วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review: Hugo Boss – Boss in Motion


Hugo Boss – Boss in Motion

ขอเรียกว่าเป็นรุ่นลูกดราก้อนบอลแล้วกันครับ มาได้แบบกลมดิ้กมาก กับ Boss in Motion ของ Hugo Boss ที่เรียกว่าได้รับความนิยมจนต่อยอดด้วยการมี Flanker ต่างๆ ตามมาด้วยแหละครับ เช่นนั้นมาว่ากันเรื่องกลิ่นดีกว่าว่าทำไมถึงได้รับความนิยมขนาดนี้ 

ต้องบอกว่ากลิ่นเป็นโทนสดชื่นสลับอบอุ่นที่ใช้ง่ายเลยล่ะครับ เพราะเปิด Top Notes กับกลิ่นสดชื่นของส้มกับมะกรูด ที่จะมีกลิ่นเขียวๆ นวลๆ นุ่มๆ ของใบไวโอเล็ต กลิ่นช่วงนี้จะมาเข้มๆ แน่นหน่อยๆ แล้วถึงเปลี่ยนถ่ายมาที่ Middle Notes กับกลิ่นโทนอบอุ่นของเครื่องเทศที่จะมาแบบเย้ายวนเลยล่ะ โดยจะเด่นที่อบเชยมาเลย กลิ่นจะหอมนวลติดหวานมาเต็มๆ โดยมีเม็ดกระวานกับพริกไทยสีชมพูมาทำให้เกิดความหวานเย้าเข้าไปอีก แต่เนื่องจากมีกลิ่นอายซิตรัสที่มาตั้งแต่ตอนต้น เลยกลายเป็นเหมือนมาตัดให้กลิ่นไม่แน่นเกินไป กลิ่นในช่วงนี้ผมแอบได้กลิ่นโทนวานิลลาอยู่ไม่น้อย เรียกว่าโดยรวมจะกลิ่นเครื่องเทศจะมาแบบกลางๆ กำลังดีเสียมาก ไม่ได้มาแบบจัดเต็มทำให้ออกทางหนักจมูกเสียด้วยซ้ำไป กลิ่นตอนนี้ถือว่าเซ็กซี่ได้เลยล่ะ และปิดท้ายที่ Base Notes กลิ่นเครื่องเทศอบอุ่นหวานเย้าในตอนกลางจะตามมาผสานกับกลิ่นโทนไม้หอม ทำให้ได้กลิ่นอายวู้ดดี้ติดอบอุ่นกำลังดีไปตลอด มีความสะอาดของ Musk ให้พอรู้สึกได้ ซึ่งยังคงความเย้ายวนเซ็กซี่อยู่ ไม่มีผิดเพี้ยน แต่เพิ่มความแมนเข้าไปด้วยนั่นเอง

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใส่ได้แล้วครับ กลิ่นมีความคาบเกี่ยวได้ทั้งการเป็นวัยรุ่นก็ได้ วัยทำงานอบอุ่นก็ดี กลิ่นมีความเข้าถึงง่ายในระดับหนึ่งเลยล่ะ ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งทางการและทั่วๆ ไป ถ้าจะออกกำลังกาย รอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามกลางคืนเอาเข้าจริงๆ กลิ่นมันได้ แต่ลักษณะมันอาจจะไม่ได้เน้นปล่อยของเท่าไหร่ ถ้าจะใส่ก็ลองอัดสเปรย์ดูครับ พอไปได้อยู่บ้าง

ความทน – 8 ชั่วโมงได้อยู่ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด

การกระจาย – น้ำหอมตัวนี้มีดีก็จริงในเรื่องกลิ่น แต่การกระจายจะไม่ได้เด่นมาก เพราะจะกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบผลุบๆ โผล่ๆ ปิดท้ายด้วย Skin Scent ที่จะตีขึ้นยามร่างกายทำความร้อน เช่นนั้นถ้าจะเอาไปยั่วยวน ต้องอยู่ใกล้ถึงขั้นซุกนั่นแลจะได้กลิ่น ซึ่งก็เป็นข้อดีว่า ซุกแล้วอาจจะไม่ปล่อยขอซุกต่อไปเรื่อยๆ ได้นั่นเอง

ทิ้งท้าย – ขวดน้ำหอมกดยาก เพราะต้องกดจากก้นขวด ที่สำคัญใครสนใจน้ำหอมโทนอบอุ่นแบบไม่ต้องกระจายรบกวนชาวบ้าน ตัวนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีตัวนึงได้เลยล่ะครับ

Credit ภาพhttp://fimgs.net/images/secundar/o.1860.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review: Benetton Cold


Benetton Cold 

เรียกว่าต้องรู้จักกันบ้างแหละสำหรับ Benetton ที่เป็นที่นิยมกันมากเลยทีเดียวสำหรับแบรนด์นี้ในเรื่องของเสื้อผ้าที่สีสันสดใสหลากสีมากมายแถมใส่ได้ทุกเพศทุกวัยอีกด้วย ที่สำคัญกระเป๋าเขาคนไทยนิยมไม่น้อยนะครับ (ก็อบก็เพียบนะ 5555) ซึ่งแน่นอนว่าแบรนด์นี้เสื้อผ้ามักจะคาบเกี่ยวในในหลายๆ สถานการณ์แต่มีความ Casual ในตัวสูงไม่น้อย เช่นนั้นน้ำหอมล่ะเป็นยังไง ได้โอกาสลองกันกับตัวแรกของแบรนด์นี้ที่ผมได้สอยมานั่นคือ Benetton Cold ครับ

เรียกว่าเปิดต้นกลิ่นมา Top Notes จะขนความสะอาดสดชื่นแบบคมๆ มากันเลย เพราะจะมีกลิ่นแบบสบู่คมๆ สะอาดจัดๆ มีความเป็นซิตรัสของมะกรูดที่เด่นตีคู่ เลยออกมาในโทนที่เป็นสบู่กลิ่นมะกรูดกลั้วความหวานคมๆ จากเครื่องเทศ ถือว่าเป็นช่วงเปิดฟ้าโล่งใสๆ แบบอากาศเย็นๆ ได้เลย เพียงไม่นาน Middle Notes ก็เข้ามาเทคโอเวอร์มากขึ้นโดยกลิ่นสะอาดนุ่มๆ จะเริ่มตามมาจากลาเวนเดอร์ กลิ่นสบู่ซิตรัสคมๆ แน่นๆ ก็ยังตามมาอยู่ตลอดไม่หายไปไหน เพิ่มเข้ามาคือความนุ่มและแถมความซ่าจากเม็ดผักชีด้วย กลิ่นในช่วงนี้จึงค่อนข้างมีความเป็นซิตรัสกลั้วสมุนไพร รายล้อมด้วยโทนสะอาด แบบเข้าถึงได้ง่าย กลิ่นไม่ทำร้ายใครเลย มีกลิ่นอายเย็นๆ กำลังดีไปตลอด ปิดท้ายด้วย Base Notes ที่คง Concept ความสะอาดนุ่มในเนื้อกลิ่นแบบกำลังดีจาก Musk โดยจะมีโทนวู้ดดี้อ่อนๆ ให้รู้สึกได้ถึงความสะอาดนุ่มๆ ที่สำคัญกลิ่นอายแบบสดชื่นไม่ได้จางหายไปไหน ยังคงมาอยู่แบบเบาๆ ให้พอรู้สึกได้ ซึ่งภาพรวมทั้งหมด กลิ่นสะอาด สดชื่น เย็นๆ ปลอดภัยไม่ทำร้ายใครดีแท้เลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – Unisex เลยครับ ใช้ได้หมดทั้งหญิงและชาย ได้ทุกเพศและวัยเด็กน้อยที่ไม่ใช่ทารกขึ้นไป กลิ่นใช้ง่าย เข้าถึงได้ง่ายมาก ไม่รบกวนใคร หอมสดชื่นแบบเย็นๆ ของสมุนไพรกลั้วซิตรัสไปตลอด เหมาะกับทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ใส่ทางการยังได้เลย เพราะว่ากลิ่นไม่รบกวนใคร ได้ความสะอาดเสียมาก ยิ่งกับอากาศร้อนๆ บ้านเรามันเหมาะสุดๆ ไปเลยทีเดียว ส่วนกลางคืนถ้าจะเอาไปยั่ว หมดสิทธิ์นะ กลิ่นไม่ได้มีความยั่วตรงไหนเลย ได้แต่ความสดชื่นเน้นๆ ครับ

