วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562

Review: DSQUARED² - Potion for Men

DSQUARED² - Potion for Men

นอกจากฝั่งสาย He Wood ที่ได้รับความนิยมมากๆ ของแบรนด์ DSQUARED² ก็ยังมีอีกฝั่งหนึ่งอย่างสาย Potion เองก็งานดีและได้รับความนิยมดีงามไม่ต่างกันเลยในแง่ของน้ำหอมชายที่มีเอกลักษณ์และความน่าสนใจของกลิ่นที่มีกลิ่นอายสไตล์ Woody เด่น เช่นนั้นเมื่อได้มีโอกาสกลับมาเจอแบรนด์แฟชั่นสายเท่ห์ๆ อย่างแบรนด์นี้แล้ว ก็ต้องมาจับความดีงามของสาย Potion กันบ้าง กับรุ่นนี้เลย Potion
For Men 

กลิ่นอายโทนเครื่องเทศอุ่นๆ ที่มีความหวานบางๆ ของอบเชย (Cinnamon) แต่ไม่ความเป็นโทนไม้หอมเสริมเข้ามามากกว่าที่เป็นลักษณะออกทางเปลือกไม้เสียมากจะเป็นกลิ่นหลักที่จะอยู่ยาวไปเลยจนถึงช่วงท้าย ซึ่งในช่วงต้นกลิ่นของอบเชยที่มาให้ความอบอุ่นปนกลิ่นอายสมุนไพรที่มีกลิ่นมินต์ที่ติดอวลเคล้ากับกลิ่นออกทางติดหอมปร่าเขียวหน่อยๆ ของโสมตังกุย และกลิ่นจะมีความเป็นโทนสมุนไพรติดโทนแห้งๆ ลึกๆ ปนเผ็ดนวลๆ กันค่อนข้างชัด ทำให้กลิ่นของอบเชยไม่ได้ไปสายหวานอวลปล่อยพลังนัก เพราะสายเผ็ดสมุนไพรแห้งๆ ออกทางค่อนไปทางผงสมุนไพรที่เผ็ดปร่าอุ่นปนสดชื่นคุมโทนเสียมาก แล้วเพียงชั่วครู่กลิ่นของพริกไทยจะเสริมขึ้นมาเรื่อยๆ ให้ความนวลเผ็ดนุ่มของกลิ่นชัดขึ้นและนำไปสู่ช่วงกลาง ที่กลิ่นโทนเผ็ดนุ่มของแนว Fresh Spicy ปนสมุนไพรจะเริ่มผันเป็นสายเผ็ดนุ่มเคล้ากับกลิ่นอบอุ่นที่เด่นด้วยอบเชยกับกลิ่นไม้ซีดาร์ที่ให้ความโปร่งปนกลิ่นเนื้อไม้แบบที่กำลังโดนเลื่อยหรือไสจนมีกลิ่นขึ้นมา และมีกลิ่นออกทางเขียวหน่อยๆ นวลเบาๆ เสริมบางๆ ให้กลิ่นไม่ได้ดูดิบเกินไป ได้อารมณ์เนื้อไม้สว่างสีขาวปนอบอุ่นเปลือกอบเชยกำลังดี กลิ่นไม่ได้ไปสายหวานนัวแน่นแต่ประการใด ให้ความเป็น Woody Spicy ที่ไม่ต้องนัวแน่นปล่อยของเผ็ดหวานอุ่นแบบสายอบเชยที่มักจะเป็นกัน แต่จะให้ความเท่ห์ที่ Hotcha แบบที่เร้าใจในกลิ่นโทนอุ่นเย้าปนไม้หอมปนปร่าๆ ที่มีเสน่ห์ดึงดูดและเร้าใจในอีกโทนที่เน้นสายเผ็ดนุ่มร้อนที่เอาอยู่ชวนซุกดมใกล้ๆ แทน และจะจับได้ว่ากลิ่นมีความนัวแบบ Musky ที่เป็นเหมือนสายสนับสนุนแฝงให้ความเซ็กซี่เย้ายวนเน้นคลอไปกับโทนไม้หอมที่มีความแมนกำลังดีที่ปูทางไปช่วงท้ายกับการเป็นโทนไม้หอมเคล้าAmber ที่ติดหวานอ่อนๆ มีความอุ่นปนเผ็ดนุ่มเจือหอมเย้าของอบเชยที่ยังให้ความอุ่นรุ่มๆ ในเนื้อกลิ่น โดยมีโทนนุ่มๆ ของ Musk ที่รองพื้นเบาๆ ไม่เด่นนักและมีกลิ่นพิมเสนที่มาแบบแห้งหอมระเรื่อเย้าๆ ปนหวานอ่อนๆ เสริมความเซ็กซี่ให้กลิ่นไม้หอมมีความอะโรม่าแบบเนื้อไม้ปนนุ่มมีความยั่วเย้าอุ่นๆ แทรกในเนื้อกลิ่นไปเรื่อยๆ อย่างลงตัวมากเลยทีเดียว 

ภาพรวมกลิ่นมีความแตกต่างจากน้ำหอมสาย Sexy แบบแมนๆ เน้นที่ความเป็นโทนไม้หอมที่ไม่ได้ถึงกับดิบเป็นโรงไม้มากเกินไป มาตีคู่คลออบเชยที่โดนตัดทอนความหวานออกไปพอสมควรจากโทน Fresh Spicy และ Musky ให้กลิ่นมีความเท่ห์แมน Hot อบอุ่น ดึงดูด และเย้ายวนแบบที่มีสไตล์เฉพาะตัวออกมา นี่แหละ Potion for Men อีกหนึ่งโซนที่เร้าใจของ DSQUARED²

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้สบาย กลิ่นจะให้ความอบอุ่นดูสมาร์ทเซ็กซี่ Cool ที่ชัดเจนและเร้าใจไม่เหมือนสายน้ำหอมเย้ายวนในท้องตลาดเสียด้วย ซึ่งกลิ่นนี้จะใช้ได้ยามกลางวันได้ในหลายๆ สถานการณ์แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม เพราะอากาศบ้านเรามันร้อนถ้าใส่มากไปอาจจะอึดอัดเอาได้สามารถใส่ได้แบบกึ่งทางการแบบสไตล์ทำงาน Office หรือทั่วๆ ไป แต่ไม่เข้ากับงานทางการจัดๆ และกิจกรรมออกกำลังกายต่างๆ เลยเพราะเดี๋ยวจะจุกกลิ่นเอา ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นมีเสน่ห์ด้วยความอบอุ่นปนไม้หอมได้ดีและดึงดูดแบบเท่ห์ๆ ชัดเจน 

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. ขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และสภาพอากาศด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งถ้าอากาศร้อนๆ จะไปไวพอสมควร แต่ถ้าอากาศเย็นๆ สบายๆ กลิ่นลากไปที่ 8 ชม. ได้สบายและมากกว่านั้นได้ด้วย ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 10 ชม. ได้เลยกับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ในวันอากาศเย็นๆ กำลังดี 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนแรก ก่อนจะลดลงมาที่ปานกลางซักพัก แล้วจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป จนถึงช่วงท้ายที่จะผ่อนลงไปเป็น Skin Scent ระเรื่ออ่อนๆ ไปเรื่อยๆ จนหายไปจากผิว 

ทิ้งท้าย - เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่เรียกว่าเป็น 1 ใน The Best Woody & Cinnamon เลยก็ว่าได้ ที่สำคัญกลิ่นนี้ทำให้นึกถึง Gucci pour Homme ตัวที่งามงดมมากในโทนไม้หอมแบบโรงไม้ที่เลิกผลิตไปอีกด้วย เช่นนั้นแค่คำว่าดีงามคงไม่พอ ขอยกคำว่า โคตรดีงามเลยแล้วกัน 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit https://www.fragrantica.com/perfume/DSQUARED-/Potion-12937.html



วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562

Review: Tommy Bahama for Men

Tommy Bahama for Men

ก่อนที่ Tommy Bahama จะมาเน้นน้ำหอมสายชิลล์และสื่อสารถึงไลฟ์สไตล์แบบออกแนวๆ กิจกรรมที่เกี่ยวกับสายทะเลเสียส่วนมาก น้ำหอมตัวแรกของแบรนด์เองถือเป็นหนึ่งใน Masterpiece ที่ทำออกมาได้ดีและงดงามมากเลยทีเดียว เพียงแต่ปัจจุบันรุ่นนี้เลิกผลิตไปนานแล้ว (ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมของดีๆ ถึงเลิกผลิตกันจังเลย) เช่นนั้น ต้องมาบอกเล่าความดีงามกันหน่อยว่ากลิ่นจะเป็นอย่างไรบ้าง

Tommy Bahama for Men เปิดตัวด้วยโทนกลิ่นที่มีความคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นโทน Fresh Spicy ที่มีความนุ่มเผ็ดปนหวานเบาๆ ที่กำลังดีของขิง และมีความปร่าของเมล็ดผักชีที่ออกแนวมาแบบสายสนับสนุนที่โดนเกลากลิ่นมาเป็นอย่างดีไม่ได้ออกทางพุ่งเผ็ดซ่าแต่อย่างใด มีกลิ่นพริกไทยรองพื้นด้านหลังให้รู้สึกได้ด้วย ซึ่งกลิ่นมีความนุ่มมากกว่าที่คิด และมีโทนออกทางติดเหล้ารัมอ่อนๆ เจือหวานคล้ายโทนยาสูบหน่อยๆ อยู่ในนั้น ตามด้วยปลายๆ กลิ่นก็จะจับต้องได้ถึงความเป็นโทน Citrus ที่ออกทางแห้งๆ ติดขมหน่อยๆ ของ Bergamot (มะกรูดฝรั่ง) เสียด้วย เลยทำให้ช่วงต้นจะได้ความสดชื่นแบบติดนุ่มๆ Spicy หน่อยในช่วงแรก และบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นน้ำหอมผู้ชายที่ติดออกทางชิลล์ๆ แต่ค่อนไปทาง Cool และนิ่งเท่ห์เสียมาก 

เพียงไม่นานกลิ่นจะเริ่มมีความอบอุ่นอวลขึ้นมาในระดับหนึ่งโดยที่จะมีลักษณะกลิ่นอายติดโทนแอมเบอร์ผสมผสานกับไม้หอมโปร่งๆ สไตล์ไม้ซีดาร์ ตีคู่ไปกับการเป็นโทน Fresh Spicy ของขิงที่ยังตามมาอยู่ แต่กลิ่นที่โดดออกมากลายเป็นผู้นำอย่างแท้จริงเลยคือ พริกไทย ที่จะเด่นขึ้นมาแบบลงตัวกำลังดีทำให้มีเลเยอร์นวลๆ ปนปร่าซ่าๆ ผสมผสานกับกลิ่นโทนไม้หอมที่ตีคู่ขึ้นมาให้กลิ่นไม้ที่ติดเผ็ดกำลังดีเป็นกลิ่นหลัก กลิ่นในช่วงนี้ทำให้นึกถึง Gucci pour Homme อยู่บ้าง (ที่เลิกผลิตไปแล้ว) เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้ไปสายโรงไม้จ๋าๆ มากขนาดนั้น เพราะกลิ่นมีความเผ็ดนวลนุ่มกว่าหน่อย รวมถึงมีโทนกลิ่นออกทางชิลล์ๆ ของเหล้ารัมและติดยาสูบอ่อนๆ เป็นเหมือนตัวเชื่อมโทนให้กลิ่นมีความ Cool และกรุ้มกริ่มแบบนิ่งๆ เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของน้ำหอมรุ่นนี้เลย เพราะกลิ่นช่วงนี้จะได้ภาพออกมาในหัวเหมือนเห็นผู้ชายพักผ่อนชิลล์ๆ ในบาร์ไม้โปร่งๆ ที่มีกลิ่นถังไม้โอ๊ค กลิ่นเหล้ารัมอ่อนๆ กับกลิ่นออกทางเฟอร์นิเจอร์ไม้โปร่งๆ นวลๆ สะอาดๆ ได้เป็นอย่างดีมาก 

