Sucreabeille - Cup of Ambition
“Well, I tumble outta bed and stumble to the kitchen, Pour myself a cup of ambition”
ถ้าคนที่ฟังเพลงสากลมาตั้งแต่ยุค 80 ต้องบอกว่าเนื้อร้องท่อนนี้จะคุ้นมาก เพราะว่านี่คือหนึ่งในเพลงที่ดังมากที่สุดหนึ่งเพลงของศิลปินหญิง Country อย่าง Dolly Parton กับการเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่และยังออกอัลบั้มเพลงอยู่เลย (ล่าสุดเป็นอัลบั้ม Christmas เมื่อปี 2020) ซึ่งนั่นก็คือเพลง 9 to 5 ที่เป็นทั้งเพลงเอกในอัลบั้มที่ 23 ของตัวคุณป้า Dolly เอง และเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Comedy ตลอดกาลที่ชื่อเดียวกับเพลงเช่นกัน
และแน่นอนว่าเพลงนี้แหละคือแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นอายความหอมออกมาของแบรนด์อินดี้สายเก๋อย่าง Sucreabeille ที่ Tribute ให้กับทั้งตัว Dolly Parton และเพลง 9 to 5 รวมถึงสร้างสรรค์กลิ่นอายโทนกาแฟ ที่จะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้รับเอาคาเฟอีนเข้าร่าง แล้วทำให้เกิดความสดชื่นพร้อมสร้างสรรค์อะไรก็ตามให้เกิดขึ้นได้ เช่นนั้น มาสัมผัสกาแฟขวดนี้กันหน่อยว่าจะทำออกมาในรูปแบบไหน
Cup of Ambition เปิดมาก็บอกได้เลยว่า “นี่มันมอคค่าร้อนหวานปกติโรยด้วยมาร์ชเมลโลว์นี่นา” ซึ่งเนื้อกลิ่นจะให้อารมณ์ผสมผสานแบบจับต้องได้ในหลายๆ โทนที่ผสมผสานกลายเป็นเครื่องดื่มร้อนแก้วที่ว่าออกมาค่อนข้างชัดในการจับกลิ่น เริ่มจากกาแฟที่จะได้อารมณ์แบบ Expresso Shot หรือจะว่าไปก็คล้ายๆ กับกลิ่นแบบที่เราใช้เครื่อง Nespresso ทำ Lungo Coffee ขึ้นมาหนึ่งแก้ว และอาจจะไพล่ไปที่กาแฟดริปที่กลิ่นเข้มหอมกำลังดีก็พอได้ ซึ่งกลิ่นจะเด่นขึ้นมาปะทะจมูกก่อนเพื่อนเลยอันนี้แหละได้อารมณ์แบบใช่เลยกรุ่นกริ่นกาแฟชวนรื่นรมย์ในยามเช้าทำให้เกิดความตื่นตัวจริงๆ แล้วจะตามมาติดๆ ด้วยกลิ่นชอคโกแลตที่เสริมเข้ามาพร้อมความครีมมี่แกมวานิลลาหวานติดแหลมนิดนึง แต่ก็ไม่ได้บดบังทัศนียภาพทางกลิ่นในการเป็นกาแฟไป ออกจะเสริมกันเป็นอย่างดีจนทำให้ช่วงต้นมีทั้งความเป็นกาแฟดำร้อน ตามด้วยความเป็นชอคโกแลตมอคค่าที่มีความหวานแกมกลิ่นมาร์ชเมลโลว์ละลายผสมอยู่ในกาแฟ ถือว่าเป็นการสร้างสรรค์กลิ่นกาแฟติดหวานครีมมี่ที่มีความเป็นธรรมชาติมากๆ
ในการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ช่วงกลางความครีมมี่จะเริ่มเบาลงลงมาเป็นสาย Lighter มากขึ้น โดยที่ความเป็นกาแฟจะยังสตรอง และเป็นศูนย์กลางของกลิ่นที่จะอยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายแน่นอนแบบไม่ต้องเดาอะไรมาก ซึ่งช่วงนี้จะได้อารมณ์ความหวานที่ลดลงมาหน่อยจากช่วงต้น อารมณ์แบบลดความเข้มข้นในความหวานประมาณนั้น แต่จะมีโทนวานิลลาแบบอ่อนๆ กึ่งครีมมี่มาร์ชเมลโลว์ที่หอมละมุนกำลังดีคลอเคลียไปกับกาแฟที่ยังจับต้องได้ถึงความเข้มในเนื้อกลิ่นได้อยู่ ซึ่งอารมณ์กลิ่นที่ได้จะมีลักษณะแบบช่วงกำลังดื่มและมีกลิ่นอวลอยู่ในปากที่ทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลิน โดยช่วงนี้แหละจะจับจุดได้เลยว่าเป็นโทนกาแฟครีมมี่มีลูกผสมที่ค่อนไปทางลาเต้ที่มีลูกเอื้อนเป็นมอคค่าครีมมี่หน่อยๆ และบางวูบให้อารมณ์แบบกาแฟดำใส่ครีมนิดๆ อารมณ์ค่อนไปทางลูกอมโกปิโก้เล็กๆ ก็มีอยู่ด้วย เลยถือว่าช่วงกลางยังคุมโทนการเป็นกาแฟหอมโดยเจาะเข้าไปในช่วงเวลาที่เราดื่มและละเลียดไปกับมันได้ดีเลยทีเดียว