ความทน – เรียกว่าทำได้ดีไม่น้อยเลย กับการฉีดที่ 6 สเปรย์กดมิด และฉีดเสื้อด้วย ผมได้อยู่ที่ 6 ชม. ไม่เกินนี้ ซึ่งถ้าไม่ได้จัดเยอะ ก็ประมาณ 4 ชม. ขึ้นไป น่ะครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายมาเต็มมากในตอนต้น เรียกว่ากระจายดีเลยล่ะ กลิ่นสดชื่นคมมากเลยทีเดียว บางคนอาจจะรู้สึกเสียดจมูกเอาได้ แต่ไม่นานก็จะลดลงมากระจายแบบกลางๆ เบาๆ แล้วปิดท้ายที่ Skin Scent สะอาดๆ ชัดเจน

ทิ้งท้าย – จำไม่ผิด ประกาศเลิกผลิตแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา -____-“ ซึ่ง Benetton น้ำหอมไม่แพงเลยครับ ถือว่าถ้ามีตัวนี้ไว้ อย่างน้อยก็คือกลิ่นสามัญประจำบ้านที่ให้ความสดชื่น แบบเต็มๆ ยามอากาศร้อนได้ดีจริงๆ โดยไม่ต้องมาแนวหวือหวากลิ่นไม่เหมือนใครเพราะแค่นี้ก็ OK ผ่าน อย. ด้านกลิ่นแล้ว ที่สำคัญจัดอยู่ใน Safe Scent ได้สบายๆ ตั้งแต่ช่วงกลางเป็นต้นไปครับ

Credit ภาพhttp://n1.sdlcdn.com/imgs/a/h/c/Benetton-Cold-EDT-for-Men-1015495-1-4829b.jpg

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review: Annayake – Miyabi Woman


Annayake – Miyabi Woman

เป็นแบรนด์เครื่องสำอางจากญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานไม่น้อยนะครับ พวก Skin Care อะไรนี่เรียกว่าจัดเต็มกันเลยทีเดียวในแบบวิถีญี่ปุ่น ที่สำคัญมีน้ำหอมด้วยแหละ ยิ่งผมชอบแบรนด์น้ำหอมจากแดนปลาดิบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ได้โอกาสลองจึงต้องมาบอกเล่ากัน แต่แทนที่จะได้ลองรุ่นผู้ชายกลายเป็นผู้หญิง เพราะเห็นชื่อ Miyabi เราก็ไม่สน เพราะเราอยากดู เอ๊ย! ดม เช่นนั้นผลออกมาจึงเป็นแบบนี้ครับ

เปิดต้นกลิ่นมาเล่นเอาประทับใจมากกับกลิ่นพีชที่มาแบบฉ่ำๆ มีความหวานในเนื้อกลิ่นรองพื้นอยู่ด้านหลัง เรียกว่ากลิ่นมาแบบหอมหวานอมเปรี้ยวลงตัวมาก เพียงแต่ว่ากลิ่นจะไม่ได้ออกทางคมกริบหรือโดดเด่นแบบได้กลิ่นแล้วหันขวับ แต่กลิ่นจะเป็นโทนสดชื่นของผลไม้แบบนิ่งๆ ที่ได้กลิ่นแล้วจะหอมแบบมีระดับมากกว่าจะแย่งซีน แล้วกลิ่นโทนดอกไม้จะเริ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ในช่วงกลาง โดยที่กลิ่นพีชยังคงอยู่ ดอกฟรีเซียจะให้ความสะอาดแบบติดโทน Spice เบาๆ กลั้วกับกลิ่นโทนเขียวจางๆ อ่อนโยนกำลังดี ซึ่งในช่วงนี้ดอกไม้จะมีตัวรองด้านหลังแบบโทนอบอุ่นนุ่มๆ ของวานิลลาที่แสดงตัวออกมาเรื่อยๆ มากลั้วได้อย่างลงตัวและน่าดมกลิ่น โดยจะมาแบบโทนแป้งหอมๆ วานิลลาครีมมี่ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายกลิ่นเริ่มมีความหวานอบอุ่นแบบกำลังดี เพราะแป้งวานิลลาครีมมี่จะมาเต็มแบบหอมติดกลิ่นพีชเบาๆ มีโทนไม้หอมที่มาอ่อนๆ กลั้วกับกลิ่นสะอาดนุ่มของ Musk ให้อารมณ์ผิวกายหอมกรุ่นและอ่อนโยน นิ่งเรียบอย่างสุภาพ ซึ่งแม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้สื่อถึง Miyabi อย่างที่ผมเข้าใจ แต่กลิ่นนี้ถือว่าเป็นน้ำหอมกลิ่นที่บ่งบอกถึงสุภาพสตรีที่อ่อนโยน สุภาพ สุขุม และมีระดับเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้หญิงเลยจ้า กลิ่นบอกความเป็นหญิงเลยล่ะครับ ใช้ได้ตั้งแต่วัยเรียนม.ปลายขึ้นไปยังได้เลย สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน เพราะกลิ่นให้ความสดใสแบบนิ่งๆ กลั้วกับความนุ่มนวล สุขุม และอ่อนโยนไปตลอด แต่ขอยกเว้นใส่ออกกำลังกายก็พอ ไม่เข้าทางนัก ส่วนยามค่ำคืนก็ใส่ได้อยู่ แต่จะไม่เหมาะกับการตั้งใจไปเมานัก เพราะกลิ่นสุภาพอ่อนโยนไป ใส่แล้วเป็นลำยอง หรือเป็น Miyabi คนนั้นน่ะ จะเสียลุคหมด

ความทน – ต้องยกนิ้วให้เขาครับ 8 ชม. กลิ่นยังตีขึ้น

การกระจาย – กลิ่นกระจายกลางๆ ตั้งแต่ต้นยันปลายๆ ช่วงกลาง ก่อนจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวจนหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – เรียกว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิงที่ทำออกมาได้หอมนุ่มนวลมากขนาดผมเอามาใส่ ยังแบบว่าหอมจัง กลิ่นดีน่ะ ใครจะแซวว่ากลิ่นสาว หาได้แคร์ไหม ก็ตูหอม ตูชอบซะอย่าง ฟินนนนนน