จนเมื่อผ่านไประยะหนึ่งกลิ่นจะเริ่มมีความอบอุ่นมากขึ้นตามลำดับและมีความหนาของกลิ่นที่มากขึ้นด้วยกับการเข้าสู่ช่วงท้ายที่โทนไม้หอมที่มีความนวลกำลังดีค่อนไปทางธูป Incense แต่ยังมีความนุ่มจมูกอยู่ซึ่งจับต้องโทนเม็ดจันทน์เทศเคล้ากับกลิ่นรัมอ่อนๆ แต่สิ่งที่จะมาเสริมความหนาของกลิ่นคือ กลิ่นอายสไตล์ Musky เจือโทนคล้ายกลิ่นหนังที่ติดนวลๆ ให้ความรู้สึกเซ็กซี่ปนเท่ห์นิ่งและมีความอบอุ่นติดชิลล์ๆ แบบบรรยากาศพักผ่อนนั่งโซฟาหนังกับอากาศอบอุ่น รื่นรมย์และผ่อนคลาย เหมือนพักร้อนแล้วนั่งชิลล์ที่บาร์แบบยาวไปได้เลย 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้สบาย กลิ่นให้ความรู้สึกเท่ห์ Cool และน่าค้นหา โดยมีความชิลล์ๆ ให้รู้สึกได้ไปตลอด ซึ่งกลิ่นถือว่าครอบจักรวาลได้เลยในการใช้งาน เพราะไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางวันก็จัดตัวนี้ได้ กลิ่นเหล้าไม่ได้เด่นเกินไปด้วย ทำให้ใช้งานได้ทั้งช่วงทางการหรือว่าทั่วๆ ไป รวมถึงกลางคืนถ้าอัดสเปรย์หน่อยก็ไปโชว์ออร่าของกลิ่นที่มีความชิลล์ปนเท่ห์ Cool นิ่งๆ ได้สบายๆ

ความทน - ดีงาม แม้ว่าจะเป็น Eau de Cologne แต่ความทนเรียกว่าสูสีกับความเข้มข้นระดับ Eau de Toilette เลย เพราะอยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. อาจจะลากยาวไปได้อีก ก็อิงตามจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ ส่วนตัวใช้งานที่ 6 สเปรย์ ความทนลากยาวไปที่ 10 ชม. ได้สบายๆ เลย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายที่จะเริ่มเป็Skin Scent เมื่อครบราวๆ 8 ชม. เป็นต้นไป 

ทิ้งท้าย - เสียดายอยู่ทุกวัน และก็อยากให้แบรนด์เอากลับมาทำใหม่ เพราะแม้ว่าปัจจุบันจะมี Tommy Bahama for Him มาเหมือนทำหน้าที่แทน แต่ก็มาแบบสาย Aquatic แบบเน้นๆ ตอบโจทย์ทิศทางของแบรนด์เสียมากกว่า ไม่ได้มาสาย Fresh Spicy แบบน่าค้นหาเท่าตัวนี้ เสียดายมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credithttp://www.vansonchoice.com/shop/images/products/Van_Son_Choice/TOB15M.jpg

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2562

Review: The Fragrance Engineers - Seduction

The Fragrance Engineers - Seduction 

The Fragrance Engineers เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มาจากการสร้างสรรค์ของบุคคลหลายๆ คนที่อยู่ในแวดวงน้ำหอมไม่ว่าจะเป็น Trainer ผู้สอนทำน้ำหอม สุคนธกรที่มีน้ำหอมเป็นแบรนด์ของตัวเองอยู่แล้ว หรือผู้มากฝีมือเรื่องการทำน้ำหอมต่างๆ ที่มารวมตัวกันสร้างสรรค์ความหอมจากความฝันหรือแรงบันดาลใจของตัวเองมาสู่กลิ่นที่เป็นไปได้ในโลกแห่งความจริง ที่สำคัญ คือ แบรนด์นี้อยู่ในป
ระเทศไทยเสียด้วย มีเว็บไซต์ที่สามารถเข้าไปชมและสั่งซื้อได้ตามสะดวกในชื่อเดียวกับแบรนด์เลย เช่นนั้นเมื่อได้มีโอกาสได้ครอบครองแบรนด์นี้ ก็ไม่พลาดที่จะมาบอกเล่าถึงความดีงามที่ควรจะเป็นว่าจะออกมาในลักษณะไหน กับกลิ่นแรกที่ได้สัมผัส นั่นคือ Seduction 

ที่มาที่ไปของน้ำหอมกลิ่นนี้มาจากเรื่อง Fifty Shades of Grey ที่ทำออกมาเป็นภาพยนตร์จบกันไปเรียบร้อย ซึ่งจะมีคำโปรยกับตัวน้ำหอมที่สื่อสารออกมาว่า “The Seven Shades of Sensuality” ซึ่งถือว่า กลิ่นนี้เอาความเย้ายวนของโทนกลิ่นต่างๆ มานำเสนอได้ดี และครบ 7 Shades ของกลิ่นเสียด้วย โดยเริ่มจากการเปิดตัวด้วย Shade ของวานิลลาที่จะเป็นตัวเดินกลิ่นหลักก่อนเลย โดยจะผสมผสานกับ Shade ของโทนแป้งติดอับจืดของดอกไอริสเคล้ากับกลิ่นอายติด Shade ของโทน Citrus ที่มาแบบบางๆ ให้รู้สึกได้ถึงมิติกลิ่นที่มีความสดชื่นผสมผสานอยู่ ซึ่งทำให้กลิ่นในช่วงนี้เป็นวานิลลาที่ไม่ได้ไปสายขนมมากนัก เป็นวานิลลาที่มีความเซ็กซี่ดึงดูดแบบ Lite Version ให้ความหวานปนจืดอับเย้ายวน แต่มีความเปิดเผยโปร่งๆ ของ Citrus เบาๆ พริ้มๆ กำลังดี 

และต่อมา Shade ของโทนผลไม้จะเริ่มเสริมเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้กลิ่นมีลักษณะติด Bubbble Gum หอมปนเปรี้ยวอมหวานเจือนวลวานิลลาที่รองพื้นอยู่ กลิ่นมีความเย้ายวนแบบชัดเจ รวมถึงปูทางเข้าสู่ช่วงกลางที่เป็นโทนออกทางกึ่งหมากฝรั่งผลไม้หอมหวานโปร่ง กับกลิ่นอายติดแป้งหอมโปร่งเย้าจมูกของไวโอเล็ตที่เสริมเข้ามา ทำให้ได้ความรู้สึกเซ็กซี่แบบติดโปร่งเย้า และจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นแฝงความเซ็กซี่มีจริตเนียนๆ แบบมีระดับของ Shade ต่อมาที่ทำให้กลิ่นคาบเกี่ยวระหว่างความนวลและความเย้ายวนของ Musk ทำให้ช่วงนี้กลิ่นจะสมดุลย์กันเป็นอย่างดีมากระหว่างความเป็นโทนแป้ง 2 เลเยอร์ คือ อับจืดและโปร่งเย้า เคล้าความนวล Musk และวานิลลาที่มีความเป็นกลิ่นโทนผลไม้หอมแทรกอยู่ในทุกๆ การรับรู้ของกลิ่นไปเรื่อยๆ จนเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาย Shade ของไม้หอมโปร่งๆ ติดขรึมหน่อยๆ ที่เสริมเข้ามาพร้อมกับ Shade โทนสาปปลุกเร้า Animalic เนียนๆ ไปกับโทนกลิ่นของ Musk ที่เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอม โดยกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่ได้ทิ้งความเย้ายวนปนหวานโปร่งจากช่วงกลางที่ยังจับต้องได้อยู่ในลักษณะที่เนียนไปกับเนื้อกลิ่นที่เป็นตัวเดินเกมอย่างโทน Woody Musky ติดนวลปนนัวนุ่มจมูกกำลังดี กลิ่นให้ความเซ็กซี่ติดเร้าๆ แบบที่ไม่ได้ถึงกับจัดจ้านโจ่งแจ้ง แต่มีลูกเล่น ลูกล่อ และลูกชนในความนวลด้วยความระเรื่อพลิ้วๆ เย้าๆ ให้เกิดความสนใจและดึงดูดให้สัมผัสต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ได้อย่างลงตัวมาก โดยที่ไม่ต้องเล่นใหญ่ แต่เน้นกำลังดี เจ้าเสน่ห์แบบมีระดับ นวลพลิ้วมีเสน่ห์แบบเรื่อยๆ แต่ก็กินใจดึงดูดจนต้องมาพิสูจน์ถึงความเย้ายวนจากผู้ที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ 

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจนมาก เข้ากับหมดทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นมีอารมณ์เย้ายวนที่ได้ทั้งความนวล ความเร้า ความลั่นล้า ความเซ็กซี่ ความหวาน ความขรึม และความมีระดับที่เสริมตัวผู้สวมใส่ให้มีภาพรวมของความเย้ายวนดึงดูดได้แบบที่ไม่ต้องดูพยายามก็เอาอยู่ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบให้ตัดการใส่ไปงานทางการออกไปได้เลย ไม่เหมาะนัก แต่ถ้าใส่แบบทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะทำงาน Office หรือว่าชิลล์ๆ เน้นปล่อยเสน่ห์แบบเนียนๆ อันนี้ได้เลยสบายๆ ส่วนถ้าออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้ง แต่อยากให้แอบเซ็กซี่ด้วย เน้นช่วงท้ายๆ ดีกว่า เพราะไม่เช่นนั้นกลิ่นจะตีขึ้นจนเหวอเอาได้ ความเย้ายวนที่จะได้มันจะหายไปเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนเพิ่มสเปรย์หน่อยไปท่องราตรีได้สบายมาก แตกต่างจากผู้อื่นและเรียกร้องความสนใจแบบเนียนๆ ได้ดี โดยไม่ดูพยายามเกินไปได้อย่างน่าดูชมเลยล่ะ 

ความทน - ดีงาม 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ให้จับต้องได้กับการใช้ที่ 5 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง ก่อนจะผ่อนลงมาเรื่อยๆ พอเข้าช่วงท้ายจะเป็นออร่ารอบๆ ตัว แบบยาวไป พ้นไปซัก 8 ชม. เริ่มเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้ถือเป็นการบอกถึงความแตกต่างและดึงดูดในความเย้ายวนแบบที่ไม่จำเป็นต้องอบอุ่นเว่อร์ ต้องยั่วเย้าปล่อยของ ต้องเผ็ดร้อนฟุ้งกระจายให้สุด หรือต้องแน่นแบบที่น้ำหอมที่สื่อถึงความเย้ายวนแบบทั่วๆ ไปมักจะต้องเน้นในการเรียกแขก แต่จะมาเน้นแบบเนียนๆ ปล่อยของแบบที่เน้น Sex Appeal ที่มีชั้นเชิงปนขี้เล่นก็ดี นวลละมุนปนเย้าก็สามารถ แถมไม่ไก่กาเหมือนคนอื่นไปทั่ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วกับคำว่า Seduction 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ” 

