจจะไม่เอื้อเช่นเป็นคนผิวแห้งก็น่าจะอยู่ที่ราว 6 - 8 ชม. ได้ไม่ยาก
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางไปราวๆ 3 ชม. ที่เหลือจะเริ่มกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัว ที่จะเสถียรคงที่กันยาวๆ ไปจนถึงราวๆ 10 ชม. เลย แล้วถึงเป็น Skin Scent ซึ่งอันนี้แอบเกินความคาดหมายที่มักจะเจอพลังทางกลิ่นชัดๆ มาเสมอในความเป็น Amouage แต่กลิ่นนี้ดันไม่ได้มาในสายทรงพลังเท่าไหร่ ถ้าตัดความคาดหวังเรื่องการปล่อยพลังออกไป อีกมุมก็ถือว่าเราได้เห็นความคุมโทนเรื่อยๆ ทางกลิ่นที่ทำได้ดีไม่น้อยเลย
สรุป - เป็นสาย Lighter ของแบรนด์เลย ที่แตะความเป็น Aromatic Fougere ที่กำลังดี มีลูกเล่นสายเครื่องเทศเด่นเป็นตัวเสริม ก่อนจะเป็นกลิ่นอายนวลๆ สว่างๆ ที่ให้ความเรียบหรู มีระดับ และเป็นสุภาพบุรุษสายสมาร์ทแบบไม่ได้ถึงกับเนี้ยบจัด ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง Daily Scent ที่ไม่ต้องปล่อยพลังแต่เอาอยู่ในแง่การสร้างออร่าความมีคลาสได้ครบถ้วน ที่สำคัญกลิ่นนี้ทำให้หายคิดถึง Antidote ไปได้มากเลย (แม้ว่าจะไม่ได้คล้ายมาก แต่มีลูกเอื้อนที่ใกล้เคียงอยู่ก็ตาม)
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียน
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.amouage.com/bracken-man.html