Credit ภาพhttp://www.beautyencounter.com/products/large/3552576000108.jpg

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review: Prada - Luna Rossa


Prada - Luna Rossa

เรียกว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นที่ทำออกมาจากแรงบันดาลใจของการแข่งเรือใบที่ Prada เองก็เป็นผู้สนับสนุนทีม Red Moon หรือ Luna Rossa เช่นกัน แน่นอนว่ากลิ่นนี้ได้แรงบันดาลใจแบบนี้ โทนกลิ่นที่ออกมาอย่างน้อยต้องมีความน่าสนใจแน่ๆ ผลออกมาก็คือ 

กลิ่น Spice กว่าที่คิดมากเลย 5555 เพราะ Top Notes เปิดตัวออกมาก็กลิ่นอายลาเวนเดอร์โดดขึ้นมาเลยมีกลิ่นอายแบบสดชื่นของโทนซิตรัสติดขมๆ ซึ่งกลิ่นลาเวนเดอร์นี่แหละครับที่จะอยู่ยาวนานไปจนถึงช่วงท้ายๆ ของน้ำหอมตัวนี้เลย ซึ่งจะออกโทนหอมแตกต่างกันไปในแต่ละช่วง โดย Middle Notes จะมาแบบผสมกับมินท์และตัวเซจ เลยจะออกทางลาเวนเดอร์แบบหอมกลั้วสมุนไพรซ่าๆ กลิ่นจะอยู่ระหว่างความนุ่มนวล และสดชื่นแบบกลิ่นอายทะเลที่มีกลิ่นเค็มๆ นิดๆ อบอุ่นหน่อยๆ กลิ่นช่วงนี้เรียกว่าเป็นช่วงที่ปล่อยของได้ดีมากเลยทีเดียวในความเป็นกลิ่นอายนุ่มๆ แบบสดชื่นแบบทะเล และโทนอบอุ่นแบบติดกลิ่นอายเค็มนิดๆ นั้น จะเริ่มดันขึ้นมาเต็มมากขึ้น จนเข้าช่วง Base Notes ที่ลาเวนเดอร์จะเบาบางลงไป แต่ก็ยังรู้สึกได้อยู่ในแบบโทนซ่าๆ ติด Spice แบบน้ำทะเลอุ่นๆ มีกลิ่นอายแบบไม้หอมนิดๆ แต่จะมีโทนสะอาดติดเมทัลลิคนุ่มๆ เกิดขึ้นมาด้วย มีอารมณ์ความเป็นสบู่ที่เป็นลายเซ็นของ Prada ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้แมนเลยล่ะครับ ออกแนวแบบผู้ชายร่างกำยำเท่ห์ๆ ที่เปียกน้ำทะเล แต่ก็ยังมีความสะอาดสะอ้านกำลังดีเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไป เพราะกลิ่นอายแม้จะออกทาง Sport อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มาแบบเนื้อเดียวพิมพ์นิยมแบบน้ำหอม Sport ตัวอื่นๆ เลย เรียกว่าใครต้องการความสดชื่นนี่อาจจะอึ้งๆ ไปได้ยามเมื่อแรกดม แต่มันออกทางนุ่มติด Spice แบบทะเลเสียมากกว่า สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ได้หมดทั้งงานทางการและไม่ทางการ ถ้าจะใส่ออกกำลังกาย อาจจะรอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน กลิ่นอาจจะไม่ได้เข้าทางนักแต่ก็พอใส่ได้อยู่ครับกับอากาศทั่วๆ ไป

ความทน – ประมาณ 8 ชม. กำลังดีเลย

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีเลยทีเดียวในช่วงต้น และคงความกระจายดีไปเรื่อยๆ จนเริ่มลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวในปลายๆ ช่วงกลาง ก่อนจะเป็นกึ่ง Skin Scent ในช่วงท้าย ที่ยังตีขึ้นอยู่ยามขยับเนื้อตัว

ทิ้งท้าย – เรียกว่าคนชอบกลิ่นลาเวนเดอร์น่าจะปลื้มได้ไม่ยากนะครับ เพราะเป็นลาเวนเดรอ์ติด Spice และกลิ่นอายแบบทะเลได้น่าสนใจเลยล่ะครับ และที่สำคัญกลิ่นอายของรุ่นปกติจะนุ่มกว่า Extreme ที่จะ Spicy จัดๆ แมนเข้มกว่านั่นเอง

Credit ภาพhttp://lovelite.com.ua/images/2612_1.jpg

Review: Playboy – Miami


Playboy – Miami

แบรนด์นี้ถือว่าเป็นน้ำหอมราคาไม่แพงแถมการใช้งานก็ไม่ขี้เหร่เลยนะครับ ยิ่งบางตัวที่เคยบอกเล่าไปไม่ว่าจะเป็นรุ่น New York และ VIP คราวนี้ขอไปที่ Miami บ้าง ว่ากลิ่นที่บ่งบอกถึงความเป็น Playboy ที่นั่นจะเป็นอย่างไรกันหนอ 

Top Notes เปิดตัวขึ้นมาก็ทำให้นึกถึงสเปรย์ดับกลิ่นกายกันไม่น้อย เพราะกลิ่นสดชื่นแบบติดแมนๆ ที่มีซิตรัสของมะกรูดกลั้วน้ำทะเล และมีกลิ่นอายเขียวๆ มันเหมือนสเปรย์ดับกลิ่นกายแบบที่ขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตที่กลิ่นแบบนี้จะมาเป็นกลิ่นอายสามัญประจำบ้านที่ต้องมีกันก่อน ซึ่งแน่นอนว่ามันแมนและเข้าถึงง่ายติด Sport เลยล่ะครับ แต่ถ้าต้องการความหวือหวา มันคงอาจจะยังไม่ได้เท่าไหร่ พอเข้าช่วง Middle Notes เท่านั้นแหละ การเปลี่ยนแปลงจึงได้เกิดขึ้น เพราะกลิ่นอายน้ำทะเลสดชื่นจะเริ่มฉายแววมากขึ้นเป็นโทนเด่นตีคู่กับโทนดอกไม้ในช่วงกลาง กลิ่นจะให้ความสะอาดหอมแบบสดชื่นแบบชิลล์ๆ เลย กลิ่นอายแบบสเปรย์ดับกลิ่นกายในช่วงต้นได้หายไปหมดในช่วงนี้ เรียกว่าเราคงตัดสินกันที่ช่วงแรกไม่ได้กับน้ำหอมรุ่นนี้ ส่งต่อให้ช่วง Base Notes กลิ่นจะเริ่มเป็นโทนไม้หอมดันขึ้นมาแทน โดยกลิ่นของไม้ซีดาร์จะมาแบบอ่อนๆ เบาๆ ให้ความรู้สึกแมนขรึมสะอาด กลั้วกับกลิ่นนุ่มๆ ของ Musk ซึ่งกลิ่นจะมีความอบอุ่นปนความสดชื่นที่ตามมาจากช่วงกลางพอให้รู้สึกได้ โดยภาพรวมเลยจะได้ความรู้สึกแบบชิลล์ๆ ผ่อนคลาย สบายๆ แมนๆ เลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัย ม.ต้น ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้วครับ กลิ่นเข้าถึงง่ายมาก และคุ้นชินได้ง่ายเพราะกลิ่นอายแบบสเปรย์ดับกลิ่นกายที่จะมาในตอนแรกนั่นเอง รวมถึงใช้ยังไงก็แมน สามารถใช้ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวัน เพราะยังไงก็ผ่าน ไม่ได้รบกวนใครมากด้วย ส่วนยามค่ำคืนถ้าทั่วๆ ไปก็ใช้ได้ แต่ถ้าใส่ไปหาเหยื่อ เบาไปจ้า