Photo Credit - เข็มขัดสั้น



วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2562

Review: Montale - Deep Roses

Montale - Deep Roses

นอกจาก Oud แล้ว ถ้าพูดถึงแบรนด์ที่มาสาย Powerhouse เน้นความเป็นเลิศทางด้านการกระจายของกลิ่นอย่าง Montale ก็คงจะลืมสาย Rose หรือกุหลาบไปไม่ได้ กับการเป็นกลิ่นเอกที่แบรนด์นี้เขาค่อนข้างเก่งและมีมากมายหลากหลายรุ่นให้เลือก รวมถึงเด่นตีคู่กับ Oud แบบหายใจรดต้นคอกันมาได้เลย
 ซึ่งหลังจากได้ผ่านกลิ่นอายกุหลาบของแบรนด์นี้มาบ้าง ก็ได้เวลาของกุหลาบตัวใหม่ที่ได้มีโอกาสใช้งานอย่างรุ่น Deep Roses และกลิ่นที่ได้รับมาจนต้องมาบอกต่อมันน่าสนใจในลักษณะนี้เลย 

กุหลาบจะเป็นตัวหลักจริงๆ ของกลิ่นนี้ที่จะเป็น Center Note ที่โดดเด่นตลอดเวลา ไม่มีใครที่จะมาดับรัศมีได้เลย เพียงแต่จะมาในลักษณะโทนที่ไม่ได้เป็นสายกุหลาบ Classic กลิ่นมีความ Modern แบบที่ใช้งานได้ไม่ยากและมีความสวยงามทางกลิ่นได้ดีมากจากกลิ่นสายสนับสนุนต่างๆ ซึ่งจะเปิดตัวช่วงต้นด้วยความเป็นโทนกุหลาบเจือด้วยโทน Citrus ของส้ม ที่มาเป็นสายสนับสนุนให้กุหลาบมีลักษณะที่ติดเปรี้ยวหน่อยๆ ให้ลักษณะแบบช่อกุหลาบแดงสดกำลังดี มีความสดชื่นปนหวานใสๆ เบาๆ ในกลิ่น แบบกุหลาบสีอ่อนโทนสีชมพูเป็นเลเยอร์เบาๆ ให้จับต้องได้ ซึ่งน่าจะมาจากดอกโบตั๋นหรือกุหลาบสีชมพูที่ให้โทนลักษณะนี้ ซึ่งแม้ว่ากลิ่นจะมีความสดชื่นเจืออยู่แต่ก็เอากุหลาบลงไม่ได้ กลิ่นจะเด่นออกมาชัดเจนมากจริงๆ ให้ทั้งความดึงดูดที่เย้ายวนแฝงไปตลอดเสียด้วย 

เมื่อกลิ่นผ่านไประยะหนึ่ง กลิ่นโทนติดเปรี้ยวสดชื่นเริ่มจะบางลง ให้ความเป็นกุหลาบเริ่มชัดมากขึ้น กลิ่นจะอยู่กลางๆ ไม่แห้งไปและไม่ฉ่ำไป แต่จะมีความลุ่มลึกติดโทนไม้หอมแฝงอยู่เนียนๆ และเจือความเป็นเครื่องเทศบางๆ ที่ทำให้ความเป็นกลิ่นกุหลาบเริ่มมีความอวลลึกน่าค้นหาเข้ามาให้รับรู้ กลิ่นจะมีความเย้ายวนกำลังดีเข้าโทนสีออกทางแดงกำมะหยี่ที่มีเสน่ห์ มั่นใจ ดึงดูด มีระดับและหรูหรา คุมโทนกลิ่นกุหลาบที่เน้นกลิ่นอาย Modern ที่ลุ่มลึกอวลแบบมีชั้นเชิงไปเรื่อยๆ จนเมื่อมีความอบอุ่นอ่อนๆ และมีความนุ่มสะอาดบางๆ ค่อยๆ เสริมเข้ามา ก็เป็นเวลาของการเปลี่ยนถ่ายกลิ่นเข้าสู่ช่วงท้าย โดยที่กุหลาบจะเบาตัวลงมาในระดับหนึ่งมาผสมผสานกับกลิ่นโทน White Musk ที่ให้ความนุ่มนวล โดยยังมีเครื่องเทศบางๆ Spicy ติดไม้หอมอวลลึกๆ และมีกลิ่นออกทางแอมเบอร์เนียนๆ ให้ความอุ่นกำลังดี ทำให้กลิ่นในช่วงนี้จะเป็นกุหลาบสีแดงออกทางสะอาดๆ ระเรื่อกลิ่นหอมแบบผ่อนคลายโดยที่ยังมีความรู้สึกลึกอวลเบาๆ น่าค้นหา โดยยังมีความดีงามของความเป็นกุหลาบในรูปแบบที่ทันสมัยให้ความหรูหรามีระดับที่ลงตัว ได้ความรู้สึกสวยงามแบบช่อกุหลาบแดงปนชมพูในห้องสีขาวสะอาดที่ดูอบอุ่นที่ดึงดูดสายตาในความโดดเด่นได้อย่างชัดเจน 

เหมาะสำหรับ - แบรนด์ระบุไว้ว่าเป็น Unisex แต่เอาเข้าจริงเข้าทางฝั่งผู้หญิงถึง 75% ได้เลย เพียงแต่กลิ่นกุหลาบถ้าไม่ได้ออกทาง Classic ผู้ชายก็สามารถใส่ได้เช่นกัน เพราะกลิ่นจะให้ความน่าค้นหาในอีกรูปแบบหนึ่งได้เลยถึงถ้าใส่กลิ่นนี้กับการแต่งตัวแนวๆ สีขาวหรือดำ กลิ่นจะเสริมโทนดึงดูดที่มีเสน่ห์มากจริงๆ โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งแบบทางการและทั่วๆ ไป กลิ่นสร้างเสริมความมีระดับของผู้สวมใส่อย่างชัดเจน แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางแม้แต่นิดเดียว ส่วนยามค่ำคืนเน้นไปทางใส่เพื่อออกงานหรือ Party หรูๆ หน่อยจะดีกว่า แต่ถ้าจะใส่ไปท่องราตรีแล้วเน้นปล่อยของก็ต้องอัดสเปรย์ แต่อาจจะไปสู้กับสายหวานจัดๆ เหนื่อยนิดนึง

ความทน - อันนี้ยกนิ้วให้เลย กลิ่นทนจัดมาก 10 ชม. กลิ่นยังคงอยู่และลากยาวไปได้อีกเสียด้วย ส่วนตัวใช้ไป 4 สเปรย์ ก็เรียกว่าชัดเจนและมาเต็มเรื่อยๆ ถึง 15 ชม. ได้เลย 

การกระจาย - ชัดเจนและปล่อยบาเรียล้อมรอบตัว อันนี้ใช้ แต่ไม่ได้เล่นใหญ่หนักหน่วงเกินไปนักในการกระจายที่ดีมากในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายดี ตามด้วยปานกลาง ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัวยาวไป

ทิ้งท้าย - แรกเริ่มคาดหวังปนหวาดหวั่นกันในระดับหนึ่งเลย คือ กลัวกลิ่นโทนกุหลาบแห้งที่มักจะปิดท้ายด้วยลักษณะแบบกุหลาบ Classic เน้นกุหลาบแดงแห้งๆ ที่จะกลิ่นออกทางติดเขียวแห้งคุณนายจ๋าๆ ปน Animalic ที่มักจะเข้ากับผู้หญิงมากกว่า ซึ่งส่วนตัวไม่อินและเวียนหัวกับโทนลักษณะนี้ แต่กับ Deep Roses ไม่ใช่ มีความเป็นกุหลาบที่โดดเด่นโดยที่มีความเป็นโทน Modern สูงมาก ถือเป็นกุหลาบอีกตัวที่ใช้แล้วพึงพอใจและมีความสุขกับกลิ่นนี้แบบที่ตัวเองก็คาดไม่ถึงเลย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit -https://outlet/-boutique.ro/magazin/parfumuri/parfumuri-unisex/montale-deep-rose-apa-de-parfum-unisex/



Mini Review: Strangers Parfumerie - LGBTIQ Series

Strangers Parfumerie - LGBTIQ Series

เมื่อได้เห็นว่า Strangers Parfumerie ได้ประกาศปล่อย Collection ใหม่ออกมากับชื่อว่า LGBTIQ Series โดยเน้นแรงบันดาลใจจากตัวละครหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ต่างๆ โดยปล่อยออกมา 5 กลิ่น ที่แตกต่างกันออกไป เพียงแค่นี้ก็เรียกว่าไม่พลาดที่จะต้องได้ลองและนำมาบอกเล่ากลิ่นกันซะหน่อยว่าความเป็น Series นี้จะสื่อสารออกมาในลักษณะไหนบ้าง และแน่นอนว่าจะยังไม่ได้มาแบบเต็มๆ นัก เน้นการเทสกลิ่นกับผิวแล้วบอกความรู้สึกและอารมณ์กลิ่นที่ได้รับแบบสรุป ซึ่งรายละเอียดจะว่ากันที่ Review แบบเต็มๆ อีกทีครับ

ก่อนเล่า - ต้องบอกกันตามตรงว่าภาพยนตร์แต่ละเรื่องที่ผู้ปรุงได้นำมาเป็นที่มาที่ไปนั้น บางเรื่องได้ผ่านการดูมาแล้ว และบางเรื่องยังไม่ได้ดูเต็มๆ นอกจากดูจาก Youtube ที่เป็นคลิปบางส่วน เลยอาจจะมีการอ้างอิงถึงพอสมควรและอาจจะไม่ได้อ้างอิงเลยถ้ายังไม่เคยได้ดูเรื่องนั้นแบบเต็มๆ นะครับ 

Movie: Call Me by Your Name

Oliver - ถ้าตัวละคร Oliver มีกลิ่นอายแบบนี้จริงๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมตัวเอกอีกคนอย่าง Elio ถึงประทับใจตั้งแต่แรกพบและกลายเป็นความรักขึ้นมา เพราะในความเป็นธรรมชาติ สดชื่น สะอาด สไตล์ Summer Scent เด่นที่ความเป็น Citrus เจือความเป็นโทนเขียวรื่นรมย์ มันมี Sex Appeal ที่ดึงดูดมากซ่อนอยู่ ซึ่งกลิ่น Top ว่าประทับใจแล้ว กลิ่นเบส คือ สุดมากกับการเป็นกลิ่นอายแบบผิวกายผู้ชายสะอาดเจือเขียวแมนดึงดูดบางๆ ตามธรรมชาติ ซึ่งง่ายๆ ลองถามสาวๆ หรือหนุ่มๆ ที่มีแฟนดูได้ว่าเวลาซุกคอแฟนตัวเองแล้วได้กลิ่นผิวกายผู้ชายสะอาดๆ เคล้ากลิ่นสดชื่นบางๆ ระเรื่อๆ มันเป็นอย่างไร ก็นั่นแหละ แบบนั้นเลย

