Jo Malone - Black Cedarwood & Juniper
จากการเป็นหนึ่งใน Collection - London Rain เมื่อปี 2014 ที่ได้รับเลือกมากลายเป็นหนึ่งในกลิ่นหลักของแบรนด์ Jo Malone นี่แหละทำให้รู้สึกว่ามีความน่าสนใจมากว่าทำไมกลิ่นนี้ถึงได้ไปต่อและได้รับความนิยม และเมื่อได้พิสูจน์กับตัว ถึงได้รู้ว่า
กลิ่นนี้แม้จะเป็นสาย Eau de Cologne แต่เป็นการปรุงกลิ่นที่มีความเป็นสไตล์ Jo Malone แต่บิดโทนให้มีความต่างหน่อยๆ ในช่วงต้นที่สไตล์ของแบรนด์เองมักจะทำให้เกิดความประทับใจตั้งแต่แรกเริ่ม มาเป็นให้ติดตามความดีงามที่จะดำเนินไปตามสเต็ปของกลิ่น และกลิ่นนี้ก็ให้อารมณ์กลิ่นอายหลังฝนตกหรือนั่งในที่แห้งๆ รอฝนหยุดดูสายฝนไปเรื่อยๆ ยามค่ำคืนก็ย่อมได้ โดยกลิ่นจะไล่เรียงกลิ่นความรู้สึกแบบชื้นๆ ปนกลิ่นออกทางอับฝนปนเขียวบางๆ เปลี่ยนถ่ายเข้าสู่อารมณ์แบบที่เราอยู่ในสถานที่แห้งๆ ที่มีกลิ่นไม้แห้งหอมหวานปลายๆ ได้เป็นอย่างดี
ช่วงเปิดถึงกลิ่นแนวๆ สดชื่นปนเขียวออกทางชื้นๆ หน่อยๆ ของกลิ่นของจูนิเปอร์เคล้ากับกลิ่นไม้หอมที่วาบขึ้นมาก่อน ตามด้วยกลิ่นอายของเครื่องเทศอย่างยี่หร่าที่สร้างความเซอร์ไพร์สมาก เพราะว่ากลิ่น “ไม่ได้” ออกทางเครื่องเทศติดสาปจ๋าๆ Animalic แบบคล้ายเหงื่อของแขกตะวันออกกลางเลย เพราะจะได้โทนกลิ่นที่มีความหวานปลายติดอับอ่อนๆ แต่สะอาด เคล้ากับกลิ่นโทนเขียวเจือเครื่องเทศปร่าๆ หน่อย ได้ความรู้สึกเย็นๆ กำลังดีในกลิ่นเสียด้วย ซึ่งแน่นอนกลิ่นในช่วงต้นเองอาจจะทำให้รู้สึกแปร่งๆ ไปบ้าง แต่ความดีงามจะเกิดขึ้นหลังจากนี้เพราะเมื่อเข้าช่วงกลางความเป็น Juniper ที่ให้กลิ่นอายเขียวซ่าๆ ได้อารมณ์ติดกลิ่นเหล้า Gin ปนกลิ่นไม้หอมแห้งๆ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นปร่านุ่มๆ สไตล์เมล็ดจันทน์เทศให้สัมผัสได้ ซึ่งทำให้กลิ่นมีความกลมกล่อมและมีความนุ่มจมูกเคล้ากับกลิ่นหวานปลายโปร่งๆ เครื่องเทศอ่อนๆ ได้เป็นอย่างดี อารมณ์แบบได้จิบค็อกเทลที่มีส่วนผสมของ Gin กลิ่นวูบขึ้นจมูกติดปลายหวานรื่นรมย์มาก ในช่วงนี้กลิ่นจะมีความชัดเจนมากถึงความแห้งของกลิ่น และบอกถึงความชัดเจนของ Notes กลิ่นหลักของรุ่นได้เลยกับความเป็นจูนิเปอร์ที่มีกลิ่นไม้ซีดาร์สนับสนุนอยู่ ก่อนที่จะเริ่มดันตัวเองขึ้นเป็นตัวเด่นในช่วงท้ายต่อเนื่อง โดยกลิ่นอายจะแห้งมากขึ้น มีความเป็นไม้หอมปลอดโปร่งเจือความน่าค้นหาปนอบอุ่นจางๆ เจือกลิ่นจูนิเปอร์บางๆ และจะมีกลิ่นอายลักษณะติดเขียวดิน Earthy ที่มาแบบเบาๆ คล้าย Oakmoss รวมถึงมีกลิ่นนุ่มๆ คล้ายหนังกลับผสมผสานอยู่ด้วย ทำให้กลิ่นในช่วงนี้จะมีความดาร์กแต่นวลรื่นจมูกแบบขรึมๆ กลิ่นมีระดับและมิติแบบสะอาดๆ นวลแห้ง รื่นรมย์ น่าอยู่ใกล้ๆ และน่าค้นหาในเวลาเดียวกันได้อย่างลงตัว
เหมาะสำหรับ - กลิ่นมีความกลางๆ พอสมควรที่จะใช้ได้ทุกเพศ ยิ่งถ้าพื้นฐานผู้ใช้ชอบกลิ่นอายแนวๆ ไม้หอมจะฟินได้ไม่ยาก ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใช้ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือว่าทั่วๆ ไป กลิ่นสร้างออร่าน่าค้นหาและหอมรื่นรมย์มีระดับเลยทีเดียว จะมีแค่ออกกำลังกายที่อาจจะไม่ค่อย Match นัก แต่ก็ยังพอใส่ได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืน ตัดทิ้งเรื่องการใส่ไปท่องราตรีได้เลย เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายนี้อยู่แล้ว แต่จะเหมาะมากกับการใส่เพื่อโรแมนติคและผ่อนคลายสบายๆ เสียมากกว่า
ความทน - ซึ่งจากการใช้ส่วนตัวมาในแต่ละรอบต่ำสุดความทนที่เจอคือ 4 ชม. กับวันอากาศร้อนๆ เหงื่อซึมๆ แต่สูงสุดที่เจอคือ 8 ชม. กับวันอากาศเย็นๆ ฝนตก เช่นนั้นก็ลงตัวกับที่ราวๆ 6 ชม. แบบเฉลี่ย ซึ่งอิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพอากาศชัดเจน
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไปจนถึงช่วงท้าย ซึ่งจะกลายเป็น Skin Scent ไวหรือไม่ก็ว่ากันที่สภาพอากาศตามความทนที่เอ่ยไว้ข้างต้นด้วยเช่นกัน
ทิ้งท้าย - รู้สึกพลาดมากที่ตอนช่วง London Rain ออกมาวางจำหน่าย มีอาการไม่อินกับกลิ่นนี้เพียงเพราะแค่ตัดสินกันที่ช่วงต้นของน้ำหอม ไปอินกับตัว Rain & Angelica มากกว่า แต่ก็โล่งใจที่ตัวนี้ได้รับเลือกมาอยู่ในไลน์หลักจนสามารถหามาใช้และรื่นรมย์กับกลิ่นนี้ได้โดยความหวาดหวั่นว่าจะเลิกผลิตยังอยู่ในโซนที่ % น้อยอยู่
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - Jo Malone’s Twitter --> https://pbs.twimg.com/media/Cl9xXZ-WkAIHeeg.jpg