ความทน – กลิ่นทนประมาณ 4 – 6 ชม. โดยประมาณ อักสเปรย์หน่อย รวมฉีดเสื้อด้านหน้า พอลากยาวไปบ้างครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดฮวบลงมาเป็นกลางๆ กึ่งออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง แล้วผันเป็น Skin Scent ที่ตีขึ้นยามร่างกายทำความร้อนในช่วงท้ายแบบชิลล์ๆ นั่นเอง

ทิ้งท้าย – กลิ่นนี้บอกเลยเหมาะสำหรับคนต้องการน้ำหอมที่ใช้ยังไงก็ไม่โดนยี้ ในงบประมาณที่ไม่ต้องจ่ายเยอะเลยล่ะครับ เพราะราคาไม่แพงเลย ที่สำคัญกลิ่นเข้าถึงง่าย ไม่ได้ออกแนวรบกวนใคร หอมส่วนตัวได้ OK เลยล่ะครับ

Credit ภาพhttps://images-na.ssl-images-amazon.com/images/G/01/aplus/detail-page/B001EXX14M_1.jpg

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review: CoSTUME NATIONAL - Scent Intense


CoSTUME NATIONAL - Scent Intense

จาก Scent รุ่นปกติที่เรียกว่าขนความดีงามของน้ำหอมโทนหรูหราและผู้ดีมากไม่พอ ยังมีกลิ่นอายที่ดึงดูดสูงมาก คราวนี้ถึงเวลาของรุ่น Intense กันบ้างว่าจะขนอะไรมาให้มีความประทับใจกันอีก ก็ตามนี้เลย 

เปิดตัวมาแบบมีความเป็น Spicy แบบเข้มๆ แฝงอยู่ด้วยตลอด และยังมีกลิ่นโทนอบอุ่นติด Smoky รองพื้นหลบอยู่ด้านหลังทำหน้าที่ดันกลิ่นชาให้เด่นขึ้นมาเต็มๆ ลักษณะออกแนวคล้ายๆ Chai Tea ที่เป็นชาผสมเครื่องเทศแบบอุ่นๆ กลิ่นจะมาเต็มแน่นกันเลยทีเดียว เรียกว่าไม่ได้มีความสดชื่นเข้ามาแจมอะไรมาก ซึ่งกลิ่นตอนนี้ถ้าคนที่ชอบน้ำหอมโทนสดชืิ่นเป็นหลักอาจจะผงะไปได้ 3 ตลบเลย เพราะมันแน่นจริงอะไรจริง จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นอายของชาติดเครื่องเทศจะเริ่มจางลง มาเป็นโทนชาเบาๆ กลั้วกับดอกชบาและมะลิ กลิ่นชบาที่เด่นสุดๆ มาแบบโปร่งๆ ใน Scent รุ่นปกติ จะเปลี่ยนโทนเป็นชบาแบบเข้มๆ ติดออกทางดาร์ก กลิ่นมีความซับซ้อนและลึกลับจนรู้สึกได้ โดยมีกลิ่นของมะลิแบบจางๆ และโทนอบอุ่นรองพื้นด้านหลังให้กลิ่นยังคงโทนอุ่นแบบมีระดับอยู่เช่นเดิม และปิดท้ายกันด้วยกับกลิ่นอบอุ่นที่หลบอยู่เบื้องหลังมานาน ก็โผล่มาเบื้องหน้าเสียทีกับ แอมเบอร์ ที่แบรนด์นี้เขาเก่งไม่น้อยกับ Note ตัวนี้ เพราะกลิ่นจะไม่ได้มาแบบ Smoky จัดๆ หรือออกสาปไม้แน่นๆ แต่ประการใด เพราะจะมาแบบกึ่งดาร์กกึ่งโปร่งหอมอบอุ่นนวลๆ มีความนุ่มเย้าของพิมเสน และมีความเป็นไม้หอมสะอาดสะอ้านอยู่ แต่ภาพรวมคุมโทนความดาร์กเข้มของกลิ่นได้ลงตัวมาก เรียกว่าเป็นน้ำหอมโทนอบอุ่นติดดอกไม้ที่เซ็กซี่ และเย้ายวนแบบมีระดับได้เลยทีเดียว ไม่แปลกใจนักที่รุ่นนี้จะติดหนึ่งในน้ำหอมที่ยั่วให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายน้ำเดินแบบไม่รู้ตัวได้ไม่ยาก ฮิ้ววววววว

เปรียบเทียบ - รุ่นปกติกลิ่นแน่นแต่ก็มีความใสในเนื้อกลิ่น มีความเป็นผู้ดีหรูหรามีระดับมาก แถมมีความแอบยั่วยวนอยู่โดยไม่โจ่งแจ้ง เน้นมาเงียบๆ ฟาดเรียบนะจ้ะ แต่ Intense จะเข้มข้น ดาร์ก น่าค้นหาแบบชัดเจน ยั่วยวนกันแบบมีชั้นเชิง บอกถึงความมีของภายในว่า "ชั้นมีดีที่คุณจะหลง" แบบนี้เลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ - น้ำหอมรุ่นนี้ตราเอาไว้ว่าของผู้หญิง แต่จริงๆ กลิ่น Unisex มากครับ ผู้ชายก็ใช้ได้สบายๆ เลย โดยสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ กลิ่นจะให้ความดีงามมากเลยทีเดียว โดยใช้ได้ทั้งงานทางการและไม่ทางการ ยิ่งเวลาโรแมนติคมันจะปลุกเร้าเอาได้ง่ายๆ เลยนะ แต่ถ้าอัดมากไป จะฆ่าตายหมู่เสียก่อน งดใส่ออกกำลังกาย และกลางแจ้งร้อนๆ ทุกกรณีกลิ่นกระจายดีมากจนอาจจะแน่นไปได้ ส่วนยามค่ำคืนเน้นไปเที่ยว จัดได้ กลิ่นมีระดับ ไม่โหล และดึงดูดแบบจัดเต็มเลยล่ะครับ

ความทน - เรียกขุ่นแม่กันเลยดีกว่า เพราะ 15 ชม. กลิ่นยังตีขึ้่นอยู่เลย เช่นนั้นเชื่อใจได้ว่าเกิน 8 ชม. แน่ๆ ครับ

การกระจาย - จะกระจายดีมากในช่วงต้นเพราะกลิ่นเปิดมันแน่นและติด Spice แบบที่คนไม่ชอบอาจจะอึดอัดเอาได้ และจะลดลงมากระจายดีสม่ำเสมอไปจนถึงช่วงกลางของตอนท้ายๆ ก่อนที่จะกระจายกลางๆ กึ่งออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ ครับ