San Clemente - กลิ่นนี้จะแตกต่างแล้ว เพราะเป็นการเล่าเรื่องราวเสียมาก โดยเน้นที่ตัวเอก คือ Elio และ Oliver ซึ่งจะมี 2 คาแรคเตอร์กลิ่นที่เริ่มจากการเป็นกลิ่นอายกาแฟเคล้าน้ำผลไม้เด่นนำแบบคนละสไตล์ที่พอไปด้วยกันได้ ก็จะกลายเป็นกลิ่นอายแนวไวน์เคล้ากลิ่นบุหรี่ที่เข้ากันได้และไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนจะกลายเป็นความอ้อยอิ่งและหนักแน่นในอารมณ์กลิ่นที่จะมีทั้งความลึกและอาวรณ์ของกลิ่นที่ชัดเจนมากจากโทน Incense และ Oak Moss ซึ่งอันนี้ต้องยอมรับเลยว่าเป็นการเล่าเรื่องที่เห็นภาพตั้งแต่แรกที่ 2 ตัวละครได้มาพบกัน ได้อยู่ด้วยกัน ไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนจะเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือน 

-------------------------------------------------

Movie: God’s Own Country 

Gheorghe - บรรยากาศสไตล์อังกฤษชนบทที่เอาเข้าจริงไม่ได้ฟ้าใสแดดเปรี้ยง (ถ้าอากาศไม่ดีจริงๆ) เพราะมันจะมีความทึม หม่นๆ อากาศเย็นๆ แห้งๆ กลิ่นอายทุ่งหญ้า เนินเขาและผืนดิน ซึ่งจะชัดเจนกันตั้งแต่ช่วงเปิดเลย อารมณ์กลิ่นสื่อความอ้างว้างพอสมควร ก่อนที่จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงให้จับต้องได้แบบค่อยไปค่อยไปและเป็นธรรมชาติกลายเป็นโทนอบอุ่นที่แทรกผ่านวงล้อมของกลิ่นมาแฝงเป็นเนียนๆ กับ บรรยากาศทึมๆ เย็นๆ เขียวแห้งๆ แบบนี้ ซึ่งถ้าจะอ้างอิงถึงภาพยนตร์ มันเหมือนฉากหนึ่งในหนังที่ตัวเอกทั้ง 2 คน คือ Gheorghe และ Johnny ยืนดูวิวอยู่บนเนินสูง แล้วเมื่อทั้ง 2 คนหันมามองหน้ากัน ความอบอุ่นและความสุขจาก Gheorghe ก็ส่งให้กับ Johnny แบบเนียนๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

-------------------------------------------------

Movie: The Hours 

Virginia - กลิ่นอายเขียวๆ แบบอยู่ในสวนดอกไม้ที่เป็นกลิ่นอายตามธรรมชาติแบบติดเขียวปนเมือกฉ่ำจางๆ ที่สร้างความผ่อนคลายตั้งแต่แรกสุด และไปสู่อารมณ์ต่อเนื่องกับกลิ่นเขียวออกทางสดใสปนดอกไม้จะเหมือนเป็นฉากหน้าแต่รองพื้นด้วยความเป็นโทนยางไม้เจือไม้หอมออกทางกระดาษ ซึ่งกลิ่นแอบ Contrast กันพอสมควรระหว่างความเป็นธรรมชาติและการเป็นโทนกลิ่นที่ดูจริงจัง แต่กลายเป็นกลิ่นล้อไปด้วยกันได้เป็นอย่างดีอย่างมีมิติให้จับต้องได้ ก่อนจะค่อยๆ เบาบางลง ทำให้เหมือนเราเห็นพลังบางอย่างจากคนๆ หนึ่งที่จริงจังอย่างมากกับสิ่งที่ทำตรงหน้า ท่ามกลางบรรยากาศที่เขียวหอมแบบรื่นไหล มันมีเสน่ห์ในความแตกต่างและสร้างจุดโฟกัสของกลิ่นได้อย่างน่าสนใจมาก 

-------------------------------------------------

Movie: Burning 

Burning Ben - กรุ่นกลิ่นกาแฟที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายในความอะโรม่าที่ให้ความขมละเมียดมีเสน่ห์และชวนเชิญราวกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูดีและ Nice แต่พอเข้าไปได้รู้จักจะมีความเปลี่ยนแปลงที่วูบเข้ามาเพราะกลิ่นจะเริ่มดาร์กขึ้นๆ ตามลำดับทำให้เราไม่แน่ใจว่าตกลงผู้ชายคนนี้คิดอะไรอยู่ ท่ามกลางความนิ่งก็มีความลึกลับไม่น่าไว้ใจข้างในแผ่ออกมาด้วย แต่แปลกกลิ่นดันดึงดูดอย่างน่าประหลาดจากโทนดาร์กปนหวานขมที่ให้อารมณ์ซับซ้อนน่าค้นหาไปเรื่อยๆ ที่เราน่าจะหยุดแต่มันหยุดไม่ได้ จนถึงช่วงที่กลายเป็นความดาร์กปนกลิ่นหนังที่มีความคุกรุ่นออกมาที่ให้ความลึกล้ำของกลิ่นอย่างเข้มข้นท่ามกลางความนิ่งร้ายและลึกลับที่ทำให้เราจดจำความเป็น Ben ที่ยากแท้หยั่งถึงได้ชัดเจน

-------------------------------------------------

สิ่งที่กลิ่นแต่ละกลิ่นบอกเล่าเรื่องราวมา ทำให้เห็นภาพและคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนเลยทีเดียวเกี่ยวกับตัวละครต่างๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจของน้ำหอม มีทั้งความสดชื่นดึงดูด ความหวานปนขม ความอ้างว้างแต่อบอุ่น ความแตกต่างที่มีเสน่ห์ และความลึกลับที่ซับซ้อน แต่ถ้ามองอีกมุมที่ไม่ได้เน้นเป็นที่การเล่ากลิ่นของคาแรคเตอร์ กลิ่นต่างๆ เหล่านี้ต่างก็มีจุดที่ทำให้ประทับใจได้ง่ายและนำมา Mix & Match กับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายมากตามสไตล์แต่ละบุคคลที่ต้องการเพิ่มเติมบุคลิกทางด้านกลิ่นลงไปให้มีมิติอื่นๆ รวมถึงสร้างเสน่ห์ที่น่าจดจำก็สามารถด้วยเช่นกัน 

ส่วนตัว - ขอแยกความประทับใจกลิ่นต่างๆ ออกมาประมาณนี้ 
ลึกลับและซับซ้อน - Burning Ben 
สดชื่นและมีเสน่ห์ - Oliver 
ละเมียดและพลิ้วไหว - San Clemente 
อบอุ่นในหัวใจ - Gheorghe 
ดอกไม้ที่แตกต่าง - Virginia 



Credit ภาพ - https://www.fragrantica.com/news/The-Strangers-New-Perfume-Collection-LGBTIQ-series-11677.html 

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2562

Review: Jessica Simpson - Fancy Nights

Jessica Simpson - Fancy Nights 

ถ้าว่ากันด้วย Teen Divas ในช่วงต้นยุคปลาย 90 - 2000 ที่โด่งดังมากในระดับโลกจากทั้ง 4 คน หนึ่งในนั้นก็ต้องเป็น Jessica Simpson ที่มาสายเพลงบัลลาดเป็นการแจ้งเกิด โดยเฉพาะเพลง I Wanna Love You Forever ที่ปล่อยพลังขั้นสุดจัดเต็มมากจนดังเป็นพลุแตกในทันที แม้ทุกวันนี้จะไม่ได้เน้นทางด้านการเป็นศิลปินแต่ไปทำธุรกิจส่วนตัวทางด้าน Fashion เป็นหลักแล้ว 

แน่นอนว่าเพราะดังและเป็นหนึ่งใน Diva ที่มีคนชื่นชอบ ก็ต้องมีน้ำหอมสาย Celebrity ของตัวเองออกมา ซึ่งก็มีมากมายหลายรุ่นและเป็นน้ำหอมที่ได้รับความนิยมมาเสมอ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีรุ่นหนึ่งที่ทำกลิ่นออกมาได้ลงตัวและมีความน่าสนใจแตกต่างจากน้ำหอมสายขนมที่เหล่า Celeb มักชอบทำออกมา เช่นนั้น ก็มาเล่ากลิ่นกันหน่อยว่าจะมาในลักษณะไหนกับรุ่นนี้เลย Fancy Nights 

Top Notes เปิดตัวออกมาได้น่าสนใจมากกับการเป็นกลิ่นโทนออกทางไม้หอมที่เด่นออกมา เคล้ากับโทนกลิ่นติดเขียวแห้งๆ เจือชื้นนิดๆ และมีกลิ่นออกทางติดขมปนสดชื่นของโทน Citrus อย่างมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) หน่อยๆ ที่ทำให้กลิ่นมีโทนโปร่งๆ ติดแปร่ง นิดๆ ที่น่าสนใจให้สัมผัสได้ ซึ่งเมื่อกลิ่นเริ่มเซทตัวมากขึ้น โทนไม้หอมแห้งๆ ที่ให้ความรู้สึกแบบหนังสือเก่าๆ หรือไม้เก่าๆ หรือใบลานแห้งๆ ของปาปิรัสเคล้ากับกลิ่นของพิมเสนที่ออกทางแห้งๆ กลิ่นอยู่ระหว่างความดิบกับการรื่นจมูก ซึ่งจะได้ความรู้สึกดึงดูดน่าค้นหากำลังดีไปตลอด และเริ่มโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆพิมเสนก็จะกลายเป็นศูนย์กลางของกลิ่นชัดเจนในช่วง Middle Notes โดยในเนื้อกลิ่นพิมเสนที่ออกทางอวลแห้งจะมีกลิ่นโทน Spicy ปร่าๆ กำลังดีเสริมอยู่ในนั้น ซึ่งกลิ่นของปาปิรัสจะเป็นฉากหลักให้ความรู้สึกแบบไม้หอมแห้งๆ กึ่งกลิ่นกระดาษ พร้อมกับกลิ่นโทนดอกไม้อ่อนๆ ที่จับต้องได้จากกุหลาบเพิ่มความลุ่มลึกน่าค้นหาและเย้ายวนแบบกำลังดีไปเรื่อยๆ โดนไม่ได้ค่อนไปทางสายโทนสว่างนัก ค่อนไปทางดาร์กติดซีทรูเคล้าความอบอุ่นกำลังดี แล้วจะเริ่มสัมผัสได้ว่ากลิ่นมีความอบอุ่นมากขึ้นตามลำดับ จนเมื่อเข้า Base Notes จะได้ความเป็นโทนไม้หอมติดครีมนวลอบอุ่นเป็นพื้นฐาน ซึ่งจะจับต้องได้ถึงความเป็นลักษณะของโทนไม้จันทน์หอมเคล้ากับโทนอบอุ่นไพล่ไปทาง Amber เคล้าโทนแป้งอบอุ่นของวานิลลา โดยที่ยังมีกลิ่นอายของพิมเสนแห้งๆ ระเรื่อๆ ให้ความลุ่มลึกและน่าค้นหาแบบกำลังดีประปรายให้สัมผัสได้ รวมถึงได้ความรู้สึกติดสบายๆ ผ่อนคลายหน่อยๆ ในเนื้อกลิ่นเสียด้วย 

