Rania J. - Ambre Loup
ช่วงเวลาในวัยเด็กของ Rania Jouaneh ในการเติบโตในแถบตะวันออกกลางและแอฟริกา และได้ซึมซับเอาสิ่งต่างๆ กลิ่นอาย และความเฉพาะจนเกิดความหลงใหลในกลิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอมรวยรินจากมะลิ เวลาไปวิ่งเล่นแถวนั้น กลิ่นตลาดเครื่องเทศที่มีความหลากหลาย และกลิ่นอายของตลาดนัดกลางแจ้งของแอฟริกาที่มีความเฉพาะตัว จนได้หล่อหลอมให้เธอสนใจในอาชีพของการเป็นสุคนธกร และเธอก็ได้ทำสำเร็จจนสามารถสร้างแบรนด์ขึ้นมาในชื่อของเธอเองอย่าง Rania J. ที่นอกจากที่แบรนด์นี้จะเป็น Niche Perfume แล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ในสาย Natural Perfumery อีกด้วย
และแน่นอนว่าฝีมือไม่ธรรมดา กลิ่นที่สร้างสรรค์ออกมาเลยมีความพิเศษหลายๆ อย่าง และหนึ่งในรุ่นที่จะเอามาเล่ากลิ่นนั้น ถือเป็นรุ่นที่ได้รับคำชมเป็นอย่างมากและเป็นรุ่นที่เป็นตัว Top ของแบรนด์เลยก็ว่าได้ ดังนั้นได้เวลามาสัมผัสความพิเศษกันหน่อยแล้วว่าจะเป็นอย่างไรกับรุ่นนี้ Ambre Loup
เปิดต้นกลิ่นจะมีโทนเครื่องเทศสายปร่าเผ็ดวูบออกมาก่อนอย่างกานพลู และจะมีกลิ่นติดหวานโปร่งของเครื่องเทศที่มีความหวานคล้ายอบเชยนิดๆ มีลูกเย้าเผ็ดของกลิ่นลูกกระวาน และมีสาบ Animalic ติดกลิ่นเหงื่อเล็กๆ คล้ายยี่หร่าแบบบางๆ เคล้ากลิ่นออกทางหวานโปร่งยาสูบหน่อยๆ แล้วจะตามต่อเนื่องด้วยกลิ่นโทนแอมเบอร์อวลลึกกำลังดีเคล้ากลิ่นหนัง ซึ่งไม่ได้เป็นแบบแอมเบอร์จ๋าๆ แต่เป็นลักษณะกลิ่นของยางไม้ประเภทหนึ่งที่มักจะเอามาใช้แทนแอมเบอร์ได้ โดยจะมีกลิ่นหนังกึ่ง Smoky ลึกๆ แอบมีโทนสาบ Animalic หน่อยๆ รวมถึงมีโทนหวานลึกกึ่งน้ำผึ้งผสมยาสูบเนียนๆ เป็นอีกมิติอยู่ในเนื้อกลิ่นด้วยอย่าง Labdanum ซึ่งทำให้ช่วงเปิดเรียกว่าสร้างโทนกลิ่นแนวแอมเบอร์กึ่งเครื่องเทศหอมหวานที่มีหลากอารมณ์และความรู้สึกในการจับต้องกลิ่นได้อย่างน่าสนใจมาก ทั้งหอมหวาน เจือปร่าเครื่องเทศ โดยที่ไม่ได้มาแบบแน่นหนักทรงพลังจัดจ้านปล่อยกระจายรอบทิศขนาดนั้น แต่ให้ออร่ากึ่งบาเรียรอบตัวที่มีความหอมลุ่มลึกเจือโปร่งหวานเครื่องเทศที่มีความดิบเล็กๆ อย่างสมดุลย์ก็ได้ เย้าระเรื่อก็ดี อบอุ่นติดสบายๆ ก็สามารถ เรียกว่าเปิดมาก็สร้างความรื่นรมย์และสื่อสารกลิ่นโทนแอมเบอร์ได้อย่างลงตัวจริงๆ
เมื่อโทนกลิ่นเริ่มขยับเข้าสู่ช่วงกลาง ความหวานโปร่งมีเสน่ห์ยิ่งเพิ่มมากขึ้นมาอีกสเต็ป แต่ยังมีความโปร่งที่คุมโทนอย่างดีในเนื้อกลิ่นอยู่เสมอ เป็นเสมือนจุดสมดุลย์หยินหยางที่กึ่งกลางที่จับต้องความโปร่งก็ได้ จับต้องความหนาของกลิ่นก็ได้เช่นกัน เพราะจะมียางไม้ที่ให้ความอวลหวานโปร่งที่มีลูกกลิ่นติดผลไม้หน่อยๆ แกมกลิ่นอบเชยนิดๆ มีความเป็นแอมเบอร์อบอุ่นที่หอมสบายๆ อย่าง Peru Balsam ที่เสริมให้กลิ่นมีความหวานรื่นรมย์ออกมาโดยเนื้อกลิ่นไม่ได้ไปสายขนมแต่อย่างใด แต่มีลูกเล่นความเป็นกลิ่นคล้ายแป้งอบอุ่นวานิลลาติดหวานหน่อยๆ เข้ามาเป็นมิติซ้อนให้กลิ่นมีอะไรให้จับต้องได้มากกว่าความเป็นยางไม้และเครื่องเทศที่ตามมาจากช่วงแรก โดยจะจับต้องพื้นฐานของกลิ่นได้อย่างชัดเจนคือโทนอบอุ่นติดหวานโปร่ง แต่จะมีอารมณ์กลิ่นที่สร้างความพลิ้วในเนื้อกลิ่นอย่างโทนปร่าอ่อนๆ เผ็ดเนียนๆ เย้าติดนัว และเร้าใจติด Animalic ที่ยังแฝงอยู่ในเนื้อกลิ่นอยู่อย่างมีชั้นเชิงตลอด ซึ่งจะยังเป็นบาเรียรอบตัวให้ความหวานลุ่มลึกที่มีเสน่ห์และมากขึ้นจากช่วงต้นเสียด้วยซ้ำ จนเมื่อกลิ่นเดินทางไปซักพัก จะเริ่มมีโทน Smoky ติดไม้หอมที่เข้ามาสร้างมิติที่น่าค้นหาเข้าไปอีกสเต็ป และจะเริ่มชัดมากขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่ช่วงท้ายในที่สุด