ทิ้งท้าย - เรียกว่ากลิ่นดีงามเลยทีเดียว เพราะมีความซับซ้อน มีระดับ หรูหรา ดึงดูด และเย้ายวนแบบที่ไม่ได้เกร่อโหลเลย มาแบบมีชั้นเชิงมาก และถ้าใครชอบน้ำหอมโทนแอมเบอร์เด่นๆ ตัวนี้จะได้แอมเบอร์ติดโทนดอกไม้ที่นวลจมูกแบบลึกลับเลยล่ะครับ แถมบางทีอาจจะได้ทั้งคำชมและได้คนที่น่าสนใจกลับบ้านด้วยนะครับ ฮิ้ววววววววววว

Credit ภาพhttp://3.bp.blogspot.com/-3zW5Ijk9hEQ/U_nPob7TcmI/AAAAAAAAC2Y/XYGuh3l6R1w/s1600/Costume%2BNational%2BScent%2BIntense.jpg

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review: Givenchy - Gentlemen Only Intense


Givenchy - Gentlemen Only Intense

เรียกว่าข้ามช็อตจากรุ่นปกติมารุ่น Intense เลยทีเดียว เพราะว่าไม่เคยลองรุ่นปกติจริงๆ และแทบหาโอกาสลองไม่ได้ เพราะจะโดนตัวอื่นที่น่าสนใจกว่าลากไปตลอด ประจวบเหมาะมีโอกาสสอยรุ่น Intense มาเสียก่อน เลยจัดซะหนำเลยทีเดียว ผลออกมาคือ 

Givenchy Gentlemen Only Intense จะเปิดตัวด้วยกลิ่นแอบแน่นก่อนเลยครับ เพราะกลิ่นอายจะมีโทนอบอุ่นรองพื้นอยู่ด้านหลังเต็มๆ แต่ฉากหน้าที่ปล่อยออกมาคือกลิ่นอายติด Spice มีโทนหวานติดเขียวหอมนวลๆ หน่อยของใบเบิร์ธ ซึ่ง 2 โทนจะผสานกันกลายเป็นโทนเขียวหวานอุ่นนุ่มกันตั้งแต่ต้น โดยโทนกลิ่นแน่นๆ จะเริ่มบางลงเป็นโทนนุ่มนวลเต็มๆ ในช่วงกลางที่จะเป็นกลิ่นหนังดันขึ้นมาทำหน้าที่เต็มๆ แบบไม่ม่ีติดสาป เป็นหนังนุ่มๆ เท่ห์ๆ มีกลิ่นอายไม้หอมขรึมๆ กลั้วพิมเสนโปร่งๆ เข้ามาทำให้กลิ่นจะออกติดโทนสบู่สะอาดๆ หน่อยๆ แต่กลิ่นจะไม่ได้โปร่งเบาเกินไป เพราะยังมีโทนอบอุ่นรองด้านหลังไปด้วยตลอด เรียกว่าเป็นกลิ่นนุ่มนวลที่มีระดับแบบเท่ห์ๆ ได้อยู่ ส่งต่อให้ช่วงท้ายโทนอบอุ่นเลยกลายเป็นตัวนำเด่นหลังจากอยู่เบื้องหลังมานาน โดยกลิ่นครีมมี่นุ่มๆ ของถั่วตองก้าจะมากลั้วกับกลิ่นนุ่มๆ ของหนังที่ยังตามมาเลยทำให้ได้กลิ่นอายแบบผิวกายนุ่มนวลแบบอบอุ่น แถมโทนธูปก็รับช่วงต่อจากโทนไม้หอมตอนกลางๆ มาทำให้ดูกลิ่นอายน่าค้นหา มีความขรึมนิ่งดึงดูดติด Smoky อบอุ่นไปตลอด เรียกว่าภาพรวมของน้ำหอมรุ่นนี้ มาแบบอบอุ่นเน้นๆ สุภาพบุรุษแบบนิ่งเท่ห์ ไล่เรียงจากแแอบแน่น มาเป็นนุ่ม และอบอุ่นได้เลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็ใช้ได้แล้ว แต่เพราะว่ากลิ่นอายมันจะออกอบอุ่นแบบกำลังดี เลยจะค่อนข้างเหมาะกับการใส่แบบกึ่งทางการนิดๆ พอสมควร เช่นใส่ทำงาน ใส่ออกงาน หรือใส่แบบวันอากาศดีๆ ให้มีความรู้สึกอบอุ่นท่ามกลางความสดชื่น ซึ่งจะใส่ชิลล์ๆ ก็ได้อยู่ ไม่มีปัญหาอะไรในการใช้น้ำหอมตัวนี้ เพียงแต่คนที่ชอบโทนสดชื่นอาจจะไม่ฟินนัก เพราะเปิดมาก็มีความแอบแน่นหน่อยๆ จะอึ้งๆ กันไปได้ งดใส่ออกกำลังกาย ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้สบายๆ ครับ แต่ ต้องอัดสเปรย์หน่อยนะ ถึงจะไปสู้กับชาวบ้านได้ เพราะอะไรเดี๋ยวไปว่ากันที่เรื่องการกระจายต่อ

ความทน - ถึงเป็นรุ่น Intense ก็ใช่ว่าจะต้องทนจัดเสมอไป เพราะเน้นที่ความชัดเจนและเข้มของกลิ่นที่มากขึ้นแทนเสียนมาก ความทนจึงอยู่ราวๆ 8 ชม. ก็จางแล้ว อยู่ที่การอัดเสปรย์เน้นๆ ส่วนหนึ่ง อัดมากไปก็เดี๋ยวสะเทอืนจมูกเสียก่อน เพราะกลิ่นต้นแอบแน่นอย่างที่กล่าวไว้

การกระจาย - ถือว่าเป็นรุ่นที่ไม่ได้เน้นเรื่องการกระจายของกลิ่นมากครับ ออกแนวหอมมุ้งมิ้งกับตัวเอง หรือให้คนมาอยู่ใกล้ๆ ได้ดลิ่นแล้วจะอยากซบเสียมากกว่า จะมีกระจายดีก็ช่วงต้น แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวนุ่มๆ ก่อนจะเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - เพราะยังไม่เคยลองรุ่นปกติเลยเทียบไม่ได้นักว่าเป็นยังไง แต่ถ้าตอบโจทย์น้ำหอมว่าเป็น Gentlemen ไหม ใช่เลยล่ะ แถมมีความอบอุ่นกำลังดีด้วยแหละ

Credit ภาพ http://mallsandstores-kwt.com/site/wp-content/uploads/2014/04/Givenchy.jpg

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review: Oriental Princess – Her Enchanted


Oriental Princess – Her Enchanted 

มาที่รุ่นที่ 2 ของไลน์ Her แบบ Limited Edition ของ Oriental Princess กันต่อหลังจากว่ากันที่รุ่น Her Romanced งานนี้มาต่อว่ารุ่นอื่นๆ น่าจะเป็นยังไงบ้าง ก็มาลงที่รุ่นนี้ครับ Her Enchanted 