ภาพรวมของกลิ่นมีความชัดเจนในระดับหนึ่งที่ไม่ได้ถึงกับไปสายหรูหราอะไรจัดจ้านชัดเจนอะไรนัก แต่มีระดับมีคลาสระดับที่กำลังดีลงตัวไม่ได้เอื้อมถึงยาก โดยกลิ่นมีโทนน่าค้นหาที่มาเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นยันท้ายซึ่งถือว่าคุมโทนในเรื่องนี้ได้ดีจริงๆ ซึ่งแตกต่างพอสมควรกับน้ำหอมหญิงสาย Celeb โดยส่วนใหญ่อย่างน่าสนใจมากเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป ซึ่งไม่ได้เข้าถึงยาก แต่มีลูกเล่นให้รู้สึกน่าค้นหาจากโทนไม้หอมแห้งๆ ปน Amber และพิมเสนที่เย้าจมูก ซึ่งถ้าผ่านน้ำหอมแนวๆ นี้มาก่อนจะเข้าถึงได้ง่าย หรือถ้าใครต้องการเรียนรู้โทนลักษณะนี้ ก็มาเจอที่ตัวนี้เป็นจุดเริ่มต้นก็ไม่เสียหาย ซึ่งกลิ่นนี้จะเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นมีความน่าค้นหาปนมีระดับ ติดขรึมๆ กำลังดี สร้างออร่าน่าเชื่อถือได้ด้วย แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งแสงแดดจ้าและออกกำลังกายออกไปได้เลย กลิ่นไม่เข้าทางแต่ประการใด ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานได้เลย กลิ่นให้ออร่าที่ดูขรึมมั่นน่าค้นหาได้ดีจริงๆ รวมถึงการใส่เพื่อท่องราตรีก็ได้อยู่ แตกต่างจากผู้อื่นเรียกร้องความสนใจในความนิ่งที่มีเสน่ห์ได้เลย ส่วนคุณผู้ชาย เอาจริงๆ กลิ่นนี้มีความ Unisex อยู่พอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งสามารถใส่ได้สบายมาก เผลอๆ สร้างออร่าน่าค้นหาได้อย่างดีอีกด้วย 

ความทน - ประมาณ 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ก็อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพอากาศด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ อย่างมีเสน่ห์ ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัว พอพ้นซัก 6 ชม. จะเริ่มเป็น Skin Scent ในเวลาต่อมา 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้คล้าย Prada Amber ของผู้หญิงมาก รวมถึงไพล่ไปเป็น Chanel Coromandel ที่มีความเป็น Hippie มากกว่าจะเรียบหรู เช่นนั้นเอาเป็นตัวแทน 2 กลิ่นนี้ได้สบายมาก 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.e-glamour.pl/jessica-simpson-fancy-nights-woda-perfumowana-dla-kobiet-100-ml/

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562

Review: Tauerville - Patch Flash

Tauerville - Patch Flash 

จาก Series Flash ต่างๆ ที่ได้ผ่านการเล่ากลิ่นมา (ไม่รวมสาย Exclusive แบบ Collection - Stories) กับการนำเสนอความสนุกสนานผ่านกลิ่นอายต่างๆ กับขนาดและราคาที่สมเหตุสมผลของ Tauerville ก็ได้เวลาของกลิ่นที่ออกมาในปี 2017 ที่มาเน้นที่ความเป็น Patchouli หรือพิมเสนแบบเต็มๆ กันบ้าง จากเดิมที่เคยเอาไปพ่วงกับรุ่น Fruitchouli Flash มาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่ง Andy Tauer สุคนธกรผู้ปรุงจะนำเสนอความเป็นพิมเสนในมุมไหนบ้างว่ากันที่รุ่นนี้เลย Patch Flash 

ความเป็นพิมเสนที่อยู่ในน้ำหอมเราเองมักจะสัมผัสได้กันมาพอสมควร เพราะเยอะมากที่มีพิมเสนเป็นหนึ่งในการสนับสนุนกลิ่นที่ดี รวมถึงบางรุ่นถ้ามีลักษณะค่อนไปทาง Vintage หน่อยๆ ก็จะสร้างออร่าความมีภูมิและเป็นสุภาพบุรุษก็สามารถ รวมถึงอื่นๆ อีกมากมายที่พิมเสนสามารถนำไปนำเสนอได้ ซึ่งต้องชื่นชมกันก่อนเลยว่Andy Tauer นำเสนอความเป็นพิมเสนในมุมต่างๆ ได้อย่างลงตัวและเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกันตั้งแต่ต้นยันปลายได้สวยงามมากเลยทีเดียว เพราะจะมีทุกมุมของพิมเสนในจับต้องได้ในแต่ละช่วงกลิ่น โดยเริ่มที่

Spicy Medicinal Patchouli - เป็นช่วงเปิดที่นำเสนอความเป็นพิมเสนบนพื้นฐานของการเป็นโทนติดเครื่องเทศปร่าๆ แน่นอวล ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะจับได้ถึงกานพลูที่มาแบบขี่พายุทะลุฟ้ากันได้ในระดับหนึ่งโดยให้ความปร่าสดชื่นสไตล์ Fresh Spicy กันเต็มๆ เคล้ากับกลิ่นพิมเสนออกทางยาที่มีความหวานปนติดเขียวดาร์กหน่อยๆ โดยที่จะมีตัวดันให้กลิ่นมาเต็มและอวลและฟุ้งกระจาย นั่นคือวิสกี้ ซึ่งช่วงนี้การนำเสนอกลิ่นพิมเสนเลยออกทางความแน่น ฟุ้ง พุ่ง ชัด และเต็มที่เปิดตัวกันเต็มๆ ด้วยมุมติด Spicy มุมเจ้าชู้เย้ายวน และมุมออกทางยาสมุนไพรได้อย่างชัดเจน 

Cozy & Earthy Patchouli - เป็นช่วงกลางที่ยังรับอิทธิพลความชัดของกลิ่นมาจากช่วงต้นอยู่พอสมควร เพียงแต่จะไม่ได้ออกแนวพุ่งอะไรแล้ว แต่จะยังคุมโทนการเป็นพิมเสนที่ออกทางแห้งๆ อยู่ ความเป็นยาจีนลดลงมาในระดับหนึ่งทำให้จับได้ถึงความเป็นโทนที่ออกทางติดดินๆ Earthy แบบพืชล้มลุกที่เจือความหวานปลายๆ ได้อย่างมีเสน่ห์มาก โดยที่ในเนื้อกลิ่นจะมีโทนกลิ่นอายอวลๆ อบอุ่นติดเครื่องเทศรับช่วงต่อจากตอนต้นของอบเชยที่มาในสายเครื่องเทศอบอุ่นไม่ได้เน้นมาเพื่อพุ่งแบบกานพลู รวมถึงมีกลิ่นไม้หอมโปร่งๆ หน่อยเสริมเข้ามา ทำให้กลิ่นจะมีอารมณ์สบายๆ ติดอวลกำลังดี ให้อารมณ์ Spicy นวลๆ เคล้ากับกลิ่นพิมเสนแห้งเจือไม้หอมอ่อนๆ ได้อย่างลงตัว

Warm Seductive Patchouli - คาบเกี่ยวตั้งแต่ช่วงกลางเพราะความเป็นอบเชยที่มาสายอบอุ่นกันก่อน โดยจะมีกลิ่นอายของวานิลลาปนกับกำยาน Benzoin ที่ให้ความอบอุ่นนุ่มลึกมารับช่วงต่อ พร้อมกับโทนไม้หอมจะเริ่มมีความอวลนวลอุ่นมากขึ้นด้วยจากลักษณะของความเป็นโทน Amber เป็นการนำเข้าสู่ช่วงท้ายพร้อมกับมีกลิ่นอายติดโทนหนังออกทางแห้งๆ ที่มาให้ความเย้ายวนดึงดูดแบบกำลังดี ไม่ได้มีความหนักจนสาปอะไรมีความความอวลที่มีเสน่ห์ โดยที่ความเป็นพิมเสนจะยังคุมโทนเด่นเป็นสง่าแบบติดโทนไม้หอมปนกลิ่นแห้งๆ เจือหวานปลาย ซึ่งกลิ่นจะผสมผสานกันจนได้ความรู้สึกของการเป็นพิมเสนที่มีความอบอุ่นปนเย้ายวนดึงดูดและมีความหวานอวลระเรื่ออย่างมีชั้นเชิงและมีระดับยาวไปจนกว่าน้ำหอมจะพอใจเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้มีความ Unisex กันอย่างชัดเจน เพราะเน้นที่ความเป็นพิมเสนเด่นในหลายๆ มุมให้จับต้องได้ จึงจะเข้ากับทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป และผ่านน้ำหอมโทนพิมเสนมาบ้างจะทำให้เข้าถึงตัวนี้ได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่จำกัดจำนวนสเปรย์ ไม่เช่นนั้นอาจจะพุ่งจะแน่นเกินไปจนจุกรอบทิศทางเอาได้ ซึ่งถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม กลิ่นจะเสริมออร่าความ Cool เท่ห์ติดอบอุ่นปนกรุ้มกริ่มก็ได้ ออกทางสุขุมและแตกต่างอย่างมีพลังก็ดี ซึ่งเข้ากับงานทางการก็ได้อยู่ ทั่วๆ ไปก็สามารถ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลยเดี๋ยวเกรงว่าจะตึ้บไปเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนถ้าสเปรย์เหมาะสมมีเสน่ห์กับการใส่ออกงานมาก รวมถึงถ้าใส่ไปท่องราตรีก็มีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครได้เลย 

ความทน - ดีงาม เพราะเฉลี่ยที่ 8 ชม. ขึ้นไปได้สบายมาก และเป็นที่สุดของแจ้จริงๆ กับการใช้เพียง 3 สเปรย์ ลากยาวไปที่ 15 ชม. จนอาบน้ำจะนอนแล้วกลิ่นยังติดผิวอ่อนๆ อยู่เลย 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากกกกกก เรียกว่าปล่อยพลังกันเลย แล้วจะลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง ผ่อนลงไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายที่กระจายกึ่งปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว พ้นไปซัก 8 ชม. จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไป 

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้คนรักพิมเสนต้องไปพลาด จะได้ทุกอารมณ์ของกลิ่นที่พิมเสนจะสื่อสารจริงๆ แต่ยังไงเบามือนิดนึง เพราะจากที่ใช้กลิ่นนี้เพียงแค่ 3 สเปรย์เวลาอากาศเย็นๆ น้องหมาแถวบ้านเดินจะเข้ามาเล่นด้วย ห่างประมาณ 1 เมตร มัน ฮัดชิ่วโชว์เลย แล้วไม่เดินเข้ามาต่อแบบตัดสินใจไม่ถูก ต้องเดินอ้อมตัวไปลูบหัวมัน มันก็ยังฮัดชิ่วอีก เลย OK กลิ่นนี้ปล่อยพลังแรงและพุ่งจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - เข็มขัดสั้น

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2562

Review: Parfums de Marly - Godolphin

Parfums de Marly - Godolphin 

ว่าด้วยเรื่องม้าที่ดีที่สุดในโลกที่มีชื่อเสียงอย่างมากจนกลายเป็นตำนานเลยก็ว่าได้ ก็ต้องเป็นหนึ่งเดียวอย่าง Godolphin Arabian ที่เป็นหนึ่งในต้นตระกูลที่ก่อให้เกิดสายพันธุ์ม้าแข่งที่ยอดเยี่ยมมากและได้แชมป์มานักต่อนัก ซึ่งแน่นอนเป็นตำนานซะขนาดนี้ สายฝั่งน้ำหอมแบรนด์ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อราชวงศ์ฝรั่งเศสที่มีระดับอย่าง Parfums de Marly จึงได้นำมาต่อยอดจนเป็นกลิ
่นอายน้ำหอมที่สื่อถึงความเป็นม้าแข่งที่ยอดเยี่ยม สง่างาม นิ่ง และทรงพลัง โดย Tribute ให้มีชื่อรุ่นเดียวกันกับที่มาที่ไปของม้าชนิดนี้นั่นเอง 

แล้วกลิ่นที่ได้สร้างสรรค์ออกมาล่ะ เป็นแบบไหน?