การเปลี่ยนแปลงจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายเพราะจะเริ่มจับต้องได้ก่อนเพื่อนเลยคือ เนื้อกลิ่นจะมีโทนออกทางแห้งแกม Smoky มากขึ้น เพราะมีโทนไม้หอมเข้ามาเสริมซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหญ้าแฝกกับสารหอมอย่าง ISO E Super และความครีมมี่เริ่มเป็นโทนเบาๆ ประปรายในกลิ่น ซึ่งกาแฟเมื่อจับกับโทนไม้หอมแห้งๆ แล้วจะได้อารมณ์แบบกลิ่นกาแฟติดแก้วหน่อยๆ ที่ยังมีความอะโรม่าให้รับรู้ได้แบบเวลาเราดื่มกาแฟหมดแล้วมีคราบติดอยู่ และไม้หอมนี่แหละที่ไปเชื่อมกับโทนวานิลลากึ่งมาร์ชเมลโลว์ที่ก็เบาๆ เกลาให้กลายเป็น Woody Gourmand แบบอ่อนๆ ที่เป็นกลิ่นวานิลลาแกมไม้หอมตีคู่ผสมผสานไปกับโทนกาแฟแห้งๆ สร้างความรู้สึกผ่อนคลายหอมแบบรื่นรมย์แบบกลิ่นกาแฟที่ติดอวลในแก้ว หรือคราบกาแฟที่ติดคาแก้วให้โทนติดไม้หอม Woody Smoky หรือจะเป็นสไตล์ Aftertaste แบบกาแฟดีๆ ที่ให้กลิ่นคลุ้งอ่อนๆ อยู่ในลำคอเราก็ได้ด้วย ปิดท้ายการเป็นโทนคาเฟอีนที่ทำให้เราพร้อมลุยงานระหว่างวันได้ลงตัวมากจริงๆ
เหมาะสำหรับ - Unisex ได้หมดทุกเพศที่หลงใหลในกลิ่นกาแฟ เพราะกลิ่นนี้คือการถอดความเป็นกาแฟออกมาได้ชัดเจนและเป็นตัวหลักจริงๆ ที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ ซึ่งเข้ากับกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป หรือใส่ทำงาน Office แต่ถ้าเป็นยามทางการก็อาจจะต้องดูนิดนึงว่าเหมาะสมหรือไม่ ลามไปถึงยามค่ำคืนที่เน้นใส่แบบออกงาน โรแมนติค หรือว่าชิลล์ๆ ปาร์ตี้ทั่วไปจะเข้าทางที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าจะใส่ท่องราตรีไม่ได้ เพียงแต่กลิ่นไม่ได้มาแบบปล่อยพลังจัดๆ นัก อาจจะโดนกลบเอาได้ถ้าจำนวนสเปรย์เบามือเกินไป ส่วนสถานการณ์ที่ควรตัดการใส่ออกไปได้เลยก็คือการใส่เพื่อออกกำลังกาย เพราะกลิ่นจะรบกวนจิตใจเวลาออกกำลังกายให้อยากชิลล์กาแฟไม่จบไม่สิ้นเอาได้
ความทน - พื้นฐานยังไงก็แตะ 8 ชม. ได้สบายมาก และไปต่อได้อีกตามสภาพผิวกายที่เอื้ออำนวย ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. เป็นเรื่องปกติในการใช้งาน
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แล้วจะลดลงมาไวหน่อยมาที่ปานกลางซักราวๆ 3 ชม. ก่อนจะกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent ที่ตีขึ้นเป็นกลิ่นกาแฟอ่อนๆ เมื่อผ่านไปซัก 7 - 8 ชม. แล้ว
สรุป - ชอบการเอาเพลงมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นมากจริงๆ เพราะ 9 to 5 มันคือชั่วโมงทำงานที่ตามยุคตามสมัยนั้นต้องเจอ และทุกชีวิตต้องเปิดวันกันที่กาแฟหรือ Cup of Ambition กันทั้งนั้น และที่สำคัญอีกหนึ่งกลิ่นกาแฟที่ชัดเจนมากให้ความอะโรม่าของกาแฟแก้วโปรดๆ ในสไตล์ทั้งกาแฟดำและกาแฟมอคค่า + มาร์ชเมลโลว์ได้อย่างงามเลยทีเดียว
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
สามารถเป็นได้ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่เขียน
เพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นได้ทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.fragrantica.com/perfume/Sucreabeille/Cup-of-Ambition-61671.html