เปิดกันด้วยกลิ่นใสๆ แบบดอกไม้แบบติดซิตรัสฟรุตตี้แบบโปร่งๆ ซึ่งบางแว้บจะชวนนึกถึงกลิ่นเจลอาบน้ำแบบใสๆ ไม่ได้มีโทนครีมข้นผสมผสาน ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะเข้าถคงได้ง่ายมาก เพราะมีความหอมสดชื่นติดสดใส กำลังดี จนเมื่อเข้าช่วงกลางจึงได้เป็นกลิ่นเจลอาบน้ำชัดเขจนมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ายังมีความสดชื่นจากโทนฟรุตตี้ตามมาอยู่ เพราะกลิ่นของดอกโบตั๋นจะมาแบบอ่อนโยนูเบาๆ มีกลิ่นของดอกฟรีเซียผสมผสานอยู่แต่โดนตัดความเป็นพริกไทยที่แฝงในช่วงนี้ออกไปหมดเลยได้
โทนสะอาดๆ เป็นหลัก เรียกว่าช่วงนี้เป็นช่วงอาบน้ำกันอย่างชัดเจน กลิ่นจะได้อารมณ์ฟินแบบตอนที่ละเลงเจลอาบน้ำบนตัวแล้วกลิ่นตีขึ้น (นึกภาพตามดูแล้วมันฟินนะครับ เวลาแบบนั้น) จนเมื่อเข้าช่วงท้ายกลิ่นอายแบบเจลอาบน้ำดอกไม้อ่อนๆ ผสมผลไม้จะเริ่มเบาบางลงโดยให้โทนไม้หอมอ่อนๆ กับ Musk เบาๆ เป็นตัวยืนพื้นทำให้กลิ่นออกทางสะอาดๆ ติดผิวกายเหมือนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แล้วกลิ่นหอมๆ ของเจลอาบน้ำติดผิวกายเบาๆ ยังไงยังงั้นเลย 

เหมาะสำหรับ – ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้วครับ กลิ่นใสๆ ใช้ง่ายมาก และเข้าถึงได้ง่ายมากด้วยเช่นกัน สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย แต่ถ้างานทางการจัดๆ รับแขกบ้านแขกเมืองอาจจะของดจะดีกว่า กลิ่นมันใสเกินไป อาจจะดูไม่น่าเชื่อถือ ส่วนยามค่ำคืน ไม่ควรเหมือนกันครับ กลิ่นเบาไป สู้คนอื่นเขาไม่ได้นะเออ บอกเลย! อ้อ คุณผู้ชาย อย่าได้ลองครับ คุณไม่เหมาะกับน้ำหอมตัวนี้

ความทน – กลิ่นแบบนี้หอมสดใส สดชื่น หวานแบบโปร่งๆ เบาๆ จึงไม่ควรคาดหวังมากนักครับ เพราะอยู่ประมาณ 4 ชม. กลิ่นก็เริ่มจางแล้ว ยกเว้นฉีดเสื้อด้วยจะทนได้มากขึ้นได้อยู่ ซึ่งอาจจะได้ถึง 6 ชม. แบบที่ผมได้ทดลองแล้ว เช่นนั้นทางที่ดีพกไปเติมความหอมระหว่างวันดีที่สุดจ้า

การกระจาย – กลิ่นกระจายตีขึ้นให้รับรู้ดีเลยตอนแรกฉีด ที่เหลือจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว จนถึงเป็น Skin Scent ในที่สุด ผมไม่โดนล้อก็เพราะเหตุนี้แหละ ^^

ทิ้งท้าย – เป็นอีกคาแรคเตอร์นึงได้เลยล่ะครับ กับกลิ่นอายแบบสดชื่นราวกับอาบน้ำด้วยเจลอาบน้ำดอกไม้ใสๆ กลิ่นดึงดูดสมชื่อเขาแหละครับ แต่ดึงดูดให้มีคนมาถอดผ้าขนหนูที่นุ่งออกมาจากห้องน้ำหรือไม่ อันนี้ ตัวใครตัวเผือกนะครับ หนูไม่รู้ 55555555

Credit ภาพhttp://www.orientalprincesssociety.com/stocks/media/004845.jpg

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review: Jo Malone – Blackberry & Bay


Jo Malone – Blackberry & Bay

เพราะความเป็นน้ำหอมแบบโทน Whispering เน้นกลิ่นมาแบบกระซิบๆ ติดกลิ่นอายธรรมชาติมาก แถมยังมีคอนเซปท์ให้ Layer น้ำหอมแต่ละกลิ่นของแบรนด์นี้ร่วมกันได้ ทำให้ Jo Malone กลายเป็นแบรนด์น้ำหอมที่มีคนสนใจมากมายเลย และเสียตังค์มากด้วยเพราะต่างซื้อมาลอง Layer กันให้สนุกสนาน เช่นนั้น เนื่องจากผมไม่ได้เน้น Layer เน้นเดี่ยวๆ เราจึงขอมาเพียวๆ กับรุ่นที่น่าสนใจแทนอย่าง Blackberry & Bay ครับ

แน่นอนถ้าพูดถึง Blackberry กลิ่นต้องเปรี้ยวอมหวานสดชื่นสินะ ซึ่งเปิดตัวแรกฉีดมาก็ใช่เลย เพราะกลิ่นของ Blackberry มาเต็มมาก โดยมีโทนซิตรัสอย่างเกรฟฟรุตมาร่วมด้วยให้กลิ่นอายสดชื่นแบบไม่เป็นผลไม้จัดจ้านคั้นสดเกินไป กลิ่นจะมาเต็มปลุกโสตประสาทความสดชื่นกันเลยทีเดียว เพียงช่วงเวลาไม่นานก็เข้าสู่ Middle Notes ที่คราวนี้ Blackberry จะลดระดับมาออกโทนหวาน เพราะเพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้านอย่าง Bay หรือใบกระวานจะเริ่มมาให้ความเขียวติดโทนหวาน ซึ่งเป็นเรื่องดีมากที่ไม่ได้มาแบบหนักหน่วง ทำให้เกิดความรู้สึกกึ่งกลางอย่างลงตัวระหว่างความเขียว สดชื่น และหวานกำลังดี มีกลิ่นดอกไม้จางๆ เบาๆ มาคลอเคลียหน่อยๆ เรียกว่าเป็นกลิ่นที่กลิ่นผ่อนคลายสบายอารมณ์ไม่น้อยเลย และปิดท้ายที่ Base Notes กลิ่นในช่วงกลางจะเริ่มจางลงไปจนเหลือเบาบางส่งให้กลิ่นโทนไม้หอมอ่อนๆ กับโทน Smoky แห้งๆ ขึ้นมาติดผิวกาย ให้ความรู้สึกสะอาด และมีระดับกำลังดีเลย เรียกว่า ภาพรวมของน้ำหอมตัวนี้ เหมือนเรามาปิกนิกในสวนที่มี Blackberry ขึ้นให้เด็ดกิน พกเกรฟฟรุตฉ่ำๆ มากินพ่วงด้วย มีกลิ่นอายเขียวๆ และกลิ่นไม้แห้งๆ ให้รู้สึกได้ไปตลอด นี่แหละครับรุ่น Blackberry & Bay