Godolphin จะให้ความเป็นโทนกลิ่นหนังเป็นกลิ่นหลักของน้ำหอมที่จะอยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ มีความชัดเจนในทุกๆ ช่วงกลิ่น แต่จะปรับเปลี่ยนอารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกันไปตามกลิ่นอายอื่นๆ ที่อยู่รายล้อมในแต่ละช่วง โดยในช่วงต้นเปิดตัวจะมีกลิ่นอายหวานปนขมเจือความเผ็ดนุ่มและมีความเป็นโทนหนังของหญ้าฝรั่นจะชัดเจนมาก สอดรับกับกลิ่นหนังที่รองพื้นอยู่ด้านหลังเต็มๆ แต่จะไม่ได้ถึงกับมาหนักหน่วง เพราะจะมีกลิ่นอายติดโทนเขียวสดชื่นเจือเมทัลลิคหน่อยๆ ผสมผสานอยู่ รวมถึงมีความหวานติดผลไม้เนียนแบบไม่หนักหน่วงอยู่ในความเป็นโทนหนังเสียด้วย ทำให้กลิ่นในช่วงนี้ ได้อารมณ์แบบกลิ่นหนังในบรรยากาศยามเช้าที่มีความสดชื่นของบรรยากาศ มีความหวานปนขมกำลังดี เจือสมุนไพรและกลิ่นสดชื่นของผลไม้บางๆ ได้อย่างลงตัว 

จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีความเปลี่ยนแปลง โดยโทนกลิ่นจะเริ่มมีความเป็นโทนหนังที่มีความลึกและละเมียดมากขึ้น กลิ่นหนังจะเป็นหัวใจหลักที่ให้มิติทั้ง Animalic ที่มีระดับ ไม่ได้ออกทางสาปหนังจัดเต็ม มีโทนขมปนหวานลึกๆ เคล้าเครื่องเทศบางๆ ที่มาจากหญ้าฝรั่น มีกลิ่นติดแป้งกลิ่นดอกไม้นวลๆ เคล้ากับกลิ่นผลไม้ที่ยังพอจับต้องได้เบาๆ คงที่กับการอยู่ในตำแหน่งสายสนับสนุนที่มีเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งถือว่าช่วงนี้เป็นกลิ่นโทนหนังที่ให้อารมณ์นิ่งขรึม แต่มีพลังและมีระดับในตัวสูงเลยทีเดียว แถมแอบเซ็กซี่เนียนๆ เสียด้วย จนเมื่อกลิ่นเริ่มมีโทนไม้หอมแห้งๆ เสริมขึ้นมาเรื่อยๆ จนเริ่มชัดเจนและเจือความอบอุ่นกำลังดี ก็เป็นการเข้าช่วงท้ายที่จะเป็นกลิ่นหนังที่ให้ความเท่ห์และนึ่งขรึมมากขึ้น ซึ่งกลิ่นอายไม้แห้งๆ จะเสริมขึ้นมาให้ความโปร่งปนขมหน่อยๆ Smoky เข้มๆ กำลังดี และมีกลิ่นโทน Musky นิดๆ ที่นุ่มสะอาดเข้ามาผสมผสาน จึงทำให้กลิ่นหนังที่มีโทน Animalic สาปหนังที่ไม่หนักหน่วง มีความสมดุลย์ปนอบอุ่นเบาๆ ไปตลอด ซึ่งกลิ่นคุมโทนความนิ่งขรึม แมน และมีระดับแบบโทนหนังที่มีพลังได้อย่างดี ลงตัว และสร้างออร่าความเท่ห์หรูและเข้มแบบที่ได้กลิ่นแล้วลืมไม่ลงได้เลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว แต่กลิ่นค่อนข้างสร้างความเป็น Leadership หรือผู้นำพอสมควร ซึ่งมาหมดทั้งความเท่ห์ ความอบอุ่น ความแมน และความมุ่งมั่นมีพลังที่มาจากพื้นฐานความเป็นโทนหนังเน้นๆ เลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบที่จำนวนสเปรย์เหมาะสม กลิ่นจะให้ออร่าผู้ชายที่เข้มเท่ห์หรูหรามีระดับได้อย่างดีงาม แต่ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายไปได้เลย กลิ่นไม่เข้าทางสายนี้นัก ส่วนนามยามค่ำคืน จัดไป ปล่อยพลังความเท่ห์ไม่เหมือนใครได้ชัดเจนจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกงานหรือท่องราตรี ส่วนคุณผู้หญิงเอาจริงๆ ถ้าชอบกลิ่นหนังก็สามารถใส่ตัวนี้ได้ไม่ยาก ได้ความเป็นนางพญาแบบเท่ห์ๆได้เลยนะนั่น 

ความทน - อันนี้ยอม ความทนดีงามมากกกก กับราวๆ 12 ชม. เป็นพื้นฐาน เรียกว่าใส่ไปเถอะอยู่ได้ตลอดวัน ส่วนตัวจัดไป 4 สเปรย์ ลากยาวไปที่ 15 ชม. ได้สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางให้ความเท่ห์หรูที่ไม่ถึงกับแน่นจนอึดอัด แล้วจะมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไป

ทิ้งท้าย - ใช้ตัวนี้ครั้งแรก แอบนึกถึง Tom Ford - Tuscan Leather แต่พอมาใช้ช้ำหลายครั้ง ไม่ได้เหมือนนัก แต่เป็นโทนที่ปูพื้นฐานด้วยกลิ่นหนังเป็น Concept เดียวกันเท่านั้น Tuscan Leather จะให้ความเซ็กซี่มีระดับเด่นไปเลย แต่ Godolphin จะให้ความทรงพลังและความเป็นผู้นำมาดเท่ห์และมุ่งมั่นได้ชัดเจนที่สุดแทน 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Parfums de Marly’ Twitter -https://twitter.com/ParfumsdeMarly &https://pbs.twimg.com/media/CMnDtk9UEAANber.png



วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2562

Review: Salvatore Ferragamo - Vendemmia (2013)

Salvatore Ferragamo - Vendemmia (2013) 

หลังจากที่ Ferragamo ได้เปิดตัวน้ำหอมรุ่น Tuscan Soul เมื่อปี 2008 ที่สื่อสารถึงบรรยากาศของเมือง Tuscany ของอิตาลีโดยเน้นที่กลิ่นอายสดชื่นแบบความเป็น Citrus ปนความสะอาดปลอดโปร่งเป็นตัวตั้ง โดยทำกลิ่นนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นหนึ่งใน Amenity Kit ของ Singapore Airlines ก็นึกว่าเรื่องจะจบไปเพียงแค่นั้น แต่เปล่าเลย เพราะว่าแบรนด์ได้มีการดึงเอาความเป็น Tuscan S
oul มาเป็น Exclusive Collection ในชื่อว่า Tuscan Soul Quintessential Collection ที่เป็น EDT ทั้งหมดและได้นำเสนอกลิ่นอายต่างๆ ออกมาในไลน์นี้ออกมาทั้งหมด 8 รุ่น จนถึงปี 2017 ที่ผ่านมา (ปัจจุบันเลิกผลิตแล้ว เพราะว่ามีการปรับสูตรและความเข้มข้นขึ้นไปอีกกับการเป็น EDP ใน Collection - Tuscan Creations ทั้งเซทเป็นที่เรียบร้อย และแน่นอนปรับราคาขึ้นด้วยจ้า ทำเหมือน Chanel ไลน์ Exclusive เลยนะจ้า) 

เช่นนั้น เมื่อได้มีโอกาสจับจองมาเป็นของตัวกับหนึ่งใน Collection นี้ ก็ต้องมาเล่ากลิ่นกันหน่อยว่าจะเป็นแบบไหนบ้างกับรุ่นนี้ในเวอร์ชั่นแรกก่อนปรับสูตร นั่นคือ Vendemmia ที่เป็นชื่อกิจกรรมการเก็บองุ่นที่เมือง Tuscany โดยมักจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคมของทุกปี (คล้ายๆ ลงแขกเกี่ยวข้าวบ้านเราไหม อันนี้ไม่ยืนยัน แต่นักท่องเที่ยวไปร่วมกิจกรรมได้จากการทัวร์ดูการทำไวน์และชิมไวน์ได้ รวมถึงสามารถไปร่วมแจมเก็บองุ่นกับเขาได้ด้วยตามแต่ละกิจกรรมของทัวร์และสวนนั้นๆ) 

เปิดต้นกลิ่นด้วยความเป็นโทน Citrus ของส้มโอมือ ซึ่งจะมาแบบไม่คม โดนกล่อมเกลามาเรียบร้อยจากโทนอื่นๆ เน้นให้ลักษณะที่มีความเปรี้ยวสดชื่นติดแปร่งอ่อนๆ ผสมผสานกับกลิ่นพีชที่มาแบบหอมแบบไม่ได้มาสายฉ่ำเกินไปนัก และบางวูบจะได้กฃิ่นอายคล้ายองุ่นสุกหอมอยู่ให้รู้สึกได้ ในเนื้อกลิ่นจะมีความเขียวจะมี 2 มิติให้จับต้องได้เป็น Background ให้รู้สึก คือ เขียวติดทึบๆ ของใบมะเดื่อหรือ Fig และความเขียวติดคมบางๆ ของหญ้ารองพื้นอยู่ด้านหลังกำลังดี ซึ่งช่วงเปิดถือว่าเป็นการสร้างภาพในหัวได้เลยว่าเป็นเหมือนอยู่ในสถานที่อากาศเจือกลิ่นเขียวๆ กลิ่นผลไม้ที่เปรี้ยวอมหวาน และความสดชื่นติดเปรี้ยวแบบอากาศดีๆ ซึ่งถ้าเชื่อมโยงกับที่มาที่ไปของการสร้างสรรค์กลิ่นถือว่าลงตัวมากเลยทีเดียว 