ความหวานโปร่งกึ่งอวลลุ่มลึกที่ชัดเจนจากช่วงกลางจะยังมีอยู่ไม่หนีไปไหนแม้จะเข้าสู่ช่วงท้ายแล้วก็ตาม แต่เนื้อกลิ่นจะเริ่มมีโทน Smoky ติดไม้หอมที่จะมีมิติของกลิ่นที่จะได้ความเป็นไม้แห้งโปร่งๆ อารมณ์กลิ่นแบบหญ้าแฝกกึ่งไม้ซีดาร์และมีกลิ่นอวลลึกติดหวานเนียนๆ ที่เป็นกลิ่นอายคล้ายโทน Oud หรือไม้กฤษณาที่เนียนๆ เข้ามา รวมถึงมีโทนออกทางนวลๆ กึ่งวานิลลาของถั่วตองก้าเข้ามาเสริมกลิ่นออกทางอบอุ่นที่รับช่วงต่อจากวานิลลาในช่วงกลาง แต่ถึงแม้ว่ากลิ่นโทนสาย Woody จะชัดเจนพอสมควร แต่ก็เป็นโทนกลิ่นที่ติดผิวมากกว่าที่จะกระจายออกมา และเป็นตัวเสริมให้กลิ่นหอมลึกหวานของโทรแอมเบอร์ผสมผสานยางไม้และเครื่องเทศจากช่วงกลางมีมิติที่น่าค้นหามากขึ้นโดยไม่ละทิ้งความลุ่มลึกและมีเสน่ห์อุ่นโปร่งหวานไปแต่อย่างใด
เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจนเพราะเป็นกลิ่นโทนที่มีความกลางๆ แตะได้ทุกเพศที่จะมาใช้งาน และจะสร้างออร่าความหวานลุ่มลึกน่าค้นหาและมีระดับที่แตกต่างจากแอมเบอร์แน่นๆ ทั่วไป โดยที่อยู่ตรงจุดกึ่งกลางของความสมดุลย์ที่ได้ทั้งความอบอุ่นติดอวลหนาก็ได้ ความโปร่งหอมหวานลุ่มลึกก็สามารถ กลิ่นเลยจะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งทางการและทั่วๆ ไป แบบที่ไม่ได้เน้นกิจกรรมลุยๆ หรือว่าออกกำลังกาย กลิ่นจะสร้างความน่าค้นหาและเสน่ห์เฉพาะออกมาได้อย่างดีงาม แต่เบามือกับอากาศแบบเมืองสยามนิดนึงเพราะมากไปเดี๋ยวจะอวลอึนหวานจนตื้อเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบออกงาน หรือว่าโรแมนติคจะดีที่สุด (อย่างหลังนี่บอกเลยว่ากลิ่นมีความเย้าเซ็กซี่ก็ได้ด้วยนะ เพราะมันหวานลึกเย้ายวนน่าค้นหามากจริงๆ)
ความทน - มากกกกกกก เรียกว่า 15 ชม. กลิ่นยังคงอยู่และไปต่ออีกแม้ว่าจะอาบน้ำล้างตัวแล้วก็ตาม กลิ่นยังติดผิวอ่อนๆ อยู่ ซึ่งเรื่องนี้บอกเลยว่าหายห่วง
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ก่อนที่จะลดลงมากระจายดีและคงความเสถียรกันยาวๆ ไปจนถึงช่วงท้ายที่จะลดลงมาปานกลางกันยาวๆ จนเมื่อแตะราวๆ 13 ชม. กลิ่นจะผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว
สรุป - หมาป่าสีแอมเบอร์ขวดนี้เรียกว่าสื่อสารกลิ่นอายแอมเบอร์ออกมาได้อย่างแตกต่างจากน้ำหอมโทนแอมเบอร์ทั้งหลายได้อย่างดีงามมาก กลิ่นชัดเจนทุกสโตรก ทนสะใจ แต่กลิ่นไม่ได้หนักหน่วงอุ่นแน่นจนอึดอัด แต่ให้เสน่ห์ที่เป็นแอมเบอรติดหวานโปร่งเจือกลิ่นลุ่มลึกเจือโทนสาบปลุกเร้าเย้ายวนใจและมีเสน่ห์ได้ดีมาก จนความคิดเห็นส่วนตัวแปรสารกลิ่นออกมาได้ทันทีว่า “นี่คือกลิ่นแอมเบอร์ที่เป็น Masterpiece อีกหนึ่งกลิ่น” เลยล่ะ
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://raniaj.com/products/ambre-loup-100-ml