เหมาะสำหรับ – ตราเอาไว้เลยว่าเป็นน้ำหอมผู้หญิง ซึ่งใช่ครับ มีความเป็นผู้หญิงถึง 70% เลยล่ะครับ ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน จริงๆ งานทางการก็ได้เพราะกลิ่นไม่รบกวนใครนัก แต่ถ้างานทางการจัดๆ ถ้าต้องเข้าใกล้ผู้ใหญ่มากหน่อย อาจจะไม่เหมาะเพราะกลิ่นมันชิลล์ไป ส่วนยามสบายๆ ผ่อนคลายจัดได้เลยเหมาะมาก ยามค่ำคืนตัดตัวนี้ทิ้งได้เลยครับ เบาเกิ๊นนนนนนนน ส่วนคุณผู้ชาย อีก 30% ที่ว่า ถือว่าใส่ได้อยู่นะครับ อาจจะดูผลไม้ไปนิดหน่อยในช่วงต้นค่อนมากลาง แต่ที่เหลือ Unisex ได้อยู่ครับ

ความทน – กลิ่นหอมครับ หอมมากเลย แต่คาดหวังที่ความทนไม่ได้นักกับ Jo Malone ซึ่งประมาณ 4 ชม. กลิ่นก็จางแล้วครับ ถ้าอัดสเปรย์หน่อยอาจจะพอไปได้ที่ 5 – 6 ชม. ยังไงพกไปเติมความสดชื่นน่าจะดีกว่า

การกระจาย – เพราะน้ำหอมแบรนด์นี้เน้นแนว Whispering กลิ่นจึงไม่ได้กระจายมาก เปิดที่กระจายดีในคนฉีดรับรู้ ที่เหลือจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปตลอด จนเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – กลิ่นชิลล์มากจริงๆ ครับ คนที่ชอบโทนเบอร์รี่อย่างผม ถึงกับฟินยามได้กลิ่น Blackberry กันเลยทีเดียว แต่นะ ราคาหนออออออ แพงไปไหนจ้ะ -______-“

Credit ภาพhttp://f.ptcdn.info/649/025/000/1416200613-8319152fpx-o.jpg

Review: Avon – Instinct for Her


Avon – Instinct for Her

เมื่อผมเห็น Megan Fox เป็น Presenter ของน้ำหอมรุ่นนี้กับขวดลายเสือโคร่งมาเชียว ไอ้เราก็คิดไปว่าก็คงเป็นน้ำหอมยั่วๆ ไม่ต่างจากพรีเซนเตอร์แหงๆ แต่นี่เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งในการตัดสินเพียงฉาบหน้าเท่านั้น เพราะเมื่อได้มาลองจริงของรุ่น Instinct for Her ของ Avon กลายเป็นว่า เฮ้ย! OK เลยนะ เพราะ

Top Notes เปิดออกมาแบบเขียวป่าๆ สดชื่นกำลังดีมาก กลิ่นออกทางใบไม้เขียวติดฉ่ำหน่อยๆ มีโทนซิตรัสประปรายให้รู้สึกได้จางๆ โดยกลิ่นในช่วงนี้จะรองพื้นด้านหลังด้วยกลิ่นอายดอกไม้ติดโทนแป้งนุ่มๆ มีกลิ่นแบบวานิลลาหน่อยๆ ซ่อนอยู่ จนเมื่อเข้าช่วง Middle Notes กลิ่นดอกไม้นุ่มนวลจึงได้เด่นขึ้นมาก เพราะกลิ่นอายของโทนดอกไม้นุ่มๆ สีโทนนวลตาจะหอมละมุนมาก ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะยังได้ความรู้สึกเขียวๆ กลั้วความนุ่มอยู่ และยังมีความรู้สึกว่ากลิ่นวานิลลาแอบหลบๆ ซ่อนๆ เป็นพื้นหลังอยู่ไม่ห่างอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นมีความเยาว์วัยหน่อยๆ เสียด้วยและเข้าถึงง่ายมากเลยทีเดียว และเมื่อปิดท้ายด้วย Base Notes กลิ่นโทนวู้ดดี้อ่อนๆ ของไม้จันทน์หอมจึงได้เข้ามาแจมเต็มตัว มี Musk รองพื้นแบบเบาๆ ซึ่งทั้ง 2 อย่างเมื่อผสมกับโทนดอกไม้จึงกลายเป็นกลิ่นอายแบบสบู่หอมนุ่มนวลติดผิวกายกำลังดีไปตลอด ซึ่งภาพรวมถือว่าเป็นน้ำหอมที่ใช้ง่ายไม่ได้ออกทางยั่วยวนอย่างที่คิด และมีความเป็นหญิงกำลังดีแบบติดกลิ่นอายนุ่มๆ เสียด้วยซ้ำไป

เหมาะสำหรับ – ผู้หญิงทุกเพศวัย ม.ต้น ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้วครับ เพราะกลิ่นแตะความเป็นวัยรุ่นจนถึงวัยที่อยากจะเป็นวัยรุ่นได้สบายๆ โยสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งงานทางการและไม่ทางการ ยกเว้นออกกำลังกานรอช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนอย่าได้แตะเลย กลิ่นเบาไปครับ ส่วนคุณผู้ชายถ้าไม่มายด์ผมว่าใส่ตัวนี้ได้สบายๆ เลยนะครับ เพราะกลิ่นค่อนข้าง Safe เลยล่ะ ในแค่ของการใช้งาน เพียงแต่อาจจะดูอ่อนโยนไปนิดก็เท่านั้นเอง

ความทน – อันนี้อาจจะน้อยไปนิด เพราะอยู่ที่ 4 ชั่วโมงก็เริ่มจางไปแล้วครับ อัดสเปรย์หน่อยอาจจะได้ที่ 6 ชั่วโมงได้ เช่นนั้นควรพกไปเติมระหว่างวันน่าจะดีกว่า

การกระจาย – กลิ่นกระจายกลางๆ ในช่วงต้น ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงกลาง ปิดท้ายที่ Skin Scent ชัดเจน

ทิ้งท้าย – กลิ่นหอมเลยล่ะครับ เป็นส่วนผสมเขียวๆ สดชื่นกับความนุ่มนวลแบบแป้งหอมดอกไม้ได้ลงตัวเลย ผมใช้ครั้งแรกยังแบบว่า กลิ่นดีจัง ที่สำคัญไม่มีคนแซวอะไรด้วย เพราะกลิ่นไม่ได้กระจาย เราจึงได้กลิ่นแบบมุ้งมิ้งคนเดียวนี่แหละครับ ^^

Credit ภาพhttp://vikajulia.com/wp-content/uploads/seksowna-megan-fox-twarza-zapachu_309511.jpg

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review: Porsche Design – The Essence


Porsche Design – The Essence

เป็นแบรนด์รถอีกหนึ่งแบรนด์ที่เข้ามาจับตลาดแฟชั่นสนับสนุนผลิตภัณฑ์หลักอย่างรถยนต์เสียด้วย เมื่อผมได้เจอกับรุ่น The Essence ของ Porsche Design เอาล่ะสิ อยากลองอ่ะ ได้โอกาสเป็นเจ้าของเลยมาบอกเล่าว่ามันเป็นยังไงบ้าง ผลคือ