จนเมื่อกลิ่นโทนไม้หอมออกทางครีมมี่นวลๆ ค่อยๆ เสริมขึ้นมาทีละหน่อยจนจับต้องได้ชัดเจนมากขึ้น ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลาง ที่กลิ่นอายตอนต้นของโทนสดชื่นจะเริ่มเบาลงมาผสมผสานกับความนวลของกลิ่นไม้จันทน์หอม ทำให้ได้ลักษณะกลิ่นสดชื่นติดครีมๆ ปนอบอุ่นเบาๆ เข้าโทนสว่างกลั้วไปกับกลิ่นเขียวติดทึบปนขมแห้งๆ ของใบ Fig ที่ไม่หนักเกินไป ทำให้รู้สึกผ่อนคลายแบบกำลังดีไปเรื่อยๆ ได้ด้วย ซึ่งในช่วงนี้ถือว่ากลิ่นให้ความอะโรม่าของแต่ละโทนไม่ว่าจะสดชื่น เขียว ผลไม้อ่อนๆ นวลปนอบอุ่นเบาๆ ซึ่งจับต้องได้หมดจากการผสมผสานที่ลงตัวและมีเสน่ห์ติดกลิ่นอายเข้าทางธรรมชาติได้น่าสนใจมากจริงๆ แล้วจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงโดยความครีมมี่จะเริ่มมีมากขึ้นตามลำดับ ทำให้ความสดชื่นเริ่มดรอปลงไปหรือเพียงบางเบา โดยที่ความเขียวของใบ Fig จะลดบทบาทความทึบลงมาในระดับหนึ่ง ให้กลิ่นอายไม้จันทน์หอมที่นวลอยู่แล้ว มีความนุ่มครีมปนเย้ายวนสบายๆ เสริมเข้ามาอีกจาก ถั่วตองก้าเป็นตัวเด่น กลิ่นในช่วงนี้จะได้ความอบอุ่นแบบกลางๆ กำลังดีเจือกลิ่นเขียวติดปลายกลิ่น แบบอารมณ์ที่เวลาแสงแดดต้องใบไม้ต่างๆ แล้วมีกลิ่นเขียวระเหยบางๆ ออกมาตามลม ซึ่งกลิ่นในช่วงท้ายมีความเป็นธรรมชาติ ได้ความรู้สึกผ่อนคลาย สว่าง นวล อบอุ่นกำลังดีให้ความรื่นรมย์ไปตลอดจนกว่าจะจางไปจากผิว

เหมาะสำหรับ - กลิ่นมีความกลางๆ พอสมควรและเป็นกลิ่นอายสายสภาพแวดล้อม เลยเข้าได้กับทุกเพศแบบสบายมาก สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะอารมณ์กลิ่นให้ได้ทั้งความผ่อนคลาย สดชื่นติดเขียว อบอุ่นและอะโรม่าได้ลงตัวมาก แต่จะมีเพียงการใส่เพื่อออกกำลังกายที่พอใส่ได้ก็จริง แต่รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้เน้นสร้างความรื่นรมย์แบบสบายๆ เสียมาก เลยไม่เหมาะกับการใส่ไปท่องราตรีทุกประการ เพราะสู้กับโทนหวานและแน่นๆ ทั้งหลายไม่ได้ง่ายๆ แน่นอน 

ความทน - กลิ่นทนได้ลงตัวมากกับประมาณ 8 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบบ้างราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพอากาศด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวใช้ไป 6 สเปรย์ อยู่ยาวไปที่ 8 ชม. ได้สบายๆ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางไวพอสมควร ก่อนจะเริ่มลดลงเป็นออร่ารอบตัวๆ กึ่ง Skin Scent แบบยาวไปในช่วงท้าย 

ทิ้งท้าย - นอกจากกลิ่นจะนำเสนอความเป็นสวนองุ่นแล้วยังไม่พอ กลิ่นยังนำเสนอความเป็นโทนไม้จันทน์หอมที่สอดรับอย่างลงตัวกับใบ Fig ได้อย่างดีมากเสียด้วย ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่า เลิกผลิตแล้ว ถ้าจะสอยคงต้องข้ามไป Tuscan Creations แทน 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - Fragrantica - https://www.fragrantica.com/perfume/Salvatore-Ferragamo/Vendemmia-2013--20585.html



วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562

Review: Frederic Malle - Superstitious

Frederic Malle - Superstitious 

เห็นขวดครั้งแรก แน่นอนว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนกับน้ำหอมตัวอื่นๆ ในแบรนด์ Frederic Malle เพราะขวดเป็นสีดำและฝาสีทอง โดยมีลักษณะเหมือนดวงตาหรืออาจจะเป็นลายเซ็นสีทองอะไรซักอย่างที่กลางขวด ซึ่งแน่นอนว่าเพียงแค่นี้ก็เริ่มบอกถึงคำว่า Superstitious ที่มีความลึกลับเข้ามาเกี่ยวข้องได้ในระดับหนึ่งแล้ว และที่สำคัญน้ำหอมรุ่นนี้เองได้เป็นการร่วมงานกันระหว่าง Designer ชื่อดังอย่าง Alber Elbaz และ Frederic Malle โดยมีสุคนธกรผู้รับหน้าที่ในการปรุงกลิ่นอายความเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติตามชื่อรุ่นที่มากฝีมืออย่าง Dominique Ropion เช่นนั้นมันต้องมีอะไรที่น่าสนใจเข้าให้แน่นอน เช่นนั้นจึงได้เวลาของการเล่ากลิ่นว่าจะเป็นในรูปแบบใด 

Superstitious มีโครงสร้าง Notes กลิ่นที่เห็นครั้งแรกอาจจะทำให้นึกถึงน้ำหอมโทน Vintage กรุยกรายหรูหราได้ในทันที โดยมีสไตล์ในลักษณะแนวๆ เดียวกับ Chanel No.5 แต่บอกเลยว่า คิดผิด 

เพราะกลิ่นเปิดมีความแปลกและมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างพอสมควร แม้ว่าจะยังยืนพื้นอยู่ที่การเป็นสไตล์คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นโทน Vintage ผสมผสานกับความ Modern อยู่บ้างก็ตาม โดยจะเริ่มต้นที่ความเป็นโทนสบู่ของ Aldehydes ที่ไม่ได้ถึงกับคมพุ่งจัดให้อารมณ์แบบกลิ่นสบู่ที่ติดผิวอวลๆ เป็นศูนย์กลางของกลิ่น ซึ่งจะมีกลิ่นอายอื่นๆ มาผสมผสานอย่างเช่นโทนออกทางกลิ่นอายคล้ายโทนหนังกึ่ง Musky ที่มีความ Animalic ปนหน่วงสาปหน่อยๆ ความดาร์กเข้มของ Oak Moss ที่กลิ่นออกทางดิบเขียวอึนๆ ผสมผสานกลิ่นออกทาง Indolic ของมะลิที่ให้ความรู้สึกตุ่ยๆ ที่เป็นลักษณะกลิ่นตามธรรมชาติของมะลิที่จะมีโทนนี้แต่น้ำหอมตัวนี้ดึงมาชัดพอสมควร (ลองเอามะลิสด วางแล้วเอาแก้วครอบไว้จนมันเริ่มเหี่ยวเป็นสีน้ำตาลแต่ยังไม่ถึงกับแห้งดูสิ นั่นแหละโทน Indolic ตุ่ยๆ ของมะลิจะชัดเจนมาก) รวมถึงมีโทนออกทางเครื่องเทศเด่นที่ความเป็นโทนสไตล์พริกไทยแซมไปด้วยกลิ่นออกทางพีชที่หวานบางๆ ค่อนไปทางแห้งๆ เรียกว่ากลิ่นมีความหลากหลายและซับซ้อนติดตุ่ยๆ และทำให้ผงะกันได้ในยามแรก เหมือนเปิดทางให้รู้สึกกลิ่นมันแปลก แปร่ง ลึกลับและมันทำให้เราไม่แน่ใจว่าจะสัมผัสต่อดีหรือไม่ ทำให้สามารถแบ่งคนที่ชอบกับไม่ชอบกลิ่นนี้ได้ในทันทีตั้งแต่แรกดมเลย 

จนเมื่อผ่านไปได้ซักระยะ เมื่อกลิ่นอายของกุหลาบจะเริ่มเสริมขึ้นมาแบบเรื่อยๆ ผสมผสานกับโทนสบู่ของ Aldehydes ทำให้ได้กลิ่นออกทางสบู่เจือกุหลาบ โดยที่จะเริ่มมีโทนน่าค้นหาของพิมเสนเจือเข้ามา มาตัดทอนความตุ่ยๆ Indolic และโทนที่ออกทาง Animalic ลงไปพอสมควร ทำให้กลิ่นโทนมะลิเริ่มมีความหอมนวลในระดับหนึ่ง รวมถึงกลิ่นโทนคล้ายหนังจะได้อารมณ์ลึกและอวลน่าค้นหากำลังดีมากขึ้น แต่ส่วนของ Oak Moss ยังคงชัดเจนคงที่ พร้อมกับกลิ่นของพีชที่ียังมีให้รู้สึกได้ กลิ่นในช่วงนี้เลยจะเป็นการตีคู่ระหว่างโทนสบู่หอมเจือดอกไม้เด่นที่มะลิและกุหลาบเคล้าความเป็นพีชอ่อนๆ บางๆ ยืนพื้นกลิ่นที่ความเป็นโทนดาร์กลึกลับติดเข้มที่มีความซับซ้อนของกลิ่นที่ดึงดูดจากพิมเสนไปเรื่อยๆ ซึ่งถือว่าช่วงนี้เริ่มทำให้เห็นถึงความเป็น Niche Perfume ได้ค่อนข้างชัดมากว่าต้องลองสัมผัส และให้เวลา เราจะเห็นความดีงามของกลิ่นที่ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ จนเมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโทน Musky ปนไม้หอมที่เสริมขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้กลิ่นนี้เริ่มเข้าสู่การเปลี่ยนถ่ายอีกครั้งไปสู่ช่วงท้ายที่เริ่มเห็นความงดงามที่ตีคู่กันไปอย่างน่าดูชมและดมกลิ่นกับการเป็นโทน Musky ปนไม้หอมเด่นที่หญ้าแฝกและไม้จันทน์หอม โดยยังมีกลิ่นอายสบู่สไตล์ Aldehydes ผสมดอกไม้เจือๆ ในนั้น และยังคุมโทนความน่าค้นหาอยู่จาก Oak Moss และพิมเสน แต่กลิ่นจะมีความนุ่มมากขึ้น ครีมหน่อยๆ ดาร์กกำลังดี ออกทางเท่ห์ปนซับซ้อนกำลังงามให้เห็นถึงความกรุยกรายที่อยู่ระหว่างความ Vintage และความ Modern ที่ลงตัว รวมถึงมีระดับปนหรูหราได้อย่างดีมากเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเทียบกับความเป็นสไตล์แฟชั่นของ Alber Elbaz ถือว่าใช่ และตอบโจทย์ลักษณะที่มีความลึกลับและน่าค้นหาของ Design ที่ทำให้เกิดความโดดเด่นแบบที่อาจจะมองว่าแปลกในตอนต้นแต่มันก็จะเปลี่ยนเป็นความงดงามและมั่นใจส่งเสริมตัวคนใส่ให้มีมิติที่ดึงดูดสายตาได้อย่างยอดเยี่ยมนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงวัยทำงานขึ้นไป ที่อาจจะต้องผ่านน้ำหอมโทนกลิ่นออกทาง Animalic หรือสาย Vintage มาบ้างจะเข้าถึงตัวนี้ได้ดีขึ้น เพราะกลิ่นอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ในเรื่องน้ำหอมใช้ง่าย แต่เน้นสร้างบุคลิกทางด้านกลิ่นที่แปลก ลึกลับน่าค้นหาและสะกิดจมูกให้เห็นถึงความโดดเด่นผ่านกลิ่น ยิ่งถ้าใส่กับเสื้อผ้าในโทนชุดสีดำหริือสีเข้ม ยิ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดี โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไปแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ และกลิ่นมีพลังและเปิดตัวไม่ได้ถูกใจคนทุกคนนัก ซึ่งถ้าเป็นได้ให้ใส่ก่อนออกจากบ้านซัก 15 นาที ที่เหลือจะส่งเสริมภาพลักษณ์ทางด้าน Chic หรูหราน่าค้นหาในความลึกลับและมีระดับดีมากตลอดวัน แต่สิ่งหนึ่งคือ ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและการออกกำลังกายไปได้เลย กลิ่นไม่ได้ไปสายนั้น ส่วนยามค่ำคืนจัดไป อันนี้สร้างความมีระดับลึกลับกรุยกรายกันอย่างชัดเจน แต่ยังไงก็ตามใส่ก่อนออกจากบ้าน 15 นาที เช่นกันจะลงตัวมาก 

ความทน - ยอมแล้ว กลิ่นทนมากลากยาวไปที่ 15 ชม. ได้เลย กับการใช้เพียง 3 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น จนถึงขั้นอาจจะทำให้ผงะได้ในความแปลกและแปร่ง แล้วจะลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง แล้วค่อยๆ ผ่อนลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายจะกระจายปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ พอพ้นซัก 8 ชม. จะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวชัดเจน 

ทิ้งท้าย - เอาตรงๆ ส่วนตัวกลิ่นเปิดทำให้แอบอึ้ง นึกถึงสไตล์กลิ่นเปิดที่ทำเอาตะลึงแบบ Montale - Aoud Cuir D’Arabie กับ Serge Lutens - Muscs Koublai Khan อยู่บ้างแต่ไม่หนักเท่าขนาดนั้น เพราะความเป็น Aldehydes คุมโทนได้ดีอยู่ แต่หลังจากนั้นคือความดีงามที่ลึกลับดึงดูดแบบที่ให้ความมีระดับจนออร่าความ Chic ออกมาเอง แบบไม่ต้องท่วงท่ามากมายเยอะแยกจนดู Wannabe ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่บ่งบอกถึงความเป็น Niche Perfume ที่ชัดเจนและดีงามมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Editions_de_Parfum_Frederic_Malle/Superstitious

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2562

Review: PRYN PARFUM - Hikari 光

PRYN PARFUM - Hikari  

= Hikari ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า แสงสว่าง 

ตามด้วยชื่อเล่นของประเทศญี่ปุ่น ที่หลายๆ คนเคยได้ยินแบบแปลเป็นไทยแล้ว คือ แดนอาทิตย์อุทัย หรือในภาษาอังกฤษก็คือ City of Light 

และเมื่อมีความหอมที่ถ่ายทอดออกมาเป็นกลิ่นอายแห่งแสงสว่างที่มีแรงบันดาลใจมากจากประเทศกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นที่เป็น City of Light ล่ะจะออกมาในลักษณะไหน ลองมาดมผ่านตัวหนังสือกันดีกว่ากับ PRYN PARFUM - Hikari
 

แสงสว่างยามเช้า (Morning Light) - ซึ่งกลิ่นจะมีความชัดเจนพอสมควรเลยในช่วงเปิดกับการเป็นโทนกลิ่นใสๆ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความเป็นโทนผลไม้เด่นที่ลูกแพร์ที่มีความหวานใสเจือฉ่ำแบบกำลังดีและมีกลิ่นแอปเปิ้ลที่หอมเปรี้ยวอมหวานฟุ้งออกมา แต่ความหวานไม่ได้มีแค่ลักษณะผลไม้เพียงอย่างเดียว เพราะในเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายแบบดอกไม้ที่เจือโทนผลไม้อย่างดอกหอมหมื่นลี้ ที่มีกลิ่นติดเปรี้ยวอมหวานคล้ายแอปริคอตและพีช รวมถึงกลิ่นเหล้าสาเกที่ติดโทนหวานใสแบบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แฝงอยู่แบบไม่หนักเกินไปนัก มาให้ความรู้สึกรื่นรมย์ในอีกรูปแบบนอกเหนือจากกลิ่นของผลไม้ และนอกจากนี้ยังมีกลิ่นอายโทนเขียวที่มีมิติกลิ่นอายเขียวหอมแบบใบไม้ใบหญ้าโปร่งๆ กับกลิ่นอายออกทางสมุนไพรเขียวอ่อนๆ ปนกับกลิ่นที่ออกทางดอกไม้หอมหวานปนจืดเบาๆ เคล้ากลิ่นอายโทนไม้หอมโปร่งๆ สะอาดๆ แบบกลิ่นแนวๆ ไม้ซีดาร์ให้มิติกลิ่นอายแบบไม้หอมสว่างๆ เป็นสายสนับสนุนอยู่ทำให้กลิ่นมีความสดชื่นหวานหอมใสติดเขียวให้ความรื่นรมย์โปร่งสว่างอารมณ์แบบท้องฟ้าสว่างกับบรรยากาศของญี่ปุ่นที่ไม่ได้เป็นเขตเมือง เน้นเป็นโซนที่ปลูกผลไม้ มีธรรมชาติที่รื่นรมย์ชวนยิ้มให้จับต้องได้เต็มๆ 

แสงสว่างยามกลางวัน (Afternoon Light) - จนเมื่อกลิ่นอายโทนผลไม้เริ่มลดทอนลงไปเป็นสายสนับสนุนให้ความหอมหวานโปร่งๆ แบบกำลังดี ตีคู่กับกลิ่นไม้หอมจะขึ้นมาชัดเจนเรื่อยๆ โดยจะมีมิติให้จับต้องได้คือ ไม้หอมที่โปร่งสะอาดสว่างปนครีมบางๆ คล้ายไม้จันทน์หอมที่น่าจะมาจากสารหอมที่ชื่อว่า Javanol ผสมผสานกับโทนไม้ซีดาร์สว่างๆ โปร่งๆ และไม้หอมที่มีความอวลออกทางแอมเบอร์เคล้าพิมเสนหน่อยๆ โทนออกทางแห้งๆ ในเนื้อกลิ่นมีโทนออกทาง Musky อบอุ่นเจือๆ ด้วย เลยจะมีความนุ่มปนอวลปนหวานใสให้รู้สึกได้ ซึ่งกลิ่นจะยังมีโทนสว่างอยู่ตลอด แต่มีความอบอุ่นโปร่งๆ ปนกลิ่นไม้หอมเจือความหวานใสผลไม้กำลังดี เข้าทางแสงสว่างยามกลางวันที่มีความอบอุ่นเคล้าอากาศที่กำลังดี และกลิ่นมีความเข้าสู่เขตเมืองมากขึ้นกว่าช่วงต้นเสียด้วย 

แสงสว่างยามค่ำคืน (Neon Light in the Night) - เมื่อเข้าสู่ปลายๆ ช่วงกลาง กลิ่นจะเริ่มมีลักษณะของโทนติดเมทัลลิคหน่อยๆ เสริมเข้ามาเคล้ากับโทน Musky ที่รองพื้นให้ความนวลกำลังดีเสริมเข้ามาเรื่อยๆ จนเมื่อกลิ่นผลไม้จางลงไป ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงกลาง โดยมีความครีมมี่เบาๆ ของกลิ่นอายสไตล์ไม้จันทน์หอมผสมผสาน ปนความอบอุ่นคล้ายผิวกายติดเค็มหน่อยๆ แต่สิ่งที่เริ่มมีความชัดเจนมาขึ้นและตีคู่กับกลิ่นอายโทนรองพื้นได้อย่างงดงามคือ กลิ่นอายของสาเกที่เหมือนจะเรื่อยๆ มาเรียงๆ กลับกลายเป็น ชัดเจนมากขึ้นให้ความหวานละมุนเจือรื่นรมย์ และมีกลิ่นอายของฮอปส์ที่เอาไว้หมักเบียร์ (ง่ายๆ คือกลิ่นเบียร์นั่นเอง) ให้จับต้องได้ ซึ่งอารมณ์กลิ่นจะผสมผสานกันจนให้ภาพในหัวเลยว่า นี่คือเวลายามเย็นหรือกลางคืน นั่งชนแก้วเบียร์ รินสาเก โดยที่กลิ่นอายติดเมทัลลิคเบาๆ เคล้าความครีมนวลปนไม้หอมจะให้โทนสว่างๆ ในอีกรูปแบบที่ทำให้นึกถึงแสงไฟยามค่ำคืนจากทั้งไฟนีออนต่างๆ ที่สร้างความรู้สึกรื่นรมย์เคล้ากลิ่นอายหวานหอมมีเสน่ห์ปนไม้และโทน Musky อ่อนๆ ได้อย่างลงตัวมากจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - กลิ่นนี้เป็น Unisex อาจจะมีไปทางผู้หญิงมากกว่านิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นนัยสำคัญอะไรนัก ยังไงก็ยังสบายมากในการใช้งานกับทุกเพศ และได้แทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพียงแต่กลิ่นไม่ค่อยเข้ากับการใส่เพื่อออกกำลังกายนักส่วนยามค่ำคืนใส่แบบสบายๆ ผ่อนคลายให้ความรื่นรมย์ได้เลยสบายมาก เอาจริงๆ ใส่ไปท่องราตรีได้ไหม ก็ได้อยู่ แต่จะโดนชาวบ้านเขากลบเสียมากกว่า

ความทน - กลิ่นทนราวๆ 8 ชม. ซึ่งจะมีบวกลบบ้างราวๆ 2 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพอากาศด้วยส่วนหนึ่ง จากที่เคยใช้กับอากาศร้อนๆ 8 ชม. ได้อยู่ แต่กับอากาศเย็นๆ ได้ไปถึง 10 ชม. กับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาปานกลาง ปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัว ซึ่งพอพ้นไปซัก 6 ชม. จะเริ่มเป็น Skin Scent 

ทิ้งท้าย - ในมุมของการติดตามกลิ่นที่สร้างภาพและความรู้สึกร่วมไปเรื่อยๆ จนจบ กลิ่นนี้บอกถึงการ Tribute ความเป็นญี่ปุ่นที่ให้ความรื่นรมย์ผ่านแสงสว่างในแต่ละช่วง ไล่เรียงจากสดใส อบอุ่น และมีเสน่ห์ สมกับชื่อรุ่นว่า Hikari ชัดเจนมาก แต่ถ้ามองในมุมการใช้งานทั่วไป เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ใช้ง่ายให้ความเป็นญี่ปุ่นจากโทนโปร่งหวานผลไม้ สาเก ไม้หอม และ Musky เคล้าสารหอมต่างๆ ก็จริง แต่กลิ่นไม่ธรรมดา ไม่เหมือนใครและมีความแตกต่างในพื้นฐานของกลิ่นอายสาย Floral Fruity ที่มีระดับและมีความเป็น Niche Perfume ที่มีเสน่ห์สร้างลุคที่รื่นรมย์ให้ผู้คนที่รับรู้กลิ่นได้ไม่ยากเลย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit https://www.facebook.com/prynparfum/ และ 
https://www.facebook.com/prynparfum/photos/a.762122330659047/967115480159730/?type=3&theater