กลิ่นใช้ง่ายมากครับ เป็นน้ำหอมที่กลิ่นเข้าถึงง่ายและหอมอย่างมีระดับไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเริ่มต้นที่ Top Notes กับกลิ่นอายแน่นๆ มีความเป็นผลไม้แห้งๆ เพราะจูนิเปอร์เบอร์รี่ จะมาแบบคล้ายๆ กลิ่นวอดก้าและแห้งๆ แบบแป้งเย็น แถมด้วยมีกลิ่นของบลูเบอร์รี่แบบที่สดเปรี้ยวๆ เสริมเข้ามาอีก กลิ่นเลยจะสดชื่นกันเต็มที่เลยตั้งแต่ตอนนี้ ส่งต่อให้ช่วง Middle Notes กลิ่นซิตรัสสดชื่นในตอนต้นจะมาผสมผสานกับกลิ่นโทนเครื่องเทศแบบสดชื่น โดยมีกลิ่นโทนไม้หอมของสนไพน์ที่จะออกทางกึ่งยางไม้หน่อยๆ เป็นตัวน้ำเด่น กลิ่นจะหอมกลั้วกันไปมาระหว่างโทนสดชื่นติด Spice กับไม้หอม ในแบบที่เข้าถึงได้ง่ายมากและมีระดับไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งโทนไม้หอมจะเริ่มแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนเข้าช่วง Base Notes ที่จะกลายเป็นกลิ่นอายแบบธูปหอมจากผงไม้ที่มาแบบไม่หนักหน่วง กลั้วกับพิมเสนที่ให้กลิ่นอายนุ่มๆ เข้าไปอีก จนกลายเป็นโทนธูปหอมที่ละมุนและสะอาดมากเลยทีเดียว ซึ่งเรียกว่าในทั้ง 3 ช่วงของน้ำหอมตัวนี้มีดีไม่น้อย และไม่ได้ออกทางน้ำหอมแบบที่ต้องแมนจัดและต้องขับรถ Porsche เท่านั้นถึงจะใส่ได้แต่ประการใดเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัย ม.ต้น ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นเข้าถึงง่ายมาก แบบว่าคนได้กลิ่นยังไงก็ไม่ยี้ง่ายๆ สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะงานทางการและทั่วๆ ไป ส่วนยามค่ำคืนอาจจะไม่เข้าทางเท่าไหร่ เพราะกลิ่นมันเน้นสดชื่นสะอาดมีระดับกำลังดีเสียมากกว่านั่นเอง

ความทน – 6 ชั่วโมง ซึ่งสามารถถึง 8 ชม. ได้ซึ่งอยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีเลยในช่วงแรก สดชื่นกันเต็มๆ และลดลงมากระจายกลางๆ แบบหอมเครื่องเทศผสมไม้หอมนุ่มๆ จนเปลี่ยนเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย เฟดลงไปเรื่อยๆ จนหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – กลิ่นอาจจะไม่ได้หวือหวามากในแง่ของการใช้งาน แต่ปฏิสธไม่ได้ครับว่ากลิ่นของน้ำหอมตัวนี้เป็นตัวที่เข้าถึงได้ง่ายมาก และมีระดับไม่น้อย แถมเป็นตัวที่คนได้กลิ่นมักชอบไม่ยากเลยล่ะครับ

Credit ภาพhttp://www.blogdoluxo.com/wp-content/uploads/2010/08/439.jpg

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review: Lalique White


Lalique White

ถือว่าเป็นอีก 1 รุ่น ที่มาเงียบๆ แต่หอมหรูสมความเป็น Lalique ไม่น้อยเลยนะครับ ที่สำคัญเป็นโทนสว่างที่มาตัดกับรุ่น Encre Noire ได้อย่างเป๊ะเช๊ะมากๆ เช่นนั้นเลยขอเข้าสู่โทนสว่างด้านกลิ่นกับรุ่นนี้ซะหน่อยนั่นคือ Lalique White ครับ 

Top Notes นี่มาเต็มกันเลยกับโทนซิตรัสติดเขียว เพราะกลิ่นของใบมะนาวจะมากลั้วกับมะกรูดให้ความสดชื่นกันน่าดูชม แต่สิ่งที่ปลื้มก็คือ กลิ่นมะขามเปียกครับพี่น้องงงงครับบบบ มีกลิ่นเผื่อนๆ แบบเปลือกมะขามหวานมาด้วยเลยจ้า ได้กลิ่นกันเต็มๆ ผสมผสานกันแล้วเลยได้กลิ่นโทนซิตรัสติดเขียวที่ลงตัวมาก ไม่เปรี้ยวจัดเกินไปเสียด้วย ซึ่งจะแอบมีกลิ่นติดโทน Spice ติดวู้ดดี้หน่อยๆ แซมจากเปลือกมะขามนั่นเอง จนเมื่อเข้า Middle Notes งานนี้ได้เวลาของความสดชื่นแบบพริกไทยแล้ว กลิ่นนี้จะเด่นเชียว และมีความเป็นโทนแป้งติดหวานกำลังดี กลั้วไปกับโทนเมทัลลิคหน่อยๆ ที่มาจากลูกจันทน์เทศ กลิ่นในช่วงนี้เลยคาบเกี่ยวความสดชื่นแบบเครื่องเทศผสานความหวานหน่อยๆ จนปิดท้ายที่ Base Notes ซึ่งเรียกว่าความดีงามมันอยู่กันตรงนี้ เพราะโทนกลิ่นสดชื่นตั้งแต่ต้นจะมาผสานกับโทนกลิ่นยอดนิยมมหาระรวย อย่าง Musk ที่จะให้ความนุ่มสะอาดเย้าๆ ไม้ซีดาร์และแอมเบอร์ ที่จะมีกลิ่นโทนอบอุ่นนุ่มๆขรึมๆ เรียกว่าผสานจนเป็นกลิ่นสะอาดออกโทนสีขาวชัดเจนและหอมแบบสบู่ๆ นุ่มๆ อุ่นๆ หรูๆ กลั้วไปกับกลิ่นไม้ที่ทำดินสอ กลิ่นหอมแบบมีระดับมากมาย เรียกว่าภาพรวมได้ความรู้สึกแบบสีขาวสว่างตา สดชื่น และนุ่มนวลแบบสุภาพบุรุษใส่เสื้อเชิ้ตขาวแต่งกายหรูเนี้ยบนั่งสบายๆ ในห้องสีขาวยังไงยังงั้นเลย

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ก็ใส่ได้แล้ว กลิ่นเข้าถึงง่าย และให้ความรู้สึกสว่างสดชื่นสะอาดไปตลอดเสียด้วย สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรืออื่นๆ จัดได้หมด ส่วนออกกำลังกายก็พอได้ ส่วนยามค่ำคืนถ้าทั่วๆ ไปก็จัดได้อยู่ แต่ถ้าไปเที่ยวกลางคืนไม่ค่อยเข้าทางนัก ที่สำคัญผมว่ากลิ่นนี้ Unisex ในระดับหนี่งที่ผู้หญิงสามารถใช้งานได้ด้วยเช่นกันครับ

ความทน – ประมาณ 8 ชม. อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย – กลิ่นกระจายกำลังดีในช่วงต้น และคงตัวกำลังดียาวนานไปจนถึงต้นช่วงท้ายก่อนจะผันเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ จนจบด้วย Skin Scent ก่อนจะหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – เรียกว่าใครชอบน้ำหอมโทนสว่างสีขาว กลิ่นหรูหราและมีระดับเลยทีเดียว ซึ่งอาจจะไม่ได้หวือหวานักแต่เอาอยู่เรื่องความหอมแน่ๆ ครับ

Credit ภาพhttp://www.jarrold.co.uk/UserData/root/Images/Batch/LQQ13201.jpg